‘สจ๊วต’ คือคำที่คนไทยใช้ติดปาก เวลาเรียกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือ cabin crew
เป็นผู้หญิงก็เรียกง่ายๆ ว่า ‘แอร์’ อาชีพในฝันของคนหนุ่มสาวต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ
เก่ง–วิษณุวัฒน์ คำจันต๊ะ อายุ 28 ปี เรียนจบจากโรงเรียนสตรีศรีน่าน ได้โควต้าคณะเทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่สละสิทธิ์ เพราะรังเกียจระบบโซตัส พยายามสอบเข้าเรียนสาขาแพทย์อยู่สองครั้ง แต่ผิดหวัง คะแนนไม่ถึง สุดท้ายตัดสินใจเรียนจนจบเทคนิคการแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กำลังจะสอบใบประกอบโรคศิลป์ ทำงานตามวิชาที่เรียนมา แต่การบินไทยเปิดรับสมัครสจ๊วตพอดี เขาเห็นว่าน่าสนใจ เงินดี มีโอกาสเดินทางต่างประเทศมาก เลยลองไปสอบและผ่าน ตั้งแต่วันนั้นชีวิตก็พลิกผันเข้าสู่ธุรกิจบริการ เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน อาชีพในฝันของใครต่อใครซึ่งเผอิญโชคร้าย–เกิดโรคระบาด หนำซ้ำบริษัทล้มละลาย เพื่อนแอร์ สจ๊วตจำนวนหกพันกระเด็นกระดอนออกไปเหลือแค่ครึ่ง
เก่งมาจากไหน ? ถึงยังอยู่สู้ต่อ
แต่ละวันเขาผ่านพบสิ่งใด เงินหายไปกี่บาท ทำไมต้องกลับไปสอบใบประกอบโรคศิลป์เพื่อทำพาร์ทไทม์เจาะเลือด และภาษาที่สามที่สี่จำเป็นอย่างไร ลองฟังเขาบอกเล่า
โควิดมีผลต่อชีวิตการงานยังไงบ้าง
ได้รับผลกระทบมากๆ ครับ มันมาตุลาฯ 2019 ใช่มั้ย เริ่มมีการเหยียดเชื้อชาติ เราเป็นเอเชียน บินไปลอนดอน นั่งรถไฟใต้ดินก็จะโดนฝรั่งขยับออกห่าง ไฟล์ทสุดท้ายที่ไปบรัสเซลส์ นั่นเป็นครั้งแรกที่ถูกย้ายจากโรงแรมในตัวเมือง มากักตัวอยู่ที่โรงแรมแอร์พอร์ต กลับมาไทย เริ่มล็อกดาวน์จริงจังเดือนมีนาฯ 2020 จำได้ว่าอยากกลับบ้านมาก เพราะไม่มีงาน ไม่มีไฟล์ทบิน ตอนนั้นปิดประเทศแล้ว ทางน่านก็ล็อกดาวน์ กลับไม่ได้ งานไม่มีทำ ไปไหนไม่ได้ อยู่แต่ในห้อง สุขภาพจิตพังอย่างย่อยยับ เมื่อก่อนเคยสนุกกับซีรีส์ กลายเป็นดูแล้วเริ่มไม่สนุก ถามตัวเองว่าเป็นซึมเศร้ามั้ย จะคอยมอนิเตอร์ตลอด พอจะรู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร ปลดปล่อยยังไง แต่เพื่อนลูกเรือบางคนจัดการไม่ได้ ต้องเข้ารักษาตัว
เรื่องต่อมาคือรายได้ ปกติเก่งรับผิดชอบทั้งบ้าน เป็นเสาหลัก อาชีพสจ๊วตได้เงินเยอะครับ เฉลี่ยเดือนละหกหมื่น แต่ใช้เดือนชนเดือนเพราะส่งให้ที่บ้านเดือนละหมื่นห้า ออกค่าเรียนให้น้อง เบ็ดเสร็จคือเหลือเงินเดือนหมื่นห้า แทบไม่แตะหมื่นห้านี้ เลือกใช้เงินที่ได้จากการบิน เคยเก็บได้สองแสนนิดๆ ก่อนหน้านั้น พอโควิดมาสองปีเต็มๆ จากสองแสนเหลือสองหมื่น เพราะไม่มีงาน บินไม่ได้ หลังๆ เริ่มคลายล็อก สองเดือนบินหนึ่งไฟล์ท ตอนนี้หนึ่งเดือนบินสองไฟล์ท ความถี่เพิ่มบ้าง แต่ถามว่าเพิ่มเท่าเดิมมั้ย น่าจะอีกหลายปีเพราะธุรกิจการบินเป็นธุรกิจสุดท้ายที่จะกลับมา เมื่อคนมีเงินปกติ มีศักยภาพออกเดินทาง เมื่อนั้นการบินจะกลับมาซึ่งน่าจะใช้เวลาพอสมควร
ย้อนไปตอนเรียนหนังสือ ฝันใฝ่อยากทำงานอะไร
เป็นพวกสะพายกระเป๋าหนักไปโรงเรียน ศิลปะได้เกรดสี่ตลอด ชอบทั้งวิทย์และศิลป์ ใครถามก็บอกว่าอยากเป็นหมอ เพราะตอนเรียนมัธยมฯ น่านยังไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว อาชีพไม่หลากหลาย เห็นแต่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เราไม่เข้าใจว่านักอักษรศาสตร์คืออะไร กราฟิกดีไซเนอร์คืออะไร ครูแนะแนวไม่เคยพูดถึง ครูเจนฯ เก่า ประเมินเราจากเกรด ถ้าได้เท่านี้ต้องไปนี่ๆๆ ไม่ถามความสนใจ แต่พอเจอครูต้อม (ชโลมใจ ชยพันธนาการ) พาไปรู้จักนักเขียน ชวนอ่านหนังสือ เข้าค่ายกับ บินหลา สันกาลาคีรี, ศุ บุญเลี้ยง ที่หอศิลป์ริมน่าน เริ่มเห็นว่าภาษาสนุก จุดประกาย หนังสือช่วยเปิดโลกเราได้ เมื่อก่อนอ่านแต่หนังสือเรียน
แต่ก็ไปเรียนเทคนิคการแพทย์ ?
สอบเข้าหมอสองรอบแล้วไม่ได้ เหนื่อยแล้ว พอแล้ว เคยเครียดหนักๆ จนพ่อแม่กลัวว่าจะบ้า กินไม่ได้ นอนไม่หลับ วันๆ กินได้แค่กล้วยน้ำว้าลูกเดียว จนต้องไปโรงพยาบาลซึ่งผลออกมาว่าไม่เป็นอะไร ไม่เป็นซึมเศร้า เลยปลดล็อก ตอนหลังโชคดี มีเพื่อนจากมหิดลที่ซิ่วไปด้วยกัน เรียนด้วยกันที่จุฬาฯ ทำให้ไม่โดดเดี่ยว และตอนปีสอง ไปลงเรียนภาษาจีนที่อักษรฯ เรียนวิศวะฯ ว่าด้วยการจัดการสิ่งแวดล้อมในเมือง รู้สึกว่าทำไมสนุกจังเลย เหมือนเราไม่ต้องพยายาม เข้าห้องก่อนเวลา อาจารย์สอนดี เราไปติวให้เพื่อนคณะอื่นก่อนสอบ ภาษาอังกฤษก็ชอบตั้งแต่ประถมฯ การเจอครูที่ดีมีผลต่อเราร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้เริ่มเรียนเยอรมัน เป็นคอร์สของอักษรฯ จุฬาฯ ที่เปิดให้คนนอกเรียนออนไลน์
ทำไมเลือกเยอรมัน
เทคโนโลยีการแพทย์ส่วนใหญ่มาจากเยอรมันหมดเลย ขึ้นชื่อมาก และสอดคล้องกับที่เราจบมา เผื่อวันหนึ่งการบินไปไม่รอด
ภาษาอังกฤษอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป ?
อังกฤษ คิดว่าเอาตัวรอดได้แล้ว อยากได้ภาษาอื่นเพิ่ม ความตั้งใจคืออยากพูดได้ 5 ภาษา โควิดคือตัวกระตุ้นว่าเราต้องเตรียมตัว ทั้งความรู้และภาษา เพราะเราไม่รู้อนาคต การบินไทยเดี๋ยวนี้ต่อสัญญาทุก 3 ปี ถ้าคะแนนประเมินไม่ผ่านหรือมีวิกฤติโรคระบาดอีก คิวถัดไปอาจเป็นเราที่ต้องออก
ทำไมจบเทคนิคการแพทย์ แต่เลือกไปเป็นสจ๊วต
มันเปิดรับพอดีตอนที่เก่งเรียนจบ ตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน อยากรู้ สนใจ ดูคลิปในยูทูบ เลยลองสมัครดู ดันได้ งั้นก็ทำไป อยู่กับมัน ก็ตอบโจทย์ดี
คือ..
