interview nandialogue
interview

เสื้อแดงน่าน ‘อ่าน’ 15 ปี รัฐประหาร 19 กันยาฯ “มึงทำลายโอกาสชีวิตของกู”

“เสื้อแดงคนอื่นอาจคิดแค่เอาทักษิณกลับบ้าน ฉันต้องการเปลี่ยนโครงสร้างการเมืองใหม่
ทักษิณไม่ใช่หัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่าคือตัวกูนี่แหละ อยู่ที่จะสนับสนุนใคร ใครทำถูกจริต เชียร์ ทำไม่ถูก กูเปลี่ยน กูมีสิทธิ์เลือก”

 

เพ็ญศิริ ณรงค์แสง บอกว่า–ฉันเป็นคนเสื้อแดงแบบนี้

“เสื้อแดงมีหลายชุดความคิด น่าจะเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่คลั่งเพื่อไทย ชอบทักษิณซึ่งฉันเข้าใจ ที่ผ่านมามีอะไรที่จะรวบรวมคนได้จำนวนมาก ถ้าไม่เอาทักษิณ ยูมีสิทธิ์นำเสนอสินค้า แต่ฉันอยากบอกว่าไม่ชนะหรอก ตราบใดที่ทำเพื่อบุคคล ยูไม่ได้ทำด้วยอุดมการณ์ ซึ่งเราพูดแบบนี้ก็ทะเลาะกับเพื่อน ไม่เป็นไร ฉันพูดมาตลอดว่าถ้าระบบมันดี จะเอาคนดีขนาดไหนก็ได้มาบริหาร มารับใช้ นายกฯ ไม่ใช่เจ้าคนนายคน ส.ส. ไม่ใช่เจ้านาย กูจ้างมึงมาทำงาน”

ถามถึง ม.112 เพ็ญศิริ ณรงค์แสง ตอบเร็วมาก ว่า–ขยะ เป็นเครื่องมือการใช้อำนาจ อำนาจที่ไม่ชอบธรรม การบังคับใช้ก็ไม่ชอบธรรม

“ลำบากนัก ก็ไม่ต้องมีมันซะเลย จบ ให้มีแค่กฎหมายหมิ่นประมาทแบบคนธรรมดา พอ และคู่กรณีต้องฟ้องร้องเอง คือกฎหมายแบบนี้ บ้านเมืองอื่นเขาก็มี แต่เขาไม่ใช้บ้าคลั่ง ของบ้านเราโทษยิ่งกว่าฆ่าคนตาย สมมุติเทพอะไร กินขี้ปี้นอนเหมือนกัน”

 

interview nandialogue

 

ผู้หญิงคนนี้เกิดปี 2496 ที่จังหวัดน่าน พ่อเป็นอีลิทบางกอก แม่เป็นคริสเตียน เรียนจบระดับอาชีวศึกษา สาขาคหกรรม จากวิทยาลัยเทคนิคน่าน เรียกตัวเองว่าเป็นพวกนักเรียนนอกห้อง เพราะไม่พอใจการศึกษาในระบบ เป็นเด็กสองเมือง โตมาในสองวัฒนธรรม คือกรุงเทพฯ กับน่าน แต่งงานกับหนุ่มอุบลฯ ข้าราชการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีลูกชาย 2 คน และหย่าร้างในวัย 45 ปี

ระหว่างใช้ชีวิตแม่บ้านที่อุบลฯ เคยทำงานรับเหมาก่อสร้าง อาศัยครูพักลักจำสรรพวิชาจากพ่อ บวกไปเรียนการประเมินราคาที่วิทยาลัยสารพัดช่างใกล้บ้าน

จากอุบลฯ นั่งรถเมล์สีส้มเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง รับจ้างเป็นแม่บ้าน เงินเดือน 5,000 บาท ก่อนค่อยขยับเป็นหมื่นในหลายปีต่อมา กระทั่งวันหนึ่งพบว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น สุดท้ายตัดสินใจลาออก กลับมาอยู่บ้านเกิด แต่กลับมาได้สองเดือนก็เจอรัฐประหาร 19 กันยาฯ ธุรกิจการค้าขายขนม (ครองแครงกรอบ, คุกกี้, บัตเตอร์เค้ก, เค้กกล้วยหอม, ปั้นสิบ) ที่เคยทำรายได้เดือนละสามหมื่น ลดลงฮวบเหลือหมื่นเดียว เธอบอกว่า อยู่เฉยๆ ต่อไปไม่ได้แล้ว ข้อมูลความรู้การเมืองสะสมในตัวพอตกผลึก เพ็ญศิริสวมเสื้อแดงด้วยภาคภูมิใจ

ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเพื่อนที่เป็นคนมีน้อย หนังสือคือเพื่อน อ่านมันดะ รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง เธอพูดถึงสมัยวัยรุ่นว่า “เพื่อนผู้ชายชวนแต่แดกเหล้าและคิดแต่จะล่อกู เพื่อนผู้หญิงแม่งก็ไม่คบ เจ็บปวดมั้ย แต่ก็ดี โลกคนละใบ ทุกวันนี้คุยกันไม่รู้เรื่องอยู่ดี ..ชีวิตนักเรียนนอกห้อง ความแสบมันเยอะ เราถูกจำกัดความคิด ห้ามถาม ห้ามสงสัย แต่ยูห้ามได้แต่ในห้องไง ออกมานอกห้อง นอกระบบ ยูไม่มีสิทธิ์ห้าม และความเป็นคนชอบอ่าน ชอบเสือก มันสนุก กรอบอะไรก็ช่างขังฉันไม่ได้เลย”

แทบทุกประโยค จะมีเสียงหัวเราะดังๆ มาด้วยเสมอ ไม่ว่าดีใจ คับแค้นใจ สะใจ เสียงหัวเราะแบบอิ่มๆ และหนักแน่นเต็มเสียงเหมือนคำตอบในทุกคำถาม

นี่คือชีวิตชาวบ้านคนหนึ่ง ในชุดอุดมการณ์ความคิดแบบหนึ่งที่ nan dialogue ภูมิใจเชื้อชวนคุณลองฟัง–ยาวๆ

ในวาระที่สำคัญของสังคมไทย วาระที่ต้องทบทวน ด้วยสิบห้าปีมานี้เราเสียนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งไปสองคน เสียนักกิจกรรม นักคิดนักเขียนนักเคลื่อนไหวจำนวนมาก บางคนจากเราไปไม่กลับ อีกหลายคนยังถูกกักขังจองจำถึงนาทีนี้ และยังไม่นับว่าเสียโอกาสของชีวิต โอกาสทางธุรกิจอีกกี่มากน้อย

จำเป็นที่เราต้องไถ่ถาม ทบทวน ถึงคณะผู้ยิ่งใหญ่ที่ชี้นิ้วนั่งแท่นบัลลังก์อยู่ตอนนี้

ถามง่ายๆ ตรงๆ ดิบๆ ผ่านเรื่องเล่าของชาวบ้านสามัญชนคนนี้

 

interview nandialogue

 

ย้อนเวลากลับไป 15 ปี ที่เกิดรัฐประหาร 19 กันยาฯ ตอนนั้นคิดเห็นหรือได้รับผลกระทบยังไงบ้าง

ผลกระทบสูง โดยเฉพาะความรู้สึก ความคาดหวัง เราเข้าใจว่าปี 2535 คือยุคสุดท้ายแล้ว มันไม่ใช่ว่ะ พอเจออีกก็เฮิร์ต ช็อก เดือดมาก เพราะฉันเพิ่งออกจากงานมา หวังว่าจะทำมาหากิน

จริงๆ ช่วงนั้นเริ่มสถานการณ์ไม่ดี แต่ด้วยความโลกสวยว่าใครมันจะกล้าทำวะ คนหนึ่งก็พะงาบๆ อยู่ อีกคนไม่เอาไหน ไม่แยแส เราประเมินผิด พอโดนสมาธิที่จะทำงานไม่มีแล้ว เพราะมันหลอน ตั้งแต่ 2519 ฉันเชื่อมาแต่ไหนแต่ไร ว่าระบอบที่ทำงานอยู่มันไม่ใช่ มันหลอกตา ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เราหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้

ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้วเรียกมันว่าอะไร

ระบอบอาณานิคม เอาชฎามาครอบเวจเอาไว้แล้วบอกว่าเป็นเจดีย์ ฉันรู้สึกแบบนั้น ไม่เคยเปลี่ยน แค่เมื่อก่อนไม่มีหลักฐาน ไม่รู้จะพูดยังไง บอกใครไม่ได้ พอมา 2534-2535 ชัดเลย เฮ้ย มึงไม่ให้กูโงหัวเลยใช้มั้ย เมื่อมีโอกาสทำไมไม่พัฒนาหัวเมืองต่างๆ เพื่อสร้างเศรษฐกิจ ทำไม เพราะอะไร ภาพมันชัดมาก อย่างที่ จิตร ภูมิศักดิ์ เขียนไว้ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะไม่สมบูรณ์ ถ้าไม่มีสามขา ตั้งหม้อไม่ได้ สามส่วนพึ่งพากัน นายทุน ขุนศึก ศักดินา คือไม่ใช่แค่อำมาตย์ มันเหนือกว่านั้น

เจอรัฐประหารแล้วร้อนรุ่ม คนที่เราเลือก ทหารมาล้มอำนาจ โกรธมาก โกรธสุด แต่ไม่ถึงขั้นจะไปฆ่ามัน โตแล้ว คิดหาทางสู้ ที่น่านไม่มีเพื่อนสนใจการเมืองเลย ว่างเปล่ามาก มองหน้าแต่ละคน เพื่อนแม่งโตมากับระบบ งานรูทีน ได้ซีเท่าไร เลียนายเก่งมั้ย คือเรามีคนรู้จัก แต่คุยกับใครไม่ได้ ต้องดูถูกเลยด้วยซ้ำว่าคุยไปแม่งก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง หลายคนเรียนสูง รับราชการ ขอโทษที การเมืองแม่งยิ่งกว่าเด็กอนุบาล มึงไม่รู้เรื่องเลย จนทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ งงกับแม่ง มึงโตมาได้ยังไง มีชีวิตมาได้ยังไง

ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ?

ใช่ ผู้ชายก็ศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา ใช้ชีวิตประมาณนั้น กูมีเงินเดือน ทำไป ใช้ไป เป็นหนี้ไป ตามระบบของเขา บังเอิญว่ามีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งอยู่เชียงราย เขาชวนไปอยู่ด้วย เราก็อยากเปลี่ยนพอดี อยากย้ายพื้นที่ สิ่งแวดล้อม ออกไปดูข้างนอกว่าเป็นยังไง

แล้วเพื่อนคนนี้คุยกันได้หรือ

ก็ไม่ได้ อีนี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่อย่างน้อยเราได้ออกไปหาบรรยากาศใหม่ๆ ตอนแรกไม่ทำงานอะไร อยู่ไปสักพักเริ่มคิด กูจะอยู่ทำไมเฉยๆ ใช้เงินหมดไปวันๆ หาอะไรทำสิ อยู่ไม่ถึงเดือน ทำขนมขาย ดูแลบ้านเพื่อนด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนกัน

เริ่มมีกลุ่มการเมืองมั้ย

มี มันเห็นเอง เข้าไปในเมือง ช่วงนั้นหนูหริ่ง (สมบัติ บุญงามอนงค์) ทำกิจกรรม เจอเขาพอดี รู้จัก เคยคุย แล้วค่อยขยายเครือข่ายไปเรื่อยๆ จากหนึ่ง สอง สาม.. เราก็สกรีนเอาว่าคนไหน กลุ่มไหน ที่ควรเข้าไป หรือไม่ควร

เจอหนูหริ่งครั้งแรกที่ไหน

เขาไฮด์ปาร์กอยู่ เราเป็นพวกไทยมุง เข้าไปพอดี ภาษาบ้านๆ เขาเรียกผีจับยัด หรือพระเจ้าทำทางให้ ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร พอเห็น สนใจ ไปฟัง เออ เวิร์กเว้ย กูเอาด้วย อันนี้แหละเขาเรียกว่า ถ้าแสวงหา เราจะพบ ซึ่งที่น่านไม่มีอะไรจูงใจให้อยากอยู่ เห็นคนเหนือแล้วแบบ.. ตูไม่เอาอะ บ้านเกิดเราด้วยไง เรารู้เช่นเห็นชาติ

คาแรกเตอร์คนน่านคือ โยนอะไรลงดินมันก็ขึ้น คนไม่ดิ้นรน ไม่มีการต่อสู้ แล้วก็หลบเก่ง ภัยมา กูหลบ ผ่านไปแล้วกูค่อยลุกขึ้นยืน มันเป็นมาแบบนี้เป็นร้อยๆ ปี

แล้วทำไมเราถึงไม่เหมือนคนอื่น

สิ่งแวดล้อม ฉันว่าเป็นที่ศาสนาด้วย การที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับคนต่างชาติ ทัศนคติบางอย่างที่เขาใส่ไว้ในสมองเรา ความคิดเรื่องคนเท่ากัน การหาเหตุผลว่าทำไม เพราะอะไร อย่างไร ทำไมคนเท่ากันแล้วโอกาสไม่เท่ากัน ซึ่งมันสัมพันธ์กับการเมือง

ที่เชียงราย คนสนใจการเมืองมากกว่า ?

ใช่ พันธมิตรฯ มันออกมาร่ายยาว ไปบ้านไหน เจอจอเหลือง ไม่ใช่เขาชอบนะ แต่ฟัง เราฟัง ฟังมากเข้ากูหงุดหงิด (หัวเราะ) มันไม่ใช่ไง ตอบตัวเองว่ามันไม่ใช่

สามีเพื่อนเป็นนายตำรวจ คนรู้จักเยอะ สนใจการเมืองพอสมควร แม้ว่าเป็นข้าราชการ เขาเรียนเตรียมทหาร รุ่นแปด รุ่นเดียวกับพี่เปีย (พ.อ. อภิวันท์ วิริยะชัย)

หลังจากนั้นหลายเดือน สังคมเรากว้างขึ้น จนช่วงท้ายๆ ของพันธมิตรฯ คือช่วงท่านสมัครเป็นนายกฯ เกิดกลุ่มสามเกลอ คราวนี้รู้สึกว่ามันใช่เลย

เคยเข้าไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ มั้ย

ตั้งแต่ครั้งแรก ธันเดอร์โดม ไปคนเดียว นั่งรถเมล์จากเชียงรายไปลงเด่นชัย ต่อรถไฟฟรี ลงหัวลำโพง เพราะใกล้บ้าน ลูกชายอยู่ตรอกจันทน์ จากนั้นนั่งแท็กซี่ไปธันเดอร์โดม

ใส่เสื้อแดงมั้ย

แน่นอน, อุตส่าห์ไปหาซื้อ ลูกชายบอก ระวังโดนตีกบาล ฉันบอก แน่จริง ให้มันมา
ถัดจากนั้นที่เชียงรายเริ่มมีกิจกรรมเรื่อยๆ ชุมนุมนั่นนี่ มีเซเลปเสื้อแดงมา เช่น อาจารย์ตุ้ม (สุดสงวน สุธีสร) อาจารย์หวาน (สุดา รังกุพันธุ์) ไม้หนึ่ง ก.กุนที

ตอนปี 2552 ฉันอยู่หน้าทำเนียบ

ให้ค่า หรือว่าการเมืองมีอิทธิพลแค่ไหนต่อชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะพอเริ่มใส่เสื้อแดง

มันสำคัญ และเราหาเงินจากตรงนั้นได้ด้วย เขามีชุมนุม มีกิจกรรม ตูทำขนมขาย วันเสาร์มีถนนคนเดิน เราไป เพื่อนช่วยขายบ้าง ได้ทั้งการเมือง ธุรกิจ คนไหนชอบพอ ก็แจก ไม่ได้เอากำไรอย่างเดียว

เสื้อแดงชุมนุมปีใหญ่ 2553 อยู่ในม็อบตลอด ?

ตั้งแต่เริ่มจนเลิก ออกจากบ้านวันที่ 12 มีนาฯ มีขบวนคาราวานจากเชียงราย ฉันอยู่รถเสบียง เขาไว้ใจว่าเราดูแลดี ปักหลักราชดำเนินยาว กิน นอนในม็อบ เต็นท์จังหวัดใครจังหวัดมัน

วันที่สิบเมษาฯ อยู่ตรงไหน

ก็ในม็อบราชดำเนิน ไม่ได้นอนทั้งคืน เห็นศพ เลือด ไม่รู้รอดมาได้ยังไง ทั้งที่ห้าวพอสมควร บอกตัวเองตั้งแต่แรกว่าเหตุการณ์นี้ ถ้ามันมาแบบนี้ คงถึงเลือดแน่ แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนั้น ฝ่ายโน้นมันเล่นหนัก แต่การตอบโต้จากเสื้อแดงก็ได้ผล ทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องประกาศขอเจรจา ยุทธศาสตร์การรบ คนที่ได้เปรียบ ไม่มีทางเอ่ยปากขอเจรจา

มาคิดตอนนี้ คิดว่าทำไมเลือกเจรจา

ทักษิณไม่ใช่นักปฏิวัติ เขาเป็นพ่อค้า ถ้าลุย จบ เราพร้อมทุกอย่างด้วย พร้อมคือหนึ่ง, ใจ สอง, กำลังที่ตีโต้กลับ

เสื้อแดงใจดี ขอเจรจา ?

ไม่ใช่ คนเสื้อแดงไม่ใช่คนใจดี และนั่นคือจุดแตกหักระหว่างแดงฮาร์ดคอร์กับสามเกลอ ความที่เราอยู่ตลอดสองเดือน ที่ราชประสงค์ก็อยู่จนถึงวันที่ 19 พฤษภาฯ -ออกมา 20 หลักๆ อยู่ใต้ถุนเซ็นทรัลเวิลด์ ลมโกรก ใกล้วัด อาบน้ำสะดวก อยากออกมาชมวิวก็ขึ้นมานั่งบันไดหน้าห้าง ปลอดโปร่ง ไม่ต้องยุ่งขิงกับใคร

เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ในวันที่สิบเมษาฯ แล้วว่าแนวคิดไม่เหมือนสามเกลอ ทำไมไม่เดินออกมา

เรามีจุดยืน สันติวิธีของเราไม่ใช่ว่ากูไม่ตีกบาลมึงกลับ แต่กูต้องการจำนวนคน ถ้าเราพวกมากกว่า เขาจะทำอะไรก็ไม่ง่าย ถูกมั้ย การรบทุกครั้ง เขาเลือกโจมตีตอนที่คนเบาบางที่สุด และเราไม่มีเสือยืนจังก้าว่าเราน่ากลัว

เช่น หลัง เสธ.แดง (พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล) ถูกยิงแล้ว มึงใช้ศาสตร์เดียวกับกู เด็ดหัว หางมันก็ไม่เหลือ ยิ่งถ้าเราทิ้งไป คนก็น้อยลง ฉันถึงอยู่ อย่างน้อยมีกูอีกคน

วิธีพูดแกนนำไม่เมกเซนส์ การที่เราจะเรียกร้องให้โลกหันมามองไม่ใช่เราต่อสู้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนต้องสู้เพื่อตัวเอง ชูทำห่าอะไรวะ ทักษิณ มึงพังมาตั้งแต่ปี 2552 แล้ว จะเอาอีกเหรอ

ที่ฉันยังอยู่คือเราทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่สนับสนุนมึง

 

interview nandialogue

 

ใส่เสื้อแดงอยู่ในม็อบ ไม่ได้แปลว่าเชื่อทุกอย่างจากแกนนำบนเวที ?

เรามีเหตุผลของเรา มีข้อมูล เราอิสระ ฉันใส่เสื้อแดง แต่ไม่ใช่ว่าต้องเห็นด้วยกับทุกอย่างบนเวที เป้าหมายคือเราแสดงตน มีจุดร่วม แต่ไม่ใช่อันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ใช่ และเมื่อถึงเวลาเอาตัวรอดเราก็ไม่ได้ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มันเป็นไปตามปัจจัยในการเอาตัวรอด

กูไม่บ้าอย่างป้าผุสดี (งามขำ) ที่นั่งโบกธงหน้าเวทีจนนาทีสุดท้าย กูไม่เอา ไม่เสี่ยง

แต่เขาเอาแบบนั้น เลือกแบบนั้น นับถือจิตใจเขามั้ย

นับถือ เขาใจเด็ดกว่า เขาพร้อมที่จะเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิต แต่เราไม่พร้อม เพราะถ้ากูตาย กูสู้ไม่ได้ นี่คือจุดยืนเรา กูไม่ยอมตาย กูอยากสู้ต่อ มันต้องวัดกันหน่อย มันไม่ใช่แค่นี้ เกมยาว ให้ตายก็ไม่ยอม เรารู้อยู่แล้วว่าแค่นี้เอามันไม่อยู่หรอก

เสียงปืนคืนสิบเมษาฯ ยังดังอยู่ในหัวมั้ย

จะไปเหลือเหรอ ฉันอยู่ตรงนั้น แก๊สน้ำตาโปรยจากเครื่องบิน ศพแรก หน้ากองทัพบก ฉันอยู่คนละฝั่งถนน

สิบเมษา ก็โดนฆ่า พอมาราชประสงค์ ก็โดนอีกเป็นร้อย ในฐานะมวลชนคนหนึ่งที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ ความรู้สึกของมิตรร่วมรบ มันเป็นยังไง

การต่อสู้มันต้องมีการสูญเสีย ใครพลาดคือจบ แค่นั้น

ถ้าคนนั้นเป็นเรา..

ก็จบ เพราะเลือกแล้วก่อนออกจากบ้าน แน่นอนว่าเราเซฟตัวเอง ว่ากูจะต้องไม่ตาย ดูแลตัวเอง ค่อนข้างเหมือนคนขี้ขลาด ฉันไม่ว่าใครขี้ขลาดหรือใครกล้ากว่าเรา เพียงแต่ว่าถ้าเราต้องเสียใครไปคือกูนับถือมึง เคารพมึง

กระทั่งว่าใครคนนั้นเป็นเรา ?

เราเลือกแล้ว บอกลูกแล้ว
ฉันไม่มีอะไรให้เป็นมรดก ที่ฉันออกไปสู้คือมรดกให้พวกแก ถ้าสำเร็จนะ
ถ้าไม่สำเร็จ แกก็สู้ต่อแล้วกัน แล้วแต่วิธีที่แกจะเลือก

คำว่าสำเร็จที่ว่า สิ่งนั้นคือ..

ประชาธิปไตยที่เราต้องการ

ประชาธิปไตยมีความหมายความสำคัญอะไรขนาดนั้น

ทุกคนมีสิทธิ โอกาส อยู่ในระนาบเดียวกัน แต่ว่าใครจะสูงต่ำกว่ากันนั้น อยู่ที่ปัจเจกบุคคล สิ่งแวดล้อมของแต่ละคน แล้วแต่ ต้นทุนแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ว่าสิทธิ อำนาจ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องเท่ากัน

บ้านหลังหนึ่งกับประชาธิปไตย อะไรมีค่ามากกว่า

มีประชาธิปไตยแล้วจะหาบ้านอีกกี่หลังก็ได้ ถ้าคุณมีความสามารถพอ มีความรู้พอ แต่บ้านหนึ่งหลังซื้อประชาธิปไตยไม่ได้ ค่ามันต่างกัน มันไม่ได้อยู่ที่ราคา

เคยขึ้นพูดบนเวทีปราศรัยมั้ย

ไม่พูด พูดไม่ออก ร้องไห้ก่อน พูดเรื่องนี้แล้วตื้นตัน อึดอัด กดดัน เพราะเราต้องพูดในสิ่งที่เราต้องการจริงๆ เป็นตัวตนของเรา พูดไม่ออก ถ้าถือไมค์ วงเล็กพูดได้ แค่พูดนี้ก็น้ำตาซึมแล้ว เริ่มตั้งแต่คำว่าประชาธิปไตยคือมรดกที่เราให้ลูกหลานได้

มีคุณค่าขนาดนั้น ?

ใช่ เพราะทุกคนจะมีโอกาส คำว่าโอกาสมันประเมินค่าไม่ได้

สมมุติว่า ธรรมชาติสร้างคุณมาให้พิเศษ มีไอคิวดี อีคิวที่ดี แต่คุณไม่มีโอกาสที่จะแสวงหาความก้าวหน้าเพื่อตัวคุณ เพื่อครอบครัว ก็จบ สูญเปล่าเลย แล้วคุณยังต้องกังวลว่าไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่ กังวลกับความมั่นคงของชีวิต จะอยู่ยังไง ใช้ยังไง เจ็บป่วย นั่นนี่ คุณเอาสมองทั้งหมดทุ่มเทให้เปลือก โดยที่คุณไม่ได้สร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามต่อตัวเองและสังคมได้อย่างเต็มที่ คุณทิ้งตรงนั้นเพื่ออะไร มันแค่เปลือก ไม่ใช่แก่นแท้ของชีวิต เจ็บไข้มา คุณต้องยอมตายไปซะ ไม่ต้องรักษา หมดโอกาส สิ่งที่ตายไปกับคุณคืออะไร คือความสามารถของคุณไง

เมล็ดพันธุ์ที่ดี ถ้าตกอยู่ในทะเลทราย ก็ไม่สามารถงอกงามได้ ?

ใช่ สูญเปล่า ถ้าอยู่ในแผ่นดินที่ดีเมล็ดพันธุ์นั้นงอกงามได้ และมันไม่ใช่เป็นประโยชน์แค่คุณคนเดียว แต่ทุกคนได้ด้วย ทุกคนช่วยกันส่งเสริม

แต่ราคาที่ต้องจ่ายในเกมนี้มันก็สูงมาก ?

ไม่เป็นไร มีใครบ้างไม่ตาย ถึงเวลาตายก็ตาย แม้ในความขี้ขลาด ถ้าถึงเวลา ราคาที่ต้องจ่ายสูงก็ยอมจ่าย ทุกเรื่องไม่เคยเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ฉันอ่านพระคัมภีร์ ทุกสิ่งมีเหตุและผล ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ และนั่นคือพระประสงค์ของพระเจ้า เราต้องยอมรับ ขณะที่ยอมรับ ไม่ใช่เราไม่ดูแลตัวเอง หรือปล่อยตามยถากรรม มันต้องมีสติ มีสมอง ว่าทำอย่างไร สู้อย่างไร ถึงจะบังเกิดผล และถ้าเป็นไปได้ มึงต้องรอด เพื่อมีโอกาสมาสู้ใหม่ คนตาย มันทำห่าอะไรไม่ได้ไง

วันนี้แพ้ก็แพ้ไป ?

แพ้ก็แพ้ เราไม่ได้แพ้ยุทธศาสตร์ แพ้ก็ไม่เลิก จะล้มสักกี่ครั้ง ไม่สำคัญ

ทำไมไม่เลิก

ไม่รู้สิ กูคนดื้อมั้ง (หัวเราะ) หลายคนคงคิดเหมือนกัน ถ้าเลิกคือแพ้ ถ้าสู้ต่อ มีโอกาส เสื้อแดงมันดื้อ มันไม่เลิก ไม่ใช่กลุ่มสามเกลอด้วย กลุ่มที่เป็นชีวิตจิตวิญญาณของเขา โดยไม่แปะป้ายชื่อกับใครที่ไหน คนพวกนี้เยอะนะ

ขออีกที ทำไมประชาธิปไตยมีค่าอะไรปานนั้น ถึงยอมแลกด้วยชีวิตได้

ประชาธิปไตยคือโอกาส คือความมั่นคงของชีวิต คือศูนย์รวมของทุกคนที่ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร ทุกคนอยู่ใต้กฎที่สร้างขึ้นและเป็นที่ยอมรับ โดยที่ไม่ต้องเอาอะไรมากดหัว เพราะเราช่วยกันสร้างกฎนั้นขึ้นมา
ส่วนใครจะออกซ้ายออกขวา นั่นนี่ ไม่ต้องไปคิด เพราะถึงที่สุดแล้วประชาธิปไตยคือเอาเสียงส่วนใหญ่ เป็นการยอมรับโดยปริยาย พวกมากลากไปน่ะถูกแล้ว ถ้ายูไม่ต้องการให้เขาลาก ยูไปหาพวกมาดึงไว้ ยูหาได้ก็โอเค หาไม่ได้ก็จบ

แล้วมันยอมรับข้อขัดแย้งได้ คุณแย้งมา มีเหตุผลสมควรคล้อยตามมั้ย มันมีข้อตกลง การเจรจา ไม่ต้องมานั่งทุบหัวกัน ขัดแย้งเรื่องปกติ ใครมีเหตุผลดีกว่า คนนั้นชนะ

 

interview nandialogue

 

ปี 2535 ตั้งแต่มองเห็นชัด มารัฐประหาร 2549 ผ่านเสียงปืน เป็นสิบปี สิบห้าปี ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยบ้างเหรอ หมดแรง พอ กูอยู่บ้านดีกว่า ?

อยู่บ้าน แต่กูไม่เลิกสู้ เพราะสังขารไม่เอื้อให้ไปชุมนุมแล้ว เดินทางก็ไกล คือถ้าไม่สะดวก ไม่ไป ถ้าไหวก็ไป อย่าง 19 พฤษภาฯ ที่ผ่านมา ฉันเดินทางจากน่านไปกรุงเทพฯ ไม่มีพวก ไปคนเดียว

ไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองแพ้ มันยังไม่จบ อย่านับศพทหาร วันที่จบคือวันที่เราไม่มีลมหายใจแล้ว นั่นคือจบ ของใครจะยังไง ไม่รู้ เราไม่ต้องไปคิดแทน ตราบใดที่ฉันยังมีลมหายใจอยู่ ยังขยับตัวทำนั่นนี่ได้ ก็จะทำตามกำลังที่ตัวเองมี

มีวันไหนบ้างมั้ย ที่คิดจะละวางการเมือง ขอทำเพื่อตัวเองบ้าง

โน เพราะนี่ก็ทำเพื่อตัวเอง ฉันรีแลกซ์ได้ ทวิตเตอร์คือความบันเทิง อ่านแล้วฮา แสบสันต์ดี

สันติสุขอยู่ในใจพอสมควรมั้ย ทุกวันนี้

ใช่ อย่างน้อยฉันก็ไม่โกรธ ฉันยอมรับ ถ้ามึงถือไพ่เหนือกว่า มีกำลังเหนือกว่า กับอีกข้างมีพวกมากกว่า แล้วมึงจะสู้กันยังไง ถ้ามึงไม่ใช้อาวุธ มึงก็แพ้ แล้วมึงจะยอมแพ้เหรอ แล้วอีกข้างหนึ่งพวกมาก แต่ไม่มีอาวุธ และถ้าต้องตายเพราะอาวุธ ยอมรับมั้ย โกรธมั้ย ทำไมต้องโกรธ การต่อสู้กันมันก็เจ็บ มันต้องตาย

ในเมื่อคุณต้องการอำนาจและคุณบอกว่าอำนาจเป็นของตัวคุณเอง คุณต้องการใช้มัน คุณไม่ยอมแลก ก็ไม่มีทางได้ อำนาจไม่ได้มาด้วยการร้องขอนะเว้ยเฮ้ย คนที่กุมอำนาจอยู่ มันจะปล่อยมือไปง่ายๆ เหรอ เป็นไปไม่ได้ เพราะคนน่ะ กูเหนือกว่า มึงต้องยอมกู คิดแบบนี้กันทุกคน ไม่ว่าใครหน้าไหน

สิ่งที่มุ่งหวังตอนนี้ยังไม่ได้ ถูกมั้ย

ยัง แต่ไม่แพ้

คิดว่าจะได้มั้ย ในสักวันหนึ่ง

ไม่รู้ แต่ทำไป หยุดต่อเมื่อไม่มีลมหายใจ

พอมองเห็นมั้ยว่าน่าจะได้

ไม่ใช่มองเห็น ที่อยู่ทุกวันนี้เพราะฉันมีความหวัง หวังว่ามนุษย์มันทวีคูณขึ้นบนแผ่นดิน ปัจจัยต่างๆ เปลี่ยน กาลเวลา เงื่อนไข ไม่มีอะไรคงสภาพเดิม ฉะนั้น มันต้องมีโอกาส ก็ ลุงโง่ขุดภูเขาน่ะ (หัวเราะ) กูขุดได้เท่านี้ในช่วงชีวิตกู แล้วคนต่อไปมันจะขุดหรือไม่ขุด ก็เรื่องของมึง ทำไมกูต้องกังวลด้วย

มีสักแวบมั้ย ที่คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันผิด

ไม่ใช่ ไม่ผิด มั่นใจ และฉันไม่กังวลว่าใครต้องมาทำตามฉัน แล้วไม่กังวลด้วยว่าเมื่อฉันสิ้นใจไปแล้วจะมีคนทำต่อหรือเปล่า

มั่นใจว่าประชาธิปไตยไม่ใช่มิจฉาทิฐิ ?

มั่นใจมาก เพราะไม่ได้คิดที่จะทำเพื่อตัวเองเพียงลำพัง เราคิดและทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคน ไม่ใช่มิจฉาทิฐิ โอเค –อาจถูกตราหน้าว่าไม่เจียมตัว ไม่สำนึกหนังหน้า ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกว่ามึงตัวเท่านี้ จะหาญกล้ามาสู้ กับพญามัจจุราช อันนี้มิจฉาทิฐิแน่นอน แต่กูจะสู้กับมึง (หัวเราะ) มึงจะแน่แค่ไหน ก็ไม่อยู่ยงคงกะพันละวะ
อย่างน้อยกฎธรรมชาติมีอยู่

ภาษาทางคริสต์บอกว่าทุกอย่างมีวาระของมัน สายพุทธก็มีคำว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ฉะนั้น ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่อมตะ ไม่ว่าระบบ คน หรือธรรมชาติ มันมีวัฏจักรของมัน เพียงแต่ว่าเราอาจไม่ทันเห็นครบวงรอบ ก็ไม่เป็นไร แต่กูทำ ไม่ตั้งหวังด้วยว่าคนอื่นทำมั้ย มึงไม่ทำเรื่องของมึง ไม่ใช่เรื่องของกู จบจากกูแล้ว ใครไม่ทำต่อ ก็เรื่องของมึง

มึงมองไม่เห็นสัจธรรมก็เรื่องของมึง มันอยู่นอกการควบคู่ของเรา จะคิดทำไม

เอาแรงมาจากไหนนักหนา

ฉันมีแรงบันดาลใจ เป็นความเชื่อมากกว่า I believe ไม่ใช่เชื่ออย่างเดียว ศรัทธาด้วย

ในฐานะคนเสื้อแดง คิดยังไงกับบทบาทคุณทักษิณตอนนี้

เขาเป็นพ่อค้า ซื้อมาขายไป การลงทุนต้องได้กำไร ส่วนกำไรที่เขาได้คืออะไร เราไม่รู้วัตถุประสงค์ แต่ฉันเชื่อ ฉันศรัทธาว่าถ้าระบอบระบบมันดีกว่านี้ มันถูกต้องกว่านี้ ฉันหาคนที่มาบริหารประเทศที่ดีกว่าทักษิณได้ หรือถ้าไม่ได้ ไม่ดี ฉันเปลี่ยนได้ ฉันเลือกวิถีชีวิตของฉันเอง

ไม่ยึดติดบุคคล ?

ไม่ ทักษิณเก่งนะ ใช้ได้เลยแหละ แต่มีจุดอ่อน คนที่จะบริหารได้ดีกว่านี้คือต้องเป็นนักการเมือง ไม่ใช่พ่อค้า

ยังรู้สึกผูกพันหรือเปล่า

ผูกพันตรงที่ว่า ฉันมองเห็นข้อดี และสิ่งที่เขาทำมามันมีประโยชน์

เทียบกับนายกฯ คนอื่นๆ ที่แล้วมา ให้คะแนนกี่มากน้อย

อันดับหนึ่ง เพราะเขาทำงานให้เรา เป็นประโยชน์ต่อเรามากที่สุด ใครจะบอกว่าเขาทำเพื่อตัวเอง อ้าว ทุกคนก็ทำเพื่อตัวเอง แต่ว่าคนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ด้วยมั้ย แล้วเขาเป็นผู้รับใช้ที่ดี เพราะสร้างประโยชน์ให้กับเรา ฉันถือว่าเขาเป็นผู้รับใช้ที่ดี ส่วนการตอบแทนเขา ในฐานะประชาชน ฉันก็ออกแรงป้องกันให้เขาแล้ว เป็นจำนวนนับแล้ว ออกไปยืนกลางถนนแล้ว ที่เหลือคุณต้องทำเอง

ความรู้สึกต่อ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ล่ะ

ทำตามใบสั่ง แม้จะมีอุดมการณ์ยังไงก็ตาม แต่ดูแล้วคือไม่สั่ง ไม่ทำ

ไม่น่านับถือ ไม่มีประโยชน์ ?

มีประโยชน์ที่ว่า เขาเป็นคนหว่านเมล็ดพันธุ์ แม้ว่าเขาทำตามใบสั่งใครหรือเปล่า ไม่รู้ ไม่ใช่ประเด็น แต่เขาเป็นผู้หว่านเมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตยลงแผ่นดิน คนที่ให้เมล็ดพันธุ์อาจเป็นทักษิณ และเขาทำให้ชัดเจนด้วยการหว่าน

ทำหน้าที่ได้ดี ?

ดี มีผลถึงตัวฉันด้วย

เห็นหน้าเขาตอนนี้รู้สึกนับถือ หรือหยาม หมิ่น

ก็ดี ยังรู้จักออกมาบ้าง (หัวเราะ) ออกมาแบบกูไม่เสี่ยง

ความรู้สึกฉันยังเป็นบวกอยู่ ไม่ลบ ไม่อกหักเพราะฉันไม่คาดหวัง คนเราต้องยอมรับความจริงนะว่าทุกการเคลื่อนไหวมันต้องใช้เงิน ยิ่งมาก กว้าง เร็ว แรง เท่าไร ยิ่งต้องใช้เงิน แล้วมึงไปเอาเงินมาจากไหน ขนาดกูคนเดียว กูยังหมดเป็นแสน คนเดียว รับผิดชอบชีวิตตัวเอง หมดเกือบสองแสน ตั้งแต่ปี 2549 เรื่อยมา ไม่ใช่ก้อนเดียวนะ รวมๆ มา ใช้ในกิจกรรมการเคลื่อนไหว

เสียดายมั้ย

ไม่ เงินหามาใช้ เสียดายทำไมเล่า ใช้ในสิ่งที่เราอยากทำ ถูกหรือผิด ไม่รู้ ในเมื่ออยากทำ เราก็ต้องรับผิดชอบความอยากของตัวเอง ไม่ใช่แบมือขอใคร

สมบัติ บุญงามอนงค์ ล่ะเป็นไง

มีสิ่งเดียวที่ยอมรับคือ good idea หาจุดเด่นพบและนำมาใช้ ถามว่าใจสู้มั้ย ก็ไม่ชัวร์นะ

เอางี้ดีกว่า มีใครบ้างที่รู้สึกว่านับถือมาก เสมอต้นเสมอปลาย ในขบวนการต่อสู้

มี แต่ตายไปแล้ว พี่เปีย (พ.อ. อภิวันท์ วิริยะชัย)

เป็นยังไง คนนี้

กล้าหาญ คนเรานะ ที่กล้าไม่ใช่ไม่กลัว แต่เขารู้ว่าต้องทำ เอาเป็นว่ารู้จักเขามาตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ฉันอยู่ในแวดวงทหาร เขาเรียนรุ่นเดียวกับสามีเพื่อน โคตรเหง้าตัวเองเป็นทหาร เห็นมายาวนาน เขาไม่ใช่เพิ่งมาคิด มาทำตอนเสื้อแดง เขาเป็นแบบนี้มานานและไม่ถูกกลืน ถึงจุดนึง เขาลาออก ไม่ยอมอยู่ในระบบ นี่คือฉันนับถือ อาจไม่โดดเด่น ฟู่ฟ่า แต่ถามว่าสู้จนหมดตัวมั้ย สู้ ทุ่ม จนหมดตัว และไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองมีโรคประจำตัว เขารู้ แล้วเขาสามารถทำวาระสุดท้ายให้บันทึกได้ในประวัติศาสตร์

ผลงานเด่นสุดคือเรื่องไหน

การได้เข้าไปเป็นรองประธานสภา ทำหน้าที่ได้ดี และการที่เขาเริ่มต้นดูแลการก่อสร้างรัฐสภา ก็เริ่มได้ดี มันมาเละในภายหลัง หากเราชนะเมื่อปี 2553 รัฐสภาไม่ได้อยู่ตรงนั้น แนวคิด ขยายผลหลายอย่าง เช่น กรมทหารรอบๆ นั้น จะไม่มีแล้ว เอาออกนอกหมด อยู่กรุงเทพฯ​ ทำเหี้ยอะไร เปลือง นายพลรกโลกจะน้อยลง เขาคิด เขาพูด เราได้ยิน บางเรื่องยังไม่สำเร็จ

คนอื่นๆ ล่ะ

ไม่มี เพราะฉันไม่ยึดระบบฮีโร่ ไม่ติดแกนนำ
ใช้หลักการ ไม่มีรูปใครติดบ้าน แม้กระทั่งเด็กรุ่นใหม่ที่ลุกขึ้นมาก็ไม่ใช่ฮีโร่ของฉัน

ชื่นชมมั้ย

ชื่นชม แต่ไม่ยึดติด ฉันถือว่าคนก็คือคน ดี ชั่ว กันได้ แต่หลักการมันไม่เคยเปลี่ยน ถ้าคนนั้นเดินอยู่บนเส้นทางของหลักการ เขามั่นคงของเขาเอง และจะเป็นที่ยกย่องเองในวันหนึ่ง

เพนกวิน อานนท์ ฯลฯ

สุดยอด แต่ความเป็นเด็กทำให้ประสานผลประโยชน์ไม่เป็น ดีลไม่เป็น แต่เอาน่า อย่างน้อยคนตาลุกโพลงทั้งประเทศ อะไรคือทรัพย์สินส่วนตัว อะไรคือทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ คนตื่นแล้วไม่มีทางหลับ ถึงหลับก็หลับไปทั้งที่รู้

กลุ่มวัยรุ่น ‘ทะลุแก๊ส’ สามเหลี่ยมดินแดง..

ฉันเชียร์ ถึงมันจะเจ็บบ้าง ตายบ้าง ไม่รู้

เชียร์เพราะว่า..

มันต้องแบบนี้ การต่อสู้นะคุณ ทุกคนมีวิธีการของตัวเอง และเขาเลือกใช้วิธีนี้

ถ้าใครว่าใช้ความรุนแรง ?

ช่างแม่ง ก็การต่อสู้น่ะ ใครจะเจ็บจะตาย ไม่ใช่ฉันโหดร้ายนะ แต่ทุกคนต้องรู้ว่าไปแล้วอาจต้องเจ็บ ไปแล้วต้องพลาด ไม่ได้อยากให้ใครตาย แต่เห็นการต่อสู้แล้วฉันชื่นชม ยิ่งวันที่ตำรวจโดนตีหน้าแหก ถ้าเป็นกู กูเอาหนักกว่านี้ ยำแม่งเละเลย กูไม่หนีอย่างเดียวนะ มีโอกาสกูเอานะ

ความรู้สึกของฉันคือฝั่งนั้นมันไม่ใช่ คฝ. เพียวๆ มองดูยุทธวิธีแล้วมันไม่ใช่ คฝ. ล้วนๆ
ถามว่ายึดสันติวิธีมั้ย ยึด แต่มึงตีมา กูสวน สันติวิธีคือเอาจำนวนคนเข้าสู้ และกูไม่ยอมให้มึงยิงเฉยๆ สู้ได้ กูก็สู้ หลบได้ กูก็หลบ หนีได้ ก็หนี ถ้าเอาคืนได้ กูเอา

การยินยอมเป็นผู้ถูกกระทำฝ่ายเดียวไม่ใช่วิสัย ?

ไม่ใช่ กูเป็นคน แต่ไม่ถึงขั้นจ้องแต่จะฆ่าฟัน ไม่ใช่ออกจากบ้านไปเพื่อทำร้ายใคร แต่ถ้ามึงทำมา กูสวน เท่าที่กูมี วิ่งได้ วิ่ง หนีไม่ได้ กูสู้ มนุษย์เรามันก็แค่นี้

พูดได้มั้ยว่าถึงวันนี้ยังคงเป็นคนเสื้อแดงร้อยเปอร์เซ็นต์

ได้สิ และคนเสื้อแดงไม่ได้อยู่ที่เสื้อ

identity เสื้อแดงคืออะไร

สิทธิ เสรีภาพ ภราดรภาพ เราทำเพื่อสิ่งนี้ ได้หรือไม่ได้ เราไม่กังวล รู้แต่ว่าเราทำก็พอ มันไม่ใช่เรื่องต้องออกแรงแบกหาม แค่มีจิตศรัทธา เชื่อ ศรัทธา และมีความรัก รักในตัวตนของตัวเอง รักในเพื่อนมนุษย์ รู้จักให้ ให้อะไรไม่ได้ก็ให้กำลังใจ

ความเป็นเสื้อแดงมันมาตั้งแต่จำความได้ พื้นฐานทางครอบครัว แม่เป็นคริสเตียน ฉันถูกสอนมาว่าทุกคนมีค่าเท่าเทียมกัน องค์ประกอบของแต่ละคนคือความหลากหลาย เพื่อเกื้อกูลกัน ไม่ต้องทำหรือเป็นแบบเดียวกันหมด ไม่ใช่แท่นพิมพ์ มันเป็นสังคม ทั้งความรู้ หน้าที่ การงาน แตกต่าง หลากหลาย เพื่อทำให้สังคมนั้นอยู่ได้ด้วยดี และพัฒนาขึ้น

ภาคภูมิใจในชีวิตตัวเองมั้ย

ภูมิใจ พอใจ คุ้มเกินคุ้ม เพราะว่าถ้าเราไม่มีอดีตแบบนั้นก็อาจไม่ใช่เราในวันนี้ เราอาจจะคิดเหมือนไอ้หมาตูบนั่นก็ได้ หรือเราอาจทำเห่ยๆ แบบเสื้อเหลืองก็ได้ ทุกอย่างมันหล่อหลอมเรามา ถ้าไม่ภูมิใจกับมัน เราก็ไม่เคยภูมิใจอะไรเลยสิ ชีวิตนี้ เราผ่านมันมาแล้ว ทุกวันนี้ถามว่าสบายมั้ย ลองไปถามดูเถอะ เราสบายกว่าคนอื่นเยอะ มีความสุขใจ

แม้ว่าไม่รวย ?

(หัวเราะ) มีเงินเก็บยังไม่ถึงหมื่นเลยคุณ

สิ่งไหนที่ทำให้มั่นคง แข็งแรง ภูมิใจ สิ่งนั้นคืออะไร

ศรัทธา เรามีศรัทธาในตัวเอง สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เรามี นั่นแหละ ทำให้ทุกอย่างไม่มีผลกระทบทางลบต่อเรา มึงจะขับรถสิบล้าน มึงก็ตายเป็นว่ะ (หัวเราะ) มึงจะอยู่คฤหาสน์หรูขนาดไหน มึงก็ตายได้นะเว้ยเฮ้ย

 

interview nandialogue

 

ขับรถอะไรทุกวันนี้

จักรยาน

รถยนต์ ?

ไม่มี มอเตอร์ไซค์ก็ไม่มี

จักรยานที่ใช้อยู่ราคาเท่าไร

สองพัน คิดอยากจะเปลี่ยนอยู่ เพราะสองล้อมัน.. ถ้าเราล้ม เราเจ็บ เปลี่ยนเป็นสามล้อ

ใช้เงินเท่าไร ค่าเปลี่ยน

หมื่นกว่าบาท

ที่ไม่เปลี่ยนเพราะว่า..

มีเงินไม่ถึง ถ้ามี ก็เปลี่ยนสิ ฉันจะไม่สร้างหนี้ เก็บออมไปเรื่อยๆ ถ้าช่วงไหนที่ใช้คนอื่นปลอดภัยกว่า ก็ใช้คนอื่น สั่งแกร็บ ไม่ก็ไหว้วานเด็กหน้าบ้าน

นอกจากจักรยานคันใหม่ ยังมีความฝันหรืออยากได้อะไรอีก

ไม่มี อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่เห็นว่าจะอยากได้อะไรที่เป็นวัตถุ
ชีวิตจะเหลือไปอีกข้างหน้าเท่าไร ไม่รู้ แล้วจะสะสมข้าวของทำไม เอามาเป็นภาระเหรอ

บ้านหลังนี้พอใจแล้ว ?

พอใจ มันพังตรงไหนก็ซ่อมตรงนั้น บ้านหลังใหญ่ๆ คุณต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไรดูแล ต้องมีคนอีกเท่าไร แล้วคุณหาเงินได้มั้ย จะไปเหนื่อยทำไม ปูนนี้แล้ว เกินไปกว่านี้มันคือภาระ

ถ้าให้สรุปบทเรียนชีวิตของตัวเอง ฉันตอบได้คำเดียวว่าฉันโชคดีมากๆ โชคดีตรงที่ว่า ตัวเองเข้าใจ เข้าใจตัวเอง แม้บางครั้งตามอารมณ์ตัวเองไม่ทัน ตะครุบไม่ทัน แต่โดยรวมแล้วพึงพอใจ โชคดีที่เราเกิดมาในครอบครัวนี้ โชคดีที่เรานับถือศาสนานี้ โชคดีที่เรามีลูกอย่างนี้

สามี..

ไม่โชคดี (หัวเราะ) คนเราคงไม่ได้โชคดีไปทุกเรื่อง ในความโชคร้าย ถ้าเราเข้าใจ นั่นคือความโชคดีของเรา เราสามารถที่จะปล่อย รู้จักว่าอะไรควรปล่อย อะไรควรถือ มันไม่ใช่ก็เลิก กอดไว้ทุกเรื่อง บ้าหรือเปล่า กอดรัดความทุกข์ ฉันยืนยันว่าฉันไม่บ้าขนาดนั้น (หัวเราะ)

ถ้า 15 ปีที่แล้ว ไม่มีรัฐประหาร 19 กันยาฯ ตอนนี้ชีวิตจะเป็นยังไง

โอย ฉันนึกภาพ (ตีโต๊ะปังๆๆ) ป่านฉะนี้ ได้นั่งรถไฟความเร็วสูงไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ตามที่ฉันต้องการ เท่าที่มีเงินน้อย ก็ใช้เงินน้อย

สูญเสียโอกาสไปแค่ไหน

ประเมินค่าไม่ได้ โอกาสทางรายได้ก็ถอยลง ฉันทำงาน แทนที่จะมีเงินออม ไม่มี นั่นคือเสียโอกาสมหาศาล ความมั่นคงในชีวิตก็ไม่มี

มีรัฐประหารครั้งไหนที่มันทำเพื่อมวลชน รัฐประหารคือเผด็จการใช่มั้ย สร้างระบอบนี้ขึ้นมา ถามว่าเอื้อประโยชน์ให้ใคร

ก็คนพวกเดียว ?

ใช่ แล้วทำลายโอกาสของผู้คนอีกเท่าไร มันประเมินค่าได้มั้ย คนอีกเจ็ดสิบล้านคนต้องอยู่ในระบบที่บัดซบที่สุด เกินคำบรรยายว่าเลวร้ายขนาดไหน แค่ยกตัวอย่างว่าทำให้คนเจ็ดสิบล้านคนเสียโอกาส เจ็บปวดมั้ย เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย ชีวิตหายไปครึ่งหนึ่ง แทนที่จะได้ใช้ตามวัยของตัวเอง ตามสิ่งที่ควรได้ ควรเป็น ควรมี แต่มันหายไปเลย มันยึดโอกาสไปเป็นของพวกมันหมด

วัคซีนโควิด ถ้าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย เขาต้องรีบแก้ ถ้าไม่แก้ ก็โดน กูเลือกมึงมา มึงต้องทำให้ดีที่สุด มึงห่วย กูเอาตีนถีบออกไป เปลี่ยนใหม่

อันนี้ถ้าเราเอาตีนถีบ มันสวนด้วยลูกปืน อยากทำอะไร มันทำ อยากกล่าวหาใคร อยากขังใคร มันทำได้หมด
ชีวิตคนไทยในรอบ 15 ปีนี้ ฉันกล้าพูดว่าอาจไม่ดีที่สุด แต่มันดีกว่านี้แน่นอน ไม่ใช่หยุด ดองเค็ม ฟรีซไว้แบบนี้ ชีวิตคนเราถ้าไม่ขยับก็เท่ากับล้าหลัง เงินหดหาย ทั้งที่ฐานของเราเริ่มดีมาก หลังปี 2544 กำลังโงหัว อ้าว โดนซะแล้ว มันหมดคำพูดจะด่า

ฉันกล่าวหาพวกรัฐประหารได้เต็มปากเลยว่า มึงทำลายโอกาสชีวิตของกู

 

interview nandialogue

 

ฝ่ายโน้นคงเถียงว่าก็ผ่านเลือกตั้งมาแล้ว จะรัฐประหารอะไรอีก นี่คือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ?

เรียกชื่อนี้ไม่ได้ เพราะมันไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มี ไม่เห็นเลย นี่มันรัฐบาลลูกกะหรี่ ที่โดนแมงดาข่มขืน มันเหี้ยตามนั้นจริงๆ ฉันไม่ได้ด้อยค่าผู้หญิงโสเภณี เพียงแต่ขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าแม่งเสือกเอาแมงดามาข่มขืน และออกลูกเป็นไอ้รัฐบาลชุดนี้

ฉันเรียกมันว่าลูกน้องแก๊งอั้งยี่ มันใช่รัฐบาลเหรอ ที่มาไม่ชอบธรรมแบบนี้ ตั้งพรรคการเมืองโดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง ยิ่งไอ้ 250 ตัวนั่น ชัดเจนว่าคือพรรคมึงนะ พรรคจันทร์โอชา

ทำไมคนเราต้องติดตามการเมือง

เพราะการเมืองคือชีวิตเรา คืออนาคตเรา

ไม่สนใจได้มั้ย

ตัวถ่วง ไม่เข้าใจยังเสือกตะแบง เป็นตัวถ่วง เรื่องการเมืองมีบวกกับลบ ถูกกับผิดเท่านั้น ไม่มีกลาง คุณต้องเลือกมา พวกที่บอกว่าอยู่ตรงกลางนี่เอาตีนถีบเลย กลางไม่มี คิดถูกหรือผิด เลือกผิดหรือถูก และสิ่งที่ต้องเข้าใจอีกอย่างคือถ้าเลือกผิด อีกสี่ปี มึงเลือกใหม่ได้ ต้องยอมทนกล้ำกลืนไปในวาระหนึ่งและมีบทเรียน เพื่อที่จะไม่เลือกแบบเดิม
ความเข้าใจการเมืองของคนไทยมีน้อยไปหน่อย ส่วนใหญ่อิงบุคคล เพราะระบอบอุปถัมภ์ฝังรากยาวนาน เปลี่ยนยาก ศูนย์อำนาจมันไม่ปล่อย ระบบราชการก็ตัวดี จะหาอะไรกินอร่อย กินดี เท่างบประมาณแผ่นดิน โอ้โฮ แฮมทาโร่ มาไงวะ (หัวเราะ)

อย่าคิดว่าเด็กมันไม่รู้นะ แต่ก่อนฉันไม่ได้ตามกลุ่มเด็ก ตามแต่นักการเมืองที่น่าสนใจ มาเจออันนี้ตกใจ ทึ่งมาก
การเมืองเป็นเรื่องของการหาพวกให้เยอะ ความสามารถไม่เหมือนกัน รองเท้าคนละเบอร์ นั่นคือความหลากหลาย คิดเหมือนกันก็แปลว่าเผด็จการสิ

จะไปให้ถึงธง ถึงเป้าหมาย มันมีหลายวิธี ใครถนัดทำยังไง ช่างเขาสิ เอาแค่ไม่เสียขบวน พอแล้ว ใจกว้างกันบ้างไม่ได้เหรอ อดีตของบางคน ใครจะคาบนกหวีดก็ช่างมัน ถ้าวันนี้อยากสู้ ดึงมันมา ชวน มาเลยๆ เพราะถ้าจะหาคนบริสุทธิ์ คนไม่เคยทำผิด มันไม่มี วันๆ เอาแต่ขุดอดีตมาพูดกัน มันไม่จบ อนาคตก็ไม่มีใครรู้ เอาตอนนี้สิ ยินดีต้อนรับทุกคน

คุณไม่เห็นด้วย ไม่ต้องไปโจมตี ไม่ว่ากลุ่มรีเดม คณะราษฎร เยาวชนปลดแอก ทะลุแก๊ส เพื่อไทย ก้าวไกล ฯลฯ ผิด ถูก เดี๋ยวเขาหาทางไปเองของเขา ปล่อยให้ทุกคนเรียนรู้

ดูตัวเองดีกว่า ว่าสิ่งที่คุณคิด คุณลงมือทำบ้างแล้วหรือยัง.

 

nandialogue

 

nandialogue

เรื่องและภาพ: วรพจน์ พันธุ์พงศ์

ภาพเขียน: สุมาลี เอกชนนิยม

You may also like...