essay

ฝันของชายวัยหนุ่มสาว

ความฝันเลวร้าย เหงื่อชุ่มใบหน้าและแผ่นหลัง ชายหนุ่มสองคนฝันคล้ายๆ กัน ต่างบ้าน ต่างหมอนมุ้ง ต่างไม่รู้จักกัน ไม่มีความเชื่อมโยงอื่นใดสำหรับพวกเขา อาการฝันร้าย ฝันถึงความตายของคนที่รักเกิดขึ้นบ่อยๆ ในยามห่างกัน ความระแวงระแวดระวังไม่ช่วยให้สิ่งใดดีขึ้น

บางทีสัปดาห์นี้ผมอาจไปเยี่ยมพ่อได้ หากสะสางการงานได้เข้าที่ เหตุการณ์มักเกิดขึ้นซ้ำๆ ผิดปกติจนเป็นปกติ ที่ชายหนุ่มจากกาญจนบุรี จังหวัดทิศตะวันตกของประเทศไทยนั่งรถตู้จาก บขส.จังหวัด ไปลงที่ขนส่งหมอชิต ต่อรถบัส ป.1 แอร์เย็นเฉียบเจือกลิ่นเยี่ยวจากห้องน้ำรถโดยสาร จนกระทั่งเช้าที่ชายแดน เขาต่อรถอีกทอดหนึ่งจากจังหวัดเลย เข้าสู่ดินแดนประเทศข้างเคียง จาก 5 โมงเย็นวันศุกร์ที่กาญจนบุรี ไทม์แมชชีนมากล้อพาเขาเยื้องย่างข้ามเวลาอย่างเหนื่อยหน่าย จนถึงที่หมายในบ่ายวันเสาร์

ระหว่างรอ ความเงียบพาให้เขาคิดถึงวัยเด็ก ประตูของโดเรม่อน ไทม์แมชชีน ค็อปเตอร์ไม้ไผ่ อะไรก็ได้

เขาคิดถึงโลกที่ไม่มีเผด็จการทหาร นักการเมืองส้นตีน บิ๊กบราเธอร์ หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แบบนี้

ไม่ทันไร พ่อขี่มอเตอร์ไซค์คล้ายฮอนด้าเวฟ แต่ลายสติ๊กเกอร์ข้างรถอ่านได้ความว่าเป็นรถจีนแบบก๊อบปี้มา เรากอดทักทายกันอย่างเคย แล้วพาไปตระเวนซื้อเบียร์ เนื้อสัตว์ ตามแต่จะหาได้ในละแวกใกล้ๆ ที่พักของพ่อ ผมสังเกตว่าพ่อย้อมสีผมอีกแล้ว เป็นสีทองแบบเด็กปั๊มบ้านเรา ผมแซวเขาแล้วหัวเราะ

พ่อแก้เขินว่า “ที่ร้านแถวนี้มันมีแค่สีเดียว คนที่นี่เขาไม่ย้อมปิดผมหงอกกันหรอก มันสิ้นเปลือง”

พลางออกรถสู่ร้านชำในตลาด อาณาจักรที่ยินดีต้อนรับเงินเล็กเงินน้อยทั้งหลายในโลกหล้า ในดินแดนที่เงินทองหายากแสนเข็ญ ร้านชำอยู่ตรงข้ามจุดที่ผมลงรถโดยสารไม่ไกล มองไปทางฝั่งตรงข้ามร้านชำ มีภูเขาลูกเตี้ยอยู่สุดสายตา พ่ออาศัยอยู่ที่ตีนเขาลูกนั้น กว่าจะเข้าถึงต้องผ่านทางดินลูกรังยาวเหยียด ยามฤดูฝนต้องเล็งหาเส้นทางสายใหม่บนดินเลนในจุดที่ยังไม่แฉะมากนัก เพื่อความปลอดภัยยามขับขี่

ยามฤดูร้อน เศษดินเศษหินจะแข็งคม ขี่ไม่ดูตาม้าตาเรืออาจยางรั่วได้ง่ายๆ (และโดนพ่อด่าเปิง) ร้านปะยางร้านเดียวก็ช่างเอาแต่ใจ CEO ก็งี้ อยากจะทำงานวันไหนก็ได้

เข้าสู่ที่พัก ผมลงมือทำกับข้าว (กับแกล้ม) ทันที พร้อมเปิดเบียร์ดื่มไปพลาง พ่อมีกิจวัตรคือดูแลผักสวนครัวที่ปลูกเอง เด็ดมาแกล้มในแต่ละมื้อ เรามักกินดื่มตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน สารทุกข์สุกดิบไม่ไถ่ถามมากนักเพราะรู้และเข้าใจดี ความทุกข์ของผู้ลี้ภัยมันมากกว่าความสุขอยู่แล้ว บางขณะ ผมเหลือบไปเห็นข้าวของเครื่องใช้ใหม่ๆ หันไปถามว่าพ่อซื้อของพวกนี้ด้วยหรือ ได้คำตอบว่า “ลูกชายภูชนะเขาซื้อมาฝากพ่อเขาน่ะ”