แง่รายรับ มันยกระดับคุณภาพชีวิตครอบครัวเราได้ จากเมื่อก่อนเราโตมากับความจน แม่รับซักรีด พ่อจบ ป.4 เป็นช่างไฟฟ้า รับเดินสายไฟ มีน้องสาวคนนึง เรียนอยู่ ม.6 ย้อนไปตอนเด็กๆ จำได้ว่าพ่อไปทำงานอยู่อยุธยา เก่งกับแม่อยู่บ้านสองคน และเหมือนพ่อจะมีเมียน้อยอะไรทำนองนั้น แม่ถามว่า ถ้าพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ลูกจะอยู่กับใคร แม่กอดเราร้องไห้ เก่งเลยค่อนข้างเซ้นสิทีฟเพราะโตมากับความอ่อนไหวของแม่ เราจะทนไม่ได้ เวลาเห็นผู้หญิงร้องไห้ นั่นคือจุดอ่อนมาก นานๆ พ่อจะกลับบ้าน จนหลังๆ กลับมาตกเย็นกินเหล้าตามสไตล์คนใช้แรงงาน เมาแล้วมีปัญหา อารมณ์ร้อน ทำลายข้าวของ จำไม่ได้แล้วว่าปีไหน พ่อตัดสินใจงดเหล้าเข้าพรรษา เลยไปคุยกับเขาว่า พ่อเลิกมาได้สามเดือนแล้ว เลิกเลยได้มั้ย เขาไม่รับปาก แต่หลังจากนั้นก็ไม่กินอีกเลย
หน้าที่การงานที่ทำอยู่ตอนนี้เรียกเต็มๆ ว่าอะไร
cabin crew พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
ก่อนทำงานต้องฝึกฝนอะไรบ้าง
หน้าที่หลักคือดูเซฟตี้แอนด์เซอร์วิส จบปริญญาตรีสาขาไหนก็ได้ มีผลทดสอบทางภาษาอังกฤษตามมาตรฐาน ไม่เป็นโรคร้ายแรงและมีประวัติอาชญากรรม สามเดือนแรกเข้ากองโรงเรียน เรียกว่า service training จันทร์ถึงศุกร์ เรียนบุคลิกภาพ การสนทนากับผู้โดยสาร เรียนรู้การใช้อุปกรณ์ต่างๆ บนเครื่องบิน อุ่นอาหาร หมุนเตายังไง หลักๆ เลยคือเน้นเซฟตี้ ปฐมพยาบาล หากมีคนป่วยบนเครื่องจะทำยังไง มีใครต้องสงสัยก่อการร้าย เซฟตี้มาก่อนเซอร์วิส เจอหลุมอากาศ อาจไม่กินข้าวก็ได้ หยวนๆ แต่เจอหลุมอากาศต้องนั่งรัดเข็มขัด ยอมไม่ได้ มันเป็นความปลอดภัยของผู้โดยสารและตัวเราเอง ถ้าเราไม่ปลอดภัย เราช่วยคนอื่นไม่ได้ เพราะอยู่ข้างบน ยามฉุกเฉินไม่สามารถเอาเครื่องลงจอดได้ทันที เขาจะสอนหมดว่าเบื้องต้นทำยังไง รุนแรงขึ้นทำยังไง step by step เรียนกระโดดสไลด์ อพยพผู้โดยสาร ไฟไหม้ เครื่องลงฉุกเฉิน นั่นคือหน้าที่ ตอนเรียนเรียนทฤษฎีจะมีห้องม็อกอัพ เครื่องบินจำลอง เรียน basic knowledge พอขึ้นเครื่องจริงๆ การบินไทยให้ฝึกงานหกเดือน เขาจัดอะไรให้ก็ต้องบินตามนั้น ห้ามแลก อาชีพนี้ต้องเจออะไรบ้าง ผู้โดยสารแต่ละชาติ บุคลิกไม่เหมือนกัน ไทย อินเดีย อังกฤษ จัดให้เจอหลากหลาย
พอทำงานจริง ที่เราเรียนมาอาจไม่เป็นไปตามตัวหนังสือทั้งหมด เช่น เพื่อนร่วมงาน ควบคุมไม่ได้ อุปกรณ์ไม่เอื้อ บางทีผู้โดยสารเต็ม แต่เตาพังไปเตาหนึ่ง ทำยังไงให้อุ่นได้เสิร์ฟทั้งลำ เก่งเข้าการบินไทยปี 2017 และล้มละลายตอนบริษัทอายุครบ 60 ปีพอดี ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นเอกชน ทำงานวันต่อวัน ส่งผู้โดยสารถึงปลายทาง จบ เจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่ดีบ้าง แต่ลงเครื่องมาก็จบ ต่างจากงานออฟฟิศ ถ้าเราไม่ชอบ อาจปั้นหน้าเจอกันทุกวัน อันนี้จบเลย ตอนแรกก็งงๆ หน่อย เจอเพื่อนร่วมงานใหม่ทุกไฟล์ทที่ไปบิน ต้องแนะนำตัวทุกครั้ง สวัสดีครับ ชื่อเก่งนะครับ นานๆ จะกลับมาเจอคนที่เคยบินด้วย ปกติเปลี่ยนตลอด มันเลยยากที่จะมีเพื่อน เพราะเจอกันครั้งเดียว
คนที่ทำหน้าที่นี้ ทั้งบริษัทมีกี่คน
แอร์ สจ๊วต มีประมาณหกพันคน ไฟล์ทหนึ่งใช้ 10-14 คน สุ่มหยิบหนึ่งคนในหกพัน เลยไม่เจอคนซ้ำ แต่มีเพื่อนที่เข้ากองโรงเรียนพร้อมกัน อยู่ด้วยกันสามเดือน ถ้าโชคดีเจอเพื่อน ก็ดีใจ ไปต่างประเทศ ออกไปกิน ไปเที่ยวกัน ปกติจะเจอคนใหม่ตลอดเวลา คนใหม่ บินไปที่ใหม่ อาชีพแอร์สจ๊วตคือคุณต้องใช้ชีวิตคนเดียวได้ บางคนทำงานมานานแล้ว บินถึงปลายทาง เขาไม่เที่ยว อาชีพนี้ขายสุขภาพ เลิกงานแล้วเขาอยากพัก แต่เก่งเข้าไปใหม่ อยากเห็นนั่นนี่ เราต้องเสิร์ชข้อมูลและออกไปเที่ยวเอง บินหกเดือนแรก เจอคนหลากหลายมาก วันหนึ่งเจอคนประมาณสามร้อย ต่อหนึ่งเที่ยวบิน คนเยอะ ก็เห็นนิสัยคน เจอคนเพี้ยนๆ มากินแรง วัฒนธรรมซีเนียร์ ใครเด็กสุด มีหน้าที่พิเศษคือก่อนบินจะมีรถโรงแรมมารับ เราต้องยกกระเป๋าให้ลูกเรือทั้งลำ อาจไม่ถึงกับยก แต่ต้องเป็นคนสุดท้ายที่เฝ้ากระเป๋า เห็นกระเป๋าทุกใบขึ้นรถไปแล้ว ต้องเก็บค่าทิป วัฒนธรรมยุโรป เวลาเราไปบิน เจอคนขับรถ คนยกกระเป๋า เราต้องทิปเขา พวกนี้เป็นหน้าที่จูเนียร์หมดเลย คนที่เด็กที่สุดต้องทำหน้าที่นี้ ตอนเป็นเทรนนีถูกเพ่งเล็งมากเรื่องยกกระเป๋า แม้เราเฝ้า แต่ถ้าไม่เอามือไปแตะ คะแนนเต็มห้า อาจได้สี่ ไม่รู้..
