สวัสดีครับพี่หนึ่ง
อีกไม่กี่วันผมก็จะเดินทางกลับเกาะพะงันแล้วครับ อยู่บางกอกมาร่วมเดือนก็เริ่มชินกับบ้านเดิมที่นี่และความเป็นอยู่เดิมๆ คิดและนึกถึงเกาะพะงันบ้าง แต่ความรู้สึกมันเริ่มเลือนราง เวลามิตรสหายที่พะงันแวะมาเยี่ยมหรือโทรฯ มาทักทายบ้างก็พอทำให้ระลึกได้ว่าบ้านหลักของเราอยู่ที่เกาะ
จวบจน พอล เพื่อนชาวอังกฤษบนเกาะพะงันอีกคนแวะมาหา หลังจากไปทำงานชั่วคราวร่วมสองเดือนที่เวลส์นั่นแหละเป็นกระดิ่งเตือนว่าถึงเวลาที่พวกเราต้องกลับบ้านเกาะเช่นกัน เขาและครอบครัวแวะมานอนค้างที่บ้านอยู่สองคืนก่อนขับรถกระบะที่ซื้อต่อจากเพื่อนชาวอังกฤษอีกคนสู่เกาะ ทุกครอบครัวรู้ว่าเวลากลับบ้านคือวันที่โรงเรียนลูกเริ่มเปิดเทอม
พอลคนนี้คือคนที่เคยไปช่วยรื้อผนังของบ้านเช่าของดีนที่ถล่มลงมาหลายเดือนก่อน อาชีพหลักของเขาที่เกาะพะงันคือการเลี้ยงและรับส่งลูกชายสองคน อาชีพเสริมหรืองานอดิหลักคือเล่นพูล เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นประจำทีมๆ หนึ่ง เดินสายแข่งกับทีมอื่นตามบาร์ต่างๆ ทั่วเกาะพะงันทุกคืนวันพุธ ส่วนอาชีพเก่าคือเชฟประจำโรงแรม ครั้งหนึ่งเขาเล่าให้เราฟังถึงความเครียดของการงานสรรค์สร้างอาหารว่า สิ่งที่เขาโมโหที่สุดเวลาเป็นพ่อครัวก็คือการไม่จัดการของพนักงานเสิร์ฟ เวลาลูกค้าเข้าร้านมาพร้อมๆ กัน สิ่งสำคัญก็คือการจัดการลำเลียงออร์เดอร์ ควรจัดลูกค้านั่งโต๊ะแล้วทยอยรับและทยอยส่งคำสั่งเข้าไปในครัว ไม่ใช่ตระเวนรับออร์เดอร์ให้หมดทุกโต๊ะแล้วส่งคำสั่งเข้าไปพร้อมกันทีเดียว
พอลเคยโมโหคนเสิร์ฟที่จัดออร์เดอร์ท่วมทะลักในทีเดียวด้วยการปรุงอาหารให้เสร็จทีเดียวสี่จานแล้วบอกกับคนเสิร์ฟให้เอาไปเสิร์ฟพร้อมกันในรอบเดียวให้ได้ พอคนเสิร์ฟตอบว่าทำไม่ได้เพราะตัวเองมีแค่สองมือเท่านั้นก็เข้าทางพี่พอลเขาละ พอลตอบกลับว่าเห็นมั้ย มึงยังทำไม่ได้เลย แล้วมึงคิดว่ากูที่มีสองมือเหมือนกับมึงจะทำอาหารทีละสิบๆ จานอย่างที่มึงส่งออร์เดอร์มาได้อย่างไร (ฮา)
การพูดจากันดีๆ ควรเป็นวิธีแรกในการสื่อสารความต้องการของเรากับผู้คน แต่ถ้ามันไร้ผล ผมคิดว่าเราไม่ควรหยุดหรือจมอยู่กับความไม่สมหวังนั้น การหาวิธีอื่นๆในการสื่อสารกับเพื่อนมนุษย์นับเป็นทักษะที่เราควรมีในเวลาที่เรายังมีความจำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอยู่
พอลบ่นว่ากลับไปอังกฤษรอบนี้ ข้าวของและการกินอยู่ในอังกฤษนั้นแพงขึ้นมหาศาล เติมน้ำมันทีละห้าพันบาท กินข้าวนอกบ้านทีมื้อละร่วมห้าพันเช่นกัน ผู้คนร่วมชาตินานาอาชีพคนอื่นๆ พากันสไตรค์หรือประท้วงรัฐบาลเรื่องปัญหาค่าครองชีพกันอยู่เนืองๆ ยิ่งราคาแก๊ส (ซึ่งใช้ในการสร้างความอบอุ่น) พุ่งสูงขึ้นจากสงครามในยูเครน เขาก็พลอยกังวลถึงเพื่อนร่วมชาติบางส่วนที่อาจต้องเลือกเอาสักอย่างว่าจะทนหนาวหรือจะทนหิวในฤดูหนาวที่มาถึงหรือไม่
บ่นเรื่องของแพงเสร็จ ลูกพี่พอลก็เล่าเรื่องกวนใจระหว่างพาลูกๆ ไปสวนสนุกเลโก้แลนด์อีกว่า ระหว่างที่พวกเขาเข้าแถวต่อคิวแล้วก็พบกับการแซงคิวอย่างมีอารยะ แต่น่าขมขื่นอย่างที่โลกทุนนิยมมักจะมอบให้ผู้ไม่มีอันจะกินเสมอๆ ค่าเข้าสวนสนุกนั้นคือหนึ่งร้อยปอนด์ต่อคน แต่ถ้าไม่อยากยืนรอร่วมชั่วโมง นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักซึ่งมักจะปราศจากและขาดแคลนซึ่งเวลา สามารถจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งร้อยปอนด์เพื่อลัดคิวทั้งหมดไปได้
พอลเล่าเรื่องนี้ด้วยความฉงนว่าอะไรกันที่ทำให้มีสิ่งนี้เกิดขึ้นในประเทศของเขา พวกเราจะสอนเด็กๆ ถึงคุณค่าความดีงามและความยุติธรรมได้อย่างไร ในเมื่อทุกวันนี้ใครบางคนสามารถใช้เงินซื้ออะไรได้แทบจะทุกอย่าง
พอลบอกกับผมว่าเขากับภรรยาคิดกันมาสักพักตั้งแต่ก่อนโควิดแล้วว่าไม่อยากให้ลูกเติบโตขึ้นมาในอังกฤษ พวกเขามองว่าในขณะนี้ประเทศบ้านเกิดตัวเองมีปัญหาหลายอย่างรุมเร้า คดีอาชญากรรมก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขโมยขโจรนั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกังวลที่สุดก็คือวิถีแห่งความรุนแรงที่ผู้คนใช้ตัดสินปัญหา
พอลเล่าว่าเมื่อก่อนเวลามีเรื่องวิวาทผู้คนก็แค่เหวี่ยงกำปั้นเข้าใส่กัน ถ้าใครสักคนล้มลงทุกอย่างก็เป็นอันยุติ แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นอย่างนั้น ผู้คนเริ่มใช้มีดและปืนเป็นตัวช่วย ทำให้การยุตินั้นไม่แค่ยุติข้อพิพาท หากแต่ยังยุติชีวิตของใครบางคนอีกด้วย
พูดถึงเรื่องอาวุธ พอลซึ่งมีประสบการณ์เข้าป่าล่าสัตว์ก็เล่าเรื่องกฎการใช้ปืนให้พวกเราฟังต่ออย่างน่าสนใจ เอาแบบพื้นๆ เลย กฎมีอยู่ว่า ถ้าจะล่ากวางต้องยิงมุมกดลงดิน หรือยิงในขณะที่มีก้อนหินใหญ่หรือหน้าผาเป็นฉากหลัง
ส่วนถ้าจะล่าเป็ดต้องยิงมุมเงยขึ้นฟ้าเพื่อยิงเป็ดที่บินอยู่เท่านั้น ดังนั้นเป็ดทุกตัวที่ลอยอยู่บนผิวน้ำจะปลอดภัย (รวมทั้งนักล่าเป็ดคนอื่นๆ ที่อาจซุ่มอยู่ในพุ่มไม้รอบบึงน้ำในระดับความสูงเดียวกับเป็ดด้วย 555)
พอลเล่าว่าในหลายๆ ครั้งที่เขามือเปล่ากลับออกมาจากป่านั้นไม่ใช่เพราะไม่พบกวาง หากแต่เป็นเพราะทิศทางและองศาระหว่างตัวเขากับกวางนั้นผิดกฎระเบียบการลั่นกระสุน กฎเหล่านี้คือพื้นฐานที่เหล่านายพรานมิอาจละเมิด กฎนี้ทำให้ทั้งนักล่าสัตว์ด้วยกันหรือนักเดินป่าที่อาจบังเอิญสัญจรผ่านจะไม่โดนลูกหลง นักล่าสัตว์อาจถูกผู้คนภายนอกชุมชนมองว่าเป็นคนโหดร้ายและป่าเถื่อนกับสัตว์ได้ แต่พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครปรามาสได้ว่าปราศจากสำนึกถึงความปลอดภัยต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
กลับมาที่เรื่องหนีประเทศบ้านเกิด ทุกวันนี้พอลซึ่งมีแม่เป็นสเปนิชกำลังทำเรื่องขอสัญชาติสเปนอยู่ เมื่อได้สัญชาติพวกเขาคงจะอพยพกันทั้งหมดไปที่นั่น ที่ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าลูกๆ จะเติบโตได้อย่างมีคุณภาพและความสุขมากกว่า ระหว่างขั้นตอนนั้นเกาะเล็กๆในประเทศเขตร้อนแห่งนี้ที่มีปัญหาภายในไม่แพ้กันคงเป็นแหล่งพักพิงที่สร้างความสุขและความสบายใจให้พวกเขาได้ชั่วขณะหนึ่ง
คนอังกฤษวัยสี่สิบห้าสิบที่เกาะพะงันมักจะบ่นกับผมเสมอๆ ว่าอังกฤษเมื่อสามสิบปีก่อนไม่ใช่อย่างนี้ หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมันแทบจะทำลายค่านิยมและคุณค่าที่พวกเขาเคยยึดถือไปจนหมดสิ้น
ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเดินทางไปอังกฤษ อังกฤษในหัวผมจึงมีแค่ว่าเป็นประเทศที่มีระบอบกษัตริย์ที่ดีกว่าไทย เป็นเมืองผู้ดีและมีทักษะที่เยี่ยมยอดในการค้าขาย รวมทั้งมีการแข่งขันฟุตบอลในประเทศที่น่าตื่นเต้น อังกฤษระยะไกลในหัวผมจึงแตกต่างจนเกือบจะตรงกันข้ามกับอังกฤษในระยะประชิดที่เพื่อนชาวอังกฤษคนนี้และอีกหลายๆ คนเล่าให้ฟังเลยทีเดียว
คืนสุดท้ายเรานั่งดื่มไวน์กันอีกขวด ดื่มไปสักค่อนขวด พอลทำท่าจะขอตัวไปนอนเอาแรงเพื่อออกเดินทางแต่เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้น แต่พอได้ยินว่าผมจะนั่งดื่มต่อคนเดียวให้หมดขวด ลูกพี่ก็เปลี่ยนใจนั่งดื่มน้ำเปล่าสองสามแก้วเคล้ากับกัญชาหนึ่งตัวต่อกับผมจนไวน์เกลี้ยงขวด
ผมบอกว่าคุณนี่มารยาทดีจริง เป็นแขกมาพักแท้ๆ ยังทำตัวเสมือนเป็นเจ้าบ้านที่แสนอารี ทำเอาคนเป็นเจ้าบ้านรู้สึกผิดและละอายเพราะตัวเองมักจะหนีแขกไปนอนก่อนเป็นนิจ (ฮา)
ไว้วันไหนพี่หนึ่งมานอนบ้านผมอีก ผมขอทดสอบดูอีกสักครั้งว่ามารยาทการดูแลแขกของผมจะดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไรบ้าง จากการพบปะมิตรสหายเมืองผู้ดีมาระยะหนึ่ง
ด้วยและแด่มิตรภาพครับพี่
จ๊อก
ตอบ จ๊อก
เราก็ไม่เคยไปอังกฤษ รวมทั้งแทบไม่รู้อะไรอัปเดตเลยในปัจจุบัน นอกจากฮาแลนด์ เด็กปีศาจแห่งเรือใบสีฟ้า คนบ้าอะไรวะยิงบ้าคลั่งไม่เคยพบเคยเห็น รอดูต่อไปว่ายืนระยะยาวๆ แล้วลูกพี่เขาจะจ๊าบแค่ไหน (เหมือนเดิมน่ะ วิธีดูบอลของเราคือดูเป็นคนๆ ทีมอะไร ลีกอะไร กูไม่สน ชอบคนไหนกูดูคนนั้น)
ฟังเรื่องคุณค่าที่คุณคุยกับพอลแล้ว เราเห็นว่าคุณค่ามีสองแบบคือคุณค่าล้าหลัง กับคุณค่าอมตะอันเป็นสากล เรื่องความยุติธรรม เราคงไม่ต้องเถียงกัน ในทางรายละเอียดอันหลากหลายแตกต่าง แต่ไม่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นที่ไหน โลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ความยุติธรรมคือคุณค่าอันเป็นนิรันดร์ เช่นเดียวกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ คุณค่าในโลกสมัยใหม่ที่เราต้องยึดถือสมาทาน มองสังคมไทย ว่าไปมันอาจจะจริงที่คล้ายเรายังเดินทางไม่ถึง ‘สมัยใหม่’ (เทคโนโลยีถึงพร้อมนานแล้ว) ปัญหาคาราคาซังจึงยังไม่ถูกแก้ไขซะที ฝ่ายผู้มีอำนาจตั้งการ์ดยึดมั่นในคุณค่าล้าหลัง ยืนยันจะเอาแบบนั้น ทั้งที่ระบอบการปกครองเปลี่ยนมา 90 ปีแล้ว ชนชั้นนำที่เคยได้ประโยชน์ในโลกเก่าไม่ยอมเปลี่ยน มันจึงลักลั่น อิหลักอิเหลื่อ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่อย่างนี้
คุณดูภาพการไล่จับคนขังคุกเพราะตั้งคำถามสิ แค่ถาม จับติดคุกเฉยๆ ซะอย่างนั้น ไม่ให้ประกัน ทั้งที่ยังไม่พิจารณาคดี คือด้วยเพราะอยากประวิงเวลา อยากเชิดชูคุณค่าแบบเดิม พวกเขายอมทำลายหลักกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมหมดสิ้น นึกไม่ออกน่ะว่านักศึกษานิติศาสตร์จะเรียนหนังสือกันอย่างไร ในเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่หน้าด้านจะเอาแบบนี้
‘ความสามารถในการแยกแยะและให้คุณค่า’ ควรเป็นหัวข้อที่สังคมของเราต้องถกเถียงครุ่นคิดกันให้หนัก ผลมันต่างกันมหาศาลเลย เมื่อใครคนหนึ่งแยกแยะและให้คุณค่าผิด ยิ่งบางอย่างไม่ใช่เรื่องส่วนตัว บางเรื่องที่เกี่ยวโยงกับกติกาและการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มาก เมื่อแยกแยะไม่เป็น ให้คุณค่าผิดเพี้ยน กลไกที่เคยฟังก์ชันและน่าเชื่อถือก็พังพินาศ ถามว่าแล้วเราจะอยู่กันยังไง ในเมื่อไม่เหลือคุณค่าสากลให้ยึดถือ
จำภาพประวิตรชี้มือไปที่ประยุทธ์ได้ใช่มั้ย บอกคนนี้ทำปฏิวัติ แล้วประยุทธ์ก็ยกมือรับสารภาพด้วยสีหน้าท่าทางเบิกบาน คล้ายไปทำความดีความงามมาอย่างยิ่งใหญ่ เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในซ่องโจรที่ไหนนะ แม่งเกิดขึ้นในสภาผู้แทนราษฎร โดยความหมาย ผู้แทนก็คือคนที่ได้รับเลือกตั้ง ได้รับมอบหมายให้ไปทำหน้าที่แทน ในช่วงเวลาหนึ่ง หมดเวลาแล้วก็เลือกตั้ง คัดสรรหาบุคคลที่เหมาะสมกันใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ในบ้านเมืองของเราคืออะไร คนทำรัฐประหารแม่งชูมือ ลอยหน้าลอยตา และสมาชิกผู้ทรงเกียรติอีกจำนวนหนึ่งก็ไชโยโห่ร้อง
ในความเห็นเรา คุณค่าประชาธิปไตยและประเด็นทางสิทธิเสรีภาพเมืองไทยยังอ่อนแอมาก คนที่ซวยก็คือคนหนุ่มสาว พวกเขาเติบโตมาในอีกชุดความเชื่อหนึ่ง ความเชื่อและคุณค่าอันเป็นสากล แต่กลับต้องมาเจอสภาพ ‘คนแก่ล้าหลังคลั่งอำนาจนอนขวางความเจริญ’ ซวยแน่ๆ ซวยฉิบหาย และที่น่ายกย่อง พวกเขาและเธอก็ต่อสู้ พยายามหาวิธีสันติพาสังคมไปสู่โลกอารยะ
ก็ชนกันอยู่อย่างนี้ รบรากันอยู่เช่นนี้ ตราบเท่าที่ฝ่ายอำนาจเก่าไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก
คุณพอนึกออกป่าวไม่รู้ ปี 2011 เราและเพื่อนนักเขียนเคยมีรูปขึ้นปกหนังสือพิมพ์ด้วยนะ (เหี้ย เกิดมาเคยทำแต่หนังสือพิมพ์ ไม่นึกฝันว่าวันหนึ่งจะมีรูปขึ้นปกหนังสือพิมพ์–ค่ายที่ตัวเองเคยสังกัด) ขึ้นเพราะอะไร ด่าหรือชม เชิดชูหรือใส่ร้าย คุณคงพอจินตนาการได้ไม่ยาก คือมันก็เป็นซะอย่างนี้ไง แม้กระทั่งสื่อมวลชนด้วยกัน เพื่อนฝูงเคยเห็นหน้าเห็นตากัน เพียงเราเสนอให้แก้ไขกฎหมายอาญามาตราเดียว ก็โดน ย้ำ แค่ข้อเสนอ นักเขียนหาได้มีอำนาจใดไม่
สิบปีผ่านไป ใครลุกขึ้นมาตั้งคำถามในอำนาจและคุณค่าล้าหลังก็ยังโดนเล่นงานอยู่ หนักข้อขึ้นด้วย ไม่แคร์ข่าวสารเทคโนโลยีที่ทะลุฟ้าทะลุดิน แต่ก็นั่นแหละ ของหมดอายุก็คือหมดอายุ อาการฟาดงวงฟาดงาโดยไม่สนกติกาใดๆ เลย มีแต่หายนะเท่านั้นที่รออยู่เบื้องหน้า ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเร่งคืนวันสู่สุสาน
คุณค่าสากลร่วมสมัยอยู่ในมือคนหนุ่มสาว ไม่ว่าในระยะใกล้หรือห่างไกล โลกยังคงหมุนไปทางนี้เสมอ.
เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก (ชัยพร อินทุวิศาลกุล) เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน ทุกสัปดาห์เขาเขียนจดหมายมาคุยกับ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ บรรณาธิการ nan dialogue