สวัสดีพี่หนึ่งจากพะงันอีกครั้งครับ
ไม่ได้ส่งจดหมายถึงพี่เกือบๆ สองเดือนด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถอธิบายได้
ผมยังพำนักอยู่บนเกาะ แต่กิจวัตรทุกวันนี้เป็นการเคลื่อนไหวในวงแคบๆ ต่างจากช่วงแรกที่ขยันปะทะ และมีเรื่องราวของผู้คนใหม่ๆ ในชีวิตมาเล่าสู่กันฟังเสมอๆ
แคบแค่ไหนผมอยากลองเล่าให้พี่ฟังดู วันธรรมดาตื่นเช้าชงกาแฟ มวนยาเส้น กินข้าว ส่งลูกเข้าโรงเรียน แวะร้านวัสดุก่อสร้าง กลับมาทำงานไม้บ้าง เหล็กบ้าง พักดื่มน้ำสูบยาบ่อยหน่อยเพราะแดดและอากาศช่วงนี้ร้อนเหลือเกิน บ่ายสามก็ถึงเวลาไปรับลูก ถ้าวันไหนหิวก็ออกจากบ้านก่อนเวลาหน่อยเพื่อแวะกินข้าวเที่ยงตอนบ่ายสองโมง หลังๆ มานี้ผมข้ามการกินมื้อเที่ยงอยู่บ่อยๆ เริ่มทำอะไรตามท้องตัวเองไม่ต้องตามกติกาหรือเวลาที่ใครกำหนด หิวก็กิน ไม่หิวก็ไม่ต้องกิน สองสัปดาห์ก่อนเพิ่งได้ลองชั่งน้ำหนักตัวเองครั้งแรกในรอบปี ปรากฏว่าลดไปจากน้ำหนักปกติร่วมสองสามกิโลฯ
รับลูกเสร็จก็มักพาลูกชายไปซ้อมบอล เดี๋ยวนี้ศิลป์ซ้อมสัปดาห์ละ 3 วัน ก็เป็นช่วงเวลาผ่อนคลายให้ผมได้ชื่นชมและเห็นพัฒนาการของลูกชายในกีฬายอดนิยมของชาวโลก ที่สนามซ้อมนี่เองที่ผมได้พบอาจารย์ช่างไม้คนใหม่ ผมเรียกเขาว่าอาจารย์ ทั้งๆ ที่อาวี่ (Avi) ไม่เคยย่างกรายเข้ามาที่ไซต์งานหรือสาธิตการทำอะไรให้ผมเห็นเลยสักครั้ง
อาวี่เป็นยิวเชื้อสายอาหรับ ย้ายมาเกาะพะงันคล้อยหลังครอบครัวเราได้สักปี แรกๆ คุยกันเรื่องฟุตบอล ลูกชายคนเล็กของเขาเรียนคลาสเดียวกันศิลป์ ผมบอกว่ากีฬาชนิดนี้นั้นโคตรเป็นปฏิปักษ์กับสรีระของโฮโมซาเปี้ยน ในเกมฟุตบอลนั้นเต็มไปด้วยการหลอกล่อคู่แข่งขันด้วยการบิดและโยกข้อเท้า เข่า และสะโพก ผมเชื่อว่ามีนักเตะดีๆ จำนวนมากที่ต้องยุติอาชีพก่อนวัยอันควรเพราะปัญหาที่ขา นักเตะที่เราเห็นๆ กันว่าประสบความสำเร็จทั้งในอดีตและปัจจุบันนั้นน่าจะเป็นนักเตะประเภทที่ถนอมและดูแลขาตัวเองเป็นอย่างดี นอกจากฝึกซ้อมให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นมีความทนทานรับแรงกระแทกและแรงบิดได้แล้ว นักเตะเหล่านี้น่าจะรู้ทางเพื่อหลีกเลี่ยงหรือเอาตัวรอดจากการปะทะหนักๆ ในเกมได้ดีอีกด้วย
การเคลื่อนที่ด้วยขาแค่สองข้างนับเป็นความมหัศจรรย์ทางวิวัฒนาการอย่างหนึ่งของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้ ถ้าพี่ลองสังเกตดูสัตว์บกแทบจะทุกชนิดบนโลกก็จะพบว่าสี่ขาคือปกติ การเคลื่อนที่แบบสี่ขานั้นให้ความมั่นคงกว่าและสามารถหักเลี้ยวกะทันหันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองนึกภาพชีตาร์วิ่งล่ากวางสิครับ ต่างฝ่ายต่างวิ่งด้วยความเร็วสูงและหักเลี้ยวในองศาที่ไม่มีทางที่มนุษย์จะทำได้ มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายว่ามนุษย์เราวิวัฒนาการมาเดินสองขาได้อย่างไร บ้างบอกเพื่อให้ยืนตัวตรงและมองเห็นได้ไกลขึ้น บ้างบอกว่าจะได้มีขา (มือ) ที่เป็นอิสระจากการเคลื่อนที่อีกสองข้างไว้หอบหิ้วของใช้และเครื่องมือ บ้างบอกว่าการเดินสองขาแบบมนุษย์ (ใช้แรงสปริงจากส่วนโค้งของฝ่าเท้า) นั้นประหยัดพลังงานกว่าทำให้เราวิ่งได้ทนและเป็นระยะไกลกว่าสัตว์หลายๆ สายพันธุ์ หรืออีกหลายๆ ทฤษฎี
