สาวน่าน จบเทคนิคแล้วไปทำงานอยู่หน่วยเร่ขายกางเกงยีนส์ Lee ประจำสายอีสาน พบรักที่สุรินทร์ มีลูกชายคนหนึ่ง ความรักของเขาและเธอมีอายุสองปี และหย่า ซมซานกลับมาน่าน เคยไปช่วยเพื่อนทำงานเสิร์ฟ แล้วพ่อบอกว่าอย่าเลย กลับเข้าไปเป็นพลเมืองกรุงเทพฯ เต็มตัวตอนอายุยี่สิบหก ทำงานด้านการขายมาตลอด อยู่ห้องเช่า อะพาร์ทเมนต์ ฝั่งธนฯ ต่อเนื่องยาวนานยี่สิบปี และเมื่อโควิดเดินทางมา ชีวิต ‘นุ้ย’ เรืองผกา วุฒิการณ์ ในวัย 45 ปี ก็เปลี่ยนแปลงสู่โลกของ ‘โชเฟอร์แกร็บ’
คุณนุ้ยบอกว่ามีลูกตอนอายุยี่สิบสอง
ค่ะ เป็นความผิดพลาด ใจเร็ว ท้องก่อนแต่ง วัยรุ่น ไม่ดูอะไรให้ดีก่อน ความคิดตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน คุมกำเนิดก็ไม่ค่อยเป็น ข้อดีคือตอนนี้เพื่อนบางคนอยากมีลูก มีไม่ได้ แต่เรามีแล้ว และดีมากเลย เอาข้อผิดพลาดทั้งหมดมาเป็นบทเรียนสอนลูก มันคือข้อดี ทำให้ลูกมีทางเดินที่ไม่เหมือนเรา สอนลูก ทำอะไรที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น ไม่ผิดกฎหมาย คิดบวก ลูกทำตาม ทำงานตั้งแต่เรียน ตอนนี้เขามีเงินเก็บหลักแสน
บอกเขาเรื่องคุมกำเนิด ใช้ถุงยาง คุยกับลูกว่าการมีเซ็กซ์เป็นเรื่องปกติ เปิดใจคุยกัน เรื่องเซ็กซ์ คุยได้หมด ตอน ม.3 พกถุงยางแล้ว น้องหน้าตาดี ผู้หญิงเข้ามาเยอะ เราโล่งใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำ จะไม่มีครอบครัวเร็วเกินไป
โดยรวมความรักถือว่าสุขหรือทุกข์มากกว่า
ตอนเลิกกับพ่อเขา ทุกข์มาก และไม่เข้าใจมานานว่า ทำไมเฟลตลอด ทำไมไม่จบดีๆ สักคน ทั้งที่พยายามแล้ว แต่เดี๋ยวนี้สบาย มีความสุขกับชีวิตโสด จะคบจะคุยกับใครก็ได้
เมื่อก่อนไม่มองตัวเอง ไม่หันมองว่าตัวเองมีข้อเสียอะไร เช่น เรื่องงานบ้านก็ไม่ค่อยได้ ถนัดงานข้างนอก การเอาใจ หลายๆ อย่าง เมื่อก่อนไม่รู้ตัว ต้องเอาใจเหรอ เลยพังมาตลอด คำพูดคำจาขวานผ่าซาก พูดไม่รู้เรื่อง กระทั่งเรื่องเงินก็มีปัญหานะกับชีวิตครอบครัว ถ้ามันไม่มีเงินหล่อเลี้ยงเพียงพอ หงุดหงิด ทำให้ทะเลาะกัน เงินมีส่วน จีบกันก็ต้องใช้เงิน กินข้าว ซื้อดอกไม้ กินกาแฟ อยู่ด้วยกันมันต้องใช้ ..ขี้หงุดหงิด เมื่อก่อนนะ เดี๋ยวนี้สบาย
ทำไมถึงเลือกมาขับแกร็บ
อยากได้เงินเพิ่ม ก่อนนั้นทำไปรษณีย์เอกชน รายได้น้อยมาก เจอคนทำแกร็บ เลยลองไปสมัคร เขาตอบรับภายในสองอาทิตย์ และขับได้เลย
มันต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
ก็ทั่วๆ ไป ตรวจประวัติอาชญากรรม ดูเรื่องเมาไม่ขับ อายุ ไม่ซีเรียส อาชีพอะไรก็ได้ อายุการใช้งานรถไม่เกินเก้าปี เคยมีคนชวนตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ แล้ว แต่ไม่ทำ มองไม่เห็น มองข้าม เขาบอกว่าได้เดือนละสามสี่หมื่นเลยนะ เราก็เฉยๆ เพราะเป็นผู้จัดการสาขาช็อปของเจมาร์ท ก็โอเค อยู่ได้ จนต้นปีที่แล้วเริ่มมีข่าวโควิด ประมาณกุมภาฯ รู้สึกว่าค่อยๆ โดนบีบ เงินน้อยลง งานเพิ่มขึ้น ตอนนั้นเลยเริ่มคิดว่ากลับน่านดีกว่ามั้ย
ทำงานอะไรมาบ้าง ที่กรุงเทพฯ
ทำเจมาร์ท 7-8 ปี ก่อนนั้นขายพวกไอที คือเรียนจบการตลาดจากเทคนิคที่น่านแล้วไม่มีอะไรทำ เหมือนมีเส้นกั้นอยู่ ไปสมัครเทเลวิซ ก็ไม่ได้ แต่พอไปเทเลวิซ กรุงเทพฯ คุยแล้วเขารับเลย ตอนหลังย้ายมาทำเจมาร์ท ขึ้นเป็นผู้จัดการสาขาที่เดอะมอลล์ บางแค แล้วย้ายไปเซ็นทรัลเวสต์เกต สรุปว่าอยู่กรุงเทพฯ 20 ปี กลับน่านปีที่แล้ว ตอนนั้นเครียดมาก อยู่ต่อไม่ไหว
ชีวิตที่กรุงเทพฯ กินอยู่ยังไง ลองเล่าให้ฟังหน่อย
ครั้งแรกเลย อยู่กับเพื่อน ค่าเช่าสองพันกว่าบาท ห้องไม่มีอะไรเลย เตียงมี แต่ไม่มีฟูก เขาให้หาเอง ห้องประหยัดสุด ทำกับข้าวได้มั้ย ได้ แต่ร้อน ทำไม่ได้ สุดท้ายซื้อกิน สามเดือนต่อมามีเพื่อนมาชวนไปเช่าบ้านตรงข้ามตั้งฮั้วเส็ง ธนบุรี หารกัน ถูกกว่าเดิม คราวนี้พันห้า บ้านทาวเฮาส์ มีห้าห้อง เราเลือกห้องเล็กสุด ซุกเข้าไปนอนเลย
อยู่ได้ประมาณปีหนึ่ง ย้ายไปเช่าอะพาร์ทเมนต์อยู่บางแค สภาพเหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่สะดวกสบาย ไม่โอเค อยู่กรุงเทพฯ ถ้าเงินเดือนไม่ถึงสามหมื่นอยู่ไม่ได้ อยู่ไม่สบาย ซึ่งตอนนั้นหมื่นกว่าบาท กว่าจะมาเป็นผู้จัดการช็อป กว่าจะได้เงินสามหมื่น ลำบากหลายปี
เงินน้อยกว่าสามหมื่นอยู่ลำบาก กินได้แต่ข้าว ขนมเดือนละครั้งสองครั้งเพราะออกไปซื้อขนม ก็ต้องใช้เงิน จะไปเที่ยวไหน มันใช้เงินหมดเลย สรุปคือกินข้าวอย่างเดียว กลับบ้าน นอน ชีวิตหาสีสันไม่ได้ พอกลับมาอยู่น่าน คนละเรื่องเลย ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น แม้ว่าเงินน้อยกว่ามาก
จุดที่แย่ของกรุงเทพฯ คือ..
รถติด บางทีออกอีเวนต์นอกสถานที่ นั่งรถสามต่อ ไปทำงานไม่ทัน โดนหักนาทีละห้าบาท ไปทำงานศูนย์สิริกิติ์ เราอยู่บางแค นั่งรถตู้ไปลงอนุสาวรีย์ชัยฯ บางทีมีรถตู้ยาว แล้วแต่จังหวะ เรารอไม่ได้ รถตู้กว่าจะออก เป็นชั่วโมง ไปสาย โดนหัก มีปรับ โดนลงโทษ เต้นเป็ดให้เขาดู แล้วแต่มาตรการ เพื่อไม่ให้พนักงานมาสาย แต่เราก็สายประจำ เผื่อแล้วเผื่ออีกก็ยังสาย เผื่อสองชั่วโมงขึ้นไป ก็ไม่ทัน
เคยเจอรถติดนานสุดแค่ไหน
ห้าชั่วโมง แยกแคราย ที่เขาบอกว่าแยกนรก
ยังดีที่เป็นรถส่วนตัว คันนี้แหละ ยกแข้งขาได้ แต่ละคนในรถ อั้นฉี่ พอหาที่จอดได้ พุ่งเข้าห้องน้ำ
มีความหลังฝังใจมากเรื่องรถติดและความยากลำบาก ถึงซื้อรถไงคะ มันไม่ไหว จำแม่นเลยวันหนึ่งยืนอยู่แยกจรัญฯ รอรถเมล์ รถกระบะวิ่งมา น้ำขี้โคลนพุ่งเต็มหัวเต็มตัวเรา ตั้งแต่วันนั้น ตั้งใจเก็บเงินไปดาวน์รถ
บ้าน เช่าเขาอยู่ตลอด ?
เคยไปซื้อ มันไม่ผ่าน ทำไม่ได้ เคยคิดจะซื้อบ้านเพราะเราเช่าเท่ากับซื้อ ครั้งสุดท้ายค่าเช่าเดือนละสี่พัน แอร์ไม่มี ติดเอง เงินเดือนสามหมื่น ค่าเช่าสี่พัน ผ่อนรถแปดพัน หนักเหมือนกัน นู่นนั่นนี่ ผ่อนรถเจ็ดปี หมดก่อนกลับน่าน หมดแล้วกลับเลย
ยี่สิบปีในกรุงเทพฯ คิดว่าได้หรือเสียมากกว่า
ได้ประสบการณ์ ได้เรียนรู้งาน ถ้าอยู่ที่น่านเราอาจไม่โต มองไม่กว้าง ถ้าอยู่น่านตลอด ไปรษณีย์ฯ ก็คงไม่กล้าทำ แกร็บ ไม่กล้าขับ หรือรถ ก็อาจจะขับไม่เป็น
แล้วเวลายี่สิบปี สูญเสียอะไร
เสียเยอะ เงินหามาได้เท่าไร จ่ายให้ค่าขนส่ง ค่าเช่าบ้านหมด
การแข่งขันมีข้อดีข้อเสีย ทำให้เราเรียนรู้ ต่อสู้ และเสียเปรียบ โดนเอาเปรียบ ทุกคนอยากยืนที่หนึ่ง โดนหักหลังบ้าง สวัสดิการไม่ดีแน่นอน เสียเวลา อยู่เมืองน่าน เวลาเหลือๆ อยู่กรุงเทพฯ ตื่นมาเผื่อไว้เลยสองชั่วโมงครึ่งเพื่อการเดินทาง กลับอีกสองชั่วโมงครึ่ง
เงินเดือนสูงสุด ตอนทำงานที่กรุงเทพฯ
สามหมื่นเจ็ด ถือว่าพอใช้ แต่มันไม่แน่นอน เราอยู่ในงานขาย
ถือว่ากลับมาบ้านด้วยสภาพจิตใจที่พ่ายแพ้หรือเปล่า
มีบ้างช่วงแรกๆ ทำไมคนต่างจังหวัดคนอื่นอยู่ได้ แล้วทำไมเราอยู่ไม่ได้ แต่หลังๆ พอก้าวออกมาแล้ว เริ่มเห็นว่าเพื่อนต่างจังหวัดก็ทยอยกันกลับ เลยคิดว่าไม่ได้มีฉันคนเดียว ฉันไม่แปลก
ตอนนั่งรถไปกรุงเทพฯ ถือกระเป๋ากี่ใบ
ใบเดียว ไปคนเดียว
ขากลับ มีกี่ใบ
เป็นสิบ ส่งมาก่อนยี่สิบกล่อง เพราะการขนส่งสะดวก ไม่แพง เลือกของทิ้งไปเยอะด้วย เตียง ค่าส่งหมื่นกว่า ไม่ไหว แจกจ่ายคนแถวนั้น แกะแอร์ให้พี่ที่เคยช่วยเหลือ ที่นอน พี่ หนูขายสี่ร้อย เททิ้งเทขว้าง ขายตู้ ขายทุกอย่าง
มีอารมณ์แบบอาลัยอาวรณ์กรุงเทพฯ มั้ย ก่อนจะนั่งรถออกมา
เป๋ๆ เหมือนคนเริ่มหัดเดินใหม่ ลูกชายมาช่วยขับรถกลับน่าน ยอมรับว่าใจหาย มันอยู่จนเราชินแล้ว เช้ามา ทำอะไร ตื่นกี่โมง เผื่อเวลายังไง เรียกว่าตอนหลังเซียนน่ะ แต่งหน้าตอนรถติด ลงรถแล้วสวยเลย
คือเราอยู่กรุงเทพฯ นาน ทำมาสารพัด ขายประกัน ก็เคย และรู้แล้วว่าขายไม่ได้ มันไม่ใช่ตัวเรา ขายยากนะ ไม่ใช่ว่าไม่ลองอาชีพอื่น ลองหมดแล้ว มันไม่ได้
งานแรกที่น่าน มาทำร้านไปรษณีย์เอกชน ?
ใช่ ศึกษาจากออนไลน์ คิดว่ามันต้องได้ แต่เราคิดผิด เพราะน่านทำอะไรยาก คนน้อย ค้าขายต้องใช้เวลา มีคนซื้อแฟรนไชส์เหมือนเรา ก็อปเราทุกอย่าง ตอนนี้เขาขยายสองสาขา อยู่สินธรทาวเวอร์ สีลม ของเราปิดแล้ว
ค่าแฟรนไชส์เท่าไร
สี่หมื่น รวมค่าตกแต่งร้านก็เป็นแสน จริงๆ มันพอไปได้นะ ถ้ารอได้ แต่เราใจร้อน รอไม่ไหว ทำได้ห้าเดือน ได้คืนมาไม่ถึงสามหมื่น
ความคิดหลักคืออยากทำอะไรที่ไม่ต้องเป็นลูกน้องคนอื่น พอเลี้ยงตัวเองได้จนแก่ ศึกษาเรื่องไปรษณีย์เอกชนมา สองสามเดือน ไปดูที่จริง เราชอบส่งของไปรษณีย์ ถาม ดู มันพลาดตรง ถามที่กรุงเทพฯ แต่มาทำที่น่าน ใจร้อนด้วย อยากได้อะไรเข้ามาเร็วๆ พอวิ่งแกร็บ เงินเยอะกว่ามาก เลยตัดสินใจปิดไปเลยดีกว่า ถามว่าลงทุนไปเยอะ เสียดายมั้ย เสียดายแน่นอน แต่ทุกอย่างคิดว่าหาใหม่ได้ มีเริ่ม มีจบ
ตอนทำไปรษณีย์ เริ่มขับแกร็บแล้ว หารายได้เสริมเพราะอยู่ทางเดียวไม่ได้ ออกบ้านไปหาพวกเจ้าของกิจการ เจอใครก็ปรึกษา พี่ ทำอะไรดี หนูอยากมีรายได้ เขาบอก–ไปขับแกร็บเลย เราก็–มันจะดีเหรอ เขาบอก–ดี ได้ตังค์ ได้ไปเที่ยว ได้ทิปด้วย
ไปขับอาทิตย์แรก กลัวเหมือนกัน จนรอบที่สี่ เริ่มชอบ มันได้คุยกับคน ได้ไปเที่ยว ไม่ต้องตอกบัตร ไม่ต้องนั่งอยู่กับที่ แค่ขับรถไปเรื่อยๆ เป้าหมายคือส่งลูกค้า บริการ ก่อนขับมีคอร์สอบรมเรื่องการบริการซึ่งตรงกับนิสัยเรา เมื่อก่อนชอบทะเลาะกับแท็กซี่ เคยเจอที่ไม่ดีมา และเราจะไม่ทำแบบนั้น
แกร็บน่านมีกี่คน
29 คน ผู้หญิง 3 คน แต่คนอื่นไม่ค่อยขับเท่าไร เหมือนหายไปเลยจากไลน์กลุ่ม
ระบบแกร็บเป็นยังไง ได้เงินมา ต้องแบ่งให้เขาเท่าไร
25% ถ้าผู้โดยสารกดเข้าระบบแล้ว เรายกเลิกไม่ได้ เซ็นสัญญากับแกร็บแล้วขับไปได้ตลอด ยกเว้นถ้าเราไม่ขับติดต่อกันหกเดือน ระบบจะตัดเองโดยอัตโนมัติ ส่วนสภาพรถ ผู้โดยสารจะรายงานเอง รถไม่ดี ไม่สะอาด มีคอมเมนต์อยู่ ล้างรถอาทิตย์ละครั้ง ตอนยังมีงาน ตอนนี้นานหน่อย ไม่ได้ล้างเอง ช่วงวิ่งแกร็บบ่อยๆ บางทีสี่วันล้างแล้ว เพราะมันฝังใจ เวลาเจอแท็กซี่เหม็นๆ รับไม่ได้ เคยเจออะไรที่ไม่ดีมา เราจะไม่ทำ เคยมีครั้งหนึ่ง ลูกค้าเยอะ รถเลอะ ลูกค้าคนหนึ่งบอกว่า รถเราสกปรกมาก ตอนนั้นแบบ.. ช็อก ไปไม่เป็นอยู่สองวัน เครียดกับคำว่าสกปรกมาก ตอนหลังจะระวังเป็นพิเศษ
ตั้งแต่ขับมา ได้เงินดีมั้ย
ดีมาก จนมาโควิดนี่แหละที่มีปัญหา ก่อนนั้นได้วันละพันห้า หักค่าน้ำมันแล้ว
แฮปปี้มาก สภาพความเป็นอยู่ทุกอย่างดีขึ้น ซื้อของให้หลานเยอะแยะ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ซื้อให้ เพราะไม่ได้ขับมาตั้งแต่เมษาฯ กลัว รู้สึกไม่ปลอดภัย พฤษภาฯ มิถุนาฯ ก็รอดู เช็คยอดผู้ติดเชื้อ จนตอนนี้.. อาชีพเราโอกาสติดมีมาก ก็ต้องดูสถานการณ์วันต่อวัน หยุดงานตอนแรกยังมีเงินใช้ สองเดือนแรกพอไหว พอเดือนที่สามเริ่มคิดเยอะ ว่าจะซื้ออะไรกินหรือไม่ซื้อ
ก่อนโควิดบางวันขับ 6 ชม. ไม่ได้ลงรถเลย เข้าห้องน้ำ ปิดระบบ ออกมา เปิด ดังตลอด งานเข้า ถึงห้าทุ่ม บางวันได้สองพัน ถ้าเราขับไหว ไม่เหนื่อยเกิน บางวันข้าวไม่ได้กิน
เริ่มงานกี่โมง
เที่ยงๆ ช่วงเช้ามันเพลีย เพราะขับถึงสามสี่ทุ่ม กว่าจะกลับบ้าน อาบน้ำ ล้างหน้า ผู้หญิงน่ะ ทานั่นทานี่ ขอตื่นสายๆ เถอะ ยกเว้นวันไหนมีลูกค้าขอให้ไปรับตอนแปดโมง ก็เริ่มงานแต่เช้า
พอมาตอนนี้แย่มั้ย
ถ้าอยู่คนเดียวถือว่าแย่ ยังดี มีครอบครัว พ่อแม่ ให้กำลังใจกัน คิด ทำนั่นนี่ ถ้าอยู่กรุงเทพฯ โควิดรอบแรก เครียด แย่มาก คนไม่ออกจากบ้านเลย ลาออกแล้วด้วย ช่วยเพื่อนดูร้านขายขนม คนไม่มีเลย การใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ชิน รำคาญใส่แมสก์ ใส่นาน จะเป็นลม บางทีลืมล้างมือหน่อยก็เครียด ออกไปเดินตากแดดเพราะคิดว่าฆ่าโควิดได้ เอารถตากแดด การใช้ชีวิตเปลี่ยน ตอนนี้เริ่มปรับ ใส่แมสก์ ล้างมือ ป้องกันตัวเอง เว้นระยะห่าง ทำให้เครียดน้อยลง
ก่อนโควิด เงินดีมาก มีความสุข งานอิสระ เจอคนหลายๆ แบบ บางคนไม่อยากให้เราพูด บางคนชอบคุย เขาจะถามเราเอง ได้เที่ยว ได้เห็น เป็นคนน่านจริง แต่ไม่รู้จักทุกซอกซอย พอมาขับแกร็บก็ทำให้รู้ว่าโรงแรมที่น่านมีกี่ที่ คาเฟ่มีเท่าไร ที่เที่ยวมีตรงไหน งานบริการเราชอบอยู่แล้ว สิ่งที่แท็กซี่พวกนั้นทำแย่ๆ เราจะไม่ทำ เช่น ให้จอดตรงนี้ เขาไปจอดข้างหน้า ให้จอดในตึก เขาบอกจะจอดนอกตึก ทั้งที่ฝนตก เข้าไปหลบฝนหน่อย เขาบอกว่าไม่ได้ อยู่ตรงนี้สะดวกกว่า มันคือสิ่งที่ไม่น่าทำ บอกเขาว่าหนูจ่ายตังค์นะ เขาบอกไม่เอา ไม่ไป คือบางทีตังค์สิบยี่สิบที่เพิ่มให้ ไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือทำให้ผู้โดยสารพอใจ ถ้าเขาพอใจ เราคนทำงานก็มีความสุขใช่มั้ย
บางคนขอเบอร์ไปบอกต่อ อันนี้นอกระบบ เราจะไม่โดนหัก 25% ลูกค้าผู้หญิงต้องการความปลอดภัยเคยโทรฯ มาดึกๆ ถามว่าเป็นคนอื่นเขาคงไม่กล้าออก แต่เราคิดว่าไม่มีอะไร เหมือนเราได้ดูแลเขา เลิกงานสามทุ่ม สี่ทุ่ม บอกมารับหน่อย พอเราไป เขาก็แฮปปี้
เคยเจอลูกค้าโทรฯ มาดึกสุดกี่โมง
ตีหนึ่ง น้องเมา เคยขึ้นแกร็บหนึ่งรอบและมีเบอร์เราอยู่ บอก พี่มารับหนูหน่อย หนูเมาอยู่หน้าผับ ตอนนั้นกำลังนอนดูทีวี ยังไม่หลับ ก็โอเค ตัดสินใจออกไป ปรากฏว่าน้องเมาจริงๆ โทรฯ ไหว แต่เดินไม่ไหว กองอยู่กับพื้นหน้า X2 วัยรุ่นก็ทะเลาะกันอยู่ อันตรายเหมือนกัน
ลูกค้าส่วนใหญ่โอเคมั้ย บวกหรือลบมากกว่า
บวกประมาณ 95% ที่เหลืออีกห้าออกแนวจีบ เรียกว่าลบมั้ยคะ หรือบวก
บางคนส่งถึงที่แล้วเขาชวนเราไปเที่ยวด้วย ให้กินเวลคัมดริงก์ ให้ตังค์อีก อารมณ์เหมือนเป็นญาติมากกว่า ถูกชะตา อาจจะด้วยน้ำใจที่เราให้ก่อน เขาไม่มีรถกลับ เราช่วย พอจะลงรถ เขาก็ดีกับเรา มันไม่เหมือนแค่คนขับกับผู้โดยสาร บางคนเอาเบอร์เราไปส่งต่อให้คนอื่น ทำให้รายได้เราเพิ่มขึ้น ลูกค้าโทรฯ ตรง
ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ คนน่านเพิ่งรู้จักแกร็บประมาณพฤศจิกาฯ ธันวาฯ ปีที่แล้ว
เคยมีลูกค้าเรียกรถไปไกลสุดถึงไหน
เลยเดอะวิวกิ่วม่วงไปหน่อย อำเภอสันติสุข ไม่กล้าข้ามจังหวัด ไม่รับเอง ยังห่วงเรื่องความปลอดภัยอยู่บ้าง เราเป็นผู้หญิง
เคยเจอเคสแย่ๆ แค่ไหน
มันไม่ได้ถึงขั้นแย่มาก มีผู้ชายขึ้นมาสี่คน ชวนไปกินเบียร์ต่อในโรงแรม คือพอเจอเราก็พยายามพูดนั่นนี่ ไม่ได้คุกคามหรือลวนลามอะไร แต่ใช้คำพูด กินเบียร์ก่อนมั้ย เราบอกกินไม่ได้ ขับแกร็บ เขาบอก ก็ไม่ต้องขับไงครับ
มีพี่คนหนึ่งสอนว่าถ้าเจอแบบนี้ ให้บอกเขาไปเลยว่าเรามีรายได้วันละสี่ห้าพัน ถ้าจะให้ดื่มด้วย พี่วางเงินมาเลยสี่ห้าพัน ไม่งั้นเราเสียรายได้ เออ น่าสนใจ คิดว่าจะพูดแบบนี้ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้พูดหรอก เราวางตัวให้ดีมันเหมือนมีเกราะในตัว หรือถ้าพูดไปจริง เขาคงถอย ไม่มีใครให้อยู่แล้ว ไม่มีใครกล้า หรือถ้าให้จริงๆ เราคงโอนเขาคืน
เคสลักษณะลวนลามยังไม่มี ?
ไม่มี มีแค่โกงเงิน ลงรถแล้วไม่ยอมจ่าย วัยรุ่นอายุ 19-20 ปี เขาบอกจะโอนให้ ปกติลงรถ เราไว้ใจ เคสนี้จ้างในระบบแล้วไปต่อข้างนอก ไม่เรียกในระบบ ไปโลตัสต่อ พี่รอนะ ผมไปซื้อของ วันนั้นคนนี้ไป 5 ที่ คิดตามแกร็บก็ราวๆ ห้าร้อยกว่าบาท เราไม่คิดค่านั่งรอ พิเศษให้ พอลงไป บอกเดี๋ยวโอนให้ รอถึงเย็นก็ไม่โอน เลยไลน์ไป เอ้า ไม่รับ ไม่อ่าน เป็นลักษณะของคนที่หนี เลยส่งข้อความไปบอกว่า พี่มาโรงพักแล้วนะ ถ้าไม่เคลียร์ภายในหกโมงเย็น เจอกันพรุ่งนี้ สรุปว่าเขาโอนมาตอนเช้า แต่เผอิญเราไม่เห็นยอด เลยไปแจ้งความตอนสิบโมง
เด็กคนนี้มีประวัติการโกงรถเช่าหลายที่ ที่อื่นโดนเจ้าละสี่ห้าพัน เคสแบบนี้สำหรับเรา สิ่งที่แย่สุดคือเสียเวลา แต่ก็โอเค เราได้รู้ข้อกฎหมาย รู้วิธีการพูดกับตำรวจกับทนาย ตำรวจบอก คดีเล็ก ไปศาลเอง ห้าร้อยมันไม่คุ้มนะ เราบอกไม่เป็นไร อยากมีความรู้เพิ่ม
โดยรวมคือสบายๆ จัดการได้ ?
ได้ เจอปัญหาก็ไม่หงุดหงิด พยายามไม่หงุดหงิด เราไม่แสดงอาการ นิ่งเงียบดีกว่า มันเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน สิ่งที่เราควรทำคืองานบริการ ให้ขึ้นรถเรามา เขาชอบ พอใจ นั่งไปแล้ววันหลังอยากนั่งอีก ดีกว่าลงแล้วด่าตามหลัง ส่วนใหญ่ลูกค้าจะชอบ เวลาคุย โต้ตอบ เราไม่แสดงความคิดเห็นเกินที่ลูกค้าถาม
รู้สึกน่าเบื่อหรือรำคาญมั้ย กำลังทำงานหาเงินอยู่แล้วมีลูกค้ามาแนวจีบ
ไม่ เพราะจัดการได้ คงด้วยอายุด้วย หลายๆ อย่างที่เราผ่านมา ผู้ชายหวังได้อยู่แล้ว มันเห็นของสวยๆ งามๆ ไม่ได้ อยากได้เป็นเจ้าของ ความรู้สึกแรกที่เจอคือความหลง ไม่ใช่ความรัก หลงในหน้าตา หลงคำพูดเรา คำพูดเราดี หน้าตาอาจพอไปวัดไปวาได้ มันคือความหลง ซึ่งพอเรามาคิด เขาชอบเรา ก็ดีกว่าเกลียดเราหรือเปล่า คิดแบบนี้ไปเลย ที่เขาพูดกับเราเพราะเราพูดดี
ลงรถไปแล้ว โทรฯ ตามมาอีกมีมั้ย
ไม่มี มีแต่ก่อนลงเหมือนหยอดไว้ รอบหน้าพาไปกินก๋วยเตี๋ยว ลูกค้าต่างจังหวัด แล้วก็มาจริงนะ ชวนจริง เราบอกว่าไม่ไปค่ะ บอกเขาว่ามีงานเหมา
เท่าที่ทำมา ความเป็นผู้หญิงก็ถือว่าไม่เป็นอุปสรรคอะไร ?
ไม่เลย ทุกวันนี้โลกมันไม่แบ่งหญิงชายแล้ว เป็นเมื่อก่อนไม่ได้เลย ยิ่งที่จังหวัดน่าน คนจะงงมากว่าทำได้เหรอ ไม่กลัวโดนข่มขืนเหรอ เราบอกไม่กลัว ฉันมาขับรถ ฉันไม่ได้ใส่สายเดี่ยวล่อเสือล่อตะเข้
ความคิดคนน่านยังแคบอยู่ คิดว่าต้องโดนนั่นนี่ เท่าที่ขับมา ลูกค้าให้เกียรติ เท่าที่รู้ ที่อื่นนี่ผู้หญิงขับเต็มเลย กรุงเทพฯ เชียงใหม่
เดือนแรกที่ทำ คนแถวบ้านคิดว่าขับรถยนต์ไปส่งอาหาร แกร็บแปลว่าส่งอาหาร เขาไม่เข้าใจ
ขับรถมากี่ปีแล้ว
เจ็ดปี ตั้งแต่ตอนออกรถ เปิดยูทูบดูและหัดขับตามนั้น เข้าโลตัส หัดถอยหลังเข้าซอง วนหลายรอบจนรปภ. มองตาม ฝึกทำอยู่อย่างนั้นเจ็ดวัน ค่อยลองออกถนน จำได้ว่าวันแรกนี่สั่น เกร็ง เบรกจนเอบีเอสทำงาน พอวันที่สอง ขับได้เลย ไม่กลัวแล้ว คนเราบางอย่างสอนกันไม่ได้จริงๆ ต้องเรียนรู้เอาเอง
เมื่อก่อนกลับน่านก็ไม่กล้าขับ ทางไกล อาศัยนั่งเครื่องเอา พอขับมาเมื่อปีที่แล้วถึงค่อยรู้ทำไมมันสบายแบบนี้ ไปฉิว ไม่ต้องเหยียบเบรก ขับง่ายกว่าในกรุงเทพฯ เยอะ ไม่ต้องคอยระวังรถข้างๆ พุ่งอย่างเดียว
เคยมีอุบัติเหตุมั้ย
เคยครั้งหนึ่ง ที่น่านนี่แหละ มีผู้โดยสารด้วย ชนมอเตอร์ไซค์ คือเห็นก่อนนั้นแล้วว่ามาต่อๆ กันสามคัน ไปแล้วสอง คิดว่าอีกคันก็ต้องไปแล้ว ไม่ได้ใช้ตา ใช้ความรู้สึกว่ามันต้องไปแล้ว ปรากฏว่าชนโครม ลงไปไหว้ ขอโทษ ถามว่าเรียกประกันมั้ย น้องเป็นไรมั้ย รถเสียหายมั้ย เขาบอกไม่เป็นไร เราผิดเต็มๆ เพราะชนท้ายเขา พอจะรับผิดชอบ เขาไม่เอาอะไรเลย
เป็นคนที่ดื่มหรือเปล่า
ก่อนนั้นไม่ดื่ม ช่วงนี้มีบ้าง มันว่าง อยู่กรุงเทพฯ ไม่ดื่มเลย
คิดว่าจะขับแกร็บไปนานเท่าไร
อยากขับไปตลอด มันอิสระ รายได้ดี จากอาชีพเสริมเป็นอาชีพหลัก จริงๆ ก็มองหาอาชีพอื่นตลอด ไม่เคยคิดหยุด แต่จังหวะโอกาสยังไม่ได้ ตอนนี้เราเก็บตังค์ไว้ อยากจะลงทุน แต่ก็ต้องเอามาใช้ช่วงโควิดก่อน เลยไม่ได้ทำ ถ้าเก็บตังค์ได้ อยากทำอีกหลายอย่างเสริม ร้านชานมไข่มุกก็น่าสนใจ เพราะน่านยังไม่มี สนใจเยอะมาก แต่มันทำไม่ได้สักอย่าง พวกตู้น้ำหยอดเหรียญ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ คิดจะขายขนมด้วย แต่ต้องไปทำให้มีรสชาติที่ดีก่อน
ตอนเด็กเคยมีอาชีพในฝันมั้ยว่าอยากทำอะไร
พยาบาล อยากเป็นมาก เคยไปสอบวิทยาลัยพยาบาลอุตรดิตถ์และสอบติดแล้ว แม่ไม่ให้ไป เลยเคว้ง ไม่รู้จะทำยังไง เพื่อนแนะนำให้ลองไปเทคนิค ก็เอา เมื่อก่อนไม่กล้าทำอะไรเกินกรอบ ข้อดีของการไปอยู่กรุงเทพฯ ทำให้เราคิดได้หลายอย่าง ประสบการณ์การทำงาน ดูแลลูกน้อง 20 กว่าคน แต่ละคนทะเลาะกัน เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เราต้องมีวิธีพูด เวลามีปัญหา ไม่มีใครว่าตัวเองไม่ดี มีแต่ว่าคนอื่นไม่ดี
เมื่อก่อนไม่รู้เรื่อง เขาให้ไปทางไหนก็ไป ให้นั่งก็นั่ง ให้เดินก็เดิน ความคิดของตัวเองไม่มี
จริงๆ ตอนนี้ถือว่าเครียด เพราะโควิด แต่พยายามปรับความคิดลบออก นั่ง ชั่งน้ำหนัก อันนี้ลบ บวก คล้ายทำสมาธิ หลับตา ขจัดความคิดด้านลบออกไปก่อน ปรับอารมณ์ให้นิ่ง เคยนอนไม่หลับสองสามวันต่อกันก็มี รายได้มันหยุดเลยไง ตั้งสติ ตอนนี้เราไม่มีรายได้ ต้องคิดให้ละเอียดว่าใช้จ่ายยังไง
จากวันละพันห้า เหลือศูนย์ ?
ใช่ บางวันที่ได้แปลว่าฟลุก ลูกค้าเก่าที่มีเบอร์เราโทรฯ มา แต่จริงๆ คือศูนย์
รถก็ไม่ได้ขับแล้ว วันๆ ทำอะไร
ชีวิตบ้านสวน ตื่นมาก็คิดก่อน ว่าวันนี้จะทำอะไร ส่วนใหญ่ทำความสะอาดบ้าน พ่อเลี้ยงไก่ รบกับไก่ เก็บขยะรอบสระ ให้เราไม่ว่าง หากิจกรรมทำ ไปหาแม่ ไปหาหลานที่บ้านในเมืองบ้าง ทำกับข้าวกินกัน มันไม่รู้จะทำอะไร เมื่อวานก่อนทาสีบ้าน ซ่อมแซม พอหยุดอยู่กับที่ เราเพิ่งเห็นว่าบ้านโทรม ตอนทำงานเราไม่รู้ เรามองไม่เห็นจุดนั้นเลย พอไม่มีงาน นั่งนิ่ง มองดูบ้านแล้ว เออ มันต้องรีโนเวท ทาสี ซ่อมนี่นั่น ก็ดี ทำให้ไม่ว่าง ทาเอง ไม่จ้างใคร ไม่เคยทา เห็นเขาทำก็ก็อปๆ มา กลิ้งขึ้นลง มันก็ได้ ใช้หลักการเดียวกับการทารองพื้น เกลี่ยให้เท่ากัน มันก็ได้ ทาเพดาน เอียงสี่สิบห้าองศา ก็ทำได้ ต้องเรียนรู้.. ทาเสร็จ สีเต็มตัว
ปกติช่วงนี้จะปิดระบบ แต่บางทีมีลูกค้าเก่าโทรฯ มา ให้ไปรับที่โรงพยาบาล วันก่อนโน้นก็ปฏิเสธไป ขอหยุดก่อน เพราะกลัว วางสายแล้วรู้สึกผิดนะ ถ้าเขาหารถไม่ได้ จะทำยังไง
กังวลมั้ย คิดว่าจะผ่านสถานการณ์นี้ได้มั้ย
ต้องหางานอื่นๆ เสริม แต่ก็ตัน ขายออนไลน์ คิดอยู่ แต่เสื้อผ้า ขายไม่ได้แน่นอน ยามนี้คงของกินอย่างเดียว พยายามใช้ชีวิตที่มันประหยัด จัดการบริหารเงินให้ดี ก็น่าจะไหว จังหวัดน่าน ข่า ตะไตร้ ใบมะกรูด ไม่ต้องซื้อ ตกปลาในสระที่บ้านก็ได้ ตกเป็นอยู่ แต่กว่าจะได้กิน (หัวเราะ) ผักรอบบ้าน กินได้ตลอด ถ้าไม่เบื่อ ผลไม้มีกล้วย มะม่วง เสาวรส ถือว่าโชคดีที่มีครอบครัว บ้านไม่ต้องเช่า
แต่คนอื่น น่าจะหนัก คนอื่นที่ไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อแม่
ถึงนาทีนี้ เอาไงกับชีวิต อาชีพ การเงิน..
ยังมีเก็บบ้าง แต่เลยจากนี้ไปคงหาของขาย ไม่รู้
ความรู้สึกต่อชีวิตวันนี้ ?
เงียบ เศร้า เราไม่ควรที่จะมาว่างงาน
สิ่งที่วางแผนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้ควรมีเงินเก็บเป็นแสน จบ ขาดโอกาสทำงาน
ทางออก ทางแก้..
ไม่มี รอโควิดหายไปจากจังหวัดน่าน น้องสาวทำข้าวเหนียวหมูปิ้งขายอยู่ ติดตลาด ขายหมดทุกวัน กะว่าอาจไปรับของเขามาย่างขาย หมูปิ้งออนไลน์
ยังไงก็จะปักหลักเลือกอยู่ที่น่าน ?
ใช่ ถ้าอยู่กรุงเทพฯ คงแย่กว่านี้ ถ้าไม่ติดโควิด ก็น่าจะตกงาน เพราะที่ทำงานเดิม ที่สุดท้าย น้องตกงานกันหมดเลย ห้างเขาไม่ให้ขาย ถ้าอยู่ตรงนั้นก็คงไม่พ้นสภาพเดียวกัน ที่นี่ บ้านไม่ต้องเช่า มีพ่อแม่ ผักริมรั้ว ปลา ไก่ แต่ไก่ก็เพิ่งโดนขโมยไปแล้วสิบตัว เลยเสียเงินติดตั้งกล้องอีก ช่างเพิ่งโทรฯ มาตามเมื่อกี๊
คุ้มค่าราคาไก่หรือเปล่า
ระยะยาวไง ถ้าไม่ติด อาจจะโดนขโมยอีก ก่อนหน้านี้ที่น่านไม่มีการลักขโมย
แปลว่าสะท้อนเศรษฐกิจมากๆ
ใช่ แย่มาก ชาวบ้านไม่มีกิน รอบแรกโดนหนึ่งตัว รอบสองโดนไปเก้า ไปพร้อมกรง
ความปลอดภัยแบบเดิมๆ ที่เราเคยไว้ใจกันได้ มันไม่มีอีกแล้ว คนหิว
สุดท้าย อยากมีชีวิตยังไง ถ้าเลือกได้
สุดท้ายก็เงิน ชีวิตน่ะ ปีนี้สี่สิบห้า อยากเก็บตังค์สร้างเกสต์เฮาส์สี่ห้าห้อง รอบสระที่บ้าน เรามีที่แล้ว มีบ่อปลา แต่ต้องใช้เวลา ใช้ทุน
ไม่มีฝันอะไรมาก แค่มีตังค์ไว้กินก๋วยเตี๋ยวตอนแก่ เพราะอีกหน่อยคงชามละหกสิบ ตอนนี้สี่สิบ สี่สิบห้าแล้ว
บั้นปลายคงอยู่กับสวน ครอบครัวใหม่ยังไม่มี หาไม่เจอ ลูกชายนานๆ มาเที่ยวบ้าง อยากให้มาอยู่ด้วยกันก็เป็นไปได้ยาก เราไม่ได้เลี้ยงตั้งแต่แรก ยิ่งถ้าเขาทำงานคงมาไม่ได้ ต้องอยู่คนเดียว พยายามหารายได้ที่เลี้ยงตัวเองได้ ไม่คิดเยอะกว่านี้ เพราะสิ่งที่มีอยู่ก็ไม่แย่นัก สมัยก่อน เป้าหมายไม่ใช่แบบนี้ อยากรวย อยากมีรถสามคัน
จะใช้ยังไง
ออกงานคันหนึ่ง ไปตลาดคันหนึ่ง ใช้ในชีวิตประจำวันคันหนึ่ง มีบ้านใหญ่ๆ แฟนดีๆ ครอบครัวน่าจะดี เวลาผ่านไปยี่สิบปี เอาแค่ตอนแก่มีอาชีพเล็กๆ น้อยๆ พอ
รถสามคันไม่เอาแล้ว ?
ไม่เอา ขี้เกียจล้าง ไม่รู้จะขับไปไหน อยู่น่าน ปั่นจักรยานก็ได้.
nandialogue
เรื่องและภาพ วรพจน์ พันธุ์พงศ์