สวัสดีครับพี่หนึ่ง
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพี่ในวันสุดท้ายของปีที่ผมจะได้อยู่ที่เกาะพะงัน
มีเรื่องนึงที่อยากเขียนเล่าให้พี่ฟังหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่สบโอกาสสักที ครั้งนี้จะลองเขียนเล่าซะที จะได้ล้างมันออกไปจากสมองส่วนที่คอยจำไว้ว่าจะเล่าให้พี่ฟัง
เรื่องก็คือตั้งแต่มาอยู่บนเกาะ ศิลป์มีโอกาสได้เรียนฟุตบอลกับโค้ชชาวอิสราเอลที่ชื่อว่า รัน (ออกเสียงว่า ฮครัน ประมาณว่ามีเสียงคากจากลำคอ เหมือนตัวอาร์ในภาษาฝรั่งเศสอะครับ)
เรียนร่วมกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันสัปดาห์ละสองครั้ง ครั้งละหนึ่งชั่วโมงบ้าง สองชั่วโมงบ้าง ผมประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเห็นการฝึกซ้อมแล้วครับ ในหนึ่งชั่วโมงนี่ได้แบ่งทีมเตะกันอย่างมากก็แค่สิบนาทีช่วงท้ายชั่วโมง ก่อนหน้านั้นคือการฝึกการเคลื่อนไหวทั้งนั้น เคลื่อนไหวแบบที่มีบอลและแบบไม่มีบอล เคลื่อนไหวแบบเดี่ยวๆ หรือเคลื่อนไหวแบบเป็นทีม
โดยส่วนใหญ่เมื่อไปถึงสนามซ้อมก็เริ่มจากการวิ่งรอบสนามสักสองรอบ แล้วก็เริ่มการวิ่งไปถึงจุดหมายโดยที่ต้องเคลื่อนที่ผ่านสิ่งกีดขวางต่างๆ กรวยที่ต้องวิ่งซิกแซกผ่านไป รั้วเตี้ยๆ ที่ต้องกระโดดข้าม เสาสี่อันที่ต้องวิ่งอ้อมไปมา ห่วงหกอันบนพื้นที่ต้องซอยเท้าผ่าน ไปถึงจุดหมายแล้วก็วิ่งถอยหลังกลับมาที่จุดเริ่มต้น แตะมือกับเพื่อนในทีมให้ทำแบบเดียวกันรอบต่อไป
ซ้อมเสร็จหนึ่งบทเรียน ก็พักกินน้ำสองนาทีก่อนเริ่มบทเรียนต่อไป บทต่อๆ ไปก็มักจะเป็นการเลี้ยงบอลผ่านเครื่องกีดขวาง แล้วส่งบอลอย่างแม่นยำให้กับคู่ซ้อมหรือไม่ก็เลี้ยงบอลส่งให้โค้ช ก่อนวิ่งไปยิงประตูในจังหวะเดียว หรือไม่ก็ เล่นหนึ่งต่อหนึ่ง ส่งบอลให้เพื่อน ป้องกันไม่ให้เพื่อนเลี้ยงมายิงเข้าประตู และพยายามแย่งบอลแล้วเลี้ยงไปทำประตูบ้างหรือไม่ก็วิ่งไล่แย่งเสื้อ โดยฝ่ายหนีเอาเสื้อกั๊กเหน็บไว้ขอบกางเกงด้านหลัง และพยายามหมุนตัวป้องกันไม่ให้เพื่อนคนอื่นๆ มาดึงออกไปได้
เล่ามาหลายๆ ตัวอย่างเพื่อให้พี่เห็นภาพว่าการซ้อมฟุตบอลมันมีได้หลากหลายกว่าที่เราจินตนาการได้เหมือนกัน
ผมเข้าใจว่านักฟุตบอลอาชีพในยุคปัจจุบันก็คงมีการซ้อมที่ไม่ต่างไปจากนี้เท่าไร น่าจะมีหลายการซ้อมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำประตู หากแต่เป็นการเคลื่อนไหวในแบบต่างๆ แน่นอนว่าการทำประตูคือเป้าหมายของเกม แต่ถ้าทีมไหนมัวแต่ซ้อมยิงประตูอย่างเดียวก็น่าจะประสบความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ
มันมีหลายเรื่องหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อเกมฟุตบอล ปีสองปีก่อน ผมเคยอ่านหนังสือเล่มนึงที่เขียนโดยนักปรัชญาที่ชื่นชอบฟุตบอล เขาเขียนถึงฟุตบอลว่ามันคือเกมของการจัดการพื้นที่และเวลา การที่ผู้เล่นสิบเอ็ดคนในทีมรู้ว่าควรจะอยู่จุดใดของสนามในเวลาใดเวลาหนึ่งคือพื้นฐานของเกม แล้วการที่มนุษย์สิบเอ็ดคนจะรู้ตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองได้ในเกมที่มีการวิ่งตลอดเก้าสิบนาทีได้นั้น บางทีอาจต้องอาศัยการซักซ้อมด้วยกันเป็นเวลานาน นานจนพอที่จะทำได้โดยไม่ต้องคิด นักกีฬาส่วนใหญ่ที่เล่นได้ดีนั้นน่าจะมาจากการเล่นด้วยความเคยชินที่ดี มากกว่าการเล่นด้วยการคิดอย่างรอบคอบ รูปแบบการฝึกซ้อมจึงเป็นการออกแบบให้ผู้เล่นเกิดความความเคยชินนั้นๆ จนสามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้ในเกม
ตอนที่มีการแบ่งทีมกันเล่นเต็มสนาม ถึงจะซ้อมและสอนกันมาพอสมควรแล้ว เด็กวัยหกเจ็ดขวบมักจะเล่นบอลกันเหมือน แมลงวันตอมขี้ บอลไปทางไหน ลูกพี่ก็พากันวิ่งกรูกันไปหา โค้ชรันต้องคอยตะโกนบอกเด็กๆ ว่า สเปรดเอาท์ ไฟด์สเปซ พาส หนักเข้าก็เป่านกหวีดหยุดเกม บอกให้เด็กๆ วิ่งกระจายกันไปยืนในตำแหน่งห่างๆ กันหน่อยแล้วค่อยเล่นกันต่อ
ผมยืนดูการฝึกซ้อมและการแข่งแทบทุกครั้ง ส่วนหนึ่งก็ด้วยความสนใจในพัฒนาการของลูกตัวเอง และอีกส่วนก็ด้วยความน่าสนใจของเกมฟุตบอลเด็ก
เวลาแบ่งทีมแข่งกัน ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะทำประตูกันได้ แต่ก็มักจะมีชอตสวยๆ อยู่หลายครั้งในเกม เช่น การป้องกันประตูได้อย่างปาฏิหาริย์ การวิ่งมาสกัดบอลอย่างเฉียบขาด การพลิกบอลเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้ หรือการส่งบอลให้เพื่อนอย่างที่ทีมจะได้เปรียบ ลูกเราบ้างลูกเพื่อนบ้างที่เล่นได้ดี พ่อแม่ๆ ก็ผลัดกันปรบมือเป็นกำลังใจกันไป
ระหว่างเกม ผมเห็นเด็กล้มหรือโดนเพื่อนเตะอยู่หลายครั้ง (ไม่ได้เจตนาแบบนักเตะนิสัยไม่ดีหรอกครับ แต่สำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มเล่น บางทีก็เล็งพลาด จากจะเตะบอลกลายเป็นเตะเพื่อนไปได้ ฮา) แต่ความตื่นเต้นในเกมและบรรยากาศในสนามก็ทำให้เด็กๆ ลืมความเจ็บเล็กๆ น้อยๆ แล้วรีบลุกขึ้นไปลุยในเกมกันต่อ
