ความเชื่อของคนแก่พรรษาวัยห้าหกสิบปี เชื่อแบบมีเหตุผลบ้างไม่มีเหตุผลบ้าง ฟังดูก็เป็นเรื่องปกติของชาวบ้านธรรมดาสามัญ
มีหลายเรื่องที่เราเชื่อสืบต่อกันมาโดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง
ในบางเรื่องที่คาใจ จะไม่จบ ถ้าไม่เห็นด้วยตา ถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยมือตัวเอง อยากทดสอบก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
สิ่งที่ทำเองทุกวัน เรารู้ว่าถ้าใช้สีขั้นที่สองผสมด้วยสีขั้นที่สาม จะได้สีสวยมหัศจรรย์
ทำเองกับมือแบบนี้ ก็เชื่อไปแล้วเต็มๆ หัวใจ บางเรื่องเราเชื่อจากประสบการณ์คนอื่น บางเรื่องเราก็เชื่อเรื่องเล่าที่เล่าสืบต่อกันมา ทั้งที่สิ่งที่เชื่อ มองมุมไหนก็ไม่มีเหตุผล
หลายเรื่องเราก็เชื่อประสบการณ์ของตัวเอง
ใครจะอยากเอามือไปจับสายไฟเปลือยที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ ในเมื่อเรารู้ว่า ไฟช็อตแรงขนาดนั้นมันจะหายใจต่อได้ยังไง ใครจะอยากลองกระโดดจากสะพานสูงลงกลางแม่น้ำ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น
เว้นแต่คนที่ยังไม่รู้จักคำว่าตาย เว้นแต่คนที่จงใจทำหูหนาตาถั่ว ดึงดันที่จะเชื่อแต่ประสบการณ์ตัวเอง
ทั้งที่ข้อเท็จจริงคนไม่สามารถรู้ทุกเรื่อง ไม่จำเป็นต้องทดลองทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างด้วยตัวเอง
ชีวิตคนแก่พรรษาที่เวลาเหลือน้อย ไม่ควรเป็นทุกข์จากความเชื่อของตัวเอง
ถ้ายอมเปิดใจ ยอมรับความคิดความเห็นที่แตกต่าง ประสบการณ์หวานขมควรตกผลึกแน่นเป็นแผ่นกรองความจริงความลวง ให้สมองรับรู้เพื่อจะแยกแยะได้
เพื่อให้คุณค่าสิ่งที่คู่ควรเป็นไม่กลายเป็นเหยื่อเรื่องพื้นๆ ของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ระบาดหนักอยู่ในเวลานี้
หรือจะเป็นคนแก่แต่พรรษา ปิดบังหูตาต่อไป.
เรื่องและภาพ สุมาลี เอกชนนิยม
(ผลงานใหม่ เขียนปี 2022 ขนาด 11×15 นิ้ว สีอะคริลิกกับสีน้ำ บนกระดาษ)
เกี่ยวกับผู้เขียน : สุมาลี เอกชนนิยม จิตรกรชาวร้อยเอ็ด จบช่างศิลปแล้วไปต่อจุฬาฯ ก่อนบินลัดฟ้าสู่มหาวิทยาลัย Sorbonne กรุงปารีส แสดงเดี่ยวครั้งแรกในปี 1996 และทำงานสืบเนื่องเสมอมา มีโชว์ทั้งในและต่างประเทศ เคยเป็นอาจารย์สอนศิลปะที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์อยู่ 19 ปี ปัจจุบันเป็นศิลปินอิสระ ใช้เวลาหลักๆ อยู่กับการเขียนรูป เธอเคยพูดกับมิตรสหายว่า ‘การเขียนรูปคือรางวัลสูงสุดที่มอบให้ตัวเอง’