สวัสดีครับพี่
เห็นภาพพี่ๆ เพื่อนๆ ไปเยี่ยมเยียนพี่ต้อ แล้วก็ดีใจกับทุกคนด้วยครับ
ชีวิตสั้น อะไรที่ควรทำก็ไม่ควรต้องรอช้า แต่ที่พะงัน พี่รอหน่อยก็ได้ครับ ช่วงนี้บรรยากาศแปลกๆ
เย็นย่ำวันก่อนตอนกลับมาบ้าน ระหว่างที่ผมยืนดูดีนทำบ่อน้ำเล็กๆ หน้าบ้านหลังใหม่ ผมได้ยินเสียงอีกาหลายตัวส่งเสียงกาๆๆ กังวานไปทั่วบริเวณ หันหน้าขึ้นไปมองบนยอดไม้ก็เห็นภาพฝูงอีกาเป็นร้อยๆ ตัว บินออกจากดงมะพร้าวข้างๆ บ้าน ผ่านอากาศข้ามหัวผมไปเพื่อมุ่งสู่ทะเล ให้ความรู้สึกน่ากลัวพิลึก ด้วยตำนานปรัมปราที่เราเรียนรู้มา สีขนของมันที่ดำสนิท และเสียงร้องที่ฟังแล้วชวนน่าสะพรึงซะมากกว่ารื่นรมย์
ผมอดนึกไม่ได้ว่า หรือปักษาสีดำสนิทเหล่านี้บินมาเยี่ยมเยียนเราพร้อมกับข่าวร้ายอะไรรึเปล่า ผมพูดถึงอีกาอย่างนี้สุ่มเสี่ยงมากๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าไม่พีซีและมีอคติกับนกบางสายพันธุ์ โชคดีที่บรรดานกทั้งหลายนั้นไม่เล่นโซเชียลมีเดีย และไม่สนใจเสียงคนเสียงจ๊อก ไม่งั้นผมอาจโดนทัวร์ลงเอาง่ายๆ
แต่เหตุการณ์ที่เกาะช่วงนี้ก็แปลกจริงๆ สองวันก่อนมีข่าวเด็กหกขวบชาวรัสเซียหายตัวไปจากบ้าน
รายงานจากโพสต์ในเฟซบุ๊กแจ้งเบาะแสว่ามีผู้ชายชาวฝรั่งรูปร่างผอมสูงสวมแจ็คเก็ตสีแดงพาเด็กชายขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ออกไปในช่วงเวลาพลบค่ำ ผมเห็นโพสต์ตั้งแต่กลางคืน แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังและภาวนาว่าจะเป็นข่าวปลอม เช้าวันรุ่งขึ้นผมจึงมารู้ว่าในคืนนั้นผู้คนจำนวนหนึ่งบนเกาะ โดยเฉพาะชาวต่างชาติพากันออกค้นหาและออกแรงช่วยไขคดีนี้กันอย่างเต็มแรง
ผู้ชายจำนวนหนึ่ง (หลายๆคนก็เป็นคนที่ผมรู้จัก) พากันแยกย้ายไปประจำตามท่าเรือเพื่อเฝ้าระวังว่าจะมีใครพาเด็กคนนี้ออกจากเกาะ ดีนบอกว่าไม่ใช่ข่าวปลอมแน่นอน แต่หวังว่าจะเป็นแค่เรื่องปัญหาในครอบครัว เรามีหน้าต่างเวลาแค่ 72 ชั่วโมง ที่จะหาเด็กคนนี้ให้เจอ ระหว่างที่คุยกันดีนสอนลูกชายผมให้รู้วิธีที่จะจัดการกับคนแปลกหน้าที่ไม่น่าไว้ใจด้วยการถามถึงรหัสลับประจำครอบครัว ถ้าคนผู้นั้นตอบไม่ได้ก็อย่าไปกับเขา ถ้าถูกใช้กำลังลักพาตัว แทนที่จะร้องไห้หรือกรีดร้องซึ่งอาจไม่ได้ผลเท่าไรนัก ควรปาก้อนหินใส่กระจกให้แตกเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
ผมฟังปฏิกริยาของดีนและรับรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยความประทับใจ คือสิ่งที่พวกเขาทำมันช่างจริง จริงในความหมายว่ามีผลทางปฏิบัติ เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็มีแนวทางในการแก้ปัญหาและเริ่มลงมือทำทันที แทนที่จะแค่นั่งภาวนาอธิษฐานให้ปัญหามันหายไปเอง
ประมาณเที่ยงวันก็ทราบข่าวว่าเด็กน้อยคนนี้ได้กลับมาสู่อ้อมอกของแม่แล้ว แต่เรื่องราวอันเป็นที่มาของการหายตัวไปยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในเฟซบุ๊ก เด็กหายเป็นเรื่องใหญ่ไม่ว่าจะที่ไหนของโลก แต่บนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ที่ผู้คนเชื่อมั่นและวางใจอย่างเต็มเปี่ยมกับความปลอดภัยของลูกๆ ของพวกเขา ผู้คนหลายคนบนเกาะจึงต้องการสืบไปถึงต้นตอของปัญหาเพื่อกำจัดเรื่องกวนใจนี้ให้เด็ดขาด
แม่ของเด็กและชายผู้ซึ่งบอกในภายหลังว่าพาตัวเด็กไปอย่างบริสุทธิ์ใจกำลังจะถูกตรวจสอบและจัดการ ใครหลายคนบนเกาะพร้อมจะเข้าไปแก้ปัญหาโดยไม่รอความเมตตาหรือช่วยเหลือจากทางการ บ้างบอกว่ารัฐราชการไทยไม่ค่อยอยากไปยุ่งเรื่องฝรั่งหรอก หากเหตุการณ์นี้จบไม่สวย อาทิ เด็กหายไปจริงๆ หรือเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเด็ก สิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของคนอีกหลายครอบครัวที่นี่
ภาพเด็กๆ วิ่งเล่นกันอย่างอิสระเสรีบนหาดทรายในขณะที่พ่อแม่นั่งสังสรรค์กันอย่างสบายใจ อาจเป็นเรื่องในอดีตของพะงันไปอย่างน่าเสียดาย
เช้าวันรุ่งขึ้นไปนั่งดื่มชากับเพื่อนศิลปินอีกคน เธอเล่าว่าในคืนเดียวกับที่เด็กชายหายตัวไปจากบ้าน เธอพาเพื่อนชาวจีนไปเที่ยวงานวัดประจำปีใกล้ๆ บ้านพัก พวกเธอไปนั่งดื่มเบียร์ชมคอนเสิร์ตกันตอนเที่ยงคืนกว่า นั่งได้ไม่ทันไรก็เห็นภาพผัวเมียทะเลาะและทำร้ายร่างกายกัน ผัวตบเมียลงไปกองกับพื้นแล้วลากกระชากตัวกันไปมาใกล้ๆ กับโต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่ เพื่อนชาวจีนของเธอทนไม่ไหวปาขวดน้ำพลาสติกใส่ผู้ชาย ส่วนเพื่อนผมพยายามเดินไปคุยให้หยุด แต่ก็โดนตวาดและชี้หน้าด่ากลับ พอเดินไปขอความช่วยเหลือกับชาวบ้านคนอื่นๆ ก็ได้รับเพียงความนิ่งเฉยเป็นคำตอบ
เรื่องในครอบครัวซึ่งควรอยู่ในที่ลับ เมื่อมาปรากฏอยู่ในที่แจ้งก็มักจะสร้างความกระอักกระอ่วนให้กับผู้พบเห็นได้เสมอ
บางคนบอกว่าเรื่องอย่างนี้เส้นแบ่งมันไม่ชัด แค่ไหนเรียกว่าเสือก แค่ไหนถึงจะเรียกว่าสมควร ภรรยาผมที่นั่งคุยอยู่ด้วยบอกว่าถ้าถึงขั้นลงไม้ลงมือ นั่นก็หมายความว่าสมควรแล้วที่จะต้องเสือก
ปัญหาสองเรื่องที่ว่ามานี้กำลังพิสูจน์สิ่งที่เรียกว่าวิถีของพะงัน เราจะทำให้เด็กปลอดภัยจากการขังเด็กไว้ในรั้วบ้านหรือทำให้เกาะทั้งเกาะนั้นปลอดภัย เราจะดื่มเบียร์ชมดนตรีสดผ่านหน้าจอที่บ้านอย่างรื่นรมย์ (?) หรือทำให้ลานคอนเสิร์ตสาธารณะเป็นที่ที่ใครก็อยากไปนั่งสังสรรค์
ทางเลือกมันมีอยู่สองทาง ทางหนึ่งคือปิด อีกทางคือเปิด การปิดนั้นง่ายอยู่แล้วและเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ทำได้โดยไม่ต้องปรึกษาหารือกับใคร
การเปิดนั้นยากกว่า และเป็นเรื่องส่วนรวมที่ต้องพูดคุยหาหลักการในการอยู่ร่วม ผมเลือกพะงันเพราะความเปิดของมัน แม้มีเหตุการณ์ไม่น่าประทับใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังเชื่อในพะงัน และมั่นใจว่าเกาะแห่งนี้จะเป็นสถานที่ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต เด็กหรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ควรมาอยู่เพื่อเรียนรู้ และซึมซับความสวยงามของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์
ด้วยมิตรภาพ
จ๊อก
ตอบ จ๊อก
เสาร์ที่ 2 กรกฎาฯ วันที่กินเบียร์และเบี้ยวคุณ ไม่ตอบจดหมาย เป็นค่ำคืนที่ดีนะ (ที่ไม่ดีก็คือย่อหย่อนต่อความรับผิดชอบ อยากจะเขียนตอบ แต่ไม่รอดจริงๆ ว่ะ ใครก็รู้ว่าจังหวะเวลาแบบนี้มันจะรอดได้ยังไง ใช่มั้ย สิ่งที่ถูกที่ควรคือต้องทำงานไว้ล่วงหน้า ก็นั่นแหละ พอทำไม่ได้ ผลเสียต่างๆ ก็ส่งต่อเป็นทางยาว) เจ้าของสถานที่ซึ่งตัดสินใจ‘เปิด’ บ้านรับแขกเหรื่อราวๆ สามสิบคน ดูแฮปปี้ดี มันไม่ง่ายนักหรอก กับเกมที่ไม่คุ้นเคย บวกด้วยหลายคนก็คงต้องเรียกว่าแปลกหน้า เพียงแต่ว่าพอมีบินหลาเป็นตัวเชื่อม ทุกสิ่งก็เลยลื่นไหล สนุก ตั้งแต่โควิดคุกคามทำลายโลก เราว่าน่าจะงานนี้ละมั้งที่เห็นรอยยิ้มเพื่อนพี่น้องอย่างที่เคยเห็น สองสามปีที่ผ่านมา มันไม่มีเลยเพราะต่างคนก็ต่างแยกย้ายอยู่บ้าน นานๆ ที่มีโอกาสออกมาก็มักเป็นวาระเศร้าโศก จากลา เราอยู่กันมาแบบนั้นจริงๆ และก็ด้วยเหตุผลนี้แหละที่เป็นแรงผลักให้เกิดการนัดหมาย มาตบหลังโอบไหล่เสวนากัน
เราชอบช่วงที่อาจารย์เสนาะเชิญชวนทุกคนที่มาให้ออกไปบอกเล่าความรู้สึกต่อบินหลา ในเวลาที่แต่ละคนใช้ไม่นานนัก มันสะท้อนแง่มุมอันหลากหลายของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งถ้าเรานั่งคิดคนเดียว มองคนเดียว ยังไงมันก็คับแคบจำกัดกว่าหลายๆ คนหลายๆ สายตาช่วยกันมอง โดยรวม ประเด็นว่าด้วย ‘การให้’ คือสิ่งที่เพื่อนพี่น้องส่วนใหญ่สัมผัสรับรู้ และได้รับ กับบางคนคือโอกาส บางคนคือความรู้ มุมมอง บางคนคือความเป็นพี่เป็นน้อง อีกบางคนเป็นเรื่องเล่าและสุรา
ณ ขณะถือไมค์ ยืนอยู่กลางสนามหญ้าหน้าบ้านริมแม่น้ำ เราพูดถึงบินหลาสองข้อ ข้อแรกอาจไม่แตกต่างจากความเห็นใครคนอื่นๆ นัก คือความเป็นเพื่อน แต่เราขยาย จี้จุดไปที่เรื่องเวลาและสถานการณ์ หลังปี 2010 เป็นต้นมา ประชาชนถูกทำให้อยู่ในความมืด ความเงียบ และความกลัว การมีใครอีกเพียงสักคนมายืนอยู่ข้างกัน มันมีความหมายมาก นึกออกเนาะ วันแห่งชัยชนะ คนแวดล้อมมันเยอะอยู่แล้ว แต่ห้วงยามที่ถูกทำให้พ่ายแพ้ โดดเดี่ยว โดนหมิ่นแคลนเหยียดหยาม มันยากที่ใครจะยอมมายืนกลางแดดกลางฝนเคียงข้างกัน ที่ว่ายากและไม่จำเป็นต้องแปดเปื้อนเลยนั้น บินหลาทำ เมื่อเขาคิดว่ามันถูกต้อง มันสมควรพูด เขาร่วมยืนหยัดแบบไม่ห่วงสถานะต้นทุน
คุณลองมองย้อนกลับไปสิ มีคนจำนวนไม่น้อยแสดงตนมาตลอดว่าใจใหญ่และเฉลียวฉลาดรอบรู้ ถามว่าคนพวกนั้นอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ใช่ในกระดอง บ้านเมืองของเรามีคนกล้าไม่มาก และที่น้อยกว่านั้นคือคนที่มีความรู้ แยกแยะได้ว่าเรื่องไหนควรรู้ ต้องรู้ ไม่รู้แล้วมันผิดบาป ไม่รู้แล้วสุดท้ายจะกลายเป็นคนใจร้ายโดยไม่รู้ตัว
ข้อสอง เราคิดว่าสำคัญกว่า คือบทบาทของผู้เปิดพื้นที่ เรื่องนี้เราพูดบ่อยๆ ทั้งนิตยสารและร้านหนังสือ มันคือพื้นที่ที่ส่งเสริมคำว่า ชีวิตที่ดี, ชีวิตที่พึงมีพึงได้, ชีวิตตามมาตรฐานชาวโลก
นานมากแล้วที่สังคมของเราขาดแคลนพื้นที่ ทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรม พอไม่มี ความปกติธรรมดาของสามัญชนก็ค่อยถูกกัดกร่อน และทำให้หายไป เมื่อไม่มีพื้นที่ เราจึงไม่มีสิ่งใดเลย เหมือนคำฝรั่งคำหนึ่งที่บอกว่า without people, we are nothing ใช่, เราเห็นว่าพื้นที่จำเป็นมาก เพราะมันเป็นต้นธารของการสร้างสรรค์ เป็นครรภ์มารดาแห่งสรรพชีวิต ใครที่คิดที่ทำเรื่องการ ‘เปิดพื้นที่’ จึงมีคุณูปการสูง ยิ่งกับประเทศที่จ้องแต่จะปิด การกล้าคิดสวนทาง การออกแรงทำเรื่องนี้ต้องใช้พละกำลังมาก ใช้ความกล้าหาญมาก เราเห็นว่าบินหลาทำ บทบาทเหล่านี้มีน้ำหนักไม่น้อยกว่าวรรณกรรมที่เขาขีดเขียน
คุณบอกว่าเลือกพะงันเพราะมันเปิด เออ นั่นแหละประเด็น ปิดมันง่ายแน่ๆ (บ่อยครั้งก็โง่) เปิดแปลว่าเป็นไปได้ เปิดคือมีโอกาส เปิดคือไม่จมปลักกักขังตัวเอง เปิดคือโปร่งใส ท้าทาย พร้อมตรวจสอบ เปิดเป็นฝาแฝดกับการตระหนักในความเปลี่ยนแปลง เปิดมันเสี่ยงแน่ๆ ว่าอาจผิด อาจถูก อาจได้ อาจเสีย แต่เราต่างก็ต้องเรียนรู้ผ่านความผิดถูก ได้ทดลอง ได้ลงมือ จึงเข้าใจ ที่สุดของการเปิดแท้จริงจึงหมายถึงความพยายามที่จะเดินไปสู่ชีวิตที่ดี
ยินดีและอิจฉานิดๆ ที่พะงันเปิดแล้ว ขณะที่ผู้มีอำนาจทางฝั่งแผ่นดินใหญ่คล้ายจะเฉยชินกับความมืดในห้องที่ไม่มีประตู.
เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก (ชัยพร อินทุวิศาลกุล) เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน