interview

ไม่มีเซฟโซนที่น่าน ‘นักโภชนาการ’ ทิ้งบ้านเข้ากรุง และเล่าเรื่อง ‘ไข้หูดับ’ ที่มาจากอาหารจานเด็ด  

“คำว่าอาหารและโภชนาการมันมีสาขาแยกไปเยอะมาก อาหารกับโรงแรมอีกสาย สายอาหารโดยตรง สายอาหารเพื่อสุขภาพ เราเป็นสายอาหารเพื่อการแพทย์ เกี่ยวกับผู้ป่วยทุกช่วงวัย”

‘ก๊อต’ เกียรติภูมิ อานันท์ อายุ 24 ปี เติบโตที่บ้านน้ำแก่น อำเภอภูเพียง เรียนมัธยมฯ ที่โรงเรียนน่านนคร เคยเข้าร่วมค่ายแรงเทียนของรุ่นพี่นิสิตจุฬาฯ ซึ่งทำให้เขาอินกับคณะสหเวชศาสตร์ สนใจโภชนาการเพราะโตมากับอาหาร ประกอบกับครอบครัวเปิดร้านชำ ขายอาหารสด เครื่องดื่มและของใช้ในครัวเรือน ชีวิตประจำวันที่ต้องออกไปจับจ่ายซื้อของในตลาดเช้ายิ่งทำให้เขาสนใจรสชาติและชนิดของอาหารต่างๆ มากขึ้น

เมื่อพ่อกำหนดให้เรียนได้ที่ภาคเหนือเท่านั้น จึงเลือกเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์และการกำหนดอาหาร มหาวิทยาลัยพะเยา หลังเรียนจบเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเป็นนักโภชนาการ โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดระยองถึง 2 แห่ง

“เหนื่อยมาก ต้องเข้ากะ กินอาหารไม่เป็นเวลา ไม่ได้ออกกำลังกาย นาฬิกาชีวิตพัง” หนึ่งปีกับอีกหลายเดือนผ่านไป เขาตัดสินใจลาออกมาเริ่มงานใหม่ที่ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ ‘ศิริอรุณแคร์’ ย่านอรุณอมรินทร์

ในเวลากลางวันที่ถนนข้าวสาร บนชั้นสองของ Taste of India โต๊ะอาหารประกอบไปด้วยปานิ ปูริ ไก่ทันดูรี แป้งนาน ปาลัก ปาร์นี และมาซาลา ไจย์ เขาพินิจพิจารณารอบคอบก่อนลิ้มรส “ชอบทดลอง ชอบดูว่ามันมีส่วนประกอบอะไรในอาหาร”

เรื่องสุกๆ ดิบๆ บนโต๊ะอาหาร ทำให้เกิดโรคอะไรบ้าง และรักษาอย่างไร เขามีคำตอบในมุมมองของประสบการณ์และห้องเรียนการกำหนดอาหาร

ที่บ้านเปิดร้านชำ ในหนึ่งวันต้องทำอะไรบ้าง

เปิดร้านชำต้องตื่นเช้า ไปตลาดในเมืองตอนตีสอง เพื่อซื้อของมาขายต่อ พวกอาหารสุก อาหารสด เป็นตลาดเช้าให้คนในหมู่บ้านมาซื้อหมูปิ้ง ไก่ปิ้ง ออกจากบ้านตีสองครึ่ง ถึงในเมืองตีสาม กาดลุ่ม ตลาดตั้งจิตรนุสรณ์หน้าโรงแรมเทวราช แล้วไปซื้ออาหารสุกที่ตลาดบ้านน้ำเกี๋ยน เช้ามืด พวกกับข้าวถุง หมูสด ในเมืองซื้อผัดสด ชุมชนบ้านน้ำเกี๋ยนมีเขียงหมู เนื้อวัว เนื้อควายเจ้าประจำ กับข้าวในเมืองเป็นรสชาติกลางๆ ใช้วัตถุดิบหาได้ทั่วไป ไม่ถึงเครื่องถึงรสเท่าไร น้ำเกี๋ยนอร่อยกว่า ราคาถูกกว่า คนในชุมชนขาย เอาไปขายต่อกำไรชิ้นละบาท สองบาท ทำให้สนใจรสชาติอาหารตั้งแต่ตอนนั้น  ที่บ้านผลัดกันนอนตอนกลางวัน เสาร์อาทิตย์เราไปช่วยบ้าง แต่ที่บ้านไม่ค่อยอยากให้ไป อยากให้โฟกัสการเรียน