เรื่องทะเลาะกันว่าฟาวล์ไม่ฟาวล์ เถียงกันว่าใครทำลูกออกนอกสนาม ก็เกิดขึ้นเสมอๆ ในเกมฟุตบอลเด็ก แต่ทุกคนรู้ว่าคำชี้ขาดเป็นของผู้ตัดสิน (โค้ชของพวกเขา) เมื่อได้ข้อยุติแล้วก็เล่นกันต่ออย่างเอาจริงเอาจัง จบเกมก็จับมือ โอบไหล่ (บอลอินเตอร์เนชั่นนัล ไม่ใช่บอลไทย ไม่งั้นต้องยกมือไหว้) แล้วเอ่ยคำพูดพื้นฐานว่า กู้ดแมตช์ ไนซ์เกม เวลเพลย์ กันเป็นปกติ
ความเคยชินเหล่านี้ ไม่ว่าจะก่อนเกม ในเกม และหลังเกม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเล่น กฏกติกา หรือพฤติกรรมอันพึงประสงค์เหล่านี้จะหล่อหลอมให้พวกเขารู้จักและเข้าใจพื้นฐานของสิ่งที่เรียกว่าฟุตบอลได้อย่างแท้จริง
เล่ามาทั้งหมดแล้วอดนึกถึงตัวเองในวัยเดียวกับลูกชายไม่ได้ ตอนนั้นผมยังเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนด้วยการใช้ขวดนมดัชต์มิลค์มาแทนลูกบอลอยู่เลย ไม่ใช่ว่ายากไร้จนไม่มีลูกบอลเล่นหรอกครับ แต่ครูๆ ในโรงเรียนคงกลัวว่าถ้าให้เล่นด้วยลูกบอลแล้วมันจะกระเด้งกระดอนไปทำให้ของในโรงเรียนเสียหาย สู้ให้เตะขวดนมเล็กๆ แบนๆ ไม่ได้ กระเด็นก็ไม่ไกล ลอยก็ไม่สูง ปลอดภัยกับทรัพย์สินของโรงเรียนกว่าเยอะ
แค่เรื่องอุปกรณ์ในการเล่น ผมในวัยเดียวกับลูกชายก็แพ้เค้าแบบไม่เห็นฝุ่นแล้วครับ มิพักต้องพูดถึงทักษะการเล่นขั้นพื้นฐาน การเคารพกฏกติกา และมารยาทในเกมฟุตบอล
สามเดือนที่ผ่านมานี้ ศิลป์เล่นดีขึ้นมาก ทั้งจากการฝึกซ้อมที่สนามฟุตบอล การเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนตอนพักเที่ยง และการกลับมาเล่นกับแม่ที่รีสอร์ท
ใช่ครับ พี่ฟังไม่ผิดครับ เดี๋ยวนี้ หลิน ภรรยาของผมก็เริ่มไปซ้อมฟุตบอลด้วยเหมือนกัน โค้ชรันจัดตารางการฝึกซ้อมให้กับบรรดาแม่ๆ ที่สนใจด้วย เพียงเริ่มเตะเริ่มซ้อมไม่กี่ครั้ง เธอก็เริ่มสนใจฟุตบอลมากขึ้น เดี๋ยวนี้เวลาลิเวอร์พูลลงแข่ง ภรรยาก็มักจะมารับชมและร่วมเชียร์กับผมอยู่เสมอๆ
โค้ชรันมีตารางการสอนวันจันทร์ถึงวันศุกร์วันละอย่างน้อยสี่ชั่วโมง คลาสเด็กผู้ชายสักสี่ห้ารุ่น คลาสเด็กผู้หญิงหนึ่ง และคลาสผู้หญิงแม่ๆ อีกหนึ่ง มีร้านขายอุปกรณ์และชุดแข่งขันฟุตบอลอีกหนึ่งร้าน นับเป็นหนึ่งธุรกิจที่ไปได้สวยบนเกาะแห่งนี้
รัน เล่าให้ผมฟังแบบย่อๆ ถึงที่มาของธุรกิจนี้ว่า สามสี่ปีก่อน เขาพบประสบการณ์ไม่ดีระหว่างทำงานและพักอาศัยอยู่ที่เมืองดัลลัสในสหรัฐอเมริกา เอาง่ายๆ ก็คือไม่ชอบแม่งทุกอย่าง จริงๆ น่าจะเริ่มจากไม่ชอบอิสราเอลเลยไปอเมริกา แล้วพอไปอเมริกา ก็ยังไม่ชอบอีก ระหว่างตั้งหลักเพื่อหาหนทางใหม่ให้ชีวิต รันกับภรรยาเลือกที่จะมาพักผ่อนบนเกาะพะงัน โอกาสในชีวิตรันเกิดขึ้นระหว่างเขาเดินเล่นที่ชายหาด มีเด็กผู้ชายถือฟุตบอลมาเล่นกับเค้า หรือเด็กนั่นอาจเล่นอยู่แล้วรันเข้าไปแจมก็ไม่เป็นที่แน่ชัด ด้วยว่าตัวเขาเองเคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อน เลยคงได้สอนเทคนิควิธีการเล่นให้กับเด็กน้อยไปพอสมควร
