บองชู้ มอซิเออร์หนึ่ง (ไม่รู้ว่าคนฝรั่งเศสเค้าขึ้นต้นจดหมายกันอย่างนี้รึเปล่า ฮาฮ่า)
วันนี้อยากเขียนจดหมายหาพี่ โดยไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะต้องเขียนเพราะรับปากไว้
ตอนนี้เก้าโมงครึ่ง(เช้า) เริ่มเขียนหลังจากทำอะไรต่างๆ เหล่านี้
ผมกับลูกตื่นกันประมาณเจ็ดโมง อ่านหนังสือให้ลูกฟังบนเตียงนอน (รอบพิเศษ ปกติจะอ่านแต่ตอนค่ำ ก่อนนอน)
เคี่ยวเข็นและบอกให้เจ้าลูกชายจัดการอาบน้ำ แต่งตัว
ระหว่างรอ ก็ลงไปชงกาแฟ เก็บเศษบุหรี่มาดูดสองสามคำ บุหรี่หมดน่ะ แล้วก็ไม่อยากขี่รถออกไปซื้อ
เอาเสื้อผ้าบางชุดที่สีเข้มมาแช่ผงซักฟอกไว้ในกาละมัง
ทำอาหารเช้า(แบบพ่อและลูกชายน่ะครับ) ขนมปังปิ้ง เบคอนทอด และนมสด
ระหว่างทำอาหาร นิ้วไหม้ไปสองรอบ รอบแรกตอนพยายามเอานิ้วไปเขี่ยเศษขนมปังจากเครื่องปิ้ง
รอบสองตอนไปหยิบที่คีบเพื่อมาคีบขนมปังที่เอาออกมาไม่สำเร็จ
แล้วนิ้วไปโดนกระทะร้อนๆ ที่เพิ่งทอดเบคอนเสร็จ
อ่านหนังสือให้ลูกฟังอีกครั้งบนโต๊ะอาหาร ขี่รถไปส่งลูกที่โรงเรียน
แวะซื้อบุหรี่ในแฟมิลี่มาร์ทที่นี่แอลเอ็มราคาเดียวกับที่กรุงเทพฯ และถูกกว่าเซเว่นฯ 5 บาท
ตอนลงจากรถมอเตอร์ไซค์ น่องไปโดนท่อไอเสีย เกิดเป็นรอยไหม้ที่สามในรอบ 1 ชั่วโมง
กลับมาโทรฯ คุยกับภรรยา สารภาพผิดกับเธอว่าเมื่อวานเราทำตัวเป็นผู้(รับ)ฟังที่ไม่ดีเท่าไร
แล้วบอกกับเธอว่านี่อาจเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตคู่
การรับฟังเรื่องทุกเรื่อง แม้ว่าเรื่องนั้นเราจะไม่ชอบ ดูไร้สาระ น่าเบื่อหน่าย
เอาผ้าขึ้นมาตากบนระเบียง จุดบุหรี่ดูด แล้วก็มาเริ่มเขียนจดหมายหาพี่

มาคิดดู การที่โรงรียนเริ่มเข้าเรียนตอนเก้าโมงเช้านี่มีความหมายกับชีวิตผมเหมือนกัน
ตอนอยู่กรุงเทพฯ โรงเรียนเข้าเรียนเจ็ดโมงครึ่ง แทบไม่ได้ทำอะไรแบบนี้เลย
จำรายละเอียดอะไรไม่ค่อยได้ จำได้แต่ว่าทุกวันต้องรีบ
ต้องพยายามเข็นตัวเองและลูกให้ทำทุกอย่างให้เสร็จ และไปส่งถึงโรงเรียนทันเวลา แต่ละวันที่ผ่านไปนี่แทบไม่มีความพิเศษอะไรในความทรงจำ
เมื่อวานผมไปดูไพ่ทาโร่ต์มา คนดูไพ่เป็นเพื่อนกับ วิจักขณ์ พานิช และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งงาน ซีเคร็ท เมาเท่น
แต่ล่าสุดปีนี้มาจัดที่เกาะพะงันแล้วยังใช้ชื่องานเดิมอยู่ ทั้งๆ ที่ควรจะเปลี่ยนเป็น ซีเคร็ท บีช
คงจะเป็นการรักษาแบรนด์มั้งครับ หรือไม่ชื่อ ซีเคร็ท บีช ก็อาจดูอีโรติกไปหน่อย ไม่เข้ากับงานจิตวิญญาณ ฮาฮ่า
ตอนเปิดไพ่มานี่ ผมได้ไพ่ธาตุไฟมาหลายใบเลย วันนี้พระเจ้าเลยสร้างรอยไหม้บนร่างกายผมขึ้นมา เพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงไพ่และชะตาชีวิตของนายจ๊อกที่ผมกับกูรูค้นพบมาเมื่อวาน
ผมมักจะปล่อยแผลไหม้เล็กๆ พวกนี้เอาไว้ ไม่ทายา ไม่ทำอะไร (หลายคนก็อาจทำแบบเดียวกันแหละ)
ด้วยเหตุผลว่ามันทำให้ผมรู้สึกถึงชีวิต แผลเป็นจะเปลี่ยนไปตามเวลาที่ผ่านไป
ตอนนี้มันแสบๆ เดี๋ยวก็จะพอง มีน้ำใสๆ แล้วก็จะฟีบลงภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เกินนี้ก็กลับมาปกติ
จริงๆ ถ้าผมซื้อบัวหิมะมาทา แค่ไม่กี่วินาที ผิวหนังบริเวณที่ไหม้ก็จะกลับเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สำหรับผม ความเจ็บปวดมันทำให้เรารับรู้ถึงชีวิตมากกว่าความสบาย ความไม่มีอะไร
ระหว่างพิมพ์นี่ก็ยังรับรู้ถึงอาการแสบๆ จี๊ดๆ ตรงแผลทั้งสาม โดยเฉพาะที่น่องนี่รู้สึกเยอะกว่านิ้วที่ใช้พิมพ์งานอยู่

เสร็จจากดูไพ่ พี่หมอดู (จริงๆ เค้าไม่ได้เรียกตัวเองอย่างนั้น) ก็ชวนไปซื้อบะหมี่เกี๊ยวมากินกันที่บ้าน
ไปถึงร้านก็สั่งบะหมี่เกี๊ยวแห้ง เจ้าของร้านบอกว่าไม่มี ต้องสั่งเป็นข้าว หรือเกี๊ยวเท่านั้น
ไอ้เราก็นิ่งและอึ้งๆ ไป ประมาณว่ามาร้านบะหมี่แล้วจะให้สั่งอย่างอื่นก็ไม่อยากกิน
สักพักเจ้าของร้านคงเห็นว่าเรามากับพี่หมอดู เลยพูดกับเราว่า เอาบะหมี่มั้ยล่ะ เห็นว่าเป็นวีไอพี (เป็นคนรู้จักของคนรู้จัก)
เราก็ไม่เกรงใจ ขอสั่งบะหมี่ แล้วถามเธอว่า การสั่งบะหมี่มันเป็นเรื่องวีฯ ไม่วีฯ ได้ยังไง
ก็เลยเพิ่งรู้ว่าวัตถุดิบบางอย่างจากกรุงเทพฯ นี่ขาดตลาด เพราะคนในสายพานการผลิตและจัดส่ง
ติดโควิดกันไปเยอะ ไม่มีของจากกรุงเทพฯ มาส่งตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม
บะหมี่เหลือที่ร้านไม่เยอะ เจ้าของร้านก็อยากขาย อยากให้เฉพาะกับคนรู้จัก และอยากเก็บไว้กินเองด้วย
บ๊ะ… แม่งแค่จะกินบะหมี่ ยังเป็นของหายากบนเกาะ ต้องรู้จักใครสักคนด้วยแฮะ ถึงจะได้กิน
ฝรั่งสองสามคนที่เข้ามาในร้านระหว่างเรารออยู่ก็สั่งบะหมี่ แล้วอดแดกไปโดยปริยาย ฮาฮ่า
จริงๆ ก็คิดไว้อยู่แล้วแหละว่ามาอยู่ต่างจังหวัด คงยากที่จะหาบะหมี่อร่อยๆ กิน แต่ก็ไม่คิดว่าจะยากเบอร์นี้
ความรู้สึกคิดถึงกรุงเทพฯ เรื่องหนึ่งก็คือเรื่องร้านบะหมี่ ร้านก๋วยเตี๋ยวนี่แหละ
ผมว่าเธอ (กรุงเทพฯ) น่าจะเป็นเมืองที่มีร้านขายอาหารเส้นที่อร่อย ราคาเหมาะสม และหลากหลายที่สุดของโลกแล้ว
ห่างกันไกลนิดนึงก็เริ่มมองคนรักเก่าด้วยสายตาโหยหาและซาบซึ้งในคุณค่า
เรื่องนี้น่าจะใช้ได้กับคนรัก และเมืองที่เราผ่านพบ
ด้วยมิตรภาพและความอยากเล่าครับพี่
จอค
(อันนี้เป็นอีกชื่อที่สต๊าฟภาพพิมพ์คนหนึ่งเขียนชื่อผม ผมเองก็ชอบเพราะมันมี 3 ตัว เหมือนชื่อภาษาอังกฤษ และดูไม่รุ่มร่ามรุงรัง)
ปล. ผมลืมเรื่องชื่อจอห์น หรือจอนไปเลย ตอนนี้ฝรั่งเจ้าของรีสอร์ทและทีมงานก็เรียกชื่อผมเป็นจ๊อกไปแล้ว
คงเกรงใจว่าเรียกชื่อลูกค้าไม่ถูกต้อง ฮาฮ่า

ตอบ จอค (พนันกันมั้ยว่า ฉบับต่อไปคุณจะไม่เปลี่ยนชื่ออีก)
1 บะหมี่วีไอพีนี่คลาสสิกว่ะ โคตร very thai เรารับได้นะ ถ้ามันเป็นเรื่องปัจเจกชนอย่างในกรณีนี้ อาจจะเรียกว่าค่าราคาของความเสน่หาอะไรทำนองนั้นก็ได้ เป็นเรื่องความพึงพอใจส่วนบุคคล กติกาที่อาจดูไร้มาตรฐาน มันต่างจากวีไอพีที่มาจากรัฐ เป็นนโยบาย กระทั่งเป็นกฎหมาย คือไม่ใช่ว่าต้องเท่าเทียมทั้งหมด รัฐให้สิทธิ์วีไอพีกับบางกรณี หรือบางบุคคลได้ แต่ต้องสมเหตุสมผลที่สุด ใช้ให้น้อยที่สุด สั้นและจำกัด เพราะปรัชญาของรัฐคือความเท่าเทียม ประเทศเราที่มันฉิบหายกันอยู่ไม่น้อยก็ด้วยวีไอพีเวอร์ เปื้อนเปรอะเลอะเทอะ เสพอภิสิทธิ์จนชิน ลงมาเป็นคนธรรมดาไม่ได้ พวกวงวารแวดล้อมก็สันดานเสีย อยู่ใกล้คนใหญ่คนโตแล้วลืมสถานะ
2 ฟังเรื่องผู้ฟังของคุณแล้วก็เห็นคล้ายกัน เห็นด้วย แต่ยังทำไม่ค่อยได้ ทั้งที่มีสัมมาอาชีพเป็นผู้รับฟังนี่แหละ สวนกลับเร็วเกินไป พูดจาแย่เกินไป ทั้งที่เป็นคนรู้ใจใกล้ชิด คนที่ควรจะมีมธุรสวาจาต่อกัน ทั้งที่รู้ รู้ไปหมดทุกเรื่อง แต่เรื่องง่ายๆ แค่นี้ รู้แล้วก็ยังก้าวไม่ผ่านสักที ตกอยู่ในร่องหลุมเดิมๆ หาทางป่ายปีนขึ้นไม่ได้
3 ในนามของคนชอบเล่นกับไฟ เราว่าการที่คุณกดแฮตทริกไปภายในหนึ่งชั่วโมงนี่มันก็เกินไปหน่อย ถึงโลกจะมีคำกล่าวชวนเวียนหัวว่าบาดแผลเป็นอาภรณ์ของผู้ชาย มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี ชีวิตอาจมีรอยขีดข่วนบ้างในยามจำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากมากไป ยิ่งในยามที่บ้านเมืองไม่มีปัจจัยบวกเลยนี่มันหนักเหมือนกัน เอาใจช่วยอยู่ไกลๆ ว่าธาตุไฟจากไพ่หมอดูจะทอประกายแค่วันเดียว
พูดเรื่องฟืนไฟ เพื่อนบ้านป่าของเราคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงวัยเจ็ดสิบชื่อคำมี แกคุยว่าเอามือจับถ่านไฟแดงๆ ได้ ถ่านหุงข้าวร้อนๆ นั่นน่ะ นึกออกเนาะ คือคงไม่ได้จับเล่นเพื่อความบันเทิง แต่จับ หยิบ ยก ย้าย แค่ในบางครั้งบางที ฟังดูทีแรกก็อะเมซิ่ง โม้แน่ๆ แต่อยู่ป่านานไป รู้จัก เข้าใจกันมากขึ้น เราก็ไม่แปลกใจนะ ตั้งฉายาให้แกแล้วด้วยว่า –มี มือเหล็ก
บางคืนแกเดินมาในความมืด ไม่หือไม่อือ ไม่ส่งเสียงส่องไฟหรือให้สัญญาณใดล่วงหน้า จู่ๆ ก็โผล่พรวดข้างกองไฟบ้านเรา เออ แม่งกูก็ตกกะใจเหมือนกัน
จากตกใจเปลี่ยนเป็นเห็นใจ เมื่อเพื่อนบ้านอาวุโสเอื้อนเอ่ยว่า–มันเหงานะพี่หนึ่งนะ (แกเรียกเราตามลูกชายนายดาบตำรวจ) คำพูดว่าเหงาของแกมันมากกว่าเหงา หรือเง๊า ซึ่งเราก็ถ่ายเสียงไม่ถูก รู้แต่อึ้งไปพอสมควร ภายนอกแกร่งๆ ของบางคนมันอาจอ่อนแอภายใน
“อยากกินเหล้าให้เมาหัวทิ่มบ่อ แล้วหลับๆ ไปเลย”
พูดพลาง ควักบุหรี่มาจุดสูบ และในชั่วระยะไม่พอบุหรี่หมดมวน แกก็เดินกลับบ้าน หายไปในความมืด
เรื่องที่เล่านี่นานมาแล้วนะ น่าจะเกินสองปี พักหลังไม่ค่อยเจอหน้ากันนัก โควิดคงมีส่วน และหน้าฝนก็เป็นวันเวลาที่ทุกคนเก็บตัวอยู่บ้าน
เดาว่าป่านนี้บางบาดแผลของ มี มือเหล็ก คงเลือน ทุเลา
เช่นเดียวกับคุณ.
เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน

