interview nandialogue
interview

หญิงเดี่ยว เป้าหมายปั่นเที่ยวทั่วไทย ด้วยเงินในบัญชีหลักร้อย

จากเชียงใหม่มา จ.น่าน สำหรับคนทั่วไปก็น่าจะมีวิธีเดินทางให้เลือกสองข้อ คือถ้าไม่ขับรถเอง ก็ต้องนั่งกรีนบัส ทั้งสองทางเลือกดังกล่าวใช้เวลาราว 5-6 โมง

‘ฮุ้ง’ ณัฏฐนันท์ ประเสริฐรัสมี วัย 42 ปี ไม่เอาทั้งสองแบบที่ว่า เธอขี่จักรยานมาคนเดียว ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 40 กว่าวัน ไม่ได้ปั่นตลอดเวลาหรอก เธอปั่นไป พักเที่ยวไป โดยมีจุดหมายชัดเจนคืออุทยานแห่งชาติ อยากปั่นไปนอนในทุกอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ

ผู้หญิงคนนี้มีพื้นเพเป็นคนสระแก้ว เติบโตในเมืองหลวง เรียนจบมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร (สาขาออกแบบเครื่องประดับ) ทำฟรีแลนซ์ในสายงานที่เรียนมาอยู่พักหนึ่ง แล้วเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ฟิล์มและวิดีโออยู่หอภาพยนตร์อีกราวหนึ่งปี เมื่อจบโครงการ/นโยบายเปลี่ยน เธอลาออก และสมัครเข้าทำงานในกองบรรณาธิการนิตยสาร SECRET กระทั่งสามสี่ปีล่วงผ่าน เมื่อรู้สึกเบื่อกรุงเทพฯ เธอเปลี่ยนเกม พาตัวเองขึ้นเชียงใหม่ไปเปิดร้านกาแฟตามความฝันของคนหนุ่มสาวแห่งยุคสมัย ทั้งขาย ทั้งคั่ว เคยสำเร็จและล้มเหลว สุดท้ายเจอโควิด เกมชีวิตจำต้องปรับเปลี่ยนอีกครั้ง

รอบนี้เธอตัดสินใจทำเรื่องที่ค้างคาใจมานาน คือการเดินทางไกล

ไม่ใช่เรื่องใหม่ และคงมีใครหลายคนทำมาบ้าง ก็แค่เดินทางทั่วประเทศ เพียงแต่ว่าฮุ้งขี่จักรยาน เลือกศึกษาพักแรมในอุทยานฯ ปักหมุดพยายามไปให้ครบทุกแห่ง และเดินทางคนเดียว ด้วยเงินที่มีในบัญชีหลักร้อย

 

interview nandialogue

 

วันนี้เป็นวันที่เท่าไรแล้วที่ออกจากบ้าน

สี่สิบสี่ค่ะ ออกจากบ้านวันที่ 8 พฤศจิกาฯ

จุดเริ่มต้น หรือมีแรงผลักอะไร ทำให้คนคนหนึ่งคิดอยากขี่จักรยานเที่ยวทั่วประเทศ

โควิดสองปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องอยู่บ้าน ไปไหนไม่ได้ งานก็ลดเรื่อยๆ เรื่องงานคงอยู่ที่ตัวเราด้วย มันไม่มีแรง ถ้าพยายามกว่านี้ก็คงพอทำได้อยู่ แต่มันหมดพลังแรงใจแทบทุกอย่าง ตอนเลิกทำกาแฟก็คิดว่าจะเอาอะไรกิน ทีแรก อยากวาดรูป แต่การเป็นศิลปินต้องใช้เวลา ไม่ใช่วาดรูปแล้วขายได้เลย หรือพรุ่งนี้ได้แสดงงาน มันไม่ใช่ ยังไม่ตอบโจทย์ เลยคิดเรื่องออกไปเที่ยว มอไซค์มี แต่น้ำมันก็แพง อันตรายด้วย ล้มก็เจ็บหนัก ช่วงนั้นติดยูทูบมาก ไล่ดูเส้นทางที่เขารีวิว มันลิงก์มาถึงคลิปนึงของ ‘เบียร์สด’ เขาปั่นจากเบตงไปแม่สาย เป็นแรงบันดาลใจมากเพราะเขาไม่ใช่นักปั่นจักรยาน ที่ผ่านมาใช้มอไซค์ แต่วันหนึ่งเจอแก๊งจักรยานแล้วอยากลองทำบ้าง คือไม่ใช่มืออาชีพเลย แต่เขาทำสำเร็จ ฮุ้งว่าน่าสนใจ เขาไม่ซ้อม ไม่ค่อยรู้เรื่องจักรยาน ยังทำได้

แล้วคุณรู้เรื่องจักรยานมั้ย

เป็นศูนย์มาก แต่พอจะเริ่มขี่ก็ศึกษา แล้วไปเปิดเจอคลิปของจิน ผู้หญิงเกาหลีที่ปั่นคนเดียวทั่วโลก อันนี้เป็นจุดผลักสำคัญมาก ทำให้กล้า

คิดนานเท่าไร ก่อนตัดสินใจออกมาปั่น

ประมาณสองอาทิตย์ ทีแรกอยากไปเลย แต่เป็นไปไม่ได้ ไม่พร้อม ใจไปแล้ว ของไม่พร้อม ที่ผ่านมาก็เคยขี่แค่แบบ ไปซื้อของ ไปธุระ ไม่ใช่ทัวริ่ง แต่จินเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ไปคนเดียว ทำได้ เราต้องทำได้สิ สิบปีก่อนเคยอ่านหนังสือของ อ.ประมวล เพ็งจันทร์ ‘เดินสู่อิสรภาพ’ ก็ชอบมาก อยากทำอะไรแบบนั้นบ้าง แต่ยังกังวล เพราะมีหน้าที่การงาน ตัดใจไม่เป็น ตอนนี้อายุมากแล้ว เริ่มวางบางอย่างบ้าง เลยคิดว่าลุย ออกไปปั่น

คิดว่าจะปั่นไปไหน

อยากไปอุทยานแห่งชาติให้ครบทุกที่ทั่วประเทศไทย มีร้อยกว่าที่ เป็นเหมือน goal เป็นรางวัลสำหรับเรา ตอนวัยรุ่นเคยไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รู้สึกว่าป่ามันสวย ต้นไม้สวย เราอยากไปให้ครบทุกที่ ไปให้ทั่วทุกจังหวัด ตอนเด็กคิดว่าทำไมคนถึงอยากไปเที่ยวต่างประเทศ ทั้งที่เที่ยวไทยยังไม่ครบเลย ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่ามีอะไรบ้าง ที่ไหนสวยๆ ทำไมขวนขวายไปเมืองนอก

ความฝันครั้งนี้ใช้เงินกี่บาท

ประมาณแสนห้า ขอทุนจากคนรู้จักที่เห็นดีเห็นงาม อยากสนับสนุนเรา

ขอแล้ว ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง ?

