the letter

ถ้วยรางวัลภายในใจ

สวัสดีครับพี่หนึ่ง

ผมลองเขียนจดหมายจากสถานที่ที่ต่างออกไปจากที่เคยเขียน

ทุกครั้งที่เขียนจดหมายหาพี่ ผมมักจะทำจากบ้าน ไม่บ้านเช่าที่พะงันก็บ้านตัวเองที่กรุงเทพฯ

แต่กลับมากรุงเทพฯ ในรอบนี้มีคิวต้องเอารถมาเข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะตามกำหนด

แทนที่จะแว๊บเข้าโรงงานแล้วค่อยมารับรถ ผมเลือกที่จะนั่งรอแล้วฉวยโอกาสใช้เวลาระหว่างนั้นเขียนจดหมายหาพี่ซะเลย เดี๋ยวนี้ศูนย์ซ่อมรถยนต์ทำดีครับ มีโต๊ะให้นั่งทำงานรอ มีกาแฟและคุ้กกี้ไว้บริการ อย่างเดียวที่ศูนย์ควบคุมไม่ได้ก็คือคนเข้ามาใช้บริการ ระหว่างที่ผมนั่งเขียนอีเมลฉบับนี้นี่ผมรำคาญอีเจ้ที่นั่งตรงข้ามฉิบหาย คือเข้าใจแหละว่าแม่งต้องทำงาน แต่งานแม่งคงต้องคุยโทรศัพท์ด้วยมั้ง เสียงคุยสั่งงานกับลูกน้องคนไทยและลูกค้าต่างชาติแม่งเลยแว่วเข้าหูมาเรื่อยๆ กับบางคนเรื่องนี้อาจต้องทนให้ได้ แต่กับผม ผมถือสา ถ้าจะคุยและทำงานอย่างนี้ควรคุยที่บ้านหรือไม่ก็ออฟฟิศ แต่ไม่ใช่ที่สาธารณะ ถ้าเจ๊อยากโทรฯ ก็ควรเดินออกไปจากโต๊ะเพื่อให้เสียงรบกวนคนอื่นน้อยทึ่สุด 

สัปดาห์ที่ผมและครอบครัวเข้ามากรุงเทพฯ รอบนี้นั้น นอกจากจะอิ่มกับบรรดาอาหารต่างๆ ที่หากินไม่ได้ที่พะงันแล้ว ผมยังอิ่มกับการได้พบปะมิตรสหายและครอบครัว ก่อนกลับพะงันในรอบนี้การดื่มกินกับพี่หนึ่งจะเป็นคิวสุดท้าย Last but not Least!

ครั้งนี้ผมนัดพบปะคนทีละจำนวนน้อยๆ ครั้งนึงไม่เกิน 3-4 คน พอเป็นอย่างนี้เวลาพูดคุยมันก็ทั่วถึง เมื่ออยู่ในวงเล็กๆ แม้คนที่พูดน้อยก็มักจะต้องพูดอะไรบ้าง แล้วคุยกันแค่วงเดียว ผมเองก็มีเวลาสนใจและอินไปกับสิ่งที่เพื่อนร่วมวงคุยกันมากขึ้น คนน้อย พอจะคุยอะไรก็เข้าประเด็นได้เลยไม่ต้องเกรงใจเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ ที่อาจไม่สนิทหรือไม่สะดวกใจที่จะให้รับรู้ 

ท่ามกลางความอิ่มทั้งจากการได้กินและการได้พบ แต่ช่วงเวลานี้ผมกับภรรยาพบกับความผิดหวังบางอย่างในชีวิต หลินรอผลสัมภาษณ์การไปเป็นเฟลโลว์ที่โรงพยาบาลในเมลเบิร์นแล้วพบว่าถูกปฏิเสธ แผนการที่จะออกจากเมืองไทยในปีหน้าเป็นสิ่งที่ยังเป็นไปไม่ได้ในขณะนี้ ลิเวอร์พูลแพ้รีลมาดริดในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลแชมป์เปี้ยนลีกส์ แม้ว่าจะมีโอกาสยิงประตูมากกว่าผู้ชนะถึง 24 ต่อ 4 ครั้ง 