อยู่อำเภอภูเพียงใกล้กับตัวเมือง ไม่อยากย้ายไปเรียนโรงเรียนในตัวเมืองบ้างเหรอ

เคยมีไปสอบช่วงจะเข้า ม.4 ที่สตรีศรีน่าน สอบติดห้องวิทย์–คณิตฯ แต่ไม่ได้เอา เช็คตัวเองอันดับต่ำกว่า 100 ถือว่าโอเค สตรีศรีน่านตอนนั้นคนสมัครเป็นพัน สำหรับเราอำเภอภูเพียงแค่ข้ามแม่น้ำน่าน 10 กิโลฯ ก็ถึงโรงเรียนแล้ว แต่ที่บ้านให้เรียนใกล้ๆ บ้าน เลยต้องต่อที่น่านนคร โรงเรียนเล็ก ม.ต้น ม.ปลาย รวมกันประมาณร้อยกว่าคนเอง แต่สายวิทย์–คณิตฯ ก็สอนเข้มข้นอยู่ หลายคนดั้นด้นเพื่อเข้าห้องวิทย์–คณิตฯ เพื่อให้ได้สภาพแวดล้อมที่ดีกว่า สายศิลป์มันเรียนรวมเกินไป ไม่เข้มข้นเหมือนโรงเรียนใหญ่ๆ ในตัวอำเภอเมือง  

มาเริ่มต้นไปค่ายตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ยังไง

ตอนเรียน ม.ปลาย ไปค่ายแรงเทียนของจุฬาฯ เป็นการรวมกลุ่มของนิสิตจุฬาฯ มาลงพื้นที่ต่างจังหวัด มาสอนน้อง ค่าย 10 วัน 9 คืน เหมือนค่ายติวสอบ แกนกลางเหมือนมาโปรโมทมหาวิทยาลัย พี่แต่ละคณะมารีวิวคณะตัวเอง มีทุนการศึกษา ตอนนั้นรู้สึกเราชอบจุฬาฯ มาก เปิดหูเปิดตา แล้วก็ไปค่ายอื่นมาสิบกว่าค่าย เป็นเด็กล่าค่าย อยากค้นหาตัวเองว่าอยากทำอะไรแน่นอน จากนั้นเราก็ไปสมัครค่ายหลายคณะ หลายมหาวิทยาลัย อยากเรียนรู้อาชีพทางด้านสายวิทยาศาสตร์ ไปค่ายวิทยาศาสตร์ทางทะเลด้วย

ทำกิจกรรมในโรงเรียนด้วยมั้ย

ทำสภานักเรียน เราอยู่ฝ่ายวิชาการ เหมือนมีตำแหน่งเฉยๆ และช่วยกันหมด ดูแลรุ่นน้องและดำเนินการในโรงเรียน มีทำสภาเด็กและเยาวชนของจังหวัดน่านด้วย เขาให้ส่งตัวแทนของโรงเรียนไปร่วมกับจังหวัด เขาหาเจเนอเรชั่นใหม่ เราเลยเป็นตัวแทนได้เข้าร่วมก็เลยได้ไปแล้วอิน ในเรื่องของสภาเด็กและเยาวชน เจอคน ได้เดินทาง ไปแรกๆ เข้าร่วมค่ายของจังหวัด หลังจากนั้นก็เริ่มซา เราก็เหมือนตั้งคำถาม จะปล่อยให้มันหายไปหรอ ก็เลยเป็นประธานของภูเพียง เอาจริงๆ ชอบเป็นเลขาฯ หรือคนสนับสนุนมากกว่า ประธานต้องฟังเยอะ ต้องคิด ต้องทำตัวเป็นต้นแบบ

จำเป็นหรือเปล่า ถ้าชอบทำกิจกรรมเฉยๆ ต้องเป็นต้นแบบ ?

มันต้องเป็นนะ เป็นคนดี คนเก่งในเวลาเดียวกัน มันก็มีความอึดอัดเหมือนกัน เราเหมือนถูกจับตามอง เราเป็นเด็กที่ฉีกแหวก ต้องมีอะไรที่โดดเด่น ต้องเรียนดีด้วย ต้องทำกิจกรรมด้วย ติดภาพจำต้องทำได้ทุกอย่าง อยู่มหาลัยถึงรู้สึกว่าไม่ได้ต้องทำขนาดนั้น มัธยมฯ อยากมีตำแหน่ง พอเข้ามหาลัย เริ่มเปลี่ยนทำเท่าที่ทำได้ก็พอ

มารู้จักตัวเองว่าอยากเป็นนักโภชนาการได้ยังไง

เหตุผลในการเลือกเรียนเพราะแม่เสียตอนเรียนอยู่ ม. 5 แล้วหมอวินิจฉัยว่าแม่เป็นโรคมะเร็ง ถามหมอว่าแม่กินอะไรถึงเป็นมะเร็ง หมอตอบไม่ได้ เราเข้าใจมากขึ้น เพราะตอนไปเรียนเรื่องสรีระการก่อโรค แม่เราเก็บของไหม้และของเหลือจากมื้อก่อนหน้ามากินซ้ำ พอมีอาการเขากินยาพารากดไว้ ค่าไต ตับ ก็เริ่มดร็อป ตัวมะเร็งเกาะตับ อวัยวะที่กรองยาลดลง ตัวมะเร็งก็ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ เราสนิทกับแม่มาก เพิ่งได้มาอยู่กับพ่อตอน ป.4 เพราะพ่อไปทำงานไต้หวัน ก่อนทำร้านขายของชำ แม่ทำงานรับจ้างในชุมชน มีโรงงานสับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ต่อมาพ่อมีแม่ใหม่ แรกๆ ค่อนข้างแอนตี้ เรารู้สึกสูญเสีย สักพักก็รู้สึกว่าพ่อก็สูญเสียเหมือนกันนะ ใจเขาใจเรา อีกอันคงเป็นตอนอยู่ค่ายจุฬาฯ เราอินกับคณะสหเวชศาสตร์ ด้านโภชนาการมากที่สุด ค่อนข้างตอบโจทย์ แอดมิดชั่นคะแนนเราก็ถึง แต่พ่อบอกว่าให้เรียนได้แค่ที่ภาคเหนือ มีที่ ม.พะเยา ที่เดียวเป็นวิทยาศาสตร์การแพทย์ เคยคิดอยากต่อโทจุฬาฯ  รู้สึกสังคมดี สภาพแวดล้อม มหาลัยดัง มีคนเก่งๆ มีเครือข่ายไปได้ไกลกว่าพะเยา นึกถึงโรงเรียนห้อง 1 ห้อง 2 พะเยาอยู่ประมาณห้อง 2 แต่เพื่อนเก่งๆ อยู่ห้อง 1 เราก็ยังตามเครือข่ายเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ สาขาโภชนาการ

มาทำกิจกรรมมหาลัยตั้งแต่ตอนไหน

ปีหนึ่ง เป็นเด็กฝึกขององค์การนิสิต เป็นประธานชั้นปีของคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างรุ่นพี่ อาจารย์ และเพื่อน ทำแล้วรู้สึกเหนื่อย รับน้องค่อนข้างหนัก

รับน้องมีกิจกรรมอะไรบ้างถึงรู้สึกเหนื่อย

เขาบอกรับน้องสร้างสรรค์ รุ่นพี่พูดว่ารุ่นเราเป็นรุ่นแรกที่ไม่เจอโซตัส แต่เรารู้สึกว่ามีโซตัส เราคาดหวังว่ามันจะได้ฟิลลิ่งการเข้าค่ายจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ แบบที่เราจอยมา มันไม่ใช่ เขาใช้อำนาจของความเป็นพี่กดดันให้ทำตามทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้หญิงต้องมัดผมรวบตึง กระดุมติดทุกเม็ด ต้องใส่ตุ้งติ้ง เนคไทกระดุมเม็ดที่สาม เราก็สงสัยนี่คือการเข้าค่าย มีเรียกมาว้ากด้วย เราก็ถามว่าได้เหรอ นางบอกต้องทำ เราถูกปิดปากต้องทำตาม พวกเราเริ่มต่อต้านกันในเรื่องที่ต้องทำแบบนี้

พอรู้สึกไม่สมเหตุสมผล ทำยังไง

เราเริ่มศึกษากฎระเบียบมหาลัย ทำกิจกรรม เริ่มหาข้อต่อรองกับรุ่นพี่ที่ทำรับน้อง เขาชอบบังคับเรื่องการแต่งกายให้ถูกระเบียบ ต้องการอะไรในขณะที่เขาเองก็ไม่ได้แต่งกายถูกระเบียบ

ตอนเป็นประธานสภานิสิต ม.พะเยา ยังมีระบบโซตัสมั้ย

มี และในบางคณะเริ่มถอดไปบ้างแล้ว เราคิดว่าระบบโซตัสมันง่ายต่อการจัดการเยอะมาก พูดอะไรฟังทำตามจบ ไม่มีปัญหาให้ตามหรือเปล่า

เป็นส่วนสนับสนุน ?