วันรุ่งขึ้น แม่ของเด็กชายคนนั้นเดินมาหารัน แล้วถามว่าพอจะสอนฟุตบอลให้ลูกชายเธออีกได้หรือไม่ รันรับคำแล้วเริ่มสอนในวันต่อมา ไม่นานก็มีเด็กคนอื่นๆ มาร่วมคลาสมากขึ้น จากหนึ่งกลายเป็นสาม กลายเป็นสิบ ในเวลาไม่กี่วัน
ใช้เวลาไม่ถึงปีก็เริ่มก่อตั้งสโมสรและโรงเรียนฟุตบอลที่ชื่อ Atletikoh Phangan FC ขึ้นมาได้
รันบอกว่าทุกอย่างเริ่มจากความรัก ความรักที่มีต่อฟุตบอล ต่อชุมชน และต่อเพื่อนมนุษย์ เขามีความสุขเสมอเวลาเห็นเด็กๆ เล่นฟุตบอล และเห็นพ่อแม่มาร่วมเชียร์ให้กำลังใจ เขาบอกว่าสิ่งที่เค้าทำอยู่ไม่ใช่โรงเรียน ไม่ใช่สโมสรฟุตบอล แต่คือ ชุมชน
สำหรับผม หลายมิตรภาพบนเกาะก็ก่อตัวขึ้นที่สนามบอล ที่สนาม ระหว่างลูกซ้อมบอล พวกเรารู้จักดีน ฝรั่งบ้าชาวอังกฤษที่สร้างบ้านจากขวดพลาสติกให้เราไปพักอาศัยในปีหน้า วันนี้ได้มาร่วมปาร์ตี้วันเกิดมาทิลดาเพื่อนร่วมโรงเรียนและคลาสฟุตบอลของศิลป์ ก็เพราะรู้จักกับพ่อแม่เธอที่สนาม และตลอดเดือนก่อนกลับกรุงเทพ ผมมีเพื่อนชาวไทยวัยสิบขวบแฟนบอลทีมลิเวอร์พูลชื่อ ไททัน มาดูลิเวอร์พูลแข่งด้วยกันทุกวันเสาร์ ก็เพราะได้พบกับเขาที่สนามซ้อมตอนที่เขามาช่วยรันสอนเด็กๆ
อากาศและบรรยากาศทุกอย่างบนเกาะตอนนี้กำลังดีที่สุดตั้งแต่พวกเราอยู่เกาะมาเลยครับ ตอนนี้ใจนึงก็คิดถึงคนและบ้านที่กรุงเทพฯ แต่เดาว่าพอไปถึงกรุงเทพฯ ไม่กี่วัน ผมคงต้องคิดถึงคนและหลายๆ อย่างบนเกาะแน่ๆ เลยครับ
เทคแคร์ แอนด์ เอ็นจอย, โบร่
จอห์น
ตอบ จอห์น
ไม่ผิดอะไรใช่มั้ย ถ้าเราจะนับจดหมายฉบับนี้ของคุณว่าเป็นของขวัญปีใหม่ ช่วงเวลาอากาศดีๆ การได้ฟังเสียงและสารแบบนี้มันชื่นใจจริงๆ เป็นเช้าที่ตื่นขึ้นมาแล้วคล้ายได้รับคำอวยพร มีพลัง มีความหวัง ถ้าเผอิญคุณสงสัย ที่บอกว่าชื่นใจนั้นคืออย่างไร นี่คือคำตอบ
ข้อแรก เรื่องเล่าของคุณช่วยยืนยันกับเราว่าโลกพัฒนาขึ้นตลอดเวลา ประสบการณ์เตะขวดนมของคุณเหมือนเราเป๊ะ พูดแบบนี้อาจไม่ถูกนัก ที่จริงเราเตะกล่องไวตามิลค์ (แอบเล่นตอนเป็นเณร / เออ ก็เลยสึกไง) เราอายุต่างกันสิบปีนะ คุณเป็นคนกรุงเทพฯ นะ คือเราแตกต่างกันพอสมควร แต่ดูสิ กับเกมกีฬาอันเป็นที่รัก เรากลับกลายมาทำในสิ่งเดียวกันได้ (แม้ในคนละเหตุผล) ซึ่งมันไม่ควร จริงมั้ย เวลาผ่านไปสิบปี โลกควรหมุนไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น วิวัฒน์ พัฒนาขึ้น ถ้ายังย่ำซ้ำเก่าแปลว่ามันต้องมีบางสิ่งผิดพลาด ค่ำวาน เรานั่งคุยกับเพื่อนบ้านวัยเจ็ดสิบ (แปลว่าเรากับเขาอายุห่างกันในราวยี่สิบปี) เขาเล่าชีวิตวัยเยาว์ว่า อุปกรณ์ดนตรีและกีฬาเป็นคล้ายความฝันที่ไกลเกินเอื้อม เอาว่าทั้งโรงเรียนมีลูกฟุตบอลลูกนึง ลูกบาสสองลูก (คนน่านใช้ลักษณะนามวัตถุทรงกลมว่าแก่น–น่ารักดี) จะเล่นแต่ละที ต้องทำเรื่องเบิกขออนุญาตคุณครู ซึ่งยากเย็นแสนเข็น (ทำไมมันเหมือนโรงเรียนเราเลยวะ ทำไมครูต้องหวงข้าวของ) แล้วลองนึกภาพ เด็กมีเป็นร้อยๆ มันจะพอกันเล่นมั้ย ทางออกที่น้าเพื่อนบ้านเล่าคือเด็กๆ หาลูกเทนนิสเน่าๆ มาเตะแทนฟุตบอล ภาพก็คงคล้ายคำที่คุณเรียกว่าแมลงวันตอมขี้นั่นแหละ คือวัตถุทรงกลมเละๆ เน่าๆ ขนาดจิ๋วกลิ้งไปทางไหน เด็กๆ จำนวนหลายสิบก็กรูกราวกันเข้าไปไล่แย่งเตะ สัมผัส มีส่วนร่วม เวลาสิบนาที หรือครึ่งชั่วโมงก่อนสัญญาณเข้าชั้นเรียนจะดัง ขอเพียงเท้าเปล่าเปลือยได้โดนมันสักครั้งก็พึงพอใจ
ฟุตบอลยังอยู่ในสถานะแบบนี้ เรายังจะต้องพูดถึงกีตาร์มั้ย พ.ศ.นั้น มีโรงเรียนไหนบ้างมีเครื่องดนตรีสากลให้หัดเล่น หนังสือเพลงมียี่ห้อเดียวคือ IS Song Hit (เพื่อนบ้านยังจำชื่อ เล็ก วงศ์สว่าง ได้แม่นยำ) ทีวี และรายการถ่ายทอดสด ตัดออกไปได้เลย
ความเปลี่ยนแปลงบนแผ่นดินของเรามันเชื่องช้าแน่ๆ เมื่อมองจากกรอบแว่นคนวัยเจ็ดสิบ มาห้าสิบ และสี่สิบอย่างรุ่นคุณ เชื่องช้าและหลายเรื่องก็ป่าเถื่อนเหลือเชื่อ แต่กับวันเวลาของเจ้าศิลป์ เราคงเห็นพ้องกันว่ามันเริ่มเคลื่อนขยับไปไกล รุ่นใหม่ต้องก้าวหน้ากว่ารุ่นเก่า รุ่นลูกต้องเติบโตเก่งกล้ากว่ารุ่นพ่อแม่ สรรพวิชาที่คนมาก่อนเชี่ยวชาญต้องถูกถ่ายทอด เพื่อผู้มาใหม่จะได้ไม่เสียเวลาเดินทางอ้อม และไม่ทำผิดซ้ำๆ
ฟังเรื่องเล่าแบบฝึกฟุตบอลของลูกชายคุณแล้วเราถึงบอกว่าซาบซึ้งใจ คือมันใช่เว้ย วัยเด็กต้องการพ่อแม่ส่งเสริม โรงเรียนโอบอุ้ม โค้ชครูชี้แนะ ภาพเด็กๆ วิ่งเตะขวดนมหรือกล่องไวตามิลค์ต้องจบในรุ่นเรา