ระหว่างรอทั้งสองผล (การตอบรับให้ไปฝึกและทำงานที่เมลเบิร์นของภรรยา และผลการแข่งขันฟุตบอล) เราคิดเข้าข้างตัวเองตลอดว่าผลจะเข้าทางเรา อย่างกรณีของภรรยา เธอได้สัมภาษณ์กับหัวหน้าแผนกแล้ว ตอนสัมภาษณ์ก็ดูดี ข้อกังวลเรื่องคดีเมาแล้วขับและการไม่ได้ทำงานมาระยะหนึ่งไม่ปรากฏว่าจะเป็นข้อที่ทางนั้นคำนึง นอกจากนี้โปรเฟสเซอร์ที่สัมภาษณ์ยังอุตส่าห์เล่าและพูดถึงชีวิตในเมืองนั้นให้ฟังอีกด้วย เรียกว่าพอสัมภาษณ์เสร็จนี่เราสองคนแทบจะนึกว่าได้ไปแน่ๆ แล้ว เราเริ่มดูบ้านเช่าในเมลเบิร์นระหว่างรอผลอยู่ร่วมสิบกว่าวัน แล้วก็พบว่าฝันสลาย ผมเป็นคนเปิดอ่านอีเมลให้เธอ เพียงพบคำว่า We regret to inform you… ก็พอจะรู้แล้วว่าคำตอบสุดท้ายคืออะไร 

กลับมาเรื่องฟุตบอล ทั้งก่อนเกมและระหว่างเกม ผมและเพื่อนอีกคนที่ดูอยู่ด้วยกันก็รู้สึกอยู่เสมอว่าลิเวอร์พูลมีโอกาสที่จะชนะ ตราบจนเสียงนกหวีดเป่าหมดเวลายังไม่ดังขึ้น ลิเวอร์พูลพยายามเล่นฟุตบอลเพื่อยิงประตู รีลมาดริดใช้ประสบการณ์หาโอกาสจากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของคู่แข่งแล้วเปลี่ยนมันเป็นสกอร์ ผมดูบอลมาหลายปีก็ตระหนักอยู่ว่า เล่นดีกว่าหรือมีโอกาสยิงประตูมากกว่าไม่ได้หมายความว่าจะชนะเสมอไป กีฬานี้เราวัดกันที่ประตูที่ทำได้ หากไม่พอใจควรเปลี่ยนไปเล่นหรือดูกีฬาอื่นดีกว่า อาทิ ยิมนาสติกลีลา หรือระบำใต้น้ำ เป็นต้น

ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามานั้นเพื่อจะบอกกับตัวเองและภรรยาว่า ผิดหวังหรือล้มเหลวในนัดชี้ชะตา (ผลสัมภาษณ์งาน บอลนัดชิงชนะเลิศ) ไม่ใช่ความล้มเหลวที่สมบูรณ์แบบ ก่อนหน้าที่จะได้สัมภาษณ์ ภรรยาผมก็ต้องผ่านการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษมาแล้ว ประวัติที่ส่งไปพร้อมใบสมัครก็บอกได้ว่าเธอผ่านการทำงานมามากแค่ไหน หรือทีมลิเวอร์พูลเองกว่าจะได้เข้าชิงก็ต้องชนะมาไม่รู้กี่นัด ถ้วยรางวัลของผู้ชนะในการรับรู้สาธารณชนนั้นมีแค่ถ้วยเดียว แต่ผมคิดว่าถ้วยรางวัลในใจเรามีได้ไม่จำกัด ในวันที่เราชนะถ้วยในใจเรากับฝูงชนนั้นคือถ้วยเดียวกัน แต่วันที่แพ้ ผมคิดว่าเรายังภูมิใจกับถ้วยในใจเราได้ 

พูดอย่างคนคิดบวก ผมคิดว่าความผิดหวังเหล่านี้จะทำให้ชัยชนะของเราหอมหวานขึ้นกว่าเดิมในวันที่เราได้มันมา ชัยชนะที่ได้มาโดยปราศจากความผิดหวังและความพยายามนั้นคงเปรียบได้กับของเล่นที่เด็กได้มาง่ายๆ หรือฟรีๆ ไม่ว่ามันจะแพงหรือดีแค่ไหน ก็ไม่อาจมีคุณค่าเท่าของเล่นที่แลกมาด้วยน้ำพักน้ำแรงได้

ย้อนมามองถึงการบ้านการเมืองไทย ในวันที่ฝั่งเรายังไม่ได้ชัยชนะอันเป็นที่สุด แต่วันนี้เราควรพอใจกับอะไรๆ ที่เปลี่ยนไปพอสมควร ท่าทีของผู้คนก่อนหนังฉายในโรงภาพยนตร์ ชัยชนะของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ชะตากรรมที่แปรเปลี่ยนของผู้ถือป้าย…ไว้เหนือหัว แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มาแบบฟรีๆ หลายคนลงทุนเอาทั้งชีวิตเข้าแลก บางคนไม่พร้อมขนาดนั้น แต่ก็ร่วมลงแรงกาย แรงเงิน หรือแรงสมองบางส่วน หลายเรื่องอาจดูไม่เคลื่อน แต่ก็คืบ 

พูดตรงๆ ผมคิดว่าผู้คนบ้านเมืองนี้อาจจะขี้ขลาด และกลัวเจ็บกลัวตายกว่าผู้คนในบ้านเมืองอื่น เสียงตะโกนเพื่อบอกว่า “กูไม่เอามึง” จึงดังอยู่แต่ในบ้านหรือวงสนทนาเล็กๆ แต่เชื่อเถอะครับว่าคนไทยสมัยนี้ไม่โง่ การเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าน่าจะทำให้ทรราชย์ทั้งหลายสูญสิ้นที่มั่นหรือหมดกำลังใจไปอีกพอสมควร

ด้วยมิตรภาพ

จ๊อก

ปล. ไม่กี่วันก่อนเพิ่งร้องไห้ระหว่างฟังและรับรู้เนื้อหาของเพลง Le Festin ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์อะนิเมชั่นเรื่อง Ratatouille ผมชอบฟังเพลงนี้มานาน แต่ก็ไม่รู้ว่าเนื้อหามันคืออะไร ด้วยความเอื้อเฟื้อของคนอัพโหลดเพลงนี้ลงใน YouTube ที่อุตส่าห์ใส่ซับไตเติ้ลให้ และความขยันของลูกชายที่มักจะเปิดเพลงให้พ่อแม่ฟังเป็นนิจ ทำให้ผมได้รื่นรมย์กับทั้งเมโลดี้และเนื้อหาของเพลงนี้ ร้องไห้ด้วยความโศกกับความทุกข์ในช่วงแรกของตัวละคร และร้องไห้ด้วยความปิติกับความสุขของตัวละครในเนื้อเพลงช่วงท้าย แม้ฟังภาษาฝรั่งเศสไม่ออก แต่พอได้รู้เนื้อหาของเพลงแล้วก็รู้สึกว่ามันมีความเป็นกวีเอามากๆ เลย วันที่พี่มาดื่มที่บ้าน ผมจะเปิดเพลงนี้ให้พี่ฟังสักรอบสองรอบ

 

 

nandialogue

 

ตอบ จ๊อก

รอบก่อน คุณบอกว่าส่งงานช้า โคตรช้า รอบนี้ตาเราบ้างแล้วว่ะ

บอกลูกสาวไปว่ายุ่ง ยังดีที่ไม่มีคำว่า ‘งาน’ นำหน้า เพราะไม่งั้นอาจไม่ตรงความหมาย ไม่ใช่ความจริง แต่มันก็พูดยากอยู่แหละ ในโลกและวิถีชีวิตของเรา งานกับไม่งาน บางทีก็ยากจะแยก ความที่พรมแดนมันเคลื่อนทับซ้อนปะปนเป็นก้อนเดียวกันมานาน

กินเหล้ากับเพื่อนคือการพักผ่อนบันเทิงแน่ๆ แต่บ่อยครั้งบทสนทนาในวงเหล้าก็มีแต่เรื่องการงานเป็นกระดูกสันหลัง ในทำนองเดียวกัน กับเวลาของการทำงานบางครั้งบางที สำหรับเรา มันก็คือความบันเทิงโดยแท้ โดยสรุปก็เลยขีดเส้นชี้ชัดยากนิดนึง ว่าอะไรงาน ไม่งาน สิ่งที่พูดไม่ยาก เพราะเป็นความจริงเบื้องหน้าคือเป็นสัปดาห์ที่ค่อนข้างจะยุ่ง ทั้งเดินทาง พบเจอผู้คน สัมภาษณ์ ออกแบบ และมีเรื่องต้องตัดสินใจ ดีตรงที่ทั้งสิ้นทั้งปวงมีรากมาจากการเลือก และทั้งหมดทั้งมวลว่าไปก็ล้วนเป็นความพึงพอใจ (มีซีนนั่งมองน้ำตาคู่สนทนาอยู่บ้าง–ไม่เลวหรอก ต่อให้ช่วยแบ่งเบาบรรเทาอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ได้ทำหน้าที่เพื่อน ผู้รับฟัง)