เราเป็นฝ่ายคอนโทรล ความรุนแรงของคุณได้เท่านี้นะ คุณบังคับให้น้องทำไม่ได้ ช่วงเราเป็นสภานิสิต โควิดมันเริ่มมา มีบางคณะที่จัดกิจกรรม แต่ต้องมีระยะห่าง มีโควิดอาจเลยทำให้งานในระบบโซตัสรับน้องจางลงไป

ได้ตามข่าวมั้ยว่าตอนนี้มหาลัยที่เคยเรียนยังมีการทำกิจกรรมรับน้องอยู่หรือเปล่า

มีนะ ในเพจรับน้องระดับพระกาฬมีหลุดมาบ้าง แต่ใน ม.พะเยา อาจจะเป็นแค่บางสาขามากกว่า ถ้าคณะสถาปัตย์ฯ มีการว้ากกันจัดหนักจัดเต็ม จะมาเฉลยมาทีหลังนะว่าเป็นการแสดง ทุกคนก็เลยไม่ติดใจอะไร

ไม่มีคนติดใจเลยเหรอ ในเมื่อการด่าเป็นการใช้ความรุนแรงทางด้านจิตใจด้วย ?

เหมือนการทำให้รู้สึกเหวอ ให้เกิดการรวมกลุ่ม บีบน้องให้รู้สึกต้องคุยกัน รักกันมากขึ้น เราคิดว่าเป็นการปลูกฝังแบบผิดๆ หาวิธีสร้างอื่น แต่การใช้อำนาจมันง่ายกว่าที่จะดึงคนไปในทางเดียวกัน พอมีความหลากหลายมันคอนโทรลยากมาก

ช่วงไปเรียนที่พะเยาใช้ชีวิตเป็นอิสระกว่าอยู่ที่บ้านมั้ย

สบายกว่า ไม่มีคนรู้จักญาติพี่น้อง ไม่มีใครมาจำกัดเวลา ไม่มีอะไรที่ดีกว่ากัน สาธารณูปโภคก็ไม่ดีกว่า เราใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย เราไม่ชอบทั้งน่านและพะเยา เลือกได้ก็ไปจุฬาฯ สิ รู้สึกว่ามีอะไรให้ทำมากกว่า พื้นที่อิสระของพะเยา มอเรา ป้ายหน้ามหาลัยไปข้างในก็ 4 กิโลฯ แล้ว ไม่มีพื้นที่ให้เด็กมาแสดงความคิดของตัวเอง เป็นแค่ลานให้เด็กจอดรถ ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางมาให้นักศึกษาพบปะพูดคุยกัน เรียนเสร็จกลับหอ พื้นที่ในมอ ไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซค์ เดินทางด้วยรถเมล์มหาลัยและรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น

การทำกิจกรรมมหาลัย อยู่สภานิสิตทำให้มีพื้นที่ทำในสิ่งที่อยากทำด้วยหรือเปล่า

ไม่ขนาดนั้น เราเพียงแค่อยากทำอะไรสักอย่างของมหาลัย เราไม่ได้อยากเป็นประธาน เราถนัดสนับสนุนศักยภาพของคนอื่นมากกว่า หาช่องว่างมากระตุ้นความคิด เราถนัดการรวมความคิดและการฟัง ไม่ได้เป็นผู้นำที่กล้าปะทะมากกว่า ไม่โดดเด่นเรื่องการลุยบุกเลย ช่วงหนึ่งประมาณปี 2019-2020 นักศึกษาในมหาวิทยาลัยมีทำม็อบนะ ผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยขีดเส้นใต้ว่าสภานิสิตอย่าแสดงตัวไปฝั่งไหนฝั่งหนึ่ง จะส่งผลต่อมหาวิทยาลัยต่อองค์กรที่เธอทำ แต่เราเป็นฝ่ายสนับสนุนทำได้ อยู่ฝั่งไหนก็ตาม เธอเป็นแกนนำหลักไม่ได้ จะมีคนที่เป็นแกนหลักอยู่แล้ว เราก็เลยช่วยเตรียมสถานที่ความพร้อมให้เขาแสดงจุดยืนได้เต็ม