ยุคนั้นแอร์สจ๊วตการบินไทยเกษียณที่หกสิบ เราเจอคนแก่ที่เขาอาจบินเยอะ ไม่ทุกคนนะครับ ดวงเก่งอาจไม่ดี เขามีแบล็กลิสต์ในวงลูกเรือว่าใครกินแรง ใครนิสัยแย่ๆ เก่งเจอตัวท็อปแทบทั้งหมดในแบล็กลิสต์ ไม่ว่าหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน เอกสารภาษาอังกฤษ สื่อสารด้วยอังกฤษ แต่รูปแบบการทำงานคือไทยแท้ กินแรง โยนงานให้ เขาบอกว่าตอนยังเด็ก ฉันทำมาแบบนี้ คุณเป็นเด็ก ก็ต้องทำในสิ่งที่ฉันเคยมา ผลประกอบการบริษัทแย่ลงๆ ตั้งแต่ก่อนเก่งเข้า ไม่มีโบนัสมาเป็นสิบปีแล้ว พูดง่ายๆ คือบริหารยังไงวะ สิบปีไม่มีกำไรเลย การบินไทยขาดทุนสะสมเยอะมาก ทั้งที่มีศักยภาพแข่งขัน พนักงานต้อนรับเคยถูกยอมรับว่าอันดับหนึ่งของโลก อย่างแย่ๆ ก็ติดท็อปเท็น เวลาผ่านไป ค่อยตกมาเรื่อยๆ ยิ่งเจอโควิดก็หนักเลย ถึงเวลาประกาศล้มละลาย เพื่อเข้าสู่การฟื้นฟู
ช่วงที่เก่งบินใหม่ๆ ก่อนโควิด เต็มไป เต็มกลับ หัวหน้างานก็บอกแบบนี้คือผู้โดยสารเต็มตลอด แต่ไม่มีกำไร ผู้โดยสารหลักของการบินไทยคืออินเดีย เต็มไป เต็มกลับ คนอินเดียมาขนของจากไทยไปขาย ของไทยมีคุณภาพ พ่อค้ามาเยอะ ใครบินบ่อยก็ได้ gold member มีสิทธิพิเศษ ไฟล์ทญี่ปุ่น เกาหลี ก็แน่น ยิ่งช่วงใกล้หมดปีงบประมาณ พาสปอร์ตสีน้ำเงิน ตั๋วข้าราชการเพียบ เคยเจอ เครื่องต้องดีเลย์หนึ่งชั่วโมงเพราะรอข้าราชการไทยช็อปดิวตี้ฟรี
ทำไมต้องรอ ใครช็อปนานก็ตกเครื่องไปสิ
เขาเช็กอินมาแล้ว เอ็กซเรย์แล้ว ล่าช้าเป็นความผิดเขา แต่ยังไงเราต้องรับผิดชอบ เพราะจำนวนนับร้อยคนมีผลต่อความปลอดภัย เอ็กซเรย์กระเป๋าแล้ว ทำไมไม่เดินทาง
พูดได้มั้ยว่าชาติที่ทำงานด้วยยากที่สุดคือคนไทย ?
เพราะเราไม่ได้สอนเรื่องการให้และการใช้บริการ ฝรั่งจะมีมารยาท ขอโทษ ขอบคุณ คนไทยมักคิดว่าฉันจ่ายตังค์มาแล้ว คุณต้องเสิร์ฟ ฉันขออะไร ต้องได้ ยิ่งข้าราชการที่ไปดูงาน มีตำแหน่ง พวกนี้จะเยอะ เจ้ายศเจ้าอย่าง ทำงานยาก เคยเจอที่แย่สุด แอร์การบินไทยใส่ชุดไทยเสิร์ฟ เขาดึงสไบ เรียก น้องๆ ขอเบียร์ เจอแอร์ชี้หน้าสวนกลับว่าอย่าทำแบบนี้ จะเอาอะไร บอก แต่อย่าดึงสไบ กลายเป็นหัวเราะกลบกลื่นและไม่ขอโทษ นี่คือคนเดียวที่เจอ คนไทยน่ารักก็มี แต่มักเป็นคนรุ่นใหม่ หรือคนที่รวยมากๆ เพราะของที่มีบนเครื่อง กูกินเมื่อไรก็ได้ มันไม่ได้แพง ขึ้นเครื่องมา อยากพักผ่อน ไม่ต้องรบกวน ขอนอน ถ้าเครื่องใกล้ลง รบกวนมาปลุก ขอบคุณมาก เท่านี้ แต่พวกที่ไปดูงาน หรือแลกคะแนนบัตรเครดิตมา มักมีความต้องการสูง เช่น นั่งชั้นธุรกิจ แต่ไปเอาเพื่อนชั้นประหยัดมายืนคุยกันในชั้นธุรกิจ ขอแชมเปญให้เพื่อนได้มั้ย แล้วมันรบกวนคนอื่น เพราะเขาทำงานกัน หลายคนบางทีลงปุ๊บ มีประชุมต่อ เราบอกให้ไม่ได้ อยากได้ของชั้นธุรกิจ ก็นั่งชั้นธุรกิจ เขาบอกว่าซื้อตั๋วมาตั้งแพง แค่แก้วเดียว ให้ไม่ได้เหรอ ถ้าเจอแบบนี้จะเรียกหัวหน้ามาคุย ไม่พอใจ เขียนรีพอร์ทได้ เจอเคสแบบนี้ ถ้าเราไม่เสิร์ฟและตะคอกใส่ เราผิด ถ้าเราสุภาพปกติ ไม่มีอะไร
อาชีพลูกเรือ สิ่งที่ปกป้องเราได้ดีที่สุดคือตัวหนังสือของกฎระเบียบต่างๆ ถ้าเรามีเคส กลับไปเขียนรีพอร์ท แจ้งหัวหน้า หัวหน้าแจ้งนักบินต่อ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเครื่องมีกฎกติกามั้ยว่าเสิร์ฟเท่าไร จำกัดปริมาณแค่ไหน
คำนวณแล้วว่าน่าจะพอ ถ้าดื่มไม่หนัก กติกาคือดื่มเท่าไรก็ได้ แต่ห้ามเมา ถ้าเมา เรามีสิทธิ์ปฏิเสธ
ตั้งแต่เข้าไปการบินไทย เคยเจอยุครุ่งเรืองบ้างหรือเปล่า
ไม่เลย เพราะขาดทุนต่อเนื่องมาแล้วเป็นสิบปี โอเค เราไม่ถูกลดเงินเดือน จ่ายตรง แต่ขาดทุนมาตลอด ค่าตอบแทนเท่าเรตคนปกติ เขาได้ยังไง เราได้แบบนั้น พอล้มละลาย เริ่มถูกลดเงินเดือน ช่วงโควิดได้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากหมื่นห้า น่าจะสามพัน ถ้าจำไม่ผิด เพราะเราไม่มีบิน บริษัทจ่ายไม่เต็มเพราะล้มละลาย ใครรับเงื่อนไขนี้ไม่ได้ จะสมัครใจออกก็ได้ สมัครออกรอบแรก ได้ชดเชยเท่าไร ว่าไป ได้ตั๋วเท่าไร ว่าไป รอบหลังลดลงมาเรื่อยๆ เก่งอยู่ต่อ ยอมรับเงื่อนไขนี้ ตอนหลังคือตั้งแต่ 1 มกราฯ เป็นต้นมา จากยี่สิบเปอร์เซ็นต์ขยับมาสี่สิบกว่า ห้าสิบ ได้เจ็ดพันห้า และเริ่มมีบินบ้าง ได้เงินจากการบิน แต่บินเดือนนี้ เงินเข้าเดือนหน้า เมื่อก่อนบินวันนี้ เงินเข้าวันนี้ หลังเราแตะบัตรเช็กอิน ค่าตอบแทนโอนเข้าทันที มีรายรับทุกไฟล์ท แต่ตอนนี้ บินวันนี้ ไม่ว่าจะกี่ไฟล์ท เงินเข้าเดือนถัดไป ทำงานแบบสะสมแต้ม
ลองลำดับความหน่อยว่าตั้งแต่โควิดเข้ามาไทยเดือนมีนา 2020 มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ก่อนโควิดมีวันหยุดตามกฎหมาย 8 วัน เก่งไม่ชอบบินยุโรปเพราะนอนบนเครื่องไม่หลับ จริงๆ เขาแบ่งเวรงีบ แต่ตื่นเกือบตลอด มันไม่ไหว เลยไม่บิน เลือกเอาแต่เอเชีย เลยรับไฟล์ทรวม เพื่อให้ชั่วโมงรวมเท่ายุโรปหนึ่งไฟล์ท เพื่อให้เรามีรายรับเท่าเดิม ถ้าบินเอเชีย เก่งออกวันเว้นวันได้ แล้วแต่ชั่วโมงบินและกลไกทางกฎหมายเพื่อดูแลความปลอดภัยของเรา ถ้าไฟล์ทไทม์ยาวๆ ต้องพักเท่าไร เขาจะมีกฎ ถ้าบินใกล้ ก็อาจต่อได้เลย หยุดน้อยหน่อย แต่แฮปปี้ ยิ่งถ้าได้ค้างเกาหลี ญี่ปุ่น ถือเป็นรางวัล เก่งชอบบิน ‘แขกข้ามคืน’ ไปอินเดีย สมมุติเครื่องออกจากไทยสองสามทุ่มเย็นนี้ ถึงอินเดีย รับผู้โดยสารแล้วกลับเลย ถึงพรุ่งนี้ตีห้า หกโมงเช้า ทำงานข้ามคืน ออกจากบ้านหัวค่ำ ถึงบ้านเช้า มันสนุกมาก แต่เพื่อความปลอดภัย เขาจะเพิ่มลูกเรือเพื่อลดการเหนื่อยล้า คนทำงานเยอะหน่อยคือ 16-18 คน กลายเป็นว่าทุกคนช่วยงานกันและแฮปปี้การบินข้ามคืน คนอื่นๆ ใครชอบบินยุโรป เราจับคู่แลกไว้เลย แลกแขกข้ามคืน ช่วงที่บินเยอะๆ เคยทำรายได้สูงสุดถึงแปดหมื่นเก้าพัน เดือนนั้นยอมบินทั้งยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย ชั่วโมงทำงานเราเยอะ ได้โอทีเยอะ แต่ถ้าใช้ชีวิตแบบนั้นตลอด ไม่เกินสามเดือน เราตายแน่
ครั้งนั้นคือเยอะสุด โดยเฉลี่ยจะได้ประมาณหกหมื่น พอเริ่มมีโควิด บางประเทศเคร่ง ไม่ให้คนจากประเทศนั้นๆ เข้า ไฟล์ทยังมี แต่ทยอยยกเลิก ถูกเปลี่ยนเป็นสแตนด์บายซึ่งปกติถูกเรียกแน่ๆ แต่พอมีไวรัสนี้ เที่ยวบินน้อย สแตนด์บาย เราไม่ถูกเรียก ยิ่งพอปิดประเทศปุ๊บก็ไม่มีบินเลย
งดการเดินทางระหว่างประเทศ ?
