the letter

ไปปารีสแล้วคิดถึง..

พี่หนึ่งครับ

มาปารีสครั้งนี้คิดถึงพี่เต็มที ไม่รู้เพราะอะไร ทั้งๆ ที่เราก็ไม่เคยมาด้วยกัน ปารีสที่เราเคยพูดถึงก็เป็นเรื่องอนาคต เป็นภาพที่มองไปข้างหน้า เป็นการนัดหมาย เป็นความคาดหวัง

ยิ่งคิดถึงพี่เข้าไปอีกเวลาต้องพูดคุย ปาร์เล ฟรองเซ นี่ถ้าพี่อยู่ด้วย คงช่วยจัดการให้อยู่หมัดเรียบร้อย

ช่วงวันสองวันนี้ฝนตกปรอยๆ ครับ อากาศจึงเย็นหน่อย จริงๆ ก็เดินได้สบายอยู่ แต่คงจะดีกว่าหากมีแดด

มาครั้งนี้ผมไปพักอยู่โรงแรมนอกปารีสเลยพี่ โซน 2 แถวสตั๊ด เดอ ฟรองซ์ เพราะฉะนั้นลาซงลาแซน ตูร์เอฟงตูร์เอเฟลอะไรเป็นอันว่าไม่ต้องหวัง ไม่เห็นทั้งนั้น ที่เห็นก็คือชาวปารีสที่มาจากแอฟริกา ตะวันออกกลาง ผู้ชายใส่ชุดวอร์มสีดำนั่งจับกลุ่มกัน บางคนยืนขายบุหรี่อยู่หน้าสถานีรถไฟ คงเป็นเพราะคืนวันศุกร์ครับพี่ ก็เลยคึกคักหน่อย

ผมมีเวลาสักสองสามวันก่อนทำงานครับ ตั้งใจว่าจะเที่ยวเฉพาะชานเมืองปารีส ไม่เข้าไปข้างใน

สองสามวันนี้จึงเป็นการเที่ยวปริมณฑลด้วยการนั่งรถเมล์

ผมเพิ่งมารู้เหมือนกันนะพี่ คำว่า ‘ปริมณฑล’ เนี่ย มันเป็นคำวัด:

          ปริมณฑล ในคำวัดหมายถึงความเรียบร้อย, ความสวยงาม, ความเป็นระเบียบ

          ปริมณฑล ใช้เรียกการนุ่งห่มของภิกษุสามเณรว่า นุ่งห่มเป็นปริมณฑล คือนุ่งห่มเรียบร้อย สวยงาม เป็นระเบียบ ถูกธรรมเนียมนิยม

          นุ่งเป็นปริมณฑล คือด้านบนนุ่งปิดสะดือ แต่ไม่ถึงกระโจมอก ด้านล่างปิดหัวเข่าทั้งสองลงมาเพียงครึ่งแข้ง ไม่ถึงกรอมข้อเท้า

          ห่มเป็นปริมณฑล คือในวัดห่มเฉวียงบ่าคือปิดบ่าและแขนซ้าย เปิดบ่าและแขนขวา ปกเข่าลงมาขนาดเท่าผ้านุ่ง (สบง) เมื่อเข้าบ้านห่มคลุมปิดบ่าและเขนทั้งสองข้าง ปิดหลุมคอ ข้างล่างปิดหัวเข่าทั้งสองข้างเหมือนในวัด

ผมเห็นแล้วก็ถึงบางอ้อเลยว่า ทำไมเราเรียกพื้นที่โดยรอบกรุงเทพฯ ว่าปริมณฑล ก็หน้าที่ของพื้นที่เหล่านี้คือการส่งแรงงานและสินค้าเข้าไปทำให้ชั้นในของเมืองทำงานได้อย่างราบรื่น เรียบร้อย สวยงาม เป็นระเบียบ

ที่เหล่านี้จึงต้องเรียบร้อย ศิโรราบต่อใจกลางของพระนคร

แต่โดยทางกลับกัน ก็คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด ที่เมื่อมีการลุกฮือขึ้นต่อต้านเมืองชั้นใน แรงกำลังของการเคลื่อนไหวต่อต้านก็มาจากปริมณฑลที่เคยว่านอนสอนง่าย ที่เคยถูกเข้าใจว่าสงบราบคาบนี่เอง