คล้ายๆ คุณ พักหลังเราก็โปรดปราน ‘วงเล็ก’ มากกว่า มันลึกและได้เรื่องได้ราว เข้าถึงประเด็น วงที่มีผู้คนเยอะๆ มักไม่พาเราไปไหน ส่วนใหญ่จะวนเวียนกับการปล่อยมุข หรือฮิฮะจ๊ะเอ๋ไปเรื่อยๆ แตะกันอยู่ตรงเปลือกผิว ในที่สุดก็หลงลืมแก่น ในวัยหนึ่งเราอาจสนุก เป็นความสนุกที่ทำมาแล้วอยากลดละ เปลี่ยนแปลง แปลกดีเหมือนกัน กระทั่งความสนุก บางเกมเราก็ไม่ค่อยนึกสนุกแล้ว (นี่พูดในฐานะคนรักสนุก)

เอาใจช่วยหมอหลินต่อไป ว่าความผิดหวังครั้งนี้จะนำสู่สิ่งใดต่อ คำว่า ‘เราเลือกเกาะ’ และ ‘เกาะเลือกเรา’ จะเป็นไปอย่างไร มันแค่คนละเกม คนละฉากชีวิต แต่เราเชื่อนะว่าในทุกๆ หนทางที่จะทำ ครอบครัวคุณจัดการได้และรื่นรมย์กับมัน พลังชีวิตล้นเหลืออยู่แล้ว ไม่มีอะไรน่ากังวล ยิ่งถ้ามีทัศนะว่าถ้วยรางวัลไม่ได้มีใบเดียว แบบเดียว ก็ยิ่งง่าย คลี่คลาย

สำคัญมากๆ เลย ตรงที่คุณบอกว่าแม้ในวันพ่ายแพ้ เราอาจมีถ้วยรางวัลภายในใจ ใครสร้างถ้วยใบนี้ได้ก็สบายละ แพ้ชนะไม่ผูกแขวนไว้กับผู้อื่นอย่างเดียว แบบนี้จบ ผ่าน และไม่เหนื่อย

ตลอดชีวิตการทำงาน วาด รวี ไม่เคยมีโล่เหรียญและถ้วยรางวัลใดๆ สังคมนี้ไม่ส่งมอบให้ ประเทศนี้ไม่ส่งมอบให้ แต่กับผู้มีสายตาปกติ เราไม่น่ามองเห็นแตกต่างกันว่า วาด รวี คือจอมราชันบนบัลลังก์กระดาษที่เขาเขียนวาดด้วยหยาดเหงื่อ ผลงานของเขาท้าทายอยู่กลางแสงแดดสายฝน เป็นผลงานที่เราสัมผัส รับรู้ และโค้งคารวะ

ตีสามตีสี่ออกจากบ้าน ป่านนี้คุณคงเลยประจวบฯ ชุมพร มุ่งหน้าสู่ท้องทะเล ฝ่ายเราเช้านี้แวดล้อมด้วยแบกแพกเกอร์ อย่างที่เราคุยกันว่าไม่เห็นภาพนี้มานาน โควิดทำให้การท่องเที่ยวปิดตายไปเลย สองปีเศษๆ กับโรคระบาด หนักหนาและยาวนานพอที่จะฆ่าโรงแรม เกสต์เฮาต์ ร้านเหล้าหลายๆ แห่ง ใครรอดมาได้ก็คงยังพูดไม่ได้อยู่ดีว่าจะสุขสบาย เราต่างอยู่ในวันเวลาที่ยากลำบาก ต้องอึด ต้องอดทน ออกแรงเยอะ สุ้มเสียงแปลกหูและบรรยากาศนานาชาติรอบตัวเราเหมือนสายรุ้งจางๆ เป็นสัญญาณว่าฤดูมรสุมอาจค่อยเคลื่อนผ่านพ้น คุณไม่ได้นั่งรอ เราไม่ได้นั่งสวดมนต์ อ้อนวอน ร้องขอ อยากได้ อยากให้มันดี ทุกคนต้องออกแรงผลัก

เดินทางรอบนี้มีการงานคืบหน้าไปพอสมควร โดยเฉพาะโปรเจ็กต์ที่นำนวนิยาย ‘นกก้อนหิน’ ของบินหลามาพิมพ์ใหม่ หนังสือเล่มนี้เขียนมาสิบสี่สิบห้าปีแล้ว ภายในหนึ่งเดือนข้างหน้า มันจะกลับมามีชีวิต

ขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกคนที่ทำให้นักเขียนกลับมามีชีวิตชีวา.


เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก (ชัยพร อินทุวิศาลกุล) เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน

You may also like...