ตอนมีม็อบในมหาลัย ต้องเตรียมอะไรบ้าง

เป็นคนจัด ไปดู มีกลุ่มเฟรชชี่นัดรวมตัวกัน เพื่อนเราบอกอยากรวมหน้ามอ เป็นการรวมพลไปพูดปราศรัย เราเตรียมลำโพง เครื่องขยายเสียง มียามไปช่วยดูแล ในม็อบมีตำรวจมาถ่ายรูป เขาเพ่งเล็งไปที่คนปราศรัย คนพูดมีเด็ก ม.พะเยา ที่โดนหมายเรียก แต่ผู้จัดก็อยู่ในลิสต์รายการนะ คณะสาขาที่เราเรียนเป็นวิทย์สุขภาพ เราก็ป้องกันตัวเอง แต่เราคิดว่ามีคนที่มีข้อมูล มีความพร้อมกว่าเรา เราเป็นฝ่ายสนับสนุนมากกว่า

ในภาคเหนือ ช่วงเรียนมีการขับเคลื่อนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศด้วยมั้ย

แถวบ้านใครจะเป็นอะไรก็ได้ แต่ลูกหลานห้ามเป็น ที่บ้านเหมือนจะว่าแต่ก็ไม่กล้า เหมือนจะรู้ว่าเราเป็น แต่ไม่ได้แอนตี้อะไร เคยพาแฟนไปบ้าน เขาก็ตกใจ เป็นภาพจำของคนสมัยก่อนคนที่เป็น LGBT ต้องแต่งหญิง เราไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เราก็แค่จอยกับการอยู่กับเพื่อน สร้างความสนุกสนานเท่านั้นเอง ตอนม.1 เราก็ชอบเพื่อนผู้หญิง ชอบก็เลยเข้าไปอยู่ในแก๊ง แอ๊บออกตุ๊ดออกแต๋ว ความฮาก็คือ เราเป็นเกย์ นางก็เป็นดี้ มาสารภาพกันทีหลังว่าต่างคนต่างชอบกัน โป๊ะแตก เป็นเพื่อนที่ดี ห่วงใยกันไม่ได้อยากครอบครอง ส่วนเรื่องสมรสเท่าเทียม เราตั้งคำถามว่าใครเสียประโยชน์ ใครล่ะ ไม่มี แค่กันซีน ให้คนที่ไม่มีสิทธิเหมือนนาง ได้เท่าเทียมนางไง ประเทศไทยอยู่กับความกลัวมาตลอด กลัวสิ่งใหม่ๆ ตั้งแต่แรกเริ่ม เราอยู่กับความกลัว กลัวที่จะพูด กลัวที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองคิด แต่เราขอลองก่อน ถ้าลองแล้วไหวก็ไปต่อ ถ้าไม่ไหวค่อยถอย

มันมีจริงหรือเปล่า เรื่องอาหารที่บำรุงสมรรถภาพทางเพศ

ก็มีนะ ในส่วนของอาหารกับความเชื่อ หอยนางรมทำให้ตัวอสุจิแข็งแรงขึ้น เหมือนฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ

เป็นยังไง อาหารกับความเชื่อ

สมัยก่อนคนตั้งท้องเขาห้ามกินน้ำมะพร้าว เดี๋ยวลูกเป็นตัวไข่ กินหัวปลีบำรุงน้ำนม มีทั้งจริงและไม่จริง ด้วยพฤติกรรมของมนุษย์กินได้ กินไม่ได้ต้องลองกินก่อน ยาตุ๋นสมุนไพรช่วยบำรุงเลือดลมสมบูรณ์ดี สมุนไพรมีความเผ็ดร้อน มีน้ำมันหอมระเหยจึงตรงกับเรื่องการขับลม การเรอ การผายลม ทำให้เลือดไหลเวียนดี หลอดเลือดขยาย

มีอาหารที่ชอบกินมั้ย 

ส่วนใหญ่เราชอบกินลาบนะ ลาบคือที่สุดในใจ อยู่ที่น่านทำกินเอง แค่บอกพ่อทำให้กินแล้ว เอาควายในร้านมาลาบ เขาทำกันได้ทุกบ้าน เมื่อก่อนทำเฉพาะเหตุการณ์สำคัญ เดี๋ยวนี้ใครก็ทำได้ มีการนัดแนะในชุมชนว่ามีการฆ่าวัว ฆ่าควาย ลาบเหมือนตัวเชื่อมสัมพันธ์เหมือนเลียนแบบผู้ใหญ่ทำงานเสร็จ มาปาร์ตี้สังสรรค์ ถ้าที่บ้านจะซื้อเนื้อวัวควายที่ผ่านการแช่แข็งมาแล้วลาบ สำหรับวิธีที่ทำกับเนื้อวัวเนื้อควาย มันมีพยาธิบางชนิดที่ทนความร้อน หรือทนต่อความเย็นไม่ได้ ความเย็นอยู่จุดหนึ่งมันก็จะตาย พยาธิตัวที่หูดับ ถ้าแช่แข็งมันไม่ค่อยมีวัวควาย แต่เนื้อหมูไม่ใช่ วิธีที่ปลอดภัยสำหรับไข้หูดับมากที่สุดก็คือไม่ต้องกิน

พฤติกรรมการกินแบบไหนที่คาดว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ในจังหวัดน่าน

ปัญหาคงหมูดิบแหละ เป็นความล้มเหลวของระบบสาธารณสุข ช่วงหนึ่งยอดคนติดโควิดเป็นศูนย์ แต่ยอดคนเป็นไข้หูดับถล่มทลาย เป็นพฤติกรรมอาหารสุขภาพที่น่าจะมีปัญหา บางคนรู้ก็กิน ลาบ หลู้ ส่วนใหญ่วัยกลางคน วัยทำงาน คล้ายๆ กันกินลาบดิบหลังเลิกงาน เป็นวัฒนธรรมการกินกันมา พ่อปู่ตาก็กิน บางคนกลัวก็กินลาบสุกบ้างดิบบ้าง เหมือนพฤติกรรมของคนในชุมชนมีคนกินเหล้า มีลาบเป็นกับแกล้ม เดี๋ยวนี้ไปกินร้านมากกว่า เพราะวัตถุดิบมันต้องดีระดับหนึ่ง

ห้างสรรพสินค้ากับซูเปอร์มาเก็ตที่น่าน อาหารแช่แข็ง พวกของทะเล สังเกตว่าตามร้านอาหารตามสั่งบางที่ การมีฟอร์มาลีนส่งผลเสียต่อสุขภาพคนกินมั้ย

กุ้งขาว กุ้งแช่แข็ง คนละฟิลกับที่ระยองเลย มันขึ้นมาจากอวน สามสี่ชั่วโมงได้กิน ต่างจากที่น่านมาก กระดองปูโคตรนิ่ม แช่ฟอร์มาลีนสักอย่าง ความสดใหม่ ในส่วนของฟอร์มาลีน โดนความร้อนก็ไม่เป็นอะไร มันจะระเหย ไม่มีปัญหา

เคยติดตามเรื่องคีโตกับทำ IF มั้ย

ถ้าระยะสั้นเห็นผลต่างชัดเจนเลยนะ แต่ถ้ามีการควบคุมการกินระยะยาวเห็นผลไม่ต่างกันเลย ถ้ากิน IF กับ คีโต ไม่กินคาร์โบไฮเดรต น้ำตาลเลย คนกินคีโต เขาต้องดึงไขมันมาจากสามชั้นห่อผัก โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มันคือการปรับตัวของร่างกาย ในเลือดของเราจากน้ำตาลที่เป็นตัวนำพลังงานก็เป็นไขมันแทน ช่วงแรกเริ่มกินคีโตเห็นผลเร็วมาก แต่ระยะมีผลไม่ต่างกันเลย แต่ถ้าปกติลดปริมาณข้าวลง และออกกำลังกายทุกคนรู้อยู่แล้วแต่อยากได้ไวกว่านั้น  ส่วน IF ก็ดีนะ ปรับเวลากินให้อยู่ใน 8 ชั่วโมงด้วย แต่อยู่พฤติกรรมการกิน ถ้าชั้นจะกินอะไรก็ได้ไม่ค่อยรอด แต่ถ้าปกติลดปริมาณข้าวลงและออกกำลังกายทุกคนรู้อยู่ แต่ไม่ค่อยได้ควบคุมกัน

ช่วงนี้ทำงานดูแลผู้สูงอายุ มีต้องจัดอาหารที่ต้องใส่ทางสายยางด้วยหรือเปล่า

มันแล้วแต่สูตรคนไข้ ที่ศูนย์ผู้สูงอายุที่ทำงานมันฟิกซ์ ส่วนของวัตถุดิบ เราก็ต้องปั่นตามที่โรงพยาบาลกำหนด เพราะเขาไม่สามารถกลืนได้ เราทำนักโภชนาการดูแค่เรื่องอาหารผู้สูงอายุในศูนย์พักฟื้น คนไข้คนไหนพักฟื้น ฟื้นฟูบาดแผลมาที่นี่ได้ ก่อนหน้านี้ทำที่โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง กับโรงพยาบาลศรีระยอง ทำมาสองโรงพยาบาล ในเครือเดียวกัน เขาให้ย้ายงาน ค่อนข้างเหนื่อยนะ เข้ากะหามรุ่งหามค่ำ พักผ่อนน้อย นอนไม่เป็นเวลา ส่งผลต่อเราในระยะยาวมากเลย เวลาพักของเราขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหารของคนไข้ ผลัดกันเป็นเวร เข้ากะตีห้าเลิกบ่ายสอง  คนไข้ 120 คน นักโภชนาการ 2 คน เตรียมแพลนอาหารสำหรับคนไข้ที่มารับบริการ เช่น แผลไฟไหม้ รถชน เตรียมเกี่ยวกับโปรตีน ทำให้ผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจเกี่ยวกับอาหารที่เขาได้

ชอบงานแนวโภชนาการมั้ย

ก็ได้นะ เรารู้สึกว่าช่วงเรียนอินมาก แต่ชีวิตการทำงานจริง ไม่ได้ขนาดนั้น เพื่อนทำงานแนวโภชนาการแทบทุกคนแล้วแต่สายที่เขาจะไป สายอุตสาหกรรมก็มีตรวจสอบคุณภาพอาหารว่าได้มาตรฐานมั้ย สำหรับประเทศไทยเข้าใจว่าคนเรียนอาหารทำได้ทุกอย่าง คำว่าอาหารและโภชนาการ มันมีสาขาแยกไปเยอะมาก อาหารกับโรงแรมอีกสาย สายอาหารโดยตรง สายอาหารเพื่อสุขภาพ เราเป็นสายอาหารเพื่อการแพทย์ เกี่ยวกับผู้ป่วยทุกช่วงวัย ใช้ในการแพทย์ เป็นแนวแล็บ คนเรียนอาหารจะเป็นอาหารแบบนี้ไม่ได้ คนเรียนโภชนาการทำกับข้าวไม่เป็นก็มี แต่มีเรียนเรื่องอาหารนะ อาหารนานาชาติ อาหารเฉพาะช่วงวัย แต่ของเราเรียนมาเพื่อกำหนดอาหาร เราคิดว่าในสังคมการทำงานสายวิชาชีพ นักโภชนาการยังไม่มีคุณภาพ บางแห่งเขาไม่ได้มาสายกำหนดอาหารโดยตรง ใช้ประสบการณ์ด้านการจัดอาหารมานาน สำหรับเราคิดว่าเรียกตัวเองว่านักโภชนาการได้แล้ว เพราะมีใบประกอบวิชาชีพ เป็นใบชั่วคราว กับใบประกอบโรคศิลป์เป็นตัวจริง สามารถกำหนดอาหารเฉพาะโรค เปิดคลินิกได้ในอนาคต มันค่อนข้างใหม่ มันมีสถาบันเปิดสอน 9 ที่ อาจารย์ส่วนใหญ่มาจากมหิดล เป็นการนำร่องเกี่ยวกับโภชนาการทางด้านการแพทย์

งานเกี่ยวกับการแนะนำและกำหนดอาหารมีตลาดงานเยอะมั้ย

เหมือนแรกเริ่ม เรารู้สึกว่ามันยังค่อนข้างใหม่ในประเทศไทย บทบาทของนักโภชนาการเพิ่งมีเมื่อไม่นาน คนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นภาพว่าเราต้องทำอะไร ที่บ้านเข้าใจว่าเราเรียนทำอาหาร แต่มีอยู่ยูนิฟอร์มใส่เสื้อกาวน์ เลยเปลี่ยนความคิดไป เข้าใจว่าเป็นหมออาหาร เป็นสหวิชาชีพบำบัดและรักษาโรคคนไข้ โรงพยาบาลรัฐ ในสายนักโภชนาการ เงินดีมั่นคงนะ ตำแหน่งไม่ค่อยเปิดรับใหม่ด้วย คนอยู่แต่ก่อนเก่า ความรู้ไม่อัพเดทด้วย นักโภชนาการ 1–2 คนอยู่ยาวด้วย แต่โรงพยาบาลเอกชนมีเด็กต่างจังหวัดมาอยู่ด้วย

อยากอยู่โรงพยาบาลรัฐ ?

อยากอยู่นะ มีแพลนจะกลับน่านต่อเมื่อโรงพยาบาลที่น่านเปิด โรงพยาบาลภูเพียงเห็นกำลังตอกเสาเข็ม ได้กลับไปดูแลที่บ้านด้วย แถวบ้านก็มีงานนักวิจัย เราจบมาสายวิจัยด้วย บ้านน้ำเกี๋ยนมีวิสาหกิจชุมชน ทำพัฒนาสมุนไพร มันก็ได้แหละ แต่เงินเดือน 12,000 บาท มันค่อนข้างน้อย

มีฝันอยากเปิดร้านอาหารด้วยหรือเปล่า

อยากเปิด ร้านกาแฟ ไม่ก็ร้านเหล้าไปเลย ชอบร้านเหล้าชอบอารมณ์ประมาณแบบการพูดคุย ไม่ใช่เปิดเพลงครึกครื้น ชอบฟิลลิ่ง เน้นพูดคุย กินเบียร์จิบบรรยากาศ คิดว่าที่น่านไม่ค่อยตอบโจทย์เรานะ ผับบาร์คนในจังหวัดเราไม่ค่อยเข้า ลูกค้าค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ไม่ทำให้รู้สึกว่าทำเงินได้ มีความคิดไว้ทำงานเป็นช่วงๆ อาจเรียนต่อ อาจเป็นสายฟิตเนสก็ได้

เคยสงสัยว่าคนช่วงวัยที่เพิ่งเริ่มทำงานหายไปไหนหมด ไม่ค่อยเห็นที่จังหวัดน่าน เข้าใจว่าต้องออกไปทำงานต่างจังหวัด สำหรับคุณ ถ้ากลับมาอยู่ที่บ้านจะมีอาชีพมั้ย

มีนะ อาจกลับไปขายของแทนพ่อ ตอนพ่อไม่ไหว แต่เขาอนุญาตให้ใช้ชีวิตได้อิสระ ไม่ได้อินเท่าไรกับการกลับบ้าน รู้สึกว่าอยู่ได้ทุกที่นะ อยู่ตรงที่สบายใจ สำหรับเราอยากเจอสิ่งที่ดีกว่า เจอเพื่อนแบบใหม่ คุณภาพชีวิตดีกว่า อาหารการกินหลากหลายกว่า มันมีปัจจัยการใช้ชีวิตได้สบายใจกว่า สังคมหมู่บ้าน ญาติพ่อแม่พี่น้องเหมือนเป็นกล้องวงจรปิด ไปไหนบ้านเหนือบ้านใต้รู้กันหมด อยู่ในหมู่บ้านมีการเปรียบเทียบกัน มันไม่ใช่เรื่องปกติ ไม่ใช่เซฟโซนสำหรับเรา มันมีความไม่ค่อยจะรับอะไรใหม่ๆ เข้ามา ไม่มีพื้นที่สำหรับวัยรุ่นด้วย มีกลุ่มวัยรุ่นตามริมน้ำน่าน มีเด็กแว้นกองรวมกัน คนอื่นก็คงไม่กล้าไปตรงนั้นแล้ว มีคนกล้าคิดกล้าทำอยู่นะ แต่ยังไม่มีพื้นที่ พอพูดถึงอะไรพวกนี้ ผู้ใหญ่ก็ไม่สนใจ ตอนเราทำสภาเด็กและเยาวชน ตั้งประเด็นให้มีพื้นที่เด็กและเยาวชนมาคุยกัน ก็มีผู้ใหญ่มาคุย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร.

 

 

nandialogue

 

 

เรื่องและภาพ ซัน แสงดาว

You may also like...