ข้อสอง สิ่งที่โค้ชรันพบเจอในอดีต คืออยู่อิสราเอลก็ไม่ชอบ ย้ายไปอเมริกาก็ไม่ชอบ ไอ้ภาวะ ‘ไม่ชอบแม่งอะไรสักอย่าง’ เราว่าเป็นปัญหาคลาสสิก น้องชายที่ทำงานอยู่ด้วยกัน (คุณเยิงบอย) ตั้งประเด็นชวนคุยเรื่องทำนองนี้กับเราหลายครั้งว่ามันเป็นเหมือนปัญหาของยุคสมัย หาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิต ขณะที่การแข่งขันนับวันก็พุ่งสูงขึ้นจนทุกคนต่างเหนื่อยอ่อน เราแลกเปลี่ยนว่ามันไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่มันเป็นเช่นนี้มาตลอด คนหนุ่มสาวทั่วโลกต่างพบเผชิญภาวะนี้มาด้วยกันทั้งสิ้น ประเด็นก็คือใครจะหาทางออกยังไง เกลียดหรือกลัวกลิ่นเหงื่อมั้ย แสวงหา ออกแรง กล้าแลก หรือปล่อยปละละเลย กรณีโค้ชรัน เราพลอยยินดีที่เขาค้นพบในช่วงวันพัก และคำว่า–ทุกอย่างเริ่มต้นจากความรักนั่นใช่เลย ใครค้นพบและดำเนินชีวิตไปตามครรลองนี้ได้ โลกทั้งใบก็กลายเป็นสวนสวรรค์ แต่ก็อีกนั่นแหละ ความรักบางชนิดมันต้องออกแรงทดลองก่อน ไม่ใช่นอนอยู่บ้านเฉยๆ แล้ว enlightement คำว่า ไม่รัก ไม่รู้ แท้จริงจึงต้องดูดีๆ ก่อน ว่าเพราะยังไม่เคยลองหรือเปล่า ลองอย่างลึกซึ้งหรือยัง ใช้เวลาฝึกฝนเรียนรู้เพียงพอมั้ย
โลกคงมีคนโชคดีอยู่บ้าง ที่ตั้งแต่เด็กก็รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไร ปักธงเดินหน้าไปในเส้นทางนั้น เท่าที่เราพบเจอ คนส่วนใหญ่รู้ ว่าไม่ชอบอะไร แต่ไม่รู้ว่าชอบอะไร เท่าที่เราพบเจอ ถ้าใครคนหนึ่งลงแรง เอาจริงเอาจัง วิเคราะห์ ทบทวน ตั้งคำถามสม่ำเสมอ ที่สุดเขาจะพบคุณค่าซึ่งเราอาจเรียกสิ่งนั้นว่า ‘ความรัก’ เมื่อรู้สึกมีคุณค่า มันก็ไม่เคว้ง ไม่สับสน ไม่เหงา ไม่อิจฉา คุณค่าเพาะสร้างความมั่นใจ คุณค่าคือสนามของความรัก พอคนมีความรักในสิ่งเดียวกันมารวมกันหลายๆ คน (มันเป็นเช่นนี้เสมอ ด้วยแรงรักย่อมดึงดูด) ก็เกิดเป็นชุมชนขนาดย่อม มีกิจกรรมและความใฝ่ฝันร่วมกัน ในนามของสัตว์สังคม อะไรจะงดงามไปกว่านี้
เราถึงบอกว่าการพบกันในฐานะศิษย์และครูของเจ้าศิลป์และโค้ชรันจึงเป็นเรื่องน่าชื่นใจ เด็กได้อยู่ในที่ที่ดี ครูได้อยู่กับเกมที่รัก เพื่อนกวีของเรา ไม้หนึ่ง ก.กุนที และศิลปิน สุมาลี เอกชนิยม สองคนนี้ตั้งประเด็น ‘พื้นที่และเวลา’ คุยกับเรามายาวนานกว่ายี่สิบปี เป็นหัวเรื่องที่พวกเราสนใจ มันตรงกับที่คุณอ่านมาพอดีว่า ฟุตบอล เป็นเกมของการจัดการพื้นที่และเวลา อ่านแล้วขนลุก เพราะมันโคตรใช่น่ะ และชีวิตก็เป็นเช่นนั้น
อ่านจดหมายคุณแล้วเหมือนได้รับของขวัญ ชื่นชูจิตใจ แต่เสียดายหน่อยๆ ก็คือขณะที่เราเห็นคาตาโต้งๆ ว่าโลกพัฒนา มองมาที่เมืองไทย สิ่งมีชีวิตที่โง่เขลาที่สุดก็อุตริชี้ชวนให้เลี้ยงไก่
ความชื่นใจหายไปเยอะเหมือนกัน, สัสเอ๋ย.
เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อกเป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน