หมายเหตุบรรณาธิการ : ไม้หนึ่ง ก.กุนที กวีผู้จากไปด้วยกระสุนปืนเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2014 เขามีลูกชายสองคน (นาวาและนาวินทร์) วาระครบรอบ 53 ปี ชาตกาล ลูกชายทั้งสองเขียนจดหมายหาพ่อ ผ่านเวที nan dialogue
สวัสดีครับพ่อ
ผ่านมาหนึ่งปีแล้วตั้งแต่เขียนจดหมายหาพ่อรอบก่อน ตอนนี้ผมเข้ามหาวิทยาลัยตามความตั้งใจของผมได้แล้วครับ
ก่อนมหาวิทยาลัยจะเปิด ผมกังวลใจว่าจะปรับตัวได้ไหม จะไหวไหม จะเข้ากับเพื่อนได้หรือเปล่า ผมครุ่นคิดทบทวนกับตัวเองอยู่หลายรอบ เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าสังคม พูดไม่ค่อยเก่ง แถมเรียนอยู่นอกระบบมานาน ดีที่มหาวิทยาลัยเขาจะมีให้เรียนปรับพื้นฐาน 2-3 สัปดาห์ก่อนเปิดเทอมเรียนจริง
ช่วงแรกเรียนออนไลน์ ตรงนั้นผมไม่ค่อยห่วง แต่ประเด็นคือช่วงวิชาต่อมาที่เป็นแบบ on site นั้นทำให้ผมรู้สึกเกร็งขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าความรู้สึกมันต่างกันโดยลิบลับกับคนที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องอย่างผม ไม่ค่อยออกไปเจอผู้คน หรือสุงสิงกับใครสักเท่าไหร่
ที่มหาวิทยาลัยของผมมีกิจกรรมรับน้องที่ให้รุ่นพี่สายสัมพันธ์กับรุ่นน้อง ได้ทำความรู้จักกับเพื่อน ก็ตามปกติของมหาวิทยาลัยทั่วไปนั่นแหละ โดยตัวผมก็ได้เข้าร่วมกิจกรรม เลยพอคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมสถานที่เรียน ทำให้โล่งใจได้เปราะนึง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ช่วงหลังของการเรียนปรับพื้นฐานมันจะมีวิชา producer ซึ่งเป็นวิชาหลักของสาขาที่ผมเรียนคือดนตรีเชิงพาณิชย์ เรียนเกี่ยวกับการทำเพลง ทำดนตรี ซึ่งตรงกับความสนใจของผมที่จะเข้าสาขานี้
ผมอยากจะทำพวก OST เพลงประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเป็นเพลงประกอบเกมส์ อย่างที่ผมเคยเขียนๆ ไป
ช่วงเวลาก่อนเรียน ผมรู้สึกตื่นเต้นและเครียดเป็นอย่างมาก แต่พอได้ลองเรียนจริงๆ มันก็ผิดกับภาพที่คิดในหัวไว้ เพราะอาจารย์เฟรนด์ลี่มาก เขาเริ่มสอนตั้งแต่เบสิคการหัดใช้โปรแกรม แต่ผิดกับวิชา Ear Training ซึ่งเป็นวิชาการฟัง ที่ตอนเรียนปรับพื้นฐานกลุ่มที่ผมเรียนเจออาจารย์ที่เขาค่อนข้างจะเข้มงวด เข้าใจได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ผมเริ่มเครียดว่าผมจะไปรอดไหม แถมพอมาเปิดเทอม ผมก็แจ็คพอทแตก ได้กลุ่มอาจารย์คนนี้มาสอนวิชาทฤษฎีดนตรีและโสตทักษะอีก
จริงๆ อาจารย์แกก็สอนดีแหละครับ แต่ผมรู้สึกว่าอาจารย์แกเคร่งเกินไป
ตอนเปิดเทอมที่ผมได้เข้าไปเรียนจริงที่มหาวิทยาลัย เรียกได้ว่าหนักหนาสาหัสและมีความท้าทายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสอบรวมวงครั้งแรก การที่ผมได้ลองหัดทำเพลงแรกของตัวเองขึ้นมา ได้ลองใช้ไมค์อัดร้องครั้งแรก ซึ่งมันก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เรียกได้ว่าค่อนไปทางที่เละเลยก็ได้ แต่ผมก็กัดฟันสู้แล้วพยายามต่อไป
ส่วนเรื่องอื่นๆ นอกจากการเรียน ปีนี้เป็นปีที่ผมได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งเองครั้งแรก เป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และคนที่ผมเลือกก็ได้เป็นจริงๆ
ผมสนใจนโยบายที่เขาจะปรับปรุงการจัดการ กทม. ในด้านต่างๆ เช่น การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม การจราจร การกำจัดขยะ การแก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชน การสนับสนุนด้านการศึกษา เป็นต้น
ไหนจะเป็นเรื่องการเปิดจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น ดนตรีในสวน ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น แล้วพอเขาขึ้นเป็นผู้ว่าฯ เขาก็ทำได้จริง
แต่กรุงเทพฯ ไม่ใช่ประเทศไทยครับพ่อ ปัญหาเรื่องรัฐสวัสดิการ ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นยังเหมือนเดิม ม.112 ก็ยังอยู่ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือคนหนุ่มสาวตาสว่างกันแล้วครับพ่อ.
เรื่อง : พระนาวา จารุพันธ์