ใช่, ก่อนนั้นเคยมีในประเทศ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ เป็นไฟล์ทที่ฝรั่งหนีหนาวมาต่อเครื่อง แต่ภายหลังโอนไป ‘ไทยสไมล์’ ทั้งหมด การบินไทยมีบินระหว่างประเทศอย่างเดียว พอปิดประเทศก็จบ เราไม่มีบินหกเดือนเลยมั้ง ที่แย่ไปอีกคือช่วงสามเดือนแรก จ.น่านห้ามคนต่างจังหวัดเข้า ตอนนั้นเรามีเงินเก็บอยู่และไม่คิดว่าโรคนี้จะกินเวลานาน สามเดือนแรกอยู่หอที่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตด้วยเงินเก็บ ไม่ฟุ่มเฟือย อยู่ห้องทั้งวัน เครียด ไปไหนไม่ได้ ห้างปิด คาเฟ่ปิด จนเข้ามิถุนาฯ ละมั้งที่เขาให้เดินทางข้ามจังหวัดได้ ก็ดีใจได้กลับบ้าน แต่ไม่มีรายรับ มีแค่เงินเดือนหมื่นห้า ช่วยครอบครัวไม่ได้ จนถึงวันนี้ต้องงดส่งให้ที่บ้าน ตั้งแต่ตารางบินเหลือศูนย์ เก่งไม่ได้ให้พ่อแม่ทุกเดือนเหมือนเมื่อก่อน
ไม่ได้บินประมาณหกเดือน ?
ใช่, ไฟล์ทมีน้อย ต้องกดจองคิวเหมือนจองตั๋วคอนเสิร์ต ใครกดได้ ได้บิน เราก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่ไม่ได้
สองเดือนบินครั้ง ?
พัฒนาการตามโรค ตอนนี้คือไล่มาตั้งแต่ไตรมาสที่สามของปี 2021 เฉลี่ยได้บินเดือนละสองไฟล์ท ไปญี่ปุ่น เกาหลี เพราะเราขนสินค้า ภาษาการบินเรียก cargo เดินทางทุกวัน ผู้โดยสารเป็นตัวเลือกเสริม อาจเต็มหรือไม่เต็มก็ไม่มีปัญหาเพราะรายได้มาจากขนสินค้า ถ้าเต็ม เอาเราไปบิน แต่บ่อยครั้งที่นักบินขับไปโดยไม่มีผู้โดยสารเลย
ตอนนี้ถ้ามีไฟล์ทไปยุโรป ไปมั้ย
ไป (ตอบเร็วมาก) พอบริษัทล้มละลาย ตารางบินแลกไม่ได้ แต่อัตราค่าตอบแทนใช้เบี้ยเลี้ยงแบบใหม่ ตัวเลขกลมๆ เมื่อก่อนจ่ายเงินตามปลายทางไปไหน จ่ายแบบนั้น เช่น ไปลอนดอน จ่ายเงินปอนด์ ใส่ซองให้เลย ใช้ไม่หมด กลับมาแลกเงินไทย เรียกว่าอู้ฟู่ แต่พอเก่งเข้า ใช้เทียบเงินปอนด์ก็จริง แต่สามสิบปีก่อนเคยจ่ายร้อยปอนด์ ตอนเก่งเข้ามาก็เท่าเดิม ค่าเงินเหลือปอนด์ละสี่สิบบาท รายรับเราก็น้อยลง เฉลี่ยตกอยู่ที่แปดพันเก้าพัน อยู่ที่ค่าเงินบาท บางทีตกลงมาน้อยกว่านั้น ขณะที่บินไปญี่ปุ่นได้แปดพันซึ่งมันไม่เมกเซ้นส์ ช่วงประยุทธ์เป็นนายกฯ เราได้ผลกระทบมากเพราะค่าเงินบาทแข็ง รายรับหายเดือนละหมื่น แต่ตอนนี้อัตราค่าตอบแทนเปลี่ยน คิดตามชั่วโมงการทำงาน บินมาก บินน้อย คูณรายชั่วโมง รายรับเริ่มมากขึ้น เมกเซ้นส์ขึ้น แต่แลกเวรไม่ได้ ไปลอนดอนเมื่อก่อนได้แปดเก้าพัน ตอนนี้ขึ้นมาเป็นหมื่น หมื่นห้า แต่ต้องแวะภูเก็ตทั้งไปและกลับ บริษัทมีหน้าที่หาโรงแรมให้เราอยู่ หารถรับส่ง แล้วเงินหมื่นห้านั้นคุณจัดการเอง ถ้าเที่ยวมากก็เหลือน้อย ไม่กิน ไม่เที่ยว เหลือเยอะ เมื่อก่อนโรงแรมมีอาหารเช้าให้ซึ่งเก่งไม่ทันนะ ตอนหลังตัดอาหารเช้าออก ใครกิน จ่ายเอง แต่โรงแรมที่ดีลกับสายการบินเขาจะมีส่วนลดให้ลูกเรือ แล้วแต่ที่ดีลไว้ คือไม่แย่ แต่ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน เราเข้ามา เจอแบบนี้ ก็โอเค แต่กับคนที่เขาเคยเจอดีๆ มาก่อนแล้วต่อมามันค่อยลดลงๆ เขารู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ
พนักงานก่อนและหลังล้มละลายต่างกันเยอะมั้ย
จากหกพันเหลือสามพัน แต่แฮปปี้มาก เพื่อนร่วมงานดีขึ้นเพราะพวกพฤติกรรมเกเรออกไปหมด
ถัดจากนี้คงไม่มีเปิดรับคนใหม่แล้ว ?
ไม่มี เก่งคือรุ่นใหม่สุดซึ่งเข้าตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว ทำลายสถิติจูเนียร์ตลอดกาล (หัวเราะ) หน้าที่ดูกระเป๋าและเก็บทิปยังเป็นเราเพราะเด็กสุด แต่โอเค พอคนเกเรออก เหลือแต่คนช่วยกันทำงาน หน้าที่เก็บทิปก็มีคนช่วย ไม่แบ่งแยกว่าใครเด็ก ผู้ใหญ่ ทำงานแฮปปี้ครับ คนน้อย กำลังคนน้อย แต่ผู้โดยสารก็ไม่เต็ม โหลดตามมมาตรฐาน ใช้คนเท่านี้ ร้อยคนขึ้นไป ใช้คนเท่านี้ ค่าตอบแทนเพิ่ม ถ้าเจอผู้โดยสารมีปัญหาก็เหนื่อยหน่อย แต่คุยกันดี เพราะคนอายุงานมากๆ เงินเดือนสูง ได้ค่าชดเชยดี ส่วนใหญ่เขาออกไปทำธุรกิจอื่นหมดแล้ว เก็บคนงานใหม่ๆ ค่าแรงถูกเอาไว้ เช่น เก่ง
ตั้งแต่ปลายปีจนมาถึงตอนนี้ เฉลี่ยคือได้บินเดือนละสองไฟล์ท ?
ใช่, กุมภาฯ บินญี่ปุ่นกับลอนดอน ตารางบินออกทุกวันที่ 25 รู้ล่วงหน้าเดือนต่อเดือน วันหยุดเลยไม่ตรงกับชาวบ้าน ข้อเสียคือเจอคนอื่นยาก เขาเที่ยว เราทำงาน การเจอเพื่อนน้อยลง และหลังๆ ก็กลายเป็นว่าพอเราเจอคนเยอะ วันละสามสี่ร้อย ถึงวันหยุด เราหวงพื้นที่ส่วนตัว ไม่อยากเจอใคร นอนอยู่ห้องเฉยๆ คือความสุขแล้ว อยากชาร์จพลังเพื่อไปเจอคนอีกห้าหกร้อยคนในวันถัดไป จากที่เมื่อก่อนตอนไม่ได้บิน เจอเพื่อนเดือนละครั้ง พอบิน เจอกันยาก ยิ่งโควิดยาวๆ แบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่ อยู่คนเดียวจนชิน
เดือนหนึ่งมีบินสองครั้ง วันอื่นๆ ทำอะไร
รับพาร์ทไทม์เจาะเลือด พอไม่มีบิน เก่งสอบใบประกอบฯ เมื่อกลางปีที่แล้ว ตอนแรกได้มาใหม่ๆ ยังไม่ได้รับพาร์ทไทม์ อาศัยกดจองคิว รอกด ถ้าได้บิน ก็ไปต่อได้ พอยกเลิกระบบกดจอง สองเดือนไม่มีบินเลยไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลกลาง
คำว่าพาร์ทไทม์คือ..
ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ประจำ อยู่แผนกฝากครรภ์ สูตินรีเวช งานมีให้ทำจันทร์ถึงศุกร์ พาร์ทไทม์มีห้าคน ก็คนละวัน แต่ตอนนี้มีคนลาออก เหลือแค่สาม ก็ตกอาทิตย์ละหนึ่งหรือสอง ห้าหกเวรต่อเดือน ได้เวรละหนึ่งพัน สังกัดกรมการแพทย์ กทม. หักภาษี ณ ที่จ่ายแล้วเหลือแปดร้อยห้าสิบ เราไม่มีรถ อยู่ลาดกระบัง นั่งรถไฟฟ้ามาสองร้อยกว่าบาท สรุปว่าได้วันละประมาณห้าร้อย โชคดีว่าเงินพาร์ทไทม์ออกกลางเดือน ก็มาช่วยเติม สิ้นเดือนได้จากการบินไทย และเก่งเพิ่งได้ ‘คนละครึ่ง’ ก่อนนี้เราไม่เอาจากรัฐ ไม่สมัครเลย แต่พอเห็นการใช้จ่ายภาษีของเราอย่างไร้ประสิทธิภาพแล้วไม่ไหว เลยเลือกสมัครคนละครึ่ง ก็ช่วยได้พอสมควร ยืดอายุไป
ที่ไปทำพาร์ทไทม์ จะหาอีกมั้ย หรือพอแล้ว
ตอนนี้มีบินสองไฟล์ทต่อเดือน ถือว่าน้อย แต่ยังพอคัฟเวอร์ค่าใช้จ่าย ถ้าน้อยกว่านี้คงสมัครกาชาดเพิ่ม เพราะไม่ต้องทำแล็บ แต่โควิดระบาด คนบริจาคเลือดน้อยลง รอดูก่อน พาร์ทไทม์ตอนนี้คนน้อยลง เราได้งานมากขึ้น เจาะเลือด ช่วงโควิดหนักๆ คนไข้มาโรงพยาบาลน้อยเพราะติดล็อกดาวน์ แต่ช่วงนี้คนมาฝากครรภ์เยอะมาก กลุ่มที่ฝากคือเด็กแว้น กับแรงงานต่างด้าว คนที่พร้อมไม่ยอมมีลูก เก่งไม่ได้ว่าพ่อแม่สก๊อยไม่ดี แต่เห็นชัดว่าพวกเขาไม่พร้อม เด็กสุดที่เคยเจอเป็นแม่อายุสิบสอง เรียน ม.1 สามีอายุเท่ากัน นั่งเล่นเกม คือวุฒิภาวะการเป็นพ่อแม่ยังไม่ได้ แรงงานต่างชาติส่วนใหญ่เป็นพม่า คนเหล่านี้ถูกกฎหมาย มีบัตรแรงงานต่างชาติ แต่ถามว่าจะเลี้ยงเด็กดีมั้ย ก็ยาก ไม่รู้ท้องที่ไหน เมืองไทย เมืองนอก เราเจาะเลือด เจอกันแป๊บเดียว ข้อสังเกตคือการจะเกิดมาตอนนี้ ถ้าอายุครรภ์ไม่เกินสามเดือน อนุญาตให้ทำแท้งได้ แต่ส่วนใหญ่ที่มาฝากครรภ์จะไม่รู้ว่าตัวเองท้องเพราะสามเดือนไม่มีผลเลย คนที่เมนส์มาไม่ปกติอยู่แล้วก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองท้อง ฉะนั้น คนที่มาทั้งหมดอายุครรภ์เกินไปแล้ว
บางคนเพิ่งมาฝากครรภ์ตอนใกล้คลอด เพราะเขาไม่มีเงิน แรงงานต่างชาติต้องจ่ายเองก่อน แล้วไปเบิกประกันสังคมทีหลัง แต่ถ้าเจอนายจ้างดี เขาพามา ออกเงินให้ ก็มีอยู่บ้าง ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นระดับเรียนมัธยมฯ สะท้อนว่าสุขศึกษายังมีปัญหา แม้ว่าคุยเรื่องเซ็กซ์มากขึ้น ตอนเก่งเรียน จำได้ว่าเขาสอนใส่ถุงยางตอน ม.6 และสอนพอผ่านๆ เอาเข้าจริงสุขศึกษาที่สอนดีอาจเป็นหนังโป๊ด้วยซ้ำ ณ ตอนนี้ต้องขอบคุณอินเทอร์เน็ตที่ทำให้เด็กตระหนักรู้มากขึ้น แต่บางคนยังเข้าไม่ถึง ภาพที่เห็นเลยเต็มไปด้วยกลุ่มพ่อแม่วัยใส
สองอาชีพที่ทำอยู่ตอนนี้ น้ำหนักเอนไปทางไหนมากกว่า
รักงานสจ๊วตนะครับ และมันก็คงโยงการเมืองโดยตรง ตั้งแต่เด็กจนโต เก่งไม่เคยไปเมืองนอกเลย ไม่มี family trip เพราะบ้านเราไม่มีรถยนต์ สมาชิกสี่คน มีแค่มอเตอร์ไซค์ พ่อแม่ไม่มีวันหยุด เราโตมาแบบเด็กรักเรียน เลยเข้าถึงโอกาส ค่อยๆ ยกระดับขึ้นมา เมื่อก่อนที่บ้านไม่มีคอมพ์ จะทำรายงานหรือปรินต์เอกสาร ต้องไปบ้านเพื่อน ไปใช้เน็ต พอรุ่นน้องสาว เรามีศักยภาพซื้อให้เขา ก็บอกน้องว่าต้องช่วยเหลือเพื่อนที่ไม่มี เหมือนที่เราเคยไม่มี ให้เพื่อนมาใช้เต็มที่เลย โชคดี ตอนเด็ก เพื่อนพร้อมช่วยเหลือ เกรงใจเขานะ บางทีทำงานถึงสามสี่ทุ่ม
เรียนพิเศษด้วยมั้ย
ภาษาอังกฤษเรียนตั้งแต่ประถมฯ ครับ ทำให้เราแน่นมาแต่เด็ก เกรด ม. ต้น 3.98 คือเอาแต่เรียน ไม่มีทักษะกีฬา ม.ปลาย ครูต้อมเป็นที่ปรึกษา เริ่มเห็นโลกหลากหลายขึ้น นอกจากเรียนมีเรื่องอื่น กีฬาสี แห่เทียน เขียนหนังสือ ซึ่งเราสนุก จบ ม. ปลายด้วยเกรด 3.74 ก็ไม่เลว กล้าโดดเรียน หนีไปห้องสมุดบ้าง พอทำงาน มีโอกาสไปต่างประเทศ เราเห็นเขามีกฎหมายที่บังคับใช้จริงจัง ตัวอย่างก็ที่เพิ่งเกิด มอไซค์ชนหมอตรงทางม้าลาย
ตอนเรียนจุฬาฯ เก่งเคยข้ามถนนใกล้มาบุญครอง เกือบโดนรถชน ทั้งที่ไฟแดงอยู่ หันไปมอง เขาชี้หน้าอีกว่า ทำไมไม่มองรถ พอไปเมืองนอก แค่เดินไปถึงทางข้าม รถหยุดแล้ว ทำไมทางเท้าบ้านเขาดีจังเลย ฝนตก เหยียบไปสบาย ฝนตกกลับโรแมนติกด้วยซ้ำ ที่กรุงเทพฯ เก่งเคยยืนรอรถเมล์จนร้องไห้ เคยแล้ว เผื่อเวลาแล้วหนึ่งชั่วโมงหนึ่ง มันไม่มา ฝนตก อยากกลับบ้าน ไม่มีรถ จะขึ้นรถไฟฟ้าก็ไม่มีตังค์พอ แพงมาก ตัดภาพไปต่างประเทศ เสิร์ชได้ทันที มีแอปฯ ขนส่ง กดเข้าไปรู้เลยว่าอีกกี่นาที รถจะมาถึงป้าย ราคาถูกและดี
อินเทอร์เน็ตทำให้คนถามมากขึ้น ว่าอะไรคือเรื่องปกติของสังคมปกติ คนมีความรู้ ปกป้องสิทธิตัวเอง กล้าถาม กล้าประท้วง ฝรั่งเศสเป็นประเทศแห่งการประท้วง ไปครั้งแรก เจอข้างหอไอเฟล เกาหลีใต้มีลานประท้วง ตำรวจอำนวยความสะดวก ไม่เอารถน้ำมาฉีด ไม่ใช้ความรุนแรง เหนือสิ่งอื่นใด เขามีระบบ คนเคารพกฎหมาย ไม่มีพรีวิเลจ รวย จน เข้าถึงทรัพยากรเหมือนกัน แต่ของเรา เครื่องแตะสุวรรณภูมิปุ๊บ ท้อใจ เราขอบคุณทวิตเตอร์ รวดเร็ว รุนแรง เฟซบุ๊กไม่มีอะไรเท่าไร เงียบ แต่ตอนนี้เริ่มดี ทวิตเตอร์นำ เฟซบุ๊กตาม ประเทศเราตอนนี้ไม่น่าอยู่เลย ยิ่งมีโอกาสเห็นโลกกว้างยิ่งรู้
ไปมาแล้วกี่ประเทศ
น่าจะเกินยี่สิบ ตามเส้นทางที่เรามีบิน
นอกเวลางาน ได้ออกไปดูบ้านเมืองเขาพอสมควร ?
ใช่, เก่งเป็นสายเข้าพิพิธภัณฑ์ เดินชมเมือง มันยิ่งตอบโจทย์ ไปซ้ำรอบสองรอบสาม เรารู้แล้ว ไปคนเดียว ชอบเข้าแกลเลอรี่ เข้ามิวเซียม ชอบเดินดูเมือง ไม่ช็อปปิ้ง ถ้าไปกับคนอื่นแล้วเขาไม่อินกับเรามันเสียเวลามาก เก่งอยู่ในมิวเซียมทั้งวันเต็มๆ ได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ การซื้อตั๋วเข้ามิวเซียม เข้าอาร์ตแกลเลอรี่เป็นเรื่องที่คนยอมยืนต่อแถว บางครั้งตั๋วหมด ไม่ได้จองไว้ ก็พลาดไปเลย กลับมาดูบ้านเรา มีเยอะนะที่คุณภาพดี แต่คนไม่เข้าเพราะดำรงชีวิตให้รอดก็ยากแล้วสำหรับคนส่วนใหญ่ คนจะเข้ามิวเซียมได้ต้องมีเงินประมาณนึง ต้องอยู่ติดรถไฟฟ้า บางที่เป็นตึกสแตนอะโลน ขนส่งสาธารณะเข้าไม่ถึง ต้องมีรถขับไปเอง ค่าใช้จ่ายสูง การเดินทางบ้านเราลำบาก เราไปได้แค่ขนส่งมวลชนไปถึง ที่ไหนไกลและนอกเส้นทาง ก็ไปไม่สะดวก
การเห็นโลกที่เจริญทำให้อยู่เมืองไทยยากขึ้นหรือเปล่า
ยากครับ เบื่อหน่าย เรารักประเทศนี้และมองเห็นศักยภาพ มันไม่ได้ตาย ล่มสลาย หรือฟื้นไม่ได้ มันฟื้นได้ เพียงแต่ถูกกดไม่ให้ฟื้น เราด่าเพราะเรารัก อยากให้เปลี่ยนแปลง เราด่าจนบางทีท้อ แต่ไม่หยุด ยังด่าอยู่ แต่ถ้ามีโอกาสไปประเทศที่ดีกว่านี้ ก็ไปแน่นอน จะไม่จมปลักอยู่กับที่นี่
เริ่มคิดบ้างแล้ว ?
ใช่, น้องอยู่ ม.6 อยากเรียนครู วันหนึ่งถ้าน้องจะอยู่ในระบบราชการ ดูแลพ่อแม่ได้ เก่งอาจไปหางานทำต่างประเทศ พอหมดรุ่นพ่อแม่ อาจชวนน้องไปอยู่ด้วย หรือถ้าธุรกิจการบินดี ระหว่างที่น้องยังเรียน ก็อยากให้เค้าไปต่างประเทศ ไปเห็นโลก ถ้าน้องเลือกไปต่างประเทศ เก่งจะดูแลพ่อแม่ให้ สลับกัน แต่อยากให้มีโอกาสไปต่างประเทศ
คือยังไงก็อยากออกไปเป็นพลเมืองโลกมากกว่า ไม่ผูกตัวเองไว้ที่น่าน หรือที่ไทย ?
คำนี้ดีมากเลย global citizen เรามองตัวเองเป็นพลเมืองโลกนานแล้ว ไม่ได้มองแค่น่าน หรือไทยแท้ ไม่อินความเป็นไทย ทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตมีผลมาก หาข้อมูลได้ โลกกว้างขึ้น เห็นช่องทางโอกาสมากขึ้น ถ้าไปได้ เราไป การเมืองไทยดุเดือดมากนะครับ เพื่อนบ้านอย่างพม่า ฮ่องกง ไต้หวัน ก็รุนแรง และเราช่วยเรียกร้องให้เหตุการณ์ที่ไม่ยุติธรรม เราช่วยกันใช้โซเชียลขับเคลื่อน ขณะเดียวกันศิลปินเกาหลีก็เรียกร้องให้เรา แต่ของเรา ศิลปินไทยที่ไปเกาหลี ทำไมคุณเงียบ ช่วงแรกเราคาดหวังมากว่าทำไมคนที่เราชอบ ศิลปินที่เราติดตาม ไม่ออกมาเป็นปากเสียงให้เรา ขณะที่ต่างชาติเป็นปากเสียงให้เราได้ ข้อดีในสังคมทวิตเตอร์คือมีคนคอยหักห้ามกันตลอดเวลา บางทีเราอาจสุดโต่งเรื่องนี้ ก็จะมีคนคอยมาให้ข้อมูล มีมุมมองอื่นๆ ต้องคิดหลายมุม ตอนนี้เราดูว่าถ้าใครเงียบ เราเปลี่ยนไปสนับสนุนคนอื่นที่พร้อมเป็นปากเสียงให้เรา ติดตามคนที่พร้อมแลก อาจมีคนเถียงว่า บางคนไม่พร้อมแลกไง
ใครไม่มีเรื่องต้องแลกบ้าง ?
ใช่, หลังๆ เก่งใช้คำพูดรุนแรงในการโพสต์ มีเพื่อนเตือนให้ระวังๆ เขาบอกว่ามึงก็รู้ บริษัทเราเป็นไง ก็บอกเขาว่าพร้อมแล้ว เราเลือก เราตัดสินใจว่าจะใช้คำแบบนี้ พูดเรื่องนี้
สิ่งที่ทำให้รักอาชีพสจ๊วตคือ..
เงินครับ เพราะเราจน พอได้เงินมากพอมันก็ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตได้ เราอยากให้พ่อแม่สบาย ถามว่ามีเงิน แต่ทำงานไม่มีความสุข จะเอามั้ย ก็ไม่เอา งานยังตอบโจทย์แง่ว่าได้เห็นโลกกว้าง มีวันว่างไปศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่ชอบ เพราะรายรับเราดีก็ยิ่งมีโอกาสแบ่งเงินไปทำในสิ่งที่ชอบ
คิดว่าจะอยู่กับงานนี้ไปนานเท่าไร
เมื่อก่อนเกษียณที่หกสิบ แต่ของเก่งเป็นรุ่นที่สัญญาต่อทุกสามปี เงื่อนไขคือแบบนี้เท่านั้น ฉะนั้น มันไม่แน่นอน ระหว่างที่ยังอยู่ต้องพยายามเสริมทักษะ เพิ่มความรู้ตลอด วันหนึ่งเผื่อไม่ได้อยู่แล้วก็ไปต่อได้เลย
ยึดติดไม่ได้แล้วว่าจะอยู่กับงานนี้ไปอีกสิบปี ?
ใช่, ทำตัวให้พร้อม โควิดสอนว่ามีอาชีพเดียวไม่ได้ ไม่ว่าคุณทำอะไร การมีรายรับทางเดียวไม่พออีกต่อไป ถ้าคุณไม่ได้เป็นข้าราชการ ไม่ได้เป็น ส.ส. ที่มีเงินเดือนเป็นแสน เราต้องวางแผนเพราะทำแค่อาชีพเดียวอยู่ไม่ได้แล้วในโลกปัจจุบัน
คำว่ามั่นคงของอาชีพมัน..
ไม่มีแล้ว ยุคลุงทำให้ข้าราชการตกเบิกห้าหกเดือนก็มีมาแล้ว เมื่อก่อนมั่นคงมาก สวัสดิการดี แต่โลกยุคใหม่ มีคริปโตเคอเรนซี เล่นหุ้น เทรดบิสคอยต์ การจมปลักเป็นข้าราชการ รอเกษียณ อาจไม่เวิร์กเท่าไร ฉะนั้น ทำไมเราจะไม่หาอาชีพที่ตอบโจทย์กับเราจริงๆ หาเงินให้ได้และเก็บส่วนนั้นไปใช้หลังเกษียณ
ใครไม่มีบำนาญก็ต้องหาเอง ?
ถ้าเรารวย เราทำได้ แต่คนจนที่ไม่มีศักยภาพเขาก็ต้องรอเบี้ยคนชราเดือนละแปดร้อย สังคมเรากลายเป็นสังคมผู้สูงวัยเต็มตัวแล้ว เก่งไม่อยากมีลูก อยากอยู่คนเดียว คนที่แต่งงานอาจอยากมีลูกแค่คนเดียว เพื่อนๆ หลายคนบอกแบบนั้น มีคำถามว่าแล้วตอนแก่จะเหงามั้ย ลูกคนเดียว เป็นคนโดดเดี่ยว เพื่อนบอกว่าเรามีลูกคนเดียวก็จริง แต่ไม่ต้องการให้ลูกมาดูแลเรา เราเก็บตังค์เพื่อไปอยู่บ้านพักคนชรา พลเมืองโลกไม่ได้โดดเดี่ยวเหมือนคนรุ่นก่อน เรื่องลูก ส่วนใหญ่ไม่อยากมี เก่งเองก็ไม่อยากมี เพราะรู้สึกว่าตราบใดที่สังคมเป็นแบบนี้หรือต่อให้เปลี่ยนไป แต่ไม่เปลี่ยนมากพอ การเติบโตมาที่นี่มันสร้างบาดแผลมากกว่าความสุข เลยคิดว่าไม่อยากให้เด็กคนหนึ่งต้องเติบโตมาด้วยบาดแผลแบบนี้ แม้ว่าหลายอย่างเริ่มดีขึ้น เก่งกล้าพูดว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนในแง่ที่คนรู้ และกล้าใช้สิทธิใช้เสียง แต่จะเปลี่ยนจนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ก็อาจต้องรอคนรุ่นเก่งหรือเด็กกว่านี้เข้าถึงอำนาจ กลายเป็นผู้บริหารระดับสูงในเชิงโครงสร้าง เพราะตอนนี้อำนาจอยู่ในมือเจนฯ เก่า เรารู้ก็จริง แต่เราสู้ไม่ได้ ก็เลย.. แทนที่จะจมปลักอยู่ที่นี่ กว่าวันนั้นจะมาถึง เราไปอยู่ประเทศที่พร้อมก่อน ประเทศที่เจริญแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราทิ้งที่นี่ เราอาจสนันสนุนในรูปแบบอื่น แล้ววันหนึ่งพร้อมแล้วค่อยกลับมา หรือไม่กลับเลย
คิดว่าต้องใช้เวลาเรียนเยอรมันกี่ปี ถึงจะใช้งาน หรือเอาตัวรอดได้
น่าจะสองปี เพราะที่เรียนตอนนี้แค่สัปดาห์ละครั้ง ครั้งละสามชั่วโมง เป็นแค่เบสิก การเรียนภาษาที่ดีต้องต่อเนื่อง ใช้มันทุกวัน เราไม่มีคนคุยเยอรมัน แต่ตั้งใจ ค่อยสะสมไป ปลายเดือนมีบินไปลอนดอน ไม่ได้เรียนทุกครั้ง แต่ข้อดีของออนไลน์ก็อาจให้น้องเข้าไปกดเร็กคอร์ดชั่วโมงการสอน มันทำได้ เมื่อก่อนออนไซต์ สดหมด บันทึกไม่มี ตอนนี้เทคโนโลยีช่วยเยอะ ไม่ว่างก็ตามเรียนย้อนหลังได้
โอกาสไปอยู่เมืองนอกมากกว่าครึ่ง ?
เป็นห่วงพ่อแม่อยู่ เพราะเวลาของเขานับถอยหลังแล้ว เขาใช้ร่างกายมาเยอะ มันเริ่มฟ้อง ทุกครั้งของการกลับบ้าน เราเห็นความเสื่อมลงของร่างกายพ่อแม่ เสื่อมอย่างเห็นได้ชัด เลยคิดว่าอยากดูแลเขาก่อน
เฉลี่ยกี่วันกลับมาน่านที
ตั้งแต่ปลายปีถึงช่วงนี้กลับเดือนละครั้ง เพราะช่วงไหนไม่มีบินจะขอถ่างตารางเวรเจาะเลือดไว้ ก็ยังมาได้เฉลี่ยเดือนละครั้ง แต่กุมภาฯ นี้ไม่ได้เลย อาจต้องสงกรานต์ หรือโชคดีก็ปลายมีนาฯ แล้วแต่ตารางงานมันเอื้อ
ชีวิตที่อยู่กับเครื่องบินมันเสี่ยง มันสุข มันใช้ร่างกายอะไร ยังไงบ้าง ถือว่าปลอดภัยดีใช่มั้ย
เป็นการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันก็รุนแรง ครั้งเดียวตายทั้งลำ แต่มาตรฐานความปลอดภัยทางการบินมันสูง จริงๆ ก็เคยเกือบตายแล้วครั้งหนึ่ง เจอมรสุมที่ปักกิ่ง ลมแรงมาก เครื่องส่ายตั้งแต่เริ่มลดระดับลง พอจะแตะพื้น แตะไม่ได้ เครื่องพุ่งหัวขึ้นสี่สิบห้าองศาในเวลาอันสั้น กลับขึ้นมาบินใหม่ รอจนสภาพจะลงได้ มันเป็นวินาทีชีวิต นั่งสวดมนต์กันแล้ว ขนาดเครื่องจอดบนพื้นแล้ว ลมยังพัดให้เครื่องบินแกว่งเหมือนเราไกวเปล นั่นคือครั้งเดียว เราเชื่อมั่นในมาตรฐาน ถ้ามันจะประสบอุบัติเหตุจริงๆ ก็คงทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อมันรุนแรงและเสียหายมาก มาตรฐานต้องดี อะไรที่มันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยชนิดยอมไม่ได้ ก็ต้องไม่ยอม ไม่ใช่วันนี้อันนี้พัง ตัวหนังสือบอกว่าอันนี้พัง บินไม่ได้ แต่ดันเอาขึ้น แบบนี้ไม่ได้ ไม่ยอม มาตรฐานการบินนอกจากเมืองไทย มันต้องร่วมกับส่วนกลางต่างชาติ การไปบินแต่ละประเทศ เขาจะมีมาตรฐานของแต่ละประเทศเสริมเข้าไปอีก
ของไทยถือว่าโอเคมั้ย
โอเคครับ แต่พอเป็นราชการ ทุกอย่างมันช้า เช่น บัตรประจำตัวลูกเรือซึ่งต้องทำกับการบินพลเรือนหมดอายุมาจะสองปี ก็ยังไม่ได้ต่อ เพราะโควิด เลยเลื่อนไปก่อน ใบนี้เหมือนบัตรประชาชน บางประเทศใช้ บางประเทศไม่ใช้ ส่วนใหญ่ไม่ใช้ เลยอนุโลม มีบัตรประชาชนของสายการบิน มีหนังสือรับรองว่าเราเป็นพนักงานผ่านการเทรนมาแล้ว ใช้ด้วยกันได้ แต่เก่งจะไปบินประเทศที่ใช้บัตรนี้ไม่ได้เพราะไม่ได้ต่ออายุ ทำให้เราเสียโอกาส บางประเทศที่ว่านั้นก็คือเยอรมัน
ครั้งหนึ่งการเป็นแอร์ เป็นสจ๊วต ถือเป็นอาชีพที่เก๋ ที่ดูดี ตอนนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่มั้ย หรือเปลี่ยนไปแล้ว
ตอนยังไม่มีโควิดยังเป็นอาชีพในฝันอยู่ พอมี แอร์ สจ๊วตกลายเป็นคนตกงาน ชีวิตพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ กัปตันที่เงินเดือนสองสามแสน ส่งลูกเรียนอินเตอร์ฯ ต้องขายเบนซ์ ขายปอร์เช่ เพื่อนบางคนลาออกไปเลย คนที่สู้ไม่ไหว ต้องหาอาชีพอื่น ในเครื่องบิน พวกเงินเดือนเยอะอยู่หัวเครื่อง แทบไม่เคยคุย ไม่รู้เรื่องรายละเอียดเขา คนที่เราเจอคืออยู่โซนเดียวกัน
พอวิเคราะห์ได้แหละว่าเปลี่ยน ?
ใช่, ถามว่าคนรุ่นใหม่ยังสนใจงานนี้มั้ย สนใจแง่ที่ได้ออกไปเรียนรู้โลก ได้เที่ยวทุกไฟล์ท ถ้าทำงานอื่นต้องเก็บตังค์นาน กว่าจะได้เที่ยวได้บิน แต่แง่รายรับถามว่ายังดูดี หรือไปไหนชูคอได้เหมือนเดิมมั้ย มันไม่ใช่แล้ว เช่นเดียวกับอาชีพหมอตอนนี้ที่เริ่มถูกมองว่าเป็นงานบริการ ทำงานรับเงิน ไม่ใช่เจ้าชีวิต
สจ๊วตอายุน้อยๆ มีแรง ก็ออกเที่ยว เปิดหูเปิดตา พี่ๆ ที่ทำงานมายี่สิบสามสิบปีเขาเห็นมาเยอะ อาจไม่ไปไหน ร่างกายแย่ เรายังไปได้อยู่ มันก็เป็นโอกาส
เพื่อนๆ สมัยมัธยมฯ หรือมหาลัย ทำการงานอะไรกัน เจอบ้างมั้ย ส่วนใหญ่คนรุ่นนี้มีทัศนะยังไง
ส่วนใหญ่เป็นหมอ พยาบาล เรียกว่าถ้าเอาเพื่อนในห้องเดียวกันมาทั้งหมดนี่คือเปิดโรงบาลได้เลย มีทุกอาชีพในโรงพยาบาล ยุคที่เราเรียน ความนิยมเป็นเสมียน หมอ พยาบาล ตำรวจ ครู มีอยู่เท่านี้ เก่งอยู่ห้องเด็กเรียน สังคมเรียบร้อยมาก ไม่เคยพูดมึงกูกับเพื่อนผู้หญิง ผู้ชายคุยกะผู้หญิง แทนตัวเองว่าเค้า ไปกับเค้ามั้ย พอไปอยู่กรุงเทพฯ ได้ยินคำว่า เย็ดแม่ ไอ้เหี้ย ไอ้สัส รับไม่ได้ งง แต่พออยู่ไปค่อยปรับตัว กลายเป็นว่าตอนนี้เราปากหมาอย่างมาก (หัวเราะ) ก็พยายามเลือกใช้ให้เหมาะ เพื่อนที่อยู่น่านติดแคแรกเตอร์คนเหนือ พวกที่ไปกรุงเทพฯ หรือที่อื่น ความคิดความอ่านเปลี่ยนแปลงหน้ามือเป็นหลังมือ อาจไม่ได้เปลี่ยน แต่กล้าเรียนรู้และเป็นตัวเองมากขึ้น
ถ้าไม่ไปเรียนที่กรุงเทพฯ อาจไม่คิดแบบนี้ ?
อาจคิดแบบนี้แหละ แต่คิดช้า ตอนนี้ทุกคนคิดได้เพราะเข้าถึงสื่อ แต่วันที่เราจบ ม.6 และติด มช. รู้ว่ามีว้าก ขึ้นดอย เราไม่ชอบ เลยสละสิทธิ์
ที่จุฬาฯ ไม่มีว้ากเหรอ
มีแค่ห้องเชียร์ บางคณะมีโซตัส บังคับปีหนึ่งแต่งชุดแบบนี้ๆ ซึ่งที่คณะไม่มี และเราเป็นรุ่นสุดท้ายที่มีระบบเข้าห้องเชียร์ พอขึ้นปีสอง เราเลือกที่จะไม่สานต่อ จุฬาฯ เลิกแล้ว เพราะทุกคนมีสื่อ อะไรที่เคยผิดพลาด ไม่สมเหตุสมผล มันเปลี่ยนแปลงได้
ที่บอกว่าเรียนเยอรมันอยู่ สนใจแค่ภาษา หรือจะพัฒนาไปประกอบอาชีพอะไร แค่ไหน
ประกอบๆ กันหลายอย่าง เราสนใจแกลเลอรี่ มิวเซียม ห้องสมุด อยากเรียนต่อโท หรือตรีใบใหม่ก็ได้ หลักสูตรการจัดการพื้นที่ห้องสมุดสาธารณะ หรือมิวเซียมอย่างเป็นระบบ ทั้งแง่เซอร์วิส บริหาร ระบบการเงิน อยากเรียน แล้วอนาคตก็อยากเปิดห้องสมุดและร้านหนังสือ ที่น่าน ได้แรงบันดาลใจมาจากครูต้อมร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เราเคยใช้ห้องสมุดประชาชน มันน่าเบื่อมาก ไม่กระตุ้นการเรียนรู้เลย มันคนละเรื่องกับห้องสมุดบ้านๆ น่านๆ ยิ่งไปยุโรป ร้านหนังสือมีเยอะพอๆ กับเซเว่นฯ ที่ประทับใจที่สุดคือเยอรมัน หน้าซูเปอร์มาร์เก็ตมีตู้หนังสือ บางที่ตั้งอยู่กลางสี่แยก คุณหยิบไปอ่านฟรีเลย หรือเอาของคุณมาเติม เป็นระบบหยิบเอง คืนเอง เรียบร้อย ไม่มีสูญหาย คุณภาพดี ไม่มีฝุ่น วัฒนธรรมการอ่านของเขาเป็นเรื่องปกติ เราอยากขับเคลื่อนเรื่องพวกนี้
ข้อมูลเก่าแก่ที่บอกว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละแปดบรรทัด มันไม่จริงในยุคนี้ ยิ่งมีแพลตฟอร์มใหม่ๆ การรีวิวหนังสือ ยูทูบ ช่วยได้มาก แต่การเข้าถึงหนังสือยังเป็นข้อจำกัด ถึงได้อยากทำ อยากเห็นภาพห้องสมุดมีอยู่ทุกหมู่บ้าน ไม่ใช่ทั้งจังหวัดมีห้องสมุดประชาชนอยู่ที่เดียว คนอยู่ต่างอำเภอมาไม่ได้ …อยากทำครับ ส่วนหนึ่งให้อ่านฟรี ใครมีกำลังก็ซื้อไป ไอเดียเดียวกับที่ห้องสมุดบ้านๆ น่านๆ ทำอยู่
ทำไมคิดว่าโลกวันนี้ห้องสมุดยังจำเป็น โดยเฉพาะกับจังหวัดน่าน กับสังคมไทย
เรารักหนังสือ สัมผัสโทรศัพท์กับหนังสือมันต่างกัน เราโหยหากระดาษ ชอบความรู้สึกเวลาหยิบจับ มีความสุขที่ได้เห็นชั้นหนังสือตั้งเรียงกัน หลักๆ คือคิดว่าการอ่านจำเป็น ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว ฟุ้งซ่านมากๆ การอ่านช่วยดึงสติกลับมา ประโยคคลาสสิกคือหนังสือแต่ละเล่มมีช่วงเวลาของมัน บางเล่มเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งได้ เราอยากทำให้การอ่านเป็นเรื่องเข้าถึงง่าย โดยไม่ต้องมีต้นทุนทางการเงินมากนัก
สิ่งที่คิดไว้สุดท้ายจะเป็นแค่ฝันเพ้อเจ้อ หรือมีโอกาสเป็นจริงกี่มากน้อย
มันคือเป้าหมายในชีวิตอย่างหนึ่งที่อยากทำให้ได้ก่อนตาย ค่อนข้างจริงจังกับมัน เมื่อก่อนเราไม่มีโอกาสเดินทาง หนังสือที่ซื้อคือหมวดท่องเที่ยว อ่านพวกนี้มาก อยากไป พอมีโอกาสได้ไปมากๆ เข้า เราซื้อหนังสือเกี่ยวกับห้องสมุด การออกแบบร้าน ไอเดียตอนนี้คือไม่ผูกว่าร้านหนังสือเป็นแค่ร้านหนังสือ เราอาจสอนทำอาหาร ทำกิจกรรมการเมืองได้ หลังๆ ซื้อหนังสือแค่การทำห้องสมุดกับหนังสือการเมือง บันทึกท่องเที่ยวไม่ได้ซื้อแล้ว
พูดได้ว่าเป็นคนสนใจการเมือง ?
ต้องขอบคุณรัฐบาลประยุทธ์ เมื่อก่อนเป็นเด็กคนหนึ่งที่โตมาผ่านสื่อทีวีวิทยุที่เขาต้องการให้รับรู้เท่านั้น แต่พอเราโต มีดุลพินิจ เลือกรับสื่อ ใช้วิจารณญาณ ยิ่งสังคมแบบนี้ เรายิ่งต้องสนใจการเมือง ความรู้นิติศาสตร์ การปกครองอาจไปไม่ถึง แต่ชอบคุย แลกเปลี่ยนทัศนะ เช่น การจัดการภาษี ทางเท้า ขนส่งมวลชน เก่งอยากคุยกับสลิ่มด้วยซ้ำ ความพิเศษอย่างหนึ่งตอนเลือกตั้งคราวก่อนที่ประยุทธ์กลับมาได้ เคยเจอเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เชียร์พลังประชารัฐ ระหว่างอยู่เวร คุยกัน เขาบอก พี่ก็อยากรู้ว่าทำไมเก่งเชียร์อนาคตใหม่ ทำไมเกลียดประยุทธ์ คุยสนุกมาก มันกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยในครัวบนเครื่องบิน เราก็บอกเขาว่า ขอบคุณครับ เดี๋ยวไปอ่าน หาความรู้เรื่องที่พี่ว่ามา เขาก็บอกว่าจะไปหาความรู้เรื่องที่เราว่าไป คือจบแบบแฮปปี้มาก ทำงานปกติ เคารพกันและกัน เจอคนนี้คนเดียวในชีวิตการทำงานสจ๊วต
ปกติพอเขารู้ว่าเราเป็นพวกสามนิ้ว เขาเป็นสลิ่ม เราอยากแลกเปลี่ยน แต่เขาไม่พร้อม มักจะข่มด้วยอาวุโส เดินหนี หาว่าเราก้าวร้าว คือไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะแลกเปลี่ยน
ถ้าอยู่แต่กับสามกีบ ฟังด้านเดียว คิดเหมือนกันหมด มันกลายเป็นเผด็จการทางความคิด โลกจะสวยงามต้องมีความหลากหลาย.
nandialogue
เรื่อง: วรพจน์ พันธุ์พงศ์
ภาพ: อธิวัฒน์ อุต้น