ฉันไม่ใช่ซากศพในประวัติศาสตร์
จะให้หมอบพับเพียบต่อความตายได้อย่างไร
ในเมื่อฉันยังเยาว์วัย
อยากเป็นคนโตสูงใหญ่และเปี่ยมฝัน
อยากเป็นผีเสื้อในดงดอกไม้หอม
อยากเป็นนกโผทะยานไปสู่ท้องฟ้ากว้าง
ฉันตายในวันที่หนึ่งของ เดือน กรกฎาคม
ทางเดินนั้นทอดยาวไปด้วยฝูงอีแร้งที่เกาะอยู่ตามต้นไม้
มีคนตายเป็นเบืออยู่ริมฝั่งแม่น้ำ
สงครามถูกตีพ่ายเมื่อไม่มีปราชญ์นำศึก
ไยเที่ยวโยนความชั่วร้ายให้ฝูงอีแร้ง
ไม่มีความเป็นธรรมในความโศกเศร้า
ยามที่ฉันจะกลายเป็นซากศพ
ขอสักนิด
โปรดบอกเหตุผลที่ฉันสมควรจะตาย
อย่ามัวแต่กล่าวสรรเสริญความดีในชีวิตฉันเลย
นี่ ไม่ใช่เวลาที่ฉันควรจะตาย
ฉันไม่ใช่ใบไม้ร่วงในนิทรรศการใบไม้เปลี่ยนสี
ที่เนินรุ้งแพรวพราวและขอบฟ้าโชนแสง
ฉันต้องใช้เวลาเดินทางไปสู่วัยชราอย่างช้าๆ
เข็มนาฬิกาของโลกใบหนึ่งถูกลดทอนด้วยเหตุอันใด
ฉันตายในวันที่หนึ่งของ เดือน กรกฎาคม
โดดเดี่ยวและไร้มิ่งมิตร
นอนอกกระเพื่อมในห้องอับร้อน
ประตูความหวังแง้มแคบ
ความเหลื่อมล้ำปลิวไสวเหมือนม่านหน้าต่างโบราณ
มีเหล่ากุหลาบแห้งตาย ที่ยังพยายามทรงค่าตัวเอง
นั่นเสียงหัวเราะของบรรดาอีแร้งริมทะเล
เฝ้าดูพวกเราสิ้นใจตายตามกันไป
อ้อ… พวกเราตายไปนานแล้ว
มีแต่โครงผีกระดูกที่เดินออกไปใช้ชีวิตบนถนนสายความเศร้า
แล้วพวกเราเอาแต่เขียนคำว่า “ฉันต้องรอด” แปะไว้ที่บนหัวเตียง
ในห้องเล็กๆ ที่ไร้ความหวัง
ฉันเห็นตัวเองนอนสงบนิ่ง
ดั่งลมทะเลคลื่นครวญอีกกี่ครั้ง
คุณถึงจะได้ยินเสียงร่ำไห้อันตอกตรึง
โปรด จดจำฉันไว้ในประวัติศาสตร์ของความตาย
บทกวีโดย ปันนารีย์