พูดแบบคนที่กำลังเรียนรู้ก็ต้องบอกว่าที่เขาอธิบายมาทั้งหมดนั้นก็เข้าท่าและมีน้ำหนักทั้งนั้น
กลับมาที่เรื่องคลาสฟุตบอล ผมบอกกับอาวี่ว่าแม้ว่ากีฬานี้อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกชายอยู่บ้าง เพื่อนหลินบางคนที่เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านกีฬาบอกว่าการเล่นฟุตบอลแต่เล็กจะส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโต (อาจจะขาโก่งหรือตัวเตี้ยกว่ามาตรฐานอะไรประมาณนี้) แต่ผมยังก็สนับสนุนและยืนยันให้ลูกเล่น ฟุตบอลคือทีมสปอร์ต มันไม่ใช่แค่ทักษะส่วนบุคคลทางการกีฬา หากแต่มันคือการเรียนรู้เรื่องเล่นเป็นทีม การอ่านตัวเองและเพื่อนร่วมทีมให้ออกว่าใครเจ๋งหรือห่วยตรงไหน ประสบการณ์ต่อความพ่ายแพ้ที่ขมขื่นและชัยชนะที่หอมหวาน การก่อเกิดซึ่งมิตรภาพและการวางระยะความสัมพันธ์กับเพื่อนและโค้ชในทีม
เอาง่ายๆ นี่คือการจำลองชีวิตในสังคมภายนอก (ครอบครัว) ที่เขาต้องอยู่กับมันในอนาคต ศิลป์เองก็ตั้งใจฝึกซ้อมในคลาส เขามีเบสิกการเคลื่อนที่และการควบคุมลูกบอลได้ดีในการซ้อม แต่ไม่เคยโดดเด่นในเกมการแข่งขัน เจ้าลูกชายยังช้า งุ่มง่าม ล้มง่าย และไม่อึดเท่ากับเพื่อนคนอื่นๆ ในทีม ทุกวันนี้ตำแหน่งหลักคือกองหลังตัวกลาง เหตุผลก็คือเขามีวินัย รักษาพื้นที่ได้ดีและมีทักษะการจ่ายบอลที่ไม่ขี้เหร่
มีเรื่องตลกร้าย (สำหรับผม) อยากเล่าให้พี่ฟัง คือตั้งแต่รู้ว่าตำแหน่งหลักที่ศิลป์จะได้เล่นคือกองหลัง ผมก็พยายามหาคลิปเทคนิคสำหรับการเป็นกองหลังที่ดีให้ศิลป์ดู ในบรรดาคลิปทั้งหลายนั้นคำแนะนำข้อแรกๆ ก็คือสร้างการปะทะแรก (Initiate the contact) คือแม่งบอกเลยว่ามึงเป็นกองหลังนี่วิ่งช้ากว่ากองหน้าอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดวิ่งแข่ง วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือวิ่งตีคู่ไปในจังหวะแรกแล้วหาโอกาสสัมผัสให้กองหน้าเสียสมดุลและความเร็ว
ผมดูแล้วสตันต์ไปห้าวินาที ในความเป็นจริงเกมนี้มันไม่ได้ใสสะอาดตามแบบอุดมคติอะไรขนาดนั้น
ผมเล่าเรื่องนี้ให้อาจารย์ธเนศฟัง แกตบเข่าฉาดแล้วตอบว่า เออ นี่แหละ ในโลกตะวันตกเรียกสิ่งนี้ว่า Arts ไต่ไปสุดขอบ แต่อย่าให้ใครจับได้ (Never get caught) ใช้ประโยชน์จากความเป็นไปของเกมที่ต้องมีการปะทะด้วยการปะทะให้เราได้เปรียบ ศิลป์ดูคลิปเหล่านี้และเห็นเพื่อนๆ ในทีมฉุดกระชากลากถูกันบ่อยๆ เข้าก็เริ่มเรียนรู้ศิลปะแขนงนี้ โค้ชมักปล่อยให้เด็กเล่นต่อเสมอแม้จะมีเด็กหกล้มหรือหน้าคว่ำจากปะทะกับเพื่อนๆ นานๆ ทีจึงจะเป่าฟาวล์ในกรณีที่ดูจงใจว่าเล่นคนไม่เล่นบอล หรือเข้าบอลจากด้านหลังคู่แข่ง นักฟุตบอลตัวน้อยก็ค่อยๆ ซึมซับ Arts of Football ไปในตัว
ย้อนกลับไปมองตัวเองสมัยเล่นฟุตบอลตอนเรียนที่ธรรมศาสตร์ ผมโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่โดนกองหลังคู่แข่งดึงและฉุดให้เข้าไม่ถึงบอล ผมบ่นกองหลังผู้นั้น และตัดพ้อกับเพื่อนร่วมทีมอย่างไม่ประสีประสาหรืออย่างเด็กเนิร์ดถือตำราจริยธรรมมาตัดสินเกมลูกหนังว่า โคตรไม่แฟร์ สกปรก และไม่เป็นนักกีฬา (ตามอุดมคติของตัวเอง) เอาเสียเลย ฮา!
สุดสัปดาห์นี้ศิลป์จะเดินทางกับทีม Athelikoh Phangan U8 ไปสมุยเพื่อทัวร์นาเม้นต์แรกในชีวิต เขาตื่นเต้นพร้อมๆ กับเป็นกังวล ระหว่างนี้ผมคงจะพร่ำบอกกับเขาว่าเอาให้เต็มที่ นี่คือประสบการณ์ที่แสนแช่มชื่นหัวใจ ในวัยเดียวกันกับศิลป์เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน พ่อมันยังได้แค่เตะขวดนมพลาสติกกับเพื่อนๆ ในสนามปูนอยู่เลย
ด้วยมิตรภาพ
จ๊อก
ปล.เรื่องอาจารย์ช่างไม้ที่ชื่ออาวี่นั้นคิดไว้ว่าจะเขียนในจดหมายฉบับนี้ เพียงแต่พอพูดถึงฟุตบอลและลูกชายทีไร ความคิดมันพาให้เขียนเรื่องนี้ไปเสียฉิบ
ตอบ จ๊อก
ว่างเว้นจากการอ่านจดหมายคุณนานจนลืมไปว่าต้องตอบ
อ่านจบ ดูคำผิด เลือกรูป ตั้งชื่อเรื่อง แล้วส่งให้เพย รอขั้นตอนจัดหน้า กำกับด้วยว่าจะเอาลงวันนั้นวันนี้
เพยแย้งมาว่า–พ่อไม่เขียนตอบเหรอ
เออ อัลไซเมอร์ป่าวไม่รู้ แม่งลืมง่ายๆ ซะงั้น อ่านจบนึกว่าจบ
ราวสองเดือนที่ไม่มีจดหมายจากพะงัน ‘ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถอธิบายได้’ คุณใช้คำนี้ ฝ่ายเรา สองสามเดือนที่ผ่านมาก็ ‘ขาดส่งต้นฉบับ’ และปรับเปลี่ยนชีวิตพอสมควร ต่างก็แต่ของเราอธิบายได้นะ (ไม่ได้แปลว่าใครจ๊าบกว่า) เรื่องมันเป็นแบบนี้
ข้อแรก เป็นช่วงชีวิตที่ไปทำสิ่งใหม่ ใช้เวลามาก คือเทศกาลบทกวี ‘น่านโปเอซี’ ถามว่าใหม่ขนาดนั้นเลยมั้ย ก็ไม่ ทำมาสามครั้งแล้ว แต่สามครั้งในรอบห้าปี จะบอกว่าง่าย สะดวกสบาย เอาอยู่ มันก็ไม่ใช่ ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ ในเกมเรารู้ ว่าแก่นของมันคืออะไร รายละเอียดประกอบด้วยอะไรบ้าง ปัญหา ถ้าจะมี มันมีตรงไหน รู้ ทำได้ แต่มันล้นมือ เต็มเวลา นี่พูดในความหมายว่ามีคนช่วยมากมาย ทีมหลังบ้านที่แข็งแรงซึ่งรู้มือ รู้ใจ ทุ่มเทกายใจให้โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย
ความจริงมันก็เหนื่อย ทั้งก่อนและหลังงาน ลากมาถึงนาทีนี้ถามว่าหายเหนื่อยหรือยัง ตอบว่าหาย แต่อย่าเพิ่งถามว่าครั้งที่สี่จัดอีกเมื่อไร ขอบคุณนะที่ถาม ยินดี แต่ไม่มีแรงคิด ไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบ ในใจมีคำเดียวคือพัก อยากพักยาวๆ
ไม่มีอะไรเสียใจเลย เกี่ยวกับงาน ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ฟังเสียงเพื่อนพี่น้องหลายคนก็แฮปปี้ พึงพอใจที่เดินทางไกลมาร่วมงาน มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะออกแบบงาน คัดสรร และยืนยัน รันตั้งแต่เริ่มจนเลิกให้สละสลวย ..ก็ดีน่ะ ถามเราในฐานะผู้จัดก็รู้สึกดีที่ทำไปแล้วงานมันก้าวเดินไปข้างหน้า เริ่มมองเห็นอนาคต และแน่นอน, ยิ่งเมื่อคนร้อยพ่อพันธุ์แม่รับลูก อยากช่วยกันปลูกสร้างสนามวรรณกรรมแนวนี้อีก มันก็มีกำลังใจ แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ นาทีนี้ขอพักก่อน
ข้อสอง พองานใหม่มันเต็มมือ งานที่ทำมาก่อน งานที่ควรจะต่อเนื่องอย่าง nan dialogue (เริ่มสิงหาคม 2021) ก็สะดุด นึกออกเนาะ เวลามีหนึ่งเดียว คนมีหนึ่งเดียว แต่ไปจับงานหนักสองอย่างพร้อมกัน ที่สุดก็ทำใจละวางอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วคราว ทีแรกกะจะฝืน ดิ้นรนเอาให้รอดทั้งคู่ แต่ดูทรงมันจะพังทั้งคู่มากกว่า เลยให้เหตุผลกับตัวเอง หาคำอธิบายใหม่ ว่าตราบใดที่ชีวิตยัง productive ก็โอเค ตราบใดที่ไม่ได้นอนงอมืองอเท้า หากได้ออกแรงสุดแรงแล้วก็แค่ไหนแค่นั้น
ตอนนี้เราคิดแบบนี้ และแอ่นอกรับกระสุน หากจะมีเสียงครหาว่าผิดสัญญากับตัวเอง ตั้งกติกาแล้วก็ล้มเองกับมือ ใครจะว่าแบบนั้นก็ยอม มันเป็นจริง และเราก็คิดใหม่แล้วจริงๆ คือจะไม่ปล่อยให้กฎที่ตัวเองสร้างย้อนกลับมากัดกร่อนหรือทำร้ายตัวเอง ยืดหยุ่นเท่าที่ยินยอมได้ และคลี่คลายว่าการงานในโลกมีหลายรูปแบบ แตกต่างคุณค่า ถ้าวิเคราะห์แล้วว่าทุกๆ วันยังคงทำงาน มุ่งมั่นสร้างความรู้ ดูแลร่างกาย เราว่าการยึดมั่นถือมั่นในกฏบางแบบที่สุดมันจะกดตัวเอง อึดอัด กักขัง และไม่ก่อผลดีกับใคร
วิธีคิดแบบนี้มันง่ายที่จะสปอยล์หรือเข้าข้างตัวเอง แต่เราคิดว่าเราโตพอที่จะแยกแยะและซื่อสัตย์ ทำกับไม่ทำ ก้าวหน้ากับมั่วหาข้ออ้าง มันต่างกันเยอะอยู่ ฉะนั้น ต่อประเด็นเหล่านี้ เสียงข้างในมันแจ่มกระจ่างมาก เสียงข้างนอก–ถ้ามี เสียงจากคนอื่นมีผลกับเราน้อย เวลามีอยู่เท่านี้ เราจะว่างไปสนใจใคร
อะไรก็ตาม nan dialogue ยังไม่หายไปไหนนะ แค่ปรับจังหวะ ยืดหยุ่นให้มันฟิตอินกับชีวิตมากที่สุด
คล้ายๆ ศิลปะฟุตบอล บุกแหลก แต่ยิงไม่ได้ ซ้ำร้ายปล่อยหลังรั่ว ยิ่งเล่นก็มีแต่พัง ดันทุรัง เปล่าประโยชน์ ใช้แรงอย่างเดียวไม่ได้เลย ชีวิต ใช้ใจอย่างเดียวยิ่งแล้วใหญ่ ครึ่งหลังแล้ว จะเล่นเกมแบบไหน เราคงต้องคิดกันให้ละเอียดรอบคอบขึ้น ยิงแต่ละครั้งควรหวังผล ส่วนเกมใช้แรง ปล่อยให้คนหนุ่มสาวเขาว่าไป
เหมือนเช่นเคย, รออ่านจดหมายฉบับต่อไปของคุณ.
ปล. 1 เราติดตามศิลปินน่าน ภัทรุตม์ สายะเสวี ไปแสดงงานที่เชียงใหม่ด้วย คุณคงพอเห็นข่าว งานดีนะ ถ้ายังไม่เห็น ว่าง–ฝากแวะไปดูที่เพจ 8 space (จัดแสดงไปถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2023)
2 ภาพ ‘ยิงพายุ’ ที่เลือกมาลง เป็นหนึ่งในภาพโปรด
เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก (ชัยพร อินทุวิศาลกุล) เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน ทุกสัปดาห์เขาเขียนจดหมายมาคุยกับ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ บรรณาธิการ nan dialogue