ในที่พักนี้เรามักจะเรียกมันว่าแคมป์ ห้วงเวลาที่ผมเล่า มีผู้อยู่อาศัย 4-6 คน แวะเวียนเข้าๆ ออกๆ พ่อพักร่วมบ้านกับชายชื่อ ภูชนะ

เขาเป็นคนหนึ่งคล้ายกันกับพ่อของผม ที่ต้องลี้ภัยออกนอกประเทศหลังรัฐประหาร พฤษภาคม 2014 การกวาดจับออกหมายเรียกแบบหว่านแห ทำให้เกิดการแตกตัวของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองในต่างจังหวัด ในประเทศเพื่อนบ้านมีผู้ลี้ภัยกลุ่มใหญ่ๆ คือคนเสื้อแดงที่เชื่อมโยงเหตุการณ์ขอนแก่นโมเดล และกลุ่มเสื้อแดงจังหวัดจันทบุรีและตราด ภายหลังหลายคนกลับมามอบตัวเพราะทนสภาพการลี้ภัยไม่ไหว

ไม่ไหวในที่นี้เกิดจากหลายปัจจัย เช่น ไม่มีสถานะลี้ภัยรับรอง เสี่ยงต่อการถูกอุ้มหาย ภาวะถูกข้าราชการในท้องถิ่นรีดไถ เรียกส่วยค่าคุ้มครอง เพราะเข้าประเทศผิดกฎหมาย ไม่มีเงินทองยังชีพ การแอบอยู่อาศัยจำเป็นต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ เพื่อความปลอดภัย เงินทองถูกใช้ไปกับเรื่องนี้เป็นหลัก

หลายคนที่ผมได้พบ บ้างเคยเป็นการ์ดในม็อบเสื้อแดง มีกลุ่มสังกัดหลวมๆ ในต่างจังหวัด บ้างติดร่างแหจากการไล่ล่ากวาดจับยกกลุ่ม ตนเองจึงต้องหนีออกมาด้วย (มีทั้งผู้สูงอายุและวัยรุ่น) ด้วยความไม่วางใจคณะรัฐประหารในขณะนั้น

พ่อเล่าถึงเพื่อนๆ ร่วมแคมป์ว่า พวกเขาก็มีลูกเมีย มีครอบครัวมาเยี่ยมกัน บางทีวันหยุดยาวในไทยเขาก็ยกกันมาทั้งครอบครัว ปิ้งปลานิลที่เลี้ยงไว้ในบ่อใกล้บ้านกิน เวลาเช่นนี้พอได้เห็นรอยยิ้มบางเราที่ปกติอาจยิ้มยาก

ส่วนคุณภูชนะจะคล้ายกันกับพ่อ คือมีลูกๆ มาเยี่ยมเป็นหลัก ลูกชายของภูชนะรุ่นราวคราวเดียวกับน้องสาวคนเล็กของผม เรียกว่าพวกเราวัยไล่เลี่ยกัน บางครั้งผมเห็นสิ่งของที่เขาซื้อเอาไว้วางในที่พักของพ่อของพวกเรา ผมรู้สึกเชื่อมโยงอย่างบอกไม่ถูก แม้ไม่เคยเจอหน้ากัน เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้งหลายคราว ทุกๆ ครั้งที่ผมไปเยี่ยมพ่อจะพบของเยี่ยมจากครอบครัวคุณภูชนะอยู่ในสถานที่นี้เสมอๆ จนกระทั่งแคมป์แตก

พ่อโทรฯ มาเล่าให้ฟังว่าแคมป์แตกแล้ว เจ้าหน้าที่ที่นี่เขาไม่อยากดูแลผู้ลี้ภัยไทยแล้ว เราต้องออกไปหาที่อยู่เอง คุณภูชนะย้ายออกไปแล้วมีมิตรสหายรอต้อนรับอยู่ที่เมืองหลวง พ่อกำลังมองหาที่อยู่ใหม่ แต่ก็เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน เพราะต้องย้ายข้าวของอีกแล้ว พ่อจะหอบหนังสือกับเครื่องใช้ไฟฟ้าไปด้วย อะไรทิ้งได้ทิ้ง อะไรแจกได้ แจก ไปหาใหม่เอาดาบหน้า

ในกระเป๋าเป้ติดตัวของพ่อจะมีแก้วเหล้าเป็นแก้วเป๊กกับแก้วไวน์ ขวดเหล้าใบใสเอาไว้เติม บางครั้งกรอกไวน์จากกล่อง บางครั้งเอาไว้กรอกเหล้าต้ม และมีแว่นตาสำหรับอ่านหนังสือต่างๆ ที่สนใจในแต่ละช่วง เป็นเช่นนี้เสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จำได้ว่าเมื่อก่อนยังเป็นนักเขียนไปแจกลายเซ็นงานสัปดาห์หนังสือ ในย่ามของพ่อก็มีเท่านี้ ไปงานเลี้ยงสมาคมนักเขียนก็มีเท่านี้ ตอนนี้ลี้ภัยก็ยังคงเดิม

กระเป๋าของคนจากบ้าน หากเป็นของคุณจะใส่อะไรลงไปบ้าง

พ่อโทรฯ มาหาช่วงเดือนธันวาคมปี 2018 ให้รีบไปหา ไปอยู่เป็นเพื่อนหลังข่าวการเสียชีวิตของคุณภูชนะ และคุณกาสะลอง ต่อมามีข่าวพบร่างอาจารย์สุรชัย แซ่ด่าน ข่าวการสูญหายของผู้ลี้ภัยยังคงต่อเนื่อง ลุงสนามหลวง, สยาม และคุณยังบลัด ยังคงไร้ร่องรอย

จากเอกสารขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ผู้คนหายไปจากท็อปลิสต์ทีละคน มีการส่งเอกสารเหล่านี้ในไลน์กลุ่มผู้ลี้ภัย ให้รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ในลำดับการถูกทำให้หายไปลำดับที่เท่าไหร่ ผู้ลี้ภัยจำนวนหนึ่งสู้ยิบตาเพื่อให้ได้ลี้ภัยออกจากนรกแห่งนี้ บางวันเจ้าหน้าที่เข้ามาหา เขาบอกให้ดูแลตัวเอง เจ้าหน้าที่รัฐที่นี่ครึ่งหนึ่งเขาอาจขายข่าวคุณไปแล้ว เงินเดือนมันไม่พอกิน คอร์รัปชั่นก็สูง ตำรวจที่นี่มองมองไทยเป็นสวรรค์ของการเก็บส่วยใต้โต๊ะ สถานการณ์มันเหมือนพายุโหม ไม่รู้จะหอบบ้านหอบชีวิตของใครไปบ้าง

ได้แต่ภาวนาไม่ให้มันมาถึงตัว หรือมาถึงช้า เผื่อว่าจะหลบหนีทัน

ชายหนุ่มฝันร้ายซ้ำๆ เขาฝันเห็นลางบอกเหตุความตายของผู้เป็นพ่อ รุ่งขึ้นเขารับข่าวสารทางโทรศัพท์ ทำให้ต้องมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครพนม

ข่าวการเสียชีวิตของคุณภูชนะ อาจารย์สุรชัย และคุณกาสะลอง ถูกอ่านซ้ำๆ ในโทรทัศน์ คนที่ไปรับศพคือลูกชายคุณภูชนะ คนที่มักซื้อของไปเยี่ยมพ่อของเขาบ่อยๆ ที่แคมป์ทางเหนือ เมื่อครั้งพักร่วมชายคาเดียวกันกับพ่อของผม

ผมได้พบเขาในงานศพคุณภูชนะ เราคุยกันเหมือนกับเคยรู้จักมาก่อนหน้า เขาเล่าถึงความฝันที่เป็นลางบอกเหตุในวันเสียชีวิตของคุณพ่อ และสถานการณ์อันแลวร้ายที่เพิ่งประสบมา เขาพูดถึงความทุกข์ใจของป้าน้อย ภรรยาอาจารย์สุรชัย ลูกและแม่ของคุณกาสะลองที่มักมีทหารเข้าไปสืบข่าวที่บ้านในจังหวัดเชียงราย

เราต่างร่วมชะตาแห่งความเลวร้ายของการเมืองไทยในปัจจุบัน ที่มันสาหัสในจิตใจเพราะคนในครอบครัวของเราอยู่บนขบวนรถที่ไม่มีสถานีลงจอด เขาไกลออกไปจากบ้านขึ้นทุกที

หลายคนไกล จนไม่อาจกลับมาพบกันอีก

อย่างที่หลายคนทราบ แม้พ่อของผมจะลี้ภัยได้สำเร็จในประเทศฝรั่งเศส แต่ร่างกายก็บอบช้ำผุพังมาร่วม 10 ปี จนกระทั่งเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยที่สะสมมายาวนาน

ผมยังคงคุยกับรูปถ่ายของพ่อเสมอ ฝันถึงลางร้ายของผมและลูกชายคุณภูชนะคงสิ้นสุดลงแล้ว แต่มันไม่ได้หายไป มันแค่ย้ายไปสู่ลูกชายลูกสาวของบ้านอื่นๆ

ในวันที่พ่อแม่ของพวกเขายังไม่ได้กลับบ้าน.

 

 

nandialogue

 

 

เรื่องและภาพ วนะ วรรลยางกูร


เกี่ยวกับผู้เขียน : วนะ วรรลยางกูร ลูกชายคนโตของนักเขียน ‘ต้องเนรเทศ’ จบจิตรกรรมฯ ศิลปากร ผ่านงานสอนหนังสือหลายปี เขียนบทกวี เขียนรูป เลี้ยงลูก และรับจ้างทั่วไป

You may also like...