ชานเมืองของปารีสจึงเต็มไปด้วยผู้ย้ายถิ่น ชาวอพยพ ว่าไปเถอะครับ แอฟริกา ตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก เอเชียกลาง ใต้ ตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้ วุ่นวายไปหมด ตึกรามบ้านช่องอาคารเป็นคอนกรีตเรียบแข็งทรุดโทรม ไม่ได้มีเสน่ห์อะไรดึงดูดใจนักท่องเที่ยว

แต่รอบนี้ผมอยากเห็นคนเหล่านี้ อยากดูว่าคนย้ายถิ่นแถวนี้เขาอยู่กันอย่างไร

พี่หนึ่งครับ สิ่งที่ผมจะถือเอาเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจของสังคมข้อหนึ่ง คือพฤติกรรมการจับจ่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต

ในสวีเดน คนรุ่นหลังสงครามที่นี่มั่นใจนักมั่นใจหนาว่าระบบการประกันสังคมของเขานั้นมั่นคง อันที่จริงสวีเดนเป็นประเทศที่มีอัตรายากจนหลังเกษียณอายุสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกพัฒนาแล้วเลยพี่

ในรายงานเศรษฐกิจที่ผ่านตาผม ก็จะมีตัวเลขอะไรมากมายยุ่บยั่บ แต่ด้วยความที่ผมไม่ใช่ผู้ชนะ (ในที่นี้คือหมายความว่าไม่ได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์) ผมก็ต้องหาวิธีของผู้แพ้ในการพิสูจน์ตรวจสอบดูว่า มันเป็นจริงหรือเปล่า

ผมเป็นสมาชิกของสหกรณ์ครับ ซึ่งมันก็คือซูเปอร์มาร์เก็ตที่เราจะสามารถสะสมแต้มสำหรับเอาไว้เป็นส่วนลดได้ แต้มพวกนี้เปลี่ยนเป็นบัตรกำนัล หรือเอาไปลดราคาตั๋วรถไฟ ฯลฯ อะไรแบบนี้

ทุกวันอังคาร สหกรณ์สาขาที่ผมไปซื้อกับข้าวกับปลาเป็นปกติ เขาจะมีลด 5% ฉะนั้น ผมค่อนข้างแน่ใจได้ว่า คนที่รอจะไปซื้อของวันอังคารเหมือนผม ก็คงจะต้องอยู่ในกลุ่มทางสังคมประเภทมีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจงเหมือนกันแน่ และย่อมต้องถือเอาแต้มสะสมนี้เป็นเรื่องสำคัญ

ทุกครั้งที่ผมไปซื้อของ ก็จะเห็นคนสวีเดน บ้างเดินด้วยที่ช่วยเดิน (รัฐให้ยืมมา) บ้างก็มากับรถเข็น (รัฐให้ยืมมา) ดูเหมือนว่าในวันอังคาร คนเหล่านี้จะมีจำนวนมากที่สุด พวกเขาหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ ย่องช้าๆ บ้างลงมาจากรถเมล์ (ตั๋วลดราคาสำหรับคนสูงอายุ) ซึ่งรถเมล์ก็จะมีการเอียงรถให้อยู่ในระดับเดียวกับทางเท้า ให้ผู้ใช้รถเข็นช่วยเดินลงจากรถได้ พวกเขาหรือเธอจะเดินออกมาด้วยถุงกระดาษหรือถุงผ้า หรือถุงพลาสติกที่ใช้ซ้ำมาหลายครั้ง บ้างลงมาจากรถส่วนตัวคันเก่า (รัฐไม่ได้ให้ยืม ผ่อนเอง) ทั้งผัวทั้งเมีย ซึ่งน่าจะอยู่กินกันมาอย่างน้อยๆ สามทศวรรษ พวกเขาและพวกเธอถือถุงกระดาษ ถุงผ้า หรือถุงพลาสติกที่ใช้ซ้ำมาด้วยเหมือนกัน

ทุกคนค่อยๆ เดิน ค่อยๆ ย่องช้าๆ มุ่งไปในทิศทางเดียวกัน คือประตูของร้านสหกรณ์ ต่างจะเอื้อมหยิบตะกร้า หยิบใบประกาศลดราคา หยีตาเพ่งดูว่าในสัปดาห์นี้มีอะไรถูก