ค่ะ พี่เสือดำ (ชี้ไปที่จักรยาน) คันนี้เพื่อนให้มา เราแจ้งข่าวสารไป แต่ไม่ได้นะคะ ทุกวันนี้ยังเปิดรับอยู่ ขอไปเรื่อยๆ และหารายได้จากวาดรูป

เงินของเราเองเท่าไร

มีหลักร้อย ตอนจะออกจากบ้าน พร้อมก็ออกเลย คิดว่าคงไม่อดตายมั้ง เคยเห็นพี่คนหนึ่ง เขาปั่นจักรยานไปเที่ยว 11 ประเทศในอาเชียน ด้วยเงินตอนออกจากบ้าน 300 บาท ของเราก็ลองดู ส่วนใหญ่คนที่ให้ก็เป็นเพื่อน ล่าสุดเริ่มขยับไปถึงเพื่อนของเพื่อน คล้ายๆ เป็นความฝันของเขาด้วย ช่วยทำฝันของเขาให้หน่อย หรือมีบางคนเคยไป เคยทำอะไรทำนองนี้ เขาเข้าใจและช่วยสมทบทุนมาให้ เปิดเพจก่อนออกจากบ้าน ทีแรกกะจะออกปั่นวันเกิดคือ 8 ตุลาฯ แต่ไม่ทัน เลยเลื่อนมาอีกเดือนหนึ่ง เพิ่งฉีดวัคซีนด้วย รอดูอาการ

การจะออกเดินทางยาวนานขนาดนี้ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

ซ้อมแพ็กของ ซ้อมปั่น ลองไปนอนที่อ่างเก็บน้ำ 3 ที่ มีคนแนะนำให้รู้จักปลื้ม ที่เขาปั่นทั่วประเทศ เจอกัน ลองไปปั่นด้วยกันทริปสั้นๆ เหมือนเป็นพี่เลี้ยงให้ประมาณสี่ห้าวัน เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับรถ กับวิธีโหลดข้าวของว่าไหวแค่ไหน อันไหนไม่จำเป็นต้องเอาไป ซ้อมแล้วกลับมาเตรียมตัวที่บ้านอีกสองอาทิตย์ อุปกรณ์จิปาถะเอาไปร้านเซอร์วิส ตรวจสภาพเบรก เตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการเดินทางไกล

ร่างกายเตรียมยังไง

เล่นโยคะ ตั้งแต่เริ่มคิดจะปั่นจักรยาน ออกกำลังกายมากขึ้น ก่อนนั้นไม่เคยทำเลย ห่อเหี่ยว หดหู่ มันหนืดๆ จนไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นมาเล่นโยคะต่อเนื่องสองอาทิตย์ ปั่นซ้อมรอบบ้าน ให้แข้งขาชิน ดูว่าไหวมั้ย เหนื่อยง่ายมั้ย พอปั่นก็โอเค ไม่เหนื่อยง่าย

วันที่ 8 พฤศจิกาฯ ที่ออกจากบ้าน มีพิธีกรรมอะไรหรือเปล่า

ไม่มี ออกเลย ปลื้มมารับ นัดว่าไปด้วยกัน เลยเชียงดาวไปนิด ที่ที่เขาอยากไป ทางยากมาก และสุดท้ายไปไม่ถึง แยกกันกลางทาง (หัวเราะ) สรุปคือสิบโมงออกไปรอบนึง ปั่นไม่ไหว ขึ้นสะพานไม่รอด ทั้งที่ปกติทำได้ เริ่มกังวล กระเป๋าหน้า ของหนัก เพราะรอบนี้กะไปเป็นปี เอาของมาเยอะ แต่พบว่าไม่ได้แล้ว ไม่ปลอดภัย เลยกลับบ้าน เอาของออก เซ็ตกระเป๋าใหม่ นั่งพัก งอแงจนบ่าย แล้วออกอีกรอบ

น้ำหนักรวมรถสักกี่กิโลฯ

ประมาณหกสิบ

 

interview nandialogue

 

คืนแรกนอนที่ไหน

หน้าวัดแถวแม่แตง ทำแมปไว้ ไปตามเข็มนาฬิกา วางเส้นทาง ปักหมุด เชียงใหม่ พะเยา น่าน เลย พาร์ทแรกเอาแบบนี้ จบทางอีสานแล้วเข้าพาร์ทสอง ล่องใต้ แต่ก็มีหมุดเพิ่มมาเรื่อย เวลามีคนแนะนำ พาร์ทสามจบที่บ้าน จ.สระแก้ว พาร์ทสี่ จากสระแก้ว กลับเส้นภาคกลาง แล้วตีย้อนขึ้นมาเก็บอุทยานแห่งชาติในเชียงใหม่ เส้นทางวางไว้อย่างนี้ ยังไม่เปลี่ยน

คิดว่าใช้เวลากี่วัน กว่าจะขี่ครบทั่วไทย

น่าจะเกือบปี ทีแรกคำนวณไว้ 6-8 เดือน ไม่น่าทำได้ เพราะบางที่อยู่เป็นอาทิตย์ เช่น อ.ฝาง อยู่ 8 วัน เพราะสั่งของออนไลน์ อยู่รออุปกรณ์กล้อง พอถึงเชียงรายก็อยู่เกือบอาทิตย์ คือบางช่วงร่างกายไม่ค่อยสบาย เวลามีประจำเดือน อ่อนแอ ปั่นไม่ไหว ก็หยุด เรื่องจำนวนวันไม่ซีเรียส ปล่อยๆ กะแค่ว่าพยายามถึงภาคใต้ก่อนฤดูมรสุม

เงินเท่าที่มีตอนนี้ ไปได้ถึงไหน

ในบัญชีมีแปดร้อยกว่าบาท แล้วมีเงินที่ได้จากการออกบูธวาดรูปที่น่านอีกสองพัน อันนั้นเก็บไว้ค่าผ่อนมอไซค์สองงวด จบนี้ก็หมดกังวลแล้ว ถัดจากนี้ไม่มี ไม่เป็นไร คิดหาเอาวันต่อวัน ก็ถือว่ายังโชคดี พอไม่มีเงิน ก็จะมีคนจ้างวาดรูป คิดว่าถ้าไม่มีจริงๆ ขอพ่อแม่ก็ได้ ตั้งแต่เรียนจบมาไม่เคยขอ แม่ทำสวน พ่อเป็นคนแก่ว่างงาน คือเขาไม่ได้มีเยอะหรอก ก่อนโควิด ฮุ้งทำงานได้เงินก็ส่งให้เขาใช้บ้าง

เรื่องความรักมีผลมั้ย ในการที่จะทำให้ใครคนหนึ่งทำ หรือไม่ทำอะไร

มีส่วนนะ พอเลิกกับแฟน เขาไปทำงานที่อเมริกา ช่วงแรกติดต่อบ้าง คงเหงา หลังๆ หายเงียบไป และเมื่อต้นปีเห็นเขาโพสต์ว่ามีแฟนใหม่ สำหรับเรา มันเหมือนโลกพังทะลาย คือเขาไปนานแล้ว แต่ลึกๆ ยังหวังว่าเขาจะกลับมา รอ ไม่ย้ายบ้านไปไหน กลัวว่าถ้าเขากลับมา จะหาเราไม่เจอ พอเห็นว่ามีแฟนใหม่ อ้าว นี่เราคิดอะไรอยู่วะ โคตรงี่เง่า ไม่มีอะไรให้ยึดติดแล้ว งั้นเราก็ออกไปเห็นโลกกว้างบ้างสิ หมกอยู่บ้านทำไม สิ่งแวดล้อมเดิมๆ คิดอะไรไม่ออก อยากเขียนหนังสือ แต่อยู่บ้านอย่างเดียว เขียนไม่ได้ เลยตัดสินใจออกดีกว่า

ผู้หญิงคนเดียว กับจักรยาน และเวลาสี่สิบกว่าวันบนถนน มันเป็นยังไง สนุกมั้ย กลัวมั้ย

ถามว่ากลัวมั้ย ก็มีบ้าง แต่เผอิญเป็นคนที่อยู่คนเดียวมาตั้งแต่อายุสิบห้า ฉะนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่แปลก และไม่ชอบให้คนขู่ว่าตรงนั้นตรงนี้อันตราย ยิ่งพูด ยิ่งอยากจะไป เท่าที่เจอมาไม่มีอะไรน่ากลัว ส่วนใหญ่เรากลัวไปเอง มโน เรื่องร้ายๆ ไม่เคยมี มีแค่ หาที่นอนไม่ได้ ไปถึง ไม่มีที่พัก เคยมี เขาเลิกแล้ว ทำไงดี มืดแล้ว เลยขอนอนอาคารร้างๆ หรือลานใต้ต้นไม้ พี่ผู้หญิงคนหนึ่งถามว่ากล้าเหรอ เขาคงห่วงๆ เห็นมาคนเดียว เราบอกกล้า พี่คนนี้พาไปดูห้องน้ำลับ มีน้ำอุ่น คือจากกลัวๆ กลายเป็นสบาย ตกกลางคืนกังวลก็ระแวงเหมือนกัน จุดที่กางเต็นท์มันเป็นทางเข้าหมู่บ้าน วัยรุ่นขี่มอไซค์เข้าออก เราก็ทำตัวให้เล็กสุด เงียบสุด ไม่ให้ผิดสังเกต แต่ดึกๆ มีผู้ชายคุยกัน ส่องไฟฉายมาที่เต็นท์ เรามีมีดพกอยู่อันนึง ก็หยิบมาเตรียมพร้อม เอาจริงๆ ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก (หัวเราะ) แค่ให้พออุ่นใจ กำมีด ลุกขึ้นนั่ง ฟังเขาคุยกัน ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร สรุปคือเขามาเปิดไฟที่อาคารนั้นให้ คืนนั้นฝันร้าย หลับๆ ตื่นๆ สักตีห้า มีเสียงผู้ชายอีกคน บอกใครวะ มาจากไหน มาเปิดไฟทิ้งไว้ เขาปิด แล้วก็ไป นั่นคือคืนที่รู้สึกนอนไม่สบาย ที่เหลือเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรน่ากลัว ..มีที่ภูซาง เจ้าหน้าที่มาดูแลดีเกิน มายุ่ง มาถาม คือเก็บค่ากางเต็นท์ 20 บาท แล้วก็ชวนคุยว่ากินอะไรหรือยัง พาไปออกไปซื้อได้นะ ร้านค้าชุมชนข้างนอก เซ้าซี้ สักพักกลับมาอีก นอนได้มั้ย ชวนคุย หาเรื่องคุย บอกว่าวันก่อนมีรถมาชนกันแถวนี้ เปิดคลิปให้ดู จังหวะเอาให้ดู เราได้กลิ่นแอลกอฮอล์ อ้อ พยายามเบรก ขอพักผ่อน ไปแปรงฟัน เขาเดินตาม เราก็หาทางเลี่ยง จนกระทั่งเข้าเต็นท์ เขาเลยไม่มายุ่งอีก ชอบที่นั่นมากนะ ทีแรกว่าจะนอนสองคืน แต่รู้สึกไม่ปลอดภัย เลยไปต่อ

หลักๆ คือเลือกนอนในอุทยานฯ ?

ใช่ มีครั้งหนึ่งนอนเกสต์เฮาส์ แล้วก็มีขอนอนในโรงเรียน มีครูเป็นเวรอยู่ เขาบอกนอนในห้องเรียนก็ได้ เอามุ้งใหญ่ๆ ของเด็กมากางให้ คือพอเดินทาง เราได้เห็นเลยว่าคนไทยใจดีมาก อยากช่วยเหลือ ขณะเดียวกันก็ได้เห็นภาพอื่นๆ ด้วย คือยังมีคนโคตรลำบาก โทรมๆ ดูชีวิตแย่ๆ

ที่หลับที่นอนในอุทยานแห่งชาติสภาพเป็นยังไง

โอเคมาก สะอาด ปลอดภัย อันดับหนึ่งคือปลอดภัยมากที่สุดในโลก ที่กางเต็นท์โอเค ห้องน้ำสะอาด ที่กิน ส่วนใหญ่มี สถานที่ท่องเที่ยวไม่อดอยู่แล้ว น้อยมากที่ไม่มี เช่นที่ลำน้ำกก เตรียมการ เพิ่งจะเริ่มก่อตั้ง ยังไม่พร้อม คือบางที่ทรัพยากรดีมาก วิวดี มีบ่อน้ำร้อนให้แช่ แต่อาจยังจัดการไม่ดี ฮุ้งชอบบ่อน้ำร้อนที่ฝาง มีบ่อแช่เท้า และเป็นห้องๆ ให้แช่ทั้งตัว ราคา 20-30 บาท เข้ากี่รอบก็ได้ จ่ายครั้งเดียว อุทยานฯ บางที่จ่าย 20 บาท นอนได้ 5 คืน บางที่คืนละ 30 บาท แต่ละที่ไม่เหมือนกัน บางที่ จักรยานเข้าฟรี คนเสียตังค์ บางที่เสียเฉพาะค่ากางเต็นท์ อย่างถ้ำสะเกิน จ่ายทีเดียว นอนได้ 5 คืน ส่วนใหญ่ที่ไปมาคืนละ 30 บาท แต่เอารถยนต์ไปก็อีกราคาหนึ่ง

ชอบอะไร ในอุทยานฯ นอกจากราคราถูก

มีที่ให้เที่ยว เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ความปลอดภัย ลานกางเต็นท์ พื้นเรียบ นอนสบาย ชอบความเงียบ สงบ อุทยานแห่งชาติบางที่ไม่มีอะไรหรอก คนก็ไม่ค่อยมา เงียบมาก ร้างมาก เรียกว่าไปถึงนี่เหมือนเหมาลานคนเดียว สิ่งที่ชอบคือความเงียบ ปลอดภัย ต้นไม้ ดอกไม้ ฟังเสียงนก เสียงแมลง

วันๆ ทำกิจกรรมอะไร

อยากทำความรู้จักสถานที่นั้น ส่วนใหญ่ไปถึงบ่าย เย็น ถ้าตื่นมาแล้วไปต่อเลย มันไม่ทันได้เห็นอะไร ส่วนใหญ่จะอยู่คืนสองคืน รุ่งขึ้นเดินไปน้ำตก ไปดูถ้ำ ดูรอบๆ ว่ามีอะไรบ้าง ไม่งั้นไม่รู้จะไปทำไม เสียเที่ยว เป้าหมายเราไปเที่ยว ไม่ได้ไปสะสมตราแสตมป์อย่างเดียว ไปเพื่อให้เห็น ให้รู้

ที่บอกว่าชอบความเงียบ โดยชีวิตที่ผ่านมาถือว่าได้อยู่กับความเงียบมั้ย

อยู่กับมันมากและชอบ เป็นคนไม่ชอบดูทีวี ได้ยินเสียงไม่ได้เลย ปวดหัว รำคาญ เพลงก็ไม่ค่อยฟัง ถ้าฟังก็ไม่ชอบเพลงมีเนื้อร้อง ชอบฟังแจ๊ส คลาสสิก ชอบ แต่ไม่ลึกนะคะ ใครแต่ง เพลงอะไร ไม่มีความรู้ขนาดนั้น แต่ถ้าได้อยู่ในบรรยากาศดนตรีสดก็ชอบ มีความสุข ตั้งใจฟัง

ตอนปั่นจักรยานไม่เสียบหูฟังใช่มั้ย

ไม่ฟังค่ะ อันตราย

รสนิยมการเที่ยวที่ผ่านมาเป็นแบบไหน

ไม่ค่อยได้ไปไหนเท่าไร เรียนจบ อยู่แต่บ้าน ไม่เจอผู้คน อยู่กับแฟน

ติดแฟน ?

มาก มีแฟนตอนมหาลัย ปีสาม ปีสี่ จากนั้นก็ติดมา 5-6 ปี ไม่ไปไหน ที่ญี่ปุ่นเขามี WWOOF ใช่มั้ย อยากไป แต่ติดแฟน ไม่ได้ไป มีทุนเรียนต่อปริญญาโทที่อิตาลี ไม่ไป เพราะจะห่างแฟน เสียดายโอกาสในชีวิตเหมือนกัน เพราะตอนนี้ถามว่าได้อยู่กับแฟนมั้ย ก็ไม่ได้อยู่ (หัวเราะ)

ก่อนออกมาปั่น สิ่งที่ประเมินไว้กับเวลาเจอของจริง ต่างกันมั้ย

ต่างมาก ทีแรกกะว่าจะปั่นวันละ 80 กิโลฯ เป็นไปไม่ได้เลย คนไม่เคยปั่น บางที่ มันใกล้จริง แต่ชันมาก ปั่นสิบกว่ากิโลฯ ก็หมดแรงแล้ว ไม่เป็นไปตามเป้า ถ้าทางราบขี่ได้ 70 กิโลฯ พอไหว ไม่อ่อนล้าเท่าไร

เคยเจอสภาพแบบ ขาพัง หมดเรี่ยวแรง ?

ไม่มี เราต้องรู้ตัวเอง ดูว่าไหวมั้ย ถ้าไม่ไหว จอด รีบหาที่พัก ส่วนใหญ่แพลนก่อนว่าไปแค่ไหน พักที่ไหน คำนวณได้ เริ่มมีประสบการณ์ ทำได้ไม่ค่อยผิดพลาด

บนท้องถนน อะไรน่ากังวลสุด สำหรับผู้หญิงปั่นคนเดียว

ไม่มี ถ้ามี กลัวเรื่องคนมากกว่า แต่ไม่กลัวมาก

คนมาทำอะไร

ปลื้มเล่าว่าเคยโดนปล้น เขาขี่ไปทางชนบทที่เปลี่ยวมาก มีมอไซค์คันหนึ่งขี่แซงไปจอดข้างหน้า เขาขี่ไปปกติ มอไซค์คันนี้ขี่แซงอีก และหายไป สักพักมีคนกระโดดออกมาจากข้างทาง ถือมีดมาจี้ จำไม่ได้ว่าเขาพูดยังไงบ้าง แต่สุดท้ายคือมือถือให้ไม่ได้ ต้องใช้เดินทาง มีเงินสดเท่านี้ เพิ่งกดมา เอาไปละกัน แบ่งกัน ปลื้มบอกว่าคนจี้น่าจะเมายา เขาไปแจ้งความ ตำรวจบอกว่าช่วงนี้มีคนตกงานเยอะ เมายา ฟังเรื่องนี้ก็ทำให้กังวลบ้าง แล้วเคยเจอช่วงขึ้นเขา ชัน มีแต่ต้นไม้ ไม่มีบ้านคน วัยรุ่นสองคนขี่มอไซค์แซงไป สักพักวนมา และผ่านไป สักพักกลับมาอีก จากคันเดียว เพิ่มเป็นสองคัน พอคิดเรื่องที่ปลื้มเจอก็ยิ่งกลัว เอามีดมาเหน็บข้างหลัง กังวลมากๆ พอดีมีรถกระบะ ทะเบียนกรุงเทพฯ แซงขึ้นไปจอดข้างหน้า และคนที่ลงมาคือเพื่อนฮุ้ง เฮ้ย มาได้ไง เขาบอกว่ากำลังพาลูกค้าไปแม่สาย ไปด้วยกันมั้ย เราก็ ไปดิ ไปตอนนี้เลย แค่เห็นเพื่อนลงรถมาก็บ่อน้ำตาแตกน่ะ คือไม่ไหวแล้ว กลัว รีบยกจักรยานขึ้นหลังกระบะ

 

interview nandialogue

 

ปกติอยู่ในภาวะไหน แฮปปี้ หรือมีปัญหาให้คิดอยู่เรื่อย

แฮปปี้มาก ไม่ท้อ ไม่เคยถามตัวเองว่ากูออกมาลำบากทำไม ไม่มีคำถามนี้ เหนื่อยบ้าง แต่ไม่มีคำถามว่าทำทำไม มีแต่ความสุข ยิ่งตอนขี่ไปใกล้จะถึงจุดหมายแล้วยิ่งฟิน ขนลุก เหมือนตัวเรากว้างใหญ่ขึ้น

เทียบกัน ระหว่างปัญหา ความเหนื่อย กับความสุข สัดส่วนเป็นยังไง

สุขแปดสิบ อุปสรรคยี่สิบ กังวลเรื่องเงินบ้างเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร คิดว่ารอด

ถาม ณ วันนี้ เป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะไปให้ครบทุกจังหวัด ทุกอุทยานแห่งชาติ มั่นใจว่าทำได้มั้ย

ได้ ต้องได้ นาทีนี้ตอบแบบนี้ มีอารมณ์คิดถึงบ้านบ้าง นั่งในเต็นท์ คิดถึงแม่ ออกมาระเหเร่ร่อนซะไกล ทำไมไม่อยู่บ้านวะ แต่แป๊บเดียวก็รู้ตัวเองว่านี่เราออกมาเที่ยวไง จะคิดแบบนี้ทำไม มึงอยากออกมาเที่ยวไม่ใช่เหรอ
ก็มี คุยกับตัวเอง ทะเลาะกับตัวเอง แต่ไม่มีแบบ.. กลับบ้านๆ โดยนิสัย เป็นคนที่ถ้าจะทำแล้วต้องทำให้ได้

ถ้าจะมีเหตุอะไรสักอย่างให้ต้องกลับบ้าน สิ่งนั้นคือ..

เรื่องกระทบจิตใจหนักๆ มั้ง

เช่น ..

ไม่อยากพูด คงไม่โดนหรอก ก็ไม่รู้ว่าเราจะรับมันได้มั้ย หรือเราจะมีชีวิตรอดมั้ย จะรับมือยังไง ไม่รู้ โดยนิสัยเป็นพวกแข็งขืนต่อสู้ แต่คนส่วนใหญ่ที่รอดคือคนยอมใช่มั้ย

มีใครเคยทำแบบคุณมั้ย ผู้หญิงไทย ขี่จักรยานเที่ยวคนเดียว

ไม่มี ถ้ามี ก็ขี่มอไซค์ ไม่รู้นะ หรืออาจมี บางคนเซ็ตขึ้นเพื่อทำคอนเทนต์หรือเปล่า ไม่รู้ เท่าที่เห็น มีไปเป็นคู่ หรือมี แต่คนไม่รู้จัก ไม่เป็นข่าว ของฮุ้งอยากไป อยากทำจริงๆ ที่ทำเพจขึ้นมาก็เพื่อให้เพื่อนที่ติดตามไม่เป็นห่วง อย่างน้อยให้รู้ว่าอยู่ไหน ปลอดภัย ให้รู้ความเคลื่อนไหว แต่มันก็เป็นดาบสองคมเหมือนกัน ถ้ามีคนไม่หวังดี

ตอนนี้มีคนติดตามแค่ไหน

น้อย แค่หลักร้อย เพื่อนไม่เยอะ ทำร้านกาแฟมา 8 ปี ก็ไม่ถึงหมื่น ไม่ใช่พวกพรีเซนต์เก่ง บุคลิกไม่น่าเข้าหาด้วยมั้ง แต่ก่อนดุนะ ตอนทำร้านใหม่ๆ ดุจนลูกค้ากลัว

ความสุขของการออกมาปั่นจักรยานคืออะไร

อิสระ โห เชยมั้ย (หัวเราะ) ทำให้มั่นใจว่าประเทศนี้ยังปลอดภัย เราไม่เคยเจอเรื่องไม่ดี เราเห็นว่าคนส่วนใหญ่จิตใจดี อยากให้เชื่อแบบนั้น อย่ากลัว เบื่อมากเลยที่คนชอบบอกว่าน่ากลัว อย่าไปที่นั่นที่นี่ คนที่ไม่เคยออกจากบ้าน แต่มาบอกว่าน่ากลัว อย่าออกไป มันประหลาด สอนลูก ขู่ลูก กลายเป็นทุกคนหดหัวกันหมด จริงๆ ฮุ้งเป็นคนที่ไม่ชอบมนุษย์เท่าไร ไม่มีความเป็นมิตรกับคนที่ไม่รู้จัก แต่พอออกมาแบบนี้ทำให้คิดถึงคำของท่านดาไลลามะ ที่บอกว่า ‘โลกนี้ไม่มีศัตรู มีแต่เพื่อนที่เรายังไม่รู้จัก’ เวลาไม่ชอบคนแปลกหน้า กังวล จะนึกถึงคำนี้ เออ มันจริง

อะไรคือสิ่งที่ต้องสูญเสีย กับการอยู่บนถนนสี่สิบกว่าวัน

รายได้ ไม่มีแน่ๆ ตั้งแต่ตัดสินใจออกมา อย่างอื่นก็อาจจะสูญเสียความนับถือตัวเองนิดนึงที่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ขอเงินเขามาเที่ยว ถามตัวเองอยู่เรื่อยว่าทำไมเขาต้องให้เงินแกออกมาเที่ยว ทำไมเขาต้องแบ่งเงินที่หาด้วยน้ำพักน้ำแรงมาให้ แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าที่ออกมาไม่ได้ร่าเริง ลั้ลลา ฮุ้งคิดว่าเราส่งประโยชน์กลับให้คนอื่นด้วย เช่น การเขียนบอกเล่าว่าเจออะไรบ้าง อาจมีประโยชน์น้อยๆ คือภาพสวยๆ สถานที่ดีๆ มันยังมีอยู่นะ ให้ข้อมูลการท่องเที่ยว นี่คือพื้นฐานใช่มั้ย แล้วก็ถ้าเขาเห็นในสิ่งที่เราทำ เห็นเราและอยากออกมาบ้าง อันนี้ฮุ้งว่าดี เราไม่ได้อยากเป็นฮีโร่ แค่เราทำบางอย่างที่เยียวยาตัวเอง และบางคนที่มีสภาวะเดียวกับเรา เขาเห็นว่าดี ลองทำดู มันช่วยชีวิตเขาได้ มันก็ดีน่ะ สิ่งที่เราทำแล้วส่งแรงต่อให้คนอื่น เป็นผลพลอยได้ รวมทั้งสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวัน มีข้อความบางอย่างในเชิงบวก พยายามที่จะลดขยะ ไม่ซื้อของพลาสติก เอาแก้วน้ำเติม เท่าที่เห็น ร้านจำนวนมากใช้พลาสติก ลงทุนเยอะ ทำไมไม่ล้าง เขาคิดอะไรกันอยู่ ขยะท่วมโลกมาก หลายอย่างเกิดจากความมักง่าย ไม่นึกถึงส่วนรวม ถ้าเราคนนึง สองคน สามคน ช่วยกันทำ มันมีผลได้จริงๆ

สิ่งที่ต้องทำแน่ๆ ในการเดินทางทริปนี้คือ..

อยากทำหนังสือ อยากเขียนหนังสือ อยากเป็นนักเขียนมาตั้งแต่เด็ก แต่ที่ผ่านมาไม่รู้จะเล่าอะไร พออายุเข้าเลขสี่ มั่นใจที่จะพูดเรื่องชีวิตมากขึ้น ผ่านอะไรมาสมควร น่าจะมีข้อมูล ยิ่งออกมาเดินทางแบบนี้คิดว่าทำได้ ค่อยๆ จดบันทึกไป เดี๋ยวเรียบเรียงใหม่ตอนจบทริป วาดรูปก็สนใจ แต่ทิ้งไปนาน เพิ่งมาวาดจริงจังก่อนออกมาปั่น บอกตัวเองว่าจากนี้ไปฉันจะหาเลี้ยงตัวเองด้วยการเขียนหนังสือและวาดรูปขาย ค่อยๆ สะสมงาน พอขี่จักรยานก็เลยเอาทุกอย่างมารวมกัน

จบทริปนี้ คิดไว้หรือยังว่าเอายังไงต่อ

ร้านกาแฟคงไม่แล้ว ยังชอบกิน พกติดตัว แต่ไม่ได้อยากกินเหมือนแต่ก่อน กินพอมีแรงกระตุ้น แต่ไม่โหยหา ค่อนข้างเบื่อวงการกาแฟ ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากรับรู้ หลังจากนี้คิดว่ายังอยากเดินทางอีก แต่อาจเปลี่ยนจากขี่จักรยานไปเป็นการเดิน คือเราเริ่มรู้ มีประสบการณ์ว่าอันตรายหรือเปล่า เริ่มมองวิธีใหม่ๆ เช่น เดิน มันง่ายกว่ามั้ย เดินขึ้นเขาก็ไม่ต้องเข็น จักรยานไม่เป็นภาระ แบกแค่เป้น้อยๆ เราไม่จำเป็นต้องใช้ของเยอะ หลังๆ กินมื้อสองมื้อ ก็อยู่ได้ บางวันกินแต่ผลไม้

เจอห้องน้ำแย่ๆ ?

ไม่มีปัญหา รับได้หมด เข้าตามป่าก็ได้ พกพลั่วมาด้วย ขุดหลุม

น่าจะเดินทางต่อ ?

ดูทรงแล้วไปต่อไม่ไหวเหรอ (หัวเราะ) เดินทางต่อสิคะ มาขนาดนี้แล้ว ไปให้รู้ ไม่ให้คาใจ

ด้วยวัย 42 คิดว่าเริ่มต้นออกจากบ้านช้าไปมั้ย

ไม่ช้า ยังแข็งแรง บางคนออกเดินทางช้ากว่าเราตั้งเยอะแยะ เคยดูคลิปคุณลุงวัยเกษียณออกไปปั่น ไม่มีอะไรช้า ถ้าใจเราพร้อม เว่อร์มั้ย (หัวเราะ)

เป้าหมายการขี่คืออะไรกันแน่ สถานที่ คนที่เราอยากไปหา หรือแท้จริงคือจิตใจของเรา

มันรวมๆ กัน อยากออกไปจากที่เดิม จากที่บ้าน อยากไปหาคนที่คิดถึง ช่วงโควิดไปไม่ได้ ได้แต่คิดถึงกัน ตอนนี้เดินทางได้ อยากไป จังหวัดนี้ไปหาคนนี้ ขอนแก่น สุรินทร์ บุรีรัมย์ ทางใต้ก็มี กรุงเทพฯ เยอะ เพื่อนส่วนใหญ่อยู่กรุงเทพฯ​ คืออยากบอกทุกคนว่าผู้หญิงเดินทางคนเดียวไม่ได้น่ากลัว ประเทศไทยก็ไม่ได้น่ากลัว อยากไปไหน ไปเลย ฮุ้งอยากเห็นทุกจังหวัด บางที่ไม่ดัง คนไม่สนใจ แต่อาจมีสิ่งน่ารักๆ

ถนนเมืองไทยเป็นปัญหาอะไรมั้ย สำหรับคนขี่จักรยาน

โอ้โฮ อย่าให้พูด เอาง่ายๆ ที่ จ.น่าน ทางจักรยานตีเส้นไว้จริง แต่มีหลุมมีบ่อ ฝาท่อ รูท่อ ลึกด้วย เหมือนมีป้ายไปงั้น เขาไม่เข้าใจหัวอกคนขี่จริงๆ ถนนทางหลวงบางที่มีทราย ฝนตก ทรายหล่นมา จังหวะขี่หลบทราย ล้มง่าย และที่พบมากที่สุด คนขี่สวนเลนเยอะมาก ออกต่างจังหวัด ต้องระวังเป็นพิเศษ ไหนจะระวังรถใหญ่จากข้างหลัง รถใหญ่วิ่งเยอะ เราโทษเขาไม่ได้ ถนนเป็นของทุกคน ถ้าเจอคนใจดี เขาขับห่างเว้นระยะให้เรา แต่คนไม่สนใจก็มี สรุปคือโดนดูดและโดนผลัก โดยรวมถือว่าดี ที่น่ากลัวคือมีหลุม มีบ่อ ทราย และพวกเศษของหล่น คนชอบโยนขวดทิ้ง เศษแก้วแตก อันตราย

เคยเจออุบัติเหตุอะไรมั้ย

มีล้มนิดหน่อย ช่วงลงเขา เลี้ยว เบรกไม่อยู่ เบรกเพื่อตั้งหลัก ทรงตัวไม่อยู่ แค่เบาๆ ไม่บาดเจ็บ เพราะปกติขี่ระวังมากอยู่แล้ว ช่วงไหนเจอรถใหญ่มาเยอะๆ จอดเลย หลบข้างทางให้พี่ๆ ไปก่อนเลยจ้า อ้อ แล้วก็มีคนชอบขับตัดหน้า กลับรถตัดหน้า คิดว่าจักรยานไม่เร็ว เบรกทัน ความจริงคือเบรกหัวทิ่มประจำ (หัวเราะ) รถที่ออกมาจากซอยก็ไม่ค่อยระวังคนขี่จักรยาน

ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไร

ทางตรง ทางราบ 20-30 กม./ชม. ทางชันก็ประมาณ 6-10 กม. /ชม. ถ้าเข็นก็ชั่วโมงละสองกิโลฯ (หัวเราะ) ไปได้หมด อยู่ที่ใจเราว่าจะเข็นมั้ย เดินไปด้วยกัน ทางเรียบ ถ้าขี้เกียจขี่ ก็เข็น ทางเรียบส่วนใหญ่ไม่เมื่อย เบา สบาย ทางชันก็เข็นไปช้าๆ ไม่เป็นไร ที่ชอบจักรยานเพราะใช้พื้นที่น้อยดี ไม่เบียดเบียนคนอื่น ที่เล็กๆ อยู่ได้ ขณะที่รถใหญ่ คนคนเดียวขับรถคันเบ้อเร่อ กินที่คนอื่นเยอะ จักรยานเป็นพาหนะที่น่ารัก ไม่เจอพี่เสือดำหลายชั่วโมง คิดถึงนะ ตอนนอนก็จอดพี่เขาไว้ติดเต็นท์ตลอด อยู่ด้วยกัน ไปด้วยกัน จังหวะที่รักมากผูกพันมากคือตอนเข็นลงจากดอยอ่างขาง เพราะก่อนลงโดนคนขู่ว่าอันตรายมาก ระวังเบรกไหม้ คนเสียชีวิตหลายคน คือเขาพูดในมุมของคนขับรถยนต์ จักรยานเราว่าไม่อันตรายมาก ช่วงไหนชัน ก็ลงเข็น ประคอง เข็นลงไม่ยากเท่าเข็นขึ้น ก็ผูกพัน ประคองกันลงมาจนถึงทางราบ ไม่งอแง ผ่านจุดนั้นแล้วมันเหมือนมีชีวิตขึ้นมาเลย

 

interview nandialogue

 

พี่เสือดำมีจุดเด่นหรือความถนัดแบบไหน

ตัวมันเล็ก ถนัดทางเรียบ ไปไวมาก ทางกรวด ชัน อันตราย ส่วนใหญ่ลงเข็น คันนี้เป็นไฮบริด ปั่นในเมืองได้ ทัวริ่งได้

ไม่เคยยางแตก ?

มี ปั่นซ้อมวันแรก กลับมาบ้าน ยางแบน ก่อนนั้นไม่รู้เรื่องเลย ซ่อมเองยังไง ทำไม่เป็น พอได้ซ้อมก็โอเค โชคดีก่อนออกเดินทางยางรั่วเลยได้ลอง คันนี้ 24 สปีด จานหน้าสาม จานหลังแปด เหมือนเกียร์รถ เวลาขึ้นเขา เกียร์หนึ่งมันก็เบา ทำให้ง่าย แต่ไม่มีสูตรตายตัวหรอกว่าช่วงไหนใช้เกียร์อะไร เหมือนขับรถ เรียนรู้กับมันไปเดี๋ยวก็รู้เอง และยูทูบให้ความรู้เยอะมาก

รองเท้า การแต่งตัว เสื้อผ้า มีอะไรพิเศษมั้ย

ถ้าเอาให้ครบก็ใช้เงินเยอะ ไม่ไหว ฮุ้งเอาแค่กางเกง มีฟองน้ำ เจลหนาๆ รองที่ก้น เพราะนั่งนานวันละ 5-6 ชั่วโมง ถ้าไม่ใส่ก็เจ็บจริงๆ ถุงมือ ควรใส่ แต่ฮุ้งไม่ถนัด แว่นกันลมจำเป็น ตอนเย็น แสงหมด แมลงเยอะ แต่ปกติไม่ค่อยได้ใช้บ่อยเพราะเราไม่ขี่ถึงเย็น ต้องหาที่พักก่อน พยายามหาให้ได้ก่อนสี่โมง ไม่งั้นอันตราย รถใหญ่มองเราไม่ชัด แว่นกันแดดต้องใช้

ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ บ้างมั้ย

เยอะนะ ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของที่พัก หรือคนระหว่างทาง เขามาถาม มาคนเดียวเหรอ บางคนอยากรู้จักเราจริงๆ อยากคุยเป็นเพื่อน มีที่หนึ่งเขาทำลานกางเต็นท์คืนละร้อยห้าสิบ ก็จ่ายไป แต่พอรุ่งขึ้นเขาได้อ่านเพจเรา ได้รู้จัก เขาโอนเงินคืน สมทบทุนการไปปั่น เขากับสามีมาขอโทษ เราก็.. ทำไมต้องขอโทษ ทำไมรู้สึกผิด ทำธุรกิจ ก็ปกติ แต่เขาใจดี ให้เรา

ติดใจมั้ย เดินทางคนเดียว หรือรอบหน้าอยากหาบัดดี้ ?

เดินทางคนเดียวดีกว่า ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้ว หลังพ้นยุคติดแฟน โตแล้ว เดินทางคนเดียวมันดีที่ได้อยู่กับตัวเอง ได้คิด อยู่คนเดียวไม่มีเรื่องอื่นมารบกวน ไม่ใช่คนขี้เหงา ชอบมากๆ ด้วย ชอบความเงียบ และความที่จุดหมายเราคือการเขียน ก็ต้องการเวลาคิด ถ้ามัวแต่คุย เสียเวลา …แต่มีบ้าง ออกมานาน เริ่มเหงา ก็ทักเพื่อนบ้าง

หนังสือไม่พกไปอ่าน ?

หนังสือไทยหนัก ใช้กระดาษหนัก ฝากบอกโรงพิมพ์ทุกที่ว่านักเดินทางอยากอ่านหนังสือ

ข้าวของจำเป็นที่คนขี่จักรยานต้องมี ?

อุปกรณ์ซ่อม สูบเติมลม ก่อนออกทุกครั้งหยอดน้ำมัน ยางอะไหล่สามสี่เส้น ชุดปะยาง ถ่าน ไฟฉาย บางคนมีโซ่ด้วย แต่โอกาสโซ่ขาดน้อย หนักเปล่าๆ ฮุ้งไม่มี มีแค่พวกไขควง เลื่อย บางทีเราอยากตัดกิ่งไม้มาทำเสาฟลายชีต หลักๆ คืออุปกรณ์แคมปิ้งทั่วไป

เสื้อผ้ากี่ชุด

เสื้อปั่นสามตัว เสื้อหนาวสองตัว เดรสสองชุด เผื่อไปในเมือง กินข้าว รองเท้าผ้าใบ แซนดอล รองเท้าแตะใส่อาบน้ำ ปั่นทางราบใส่แตะได้ ทางชัน ผ้าใบดีกว่า ทางบางที่กรวดเยอะ ต้องเข็น ผ้าใบช่วยได้ หรือเวลาเดินในป่า เส้นทางศึกษาธรรมชาติ อีกอย่างที่สำคัญมากคือน้ำ ขาดไม่ได้เลย อย่างน้อยสองกระบอก เวลาเข็นแล้วน้ำเหลือน้อย ใจหาย กินน้ำบ่อย เสียน้ำเยอะ น้ำ เน้นเติมตามที่ที่มีให้ฟรี เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนงกไปเลย ตั้งแต่ออกมาปั่น ต้องคิดว่าเรามีวิธีอะไรที่ทำให้ประหยัดได้บ้าง ร้านกาแฟให้น้ำตาล เราไม่กินหรอก แต่เก็บไว้ใส่อาหาร เลยเข้าใจหัวอกแบ็กแพ็กเกอร์ ต้องประหยัดทุกอย่างเพราะเดินทางยาวนาน ที่ผ่านมาฮุ้งยังประหยัดไม่พอหรอก ยังกินตามใจอยู่ ทำเอง มีเครื่องครัว แก๊สกระป๋อง เตาแอลกอฮอล์ บางที่หาแก๊สกระป๋องไม่ได้ แต่ร้านขายยามีทุกที่ พกกะละมังมาด้วย พับได้ ยืดหดได้ สะดวก บางคนไม่พก มันหนัก เน้นอุปกรณ์ประหยัดพื้นที่

แนะนำผู้หญิงคนอื่นๆ ให้ออกเดินทางด้วยจักรยานมั้ย

แนะนำ ถ้าอยากไป ไปเลย ไม่ต้องกลัว โดยธรรมชาติผู้หญิงเซ้นส์ดี ป้องกันตัวเองได้ นอกจากจะเจอคนใจร้ายจริงๆ อันนั้นไม่รู้ทำไง แต่ถึงเวลาก็รอดแหละ ใช่ว่าไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ตั้งแต่เป็นสาว เจอออกจะบ่อย บ่อยจริงๆ นะคะ แก่แล้วก็คิดว่าเอาตัวรอดได้

สี่สิบกว่าวันบนหลังอาน คุณเห็นความเปลี่ยนแปลงในชีวิตอะไรบ้างมั้ย หรือว่าเหมือนเดิม

ถ้ามี มันคงค่อยเกิดทีละนิด ไม่ปุบปับฉบับพลัน แค่สี่สิบกว่าวันถือว่ายังไม่เยอะมาก เพราะหลังๆ ก็มีเดินทางคนเดียวบ้าง ปีที่แล้วแบ็กแพ็กไปสุราษฎร์ ตรัง เกาะพะงัน เลยไม่ต่างเท่าไร ต่างแค่นี่เป็นการขี่จักรยาน และไม่มีเงินเยอะเหมือนตอนนั้น (หัวเราะ) ครั้งนี้มาด้วยงบประหยัดมาก ก็เสี่ยงบ้าง แต่เห็นศักยภาพในตัวเองมากขึ้น อยู่คนเดียวบนถนนมันต้องพึ่งตัวเองจริงๆ สังเกตว่าพออยู่ไหนนานๆ อยู่บ้านเพื่อน เริ่มปลอดภัย ติดที่ ชักไม่อยากไปไหน ถึงจุดนั้นฮุ้งว่ามันยิ่งต้องรีบออก เพราะไม่งั้นความกลัวอาจจะกลับมาอีก อย่างตอนนี้อยู่สบายที่น่าน นอนสบาย พื้นเรียบ ได้ซักผ้า ก็เริ่มกลัวการออกไปที่ไม่เคยไป ต้องผลักตัวเองออกไป ไม่งั้นจะติดสบาย ไม่กล้าเผชิญอะไรใหม่ๆ

ติดสบายมันไม่ดียังไง

ทำให้เราเคยตัว เคยชิน ไม่กล้าเริ่มต้นใหม่ๆ เหมือนทำงานประจำแล้วไม่กล้าลาออก เห็นเพื่อนหลายคนบ่นมาก แต่ไม่มีใครออกสักที อยากออกก็ออก บ่นทำไม ถ้าเรากล้าจริงๆ มันไม่มีอะไรน่ากลัว ฮุ้งเบื่อ อยากลาออก ก็ทำตามใจตัวเอง แต่ไม่ใช่อารมณ์ล้วนๆ ต้องคิด วางแผน ก่อนไปเชียงใหม่ฮุ้งเตรียมตัวปีหนึ่ง ไปหลายครั้ง ดูสถานที่ว่าจะขายของตรงไหน แนวโน้มจะขายได้มั้ย พักที่ไหน เปิดร้านทำอะไรบ้าง วางแผน หาความรู้เรื่องกาแฟเป็นปี ไม่ใช่นึกจะออก ออกเลย หรือที่ออกมาปั่นก็คิด ว่าออกมาไม่มีรายได้ จะอยู่ยังไง อนาคตจะเอายังไง มันไม่ใช่วัยรุ่นแบบกูไปละเว้ย ขี่ออกไป เราต้องคิด หนึ่ง สอง สาม สิ่งที่ทำอยู่นี้จะพาเราไปสู่อะไรในอนาคต ที่แน่ๆ ต้องได้หนังสือเล่มหนึ่ง ต้องทำให้ได้ สอง อยากวาดภาพ วาดสะสมสถานที่ที่เราไป หรือเป็นภาพถ่าย จัดแสดงงานจากการเดินทางของเรา อย่างน้อยมีเรื่องราวว่าเราไปทำอะไรมา มีเรื่องเล่ามากกว่าอยู่บ้านเฉยๆ แล้วอยากเป็นศิลปิน

การใช้แรง ใช้ขาตัวเอง ความมั่นใจในตัวเองมันเพิ่มมากขึ้นมั้ย ปกติเป็นคนมั่นใจมั้ย หรือขี้กลัว กังวล

เป็นคนมั่นใจในตัวเองมากอยู่แล้ว จากที่ลาออกมาทำร้านกาแฟก็ทำให้โตขึ้นมาก เห็นศักยภาพของตัวเองว่าเราทำได้ มีแรงผลัก แม้วันนี้ร้านปิด แต่ภูมิใจที่ได้ทำ มันพิสูจน์ให้เห็นตัวเองว่าเราทำได้

เป็นคนไม่ค่อยกลัวอะไร ?

ไม่นะ กังวลบ้าง เวลาไปที่ใหม่ๆ แต่ถึงเวลาจริงความกังวลก็หายไป

พวกอาการซึมเศร้าเคยมีมั้ย

ตอนเริ่มทำร้านปีแรกเครียดมาก เงินน้อย หมุนไม่ทัน เครียดจนปวดหัวติดกันหลายวัน ต้องไปหาหมอ หมอวินิจฉัยว่าเรามีภาวะซึมเศร้า แต่ไม่หนักถึงขั้นดาร์ก แค่หงุดหงิดง่าย มองโลกไม่สดใส อะไรก็ไม่ดี ไม่ชอบผู้คน แต่หลังจากนั้นลองไปปฏิบัติธรรมก็เริ่มดีขึ้น มองบวก จนมาตอนนี้ ก่อนมาปั่นกลับมาซึมเศร้าอีกเพราะโควิด อยู่บ้านสองปี ไปไหนไม่ได้ งานลด ทุกอย่างดาวน์หมด เศร้า เครียด ร้องไห้บ่อยอย่างไร้สาเหตุ คิดว่าอยู่กับบ้านต่อไปไม่ได้แล้ว ก็เริ่มวาดรูปซึ่งพอช่วยได้นะ มีสมาธิ มีความสุข และขยับจากวาดรูปมาปั่นจักรยาน เพราะต้องการเห็นโลก ได้ออกจากที่เดิมๆ จักรยานดีตรงที่มันไม่เบียดเบียนคนอื่น ใช้ทางเล็กๆ ไปของมันได้ เงียบๆ เป็นพาหนะที่น่ารักมาก ตอนไปปฏิบัติธรรมที่วัดอุโมงค์ ในห้องนอนมีแค่หมอน เสื่อ ห้องแคบๆ ใหญ่กว่าโลงศพหน่อย เลยคิดว่ามนุษย์ก็ไม่ต้องการอะไรมาก ไม่ค่อยอยากได้อะไร เคยอยากเป็นพระ ธุดงค์ไปเงียบๆ แต่เป็นไม่ได้ คืออาจจะได้ เป็นสามเณรี ภิกษุณี แต่ถึงที่สุดฮุ้งคิดว่าเป็นฆราวาสก็ทำประโยชน์ทางศาสนาได้ เงื่อนไขน้อยกว่าด้วย

ระหว่างการปฏิบัติธรรมกับการเป็นนักเขียน ศิลปิน ให้น้ำหนักอะไรมากกว่า หรือคู่ขนานกันยังไง

คิดจะบวชนานแล้ว แต่ยังมีห่วงเรื่องพ่อแม่ มีหนี้ กยศ. หนี้เพื่อนที่ยืมมาทำร้านกาแฟ เลยต้องอยู่ในโลกฆราวาส ต้องคิดวิธีทำมาหากินว่าจะเลี้ยงชีพยังไง ที่กำลังทำคือการเขียน และวาดรูป สองอย่างนี้ เป็นศิลปินที่ทำงานอยู่บ้าน อยากทำแบบนี้ จัดการเวลาตัวเองให้ได้ โดยไม่วุ่นวายคนอื่น ฟังดูง่ายมั้ย (หัวเราะ) ใช่ มันก็ง่ายๆ แค่นี้ เราแค่อยากทำงานสร้างสรรค์

ถ้าให้บอกเล่าเหตุการณ์สำคัญๆ ที่มีความหมายกับชีวิต คิดว่าจะเลือกเรื่องไหน

เรื่องที่ทำให้กลัวน้อยลง จนไม่ค่อยกลัวอะไร คือตอนเข้าคอร์สวิปัสนากับพี่ตั้ม วิจักขณ์ เช้าวันหนึ่งหลังนั่งสมาธิ เขาบอกให้ทุกคนออกไปเดิน จะเดินไปในป่าหรือในหมู่บ้านก็ได้ ขอให้ไปคนเดียว ฮุ้งเลือกเดินไปในป่า คือไม่ได้ป่าขนาดนั้น เป็นทางขึ้นเขา ทางไปทำงานของชาวบ้าน เดินไป กลัวไป ถ้ามีเสือ มีงู จะทำไง ก็เดินไปจนสุด ไปต่อไม่ได้ แล้วเดินกลับ อ้าว ก็ไม่มีไรนี่หว่า ความกลัวเกิดจากมโนของเรา ตอนเย็นเขาให้เดินอีกรอบ คราวนี้ลองเดินเข้าหมู่บ้าน ก็เดินไป เจอคนขี่มอไซค์มา เขายิ้มให้ เรายิ้มให้ คือมันไม่มีอะไร ที่เคยกลัวมันคือคิดไปเองอีกแล้ว ความกลัวเกิดจากความไม่รู้ คิดไปเอง จากวันนั้นทำให้เราไม่กลัว หายกลัว เหมือนกลัวผี กลัวความมืด จริงๆ แค่เปิดไฟ พอสว่าง ทำไมไม่กลัว

เหตุการณ์อื่นมีอีกมั้ย

ประมาณปี ’54 เสียเพื่อนสองคน จากอุบัติเหตุทั้งคู่ คนแรกขับรถหลับใน อีกคนขี่มอไซค์ คือห่างกันแค่สองวัน สองคนนี้รู้จักกัน เกิดวันเดียวกันด้วย เสียติดๆ กัน เราก็ โอ้โฮ แย่มาก คือไม่สนิทมาก แต่อายุเราไล่เลี่ยกัน ชีวิตมันง่ายๆ แค่นี้เหรอ หลังจากนั้นเลยเหมือนสัญญากับเขาทั้งสอง สัญญาในใจเราเอง เขาไม่รู้หรอกเพราะไม่อยู่แล้ว ว่าเราจะใช้ชีวิตที่เหลือเผื่อเขา เพราะเขาคงยังไม่ได้อยากไปตอนนั้น อายุแค่สามสิบหน่อยๆ อาชีพการงานกำลังไปได้ดี ไม่พร้อมที่จะไป ทุกครั้งที่รู้สึกเบื่อชีวิต ฮุ้งนึกถึงที่บอกเขาไว้ ว่าเราจะใช้ชีวิตเผื่อเขา ถ้าฆ่าตัวตายตอนนี้ เราก็ผิดคำสัญญาสิ

เคยคิดฆ่าตัวตายด้วยเหรอ

ไม่ขนาดนั้น แค่เบื่อๆ ไม่รู้จะอยู่ทำไม แต่ไม่คิดว่าตายดีกว่า ไม่ได้หาวิธีฆ่าตัวตาย มีบ้างที่เบื่อจังเลยชีวิต คิดอะไรไม่ออก แต่ไม่ฆ่าตัวตายหรอก อยากอยู่รอให้ลุงมันไปซะที

เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่มาก แม้ว่าไม่มี ?

ถ้าเหลือน้อยมากก็เครียด น้อยคือสองสามร้อย ตอนนี้มีแปดร้อยยังรวยอยู่ (หัวเราะ)

ร่างกายยังแข็งแรงดี ?

มั้ง มีคำพูดเล่นๆ ว่าอย่าไปหาหมอ ถ้าไป เราจะเป็นอะไรสักอย่าง.

 

 

nandialogue

 

หมายเหตุ :
1 สัมภาษณ์วันที่ 21 และ 24 ธันวาคม 2021
2 ติดตามข่าวสารของฮุ้งได้ที่เพจ clycling the clouds

 

nandialogue

เรื่องและภาพ: วรพจน์ พันธุ์พงศ์

 

You may also like...