ส่วนก่อนหน้านั้น ตรงที่ทางเดินเข้าจะมีเคาน์เตอร์สำหรับแทงม้าและซื้อหวย ส่วนใหญ่จะเป็นคนแก่ชายผิวขาว ที่จะหยิบแบบฟอร์ม เดินไปมองบนจอเพื่อดูราคาม้าแข่ง พวกเขาจะจ้องไปที่จอ ใช้เวลาอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะก้มลงเพื่อกรอกแบบฟอร์มแทงม้า เสื้อผ้าของพวกเขาดูเก่า ซีด มือหยาบกร้าน ด้วยการทำงานเสียภาษีให้กับรัฐอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาตลอดชีวิต แล้วพวกเขาจะค่อยๆ เดินมากดบัตรคิวรอจ่ายเงินเดิมพัน แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ลืมหยิบหวยล็อตโต้ติดไม้ติดมือไปพอได้ลุ้น

ผมจะเดินเข้าไปในสหกรณ์พร้อมๆ พวกเขา (เสียดายผมดูม้าไม่เป็น) เมื่อเดินเข้าไปก็จะมีกองสินค้าลดราคาและของใกล้หมดอายุด้านซ้าย ส่วนข้างหน้าคือสินค้าลดราคาของสัปดาห์ ขนมปัง ผักผลไม้ ขนมกรอบ ซอสมะเขือเทศ หรืออะไรก็ตามเถอะ

เขาจะมองไปที่ป้ายราคาของขนมปังในเข่งลดราคา พิจารณาอยู่อย่างยาวนานเพื่อเทียบกับวันหมดอายุ เขาจะพิจารณาอยู่อย่างนั้น ขนมปังแถวอื่นมีวันหมดอายุช้ากว่าหรือเปล่า เขาขยับเข้าไปมองแทบจะชิดกับป้าย เพราะตัวเลขบอกจำนวนต่อหน่วยมันเล็กมาก เขาน่าจะเจ็ดสิบปลายหรือแปดสิบกว่าแล้ว

เขาจะหันมาหาผม ไอ้หนุ่ม (แหม เขาปากหวาน) ช่วยดูให้ตาหน่อยว่ะ ว่าไอ้ขนมปังถุงนี้มันหมดอายุเมื่อไหร่ มันนานกว่าไอ้ถุงนั้นไหม อือ อือ อืม เขาครางอยู่ในลำคอ一ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเสียงของความพึงใจ หรืออาการยอมจำนนกับอะไรบางอย่าง

เมื่อผมเดินต่อเข้าไป ผมจะเห็นว่าตามชั้นวางสินค้าแผนกต่างๆ พวกเขาและเธอจะจ้องมองที่ป้ายราคาอย่างช้าๆ คิดคำนวณ ชั่งน้ำหนัก  นัยน์ตาของพวกเขาคล้ายเหม่อลอย เหมือนกำลังอยู่ที่อื่น ที่ผลสุทธิของราคา แล้วเนยล่ะ นมล่ะ รอบนี้กระดูกซี่โครงหมูแพงไหม

หรือไม่แน่ พวกเขาอาจจะนึกถึงชีวิตยามหนุ่มสาว ในเวลาที่ตายังเป็นประกาย ในเวลาที่เขาและเธอรู้ว่ายังมีแรงกำลังจะหาเงิน ทำมาหากิน ยังมีความรักอันร้อนแรง ยังสร้างครอบครัว ยังเป็นผู้นำร่วมของการอยู่รอดของครอบครัวที่มีแต่ตัว คู่ครอง ลูกเล็ก หมาแมว ประกอบอยู่เท่านั้น พวกเขาคงจะกัดฟันเข้างานออกงานตรงเวลา ดูตัวเลขเงินเก็บในธนาคาร พวกเขาจะได้ไปเที่ยวไหนกัน ซื้อเหล้าหรือไวน์ดีๆ สักขวดสองขวดเพื่อฉลองให้กับสัปดาห์อันยาวนานที่เพิ่งสิ้นสุดลงไป

ทั้งหมดนี้ผมไม่แน่ใจนักครับพี่

ภาพของคนหลังเกษียณ ขยับเคลื่อนกันอย่างช้าๆ ต่างหยิบสินค้าชิ้นนั้นชิ้นนี้ขึ้นมาเพ่งพิจารณาดู ถ้ามาเป็นคู่ เขาก็จะหันมาพูดจาพึมพำอะไรกันบางอย่าง เหมือนคนเล่นของสะสมน่ะพี่ คือของอย่างนี้มันต้องมีประสบการณ์ ต้องรู้ว่าในตลาดเขาซื้อขายกันเท่าไหร่ เมื่อก่อนราคาเท่านี้ แต่เดี๋ยวนี้ราคาขึ้นราคาลง สมาชิกสหกรณ์หลังเกษียณเหล่านี้ต่างก็กลายเป็นนักเล่นแต้มสะสม

พวกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องของลดราคาไปโดยปริยาย

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจของผมจึงมีแต่เท่านี้ ไม่ได้มีตัวเลข ตาราง และกราฟอะไรที่จะมานำเสนอ รู้แต่เพียงว่า ที่เขารายงานว่าสวีเดนมีอัตราคนยากจนหลังเกษียณสูงมากนั้น ผมได้เห็นจากการไปซื้อของในสหกรณ์นี่เอง

ก็ด้วยเป็นเช่นนั้น ผมจึงมาปริมณฑลปารีสครั้งนี้ เพื่อดูว่านักเล่นของสะสมอย่างนี้เขาทำกันอย่างไร อาจเพราะเวลาที่น้อยเกินไป ที่ผมเพียงได้แต่สังเกตบนรถเมล์เท่านั้น

แต่พี่ ผมคิดว่านัยน์ตาของพวกเขาและเธอที่นี่ก็ไม่ได้ต่างกันนัก มันดูล้า ดูเหน็ดเหนื่อย การขยับเขยื้อนร่างกายของพวกเขาแม้จะกระฉับกระเฉง ทะมัดทะแมง แต่มันดูล้า ดูเหน็ดเหนื่อย

มาปารีสครั้งนี้คิดถึงพี่เต็มที ผมไปเดินตลาดนัด St.Ouen เปิดเสาร์-จันทร์ เขาเล่าว่าย่านนี้เคยเป็นที่ทิ้งขยะมาก่อน แต่อินทรีย์ของตลาดของเก่าก็เติบโตอย่างรวดเร็ว จากที่เคยเป็นที่ทิ้งเฟอร์นิเจอร์เก่า ถ้วยไห ของประดับร้อยแปด ก็เกิดตลาดมือสอง

เวลาผ่านไปตลาดนี้ก็ขยายออกๆ หน้าเก่าไปหน้าใหม่มา พร้อมๆ ไปกับความนิยมการตกแต่งบ้านและห้องด้วยของเก่า ตลาดที่เคยขายขยะ ก็กลายเป็นที่นิยมของชนชั้นกลางที่ต้องการแต่งบ้านด้วยความเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครเหมือน ไม่เหมือนใครในฐานะปัจเจก ตลาดมือสองจึงมีเศรษฐกิจที่รับเข้ากับผู้มีกำลังซื้อ และในที่สุดตลาดนัด St.Ouen ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยว

พอผมเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ก็พบกับความสะดวกจริงๆ เมื่อมีตัวเลือกไวน์อะไรนู่นนี่นั่นอย่างสนุกสนาน

พร้อมๆ กับข่าวการเสียชีวิตของพี่หนอมที่มาถึงผม

ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมมาปารีสครั้งนี้ ผมจึงคิดถึงพี่เหลือเกิน.

 

ปรีดี

14 กรกฎาคม 2022

 

 

nandialogue

 

 


เกี่ยวกับผู้เขียน : ปรีดี หงษ์สต้น นักเขียน นักแปล นักวิชาการ ย้ายไปอยู่ประเทศสวีเดน เลี้ยงลูกไปพร้อมๆ กับสังเกตสังกาชีวิตที่เคลื่อนย้ายผ่านเวลาสถานที่ ภายใต้ระเบียบเสรีนิยมประชาธิปไตย

You may also like...