สวัสดีครับพี่หนึ่ง
เข้าใจว่ากว่าพี่จะตีพิมพ์จดหมายฉบับนี้ งานพูดคุยเปิดตัว nan dialogue น่าจะใกล้เริ่มหรือจบไปแล้ว ขอแสดงความยินดี และขอมุ่งหมายให้งานสำเร็จม่วนชื่นตามความปรารถนานะครับ
ถ้าผมอยู่กรุงเทพฯ คงจะได้ไปร่วมงาน สวมกอดและเอ่ยคำนี้กับพี่ด้วยวาจาแล้ว อยู่บนเกาะนี่ เวลาจะไปไหนมาไหนนอกเกาะ ก็ยากและต้องวางแผนพอสมควร ผมกับครอบครัวไม่ได้ออกจากเกาะไปไหนเลยตั้งแต่มาถึง สมุยที่อยู่แค่ตาเห็นจากฝั่งนี้ก็ยังไม่เคยได้ไปเหยียบ
ศิลป์หยุดเรียนมาร่วมสามสัปดาห์ (โควิดเริ่มระบาดในเกาะและในโรงเรียนครับ) จริงๆ โคตรโกรธคนตัดสินใจเรื่องนโยบายอยู่เหมือนกันนะครับ ระบาดทีไร เอะอะแม่งจะปิดโรงเรียนท่าเดียว แล้วปิดที แม่งก็มักจะปิดทั้งโรงเรียน ทำอย่างกับเด็กคือพาหะนำโรคที่ต้องคอยจำกัดและควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด
ชีวิตคนสำคัญครับ แต่ถ้าระแวง ระวังและป้องกันกันแบบนี้ ผมว่าไม่ได้การแล้วล่ะครับ เซ็ง…
ไม่ใช่แค่เด็กที่ถูกห้ามนะครับ บรรดาผู้คนจำนวนมากในประเทศที่ประกอบอาชีพสุจริตก็โดนไปด้วย วันก่อนเพิ่งคุยกับคนสวนในรีสอร์คนใหม่ชาวไทยชื่อ พี่เล็ก
แกเล่าว่า แกเป็นคนนครศรีฯ เคยไปกรุงเทพฯ และเรียนรามฯ แล้วมาเริ่มเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะนี้ วิชางานบริการและภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่พี่เล็กเรียนรู้เอาจากหน้างานทั้งนั้น ก่อนมารับจ๊อบทำสวน แกเคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการในรีสอร์ทแห่งหนึ่งบนเกาะ คอยประสานงานกับพนักงานแผนกต่างๆ เพื่อดูแลแขกที่มาพัก พัฒนาไต่เต้าและก้าวหน้าในสายงานมาร่วมยี่สิบปี แต่มาวันนี้เหมือนต้องกลับไปเริ่มที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ทักษะที่แกสั่งสมมาตลอดการทำงานกลายเป็นสิ่งที่โลกไม่ต้องการเท่าไรในช่วงปีสองปีนี้
แกมารับจ๊อบพาร์ทไทม์เป็นคนสวนให้กับรีสอร์ทที่ผมพัก ทางหนึ่งก็เพื่อหารายได้ประคองชีวิต อีกทางก็เพื่อให้ตัวเองมีอะไรทำ ออกแรงให้เสียเหงื่อดูจะดีกว่าการอยู่เฉยๆ แบบเครียดๆ แกพูดกับผมด้วยน้ำเสียงคับแค้นและอึดอัดว่าสองปีมานี้เป็นช่วงเวลาแสนลำบากในชีวิตของแกและครอบครัว แกมีลูกอยู่หนึ่งคนที่ต้องดูแลและส่งเสีย ภรรยาที่อยู่กินกันมาก็โดนลดจำนวนวันทำงานและรายได้ไปครึ่งหนึ่งแต่ก็ต้องทนยอม เพราะกลัวจะหางานใหม่ไม่ได้ ส่วนแกนั้นต้องจำใจลาออกจากรีสอร์ทที่เคยทำด้วยความเห็นใจและเข้าใจนายฝรั่งที่ทนแบกภาระค่าใช้จ่ายโดยปราศจากรายได้อีกต่อไปไม่ไหว
ก่อนหน้านี้บนเกาะพะงัน เงินเหมือนจะลอยอยู่ในอากาศ ขยับตัวหน่อยก็คว้ามาใส่กระเป๋าได้อย่างสบายๆ แกมีรายได้ประจำและรายได้เสริมอีกมากมายจากธุรกิจท่องเที่ยวในเกาะ มาทุกวันนี้เอาจอบขุดทรายลงไปร่วมสองเมตรยังไม่เจอแม้เศษสตางค์
ไปๆ มาๆ เด็กในประเทศไทยน่าจะไม่ได้ไปโรงเรียนมาร่วมสองปีแล้ว เรื่องเรียนออนไลน์นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย สำหรับผมนี่เป็นอะไรที่ไร้สาระ พ่อแม่อย่างเราๆ คุยกันอยู่เรื่อยๆ ครับว่า เหตุผลที่ส่งลูกไปโรงเรียนนี่ไม่ใช่เรื่องความรู้สักเท่าไร แต่เป็นเรื่องที่จะให้พวกเค้าเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคม พบมนุษย์ต่างเพศ ต่างวัย ต่างพื้นเพ ต่างฐานะ ต่างบทบาท แล้วหาตัวตนและตำแหน่งของตัวเองให้เจอ โรงเรียนหรือคลาสเรียนต่างๆ ล้วนเป็นสนามซ้อม ก่อนที่พวกเขาจะลงสนามจริงในอนาคต บรรดาเพื่อน ครู และนักการฯ ในโรงเรียน ที่มีทั้งเหี้ยและดี ล้วนเป็นเพื่อนร่วมทีมและคู่ซ้อมให้เขาได้ลองหาวิธีเล่นและรับมือ ส่วนเรื่องวิชาและทักษะความรู้ต่างๆ นั้น ผมคิดว่าเด็กๆ จะเรียนรู้ได้ไม่ยากเท่าไร ทักษะที่ใช้เลี้ยงชีพดูแลชีวิตพวกเขาในอนาคต น่าจะมาจากการฝึกฝนในสิ่งที่หลงใหลมากกว่าการเรียนแบบกว้างๆ และแกนๆ ในโรงเรียน
ทั้งๆ ที่สถานการณ์เรื่องโควิดไม่ค่อยดีเท่าไรบนเกาะ แต่ผู้ประกอบการบ้านพักทั้งชาวไทยและต่างชาติล้วนมีความหวังว่าธุรกิจของพวกเขาจะดีขึ้นในปีหน้า มองกันถึงต้นปีเลยทีเดียว
รีสอร์ทที่ผมพักอยู่ก็แพลนจะปรับราคาค่าเช่าขึ้นร่วมเท่าตัว ทุกวันนี้เวลาไปสำรวจบ้านพักสำหรับครอบครัวเราในปีหน้า (บ้านจากขวดพลาสติกของดีนน่าจะเสร็จไม่ทันเวลา) ก็พบว่าหลายๆ ที่คิดแบบเดียวกัน เช่าเดือนธันวาปีนี้หมื่นนึง แต่ถ้ามกราปีหน้าต้องหมื่นห้าหรือสองหมื่น ผมเองชินกับที่พักราคาประหยัดมาสักพักก็รู้สึกว่ารับไม่ได้และไม่ยุติธรรม ไม่นับว่าผมเองก็คิดว่าไม่น่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศเรามากมายขนาดนั้น เมียผมกล่าวติดตลกแต่ก็ดูจะมีเหตุผลอยู่ว่า ดูสิ บรรดาเจ้าของที่พักพากันปรับราคาสำหรับปีหน้า ทำให้ผู้พักเดิมที่ไม่เต็มใจจะจ่ายเพิ่ม ต้องออกตระเวนเสาะหาและสอบถามราคากับที่พักที่อื่นๆ บรรดาเจ้าของที่พักที่อื่นๆ ก็พลอยคิดไปว่าเห็นไหม มีความต้องการบ้านพักเพิ่มมากขึ้นแล้ว ทั้งๆ ที่จริงแล้วการสอบถามและการจองที่เกิดนั้นอาจเป็นเพียงการหมุนเวียนของบรรดานักท่องเที่ยวที่อยู่ภายในเกาะเท่านั้น
อีกใจหนึ่ง ผมก็เข้าใจและเห็นใจผู้ประกอบการที่ต้องการได้คืนสิ่งที่พวกเขาเคยได้และเคยมี หลายเจ้าพยายามดูแลที่พักของตัวเองอย่างดีที่สุด เพื่อให้พร้อมสำหรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว รวมถึงผู้คนอีกมากมายในธุรกิจท่องเที่ยวก็ตั้งตารอวันที่พวกเขาจะกลับไปมีชีวิตได้ปกติ ทุกคนอยู่ด้วยความหวังครับ ความหวังเท่านั้นที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่เพื่อรอวันที่เป็นของเรา
หนึ่งในเหตุผลที่ผมหลีกหนีจากกรุงเทพฯ ก็คือความสิ้นหวังกับการเมืองไทย ผมยังรู้สึกผิดในบางเวลาต่อมิตรสหายจำนวนมากที่ยังคงต่อสู้เคลื่อนไหวอย่างแข็งขันและเข้มแข็ง ไม่แน่ถ้าปีหน้าสถานการณ์การเมืองไทยดีขึ้นเหมือนการท่องเที่ยวอย่างที่ผู้ประกอบการบนเกาะพะงันคาดเอาไว้ การเดินทางจากเกาะพะงันสู่กรุงเทพฯ อาจไม่ยากอย่างที่ผมรู้สึกในตอนนี้ก็เป็นได้
ด้วยมิตรภาพและความปรารถนาดีจากเกาะพะงัน
จ๊อก
ตอบ จ๊อก
1 จดหมายคุณถูกเปิดในวันงานเปิดตัว nan dialogue พอดิบพอดี การอยู่จังหวัดห่างไกลกันนี่ก็นะ จะไปจะมามันก็ยุ่งอยู่เหมือนกัน ไหนจะระบบขนส่งที่ยังพิกลพิการเสมอมา ไหนจะเรื่องเวลาและเงื่อนไขอื่นๆ ของชีวิต รู้สึกผิดตลอดที่แต่ละปีก็เหมือนต้องมีเหตุ (หรือหาเหตุวะ) รบกวนเพื่อนพี่น้องอยู่เรื่อย เมื่อวาน พี่เจง พี่จิ๋ว มาถึงแต่เช้า (เสด็จโดยรถไฟพระที่นั่ง) อาจารย์ธีร์ (นักดนตรีประจำงาน) มาถึงบ่าย และน้องนุ่งบางคนบอกว่าถึงเย็นนี้ ขับรถออกจากกรุงเทพฯ แต่เช้า สายไดรเวอร์หนุ่มๆ ที่ต่อให้สนุกกับการเดินทางก็มีเหนื่อยนิดนึงน่ะ กับชีวิตบนซูเปอร์ไฮเวย์เจ็ดแปดชั่วโมง อากาศไม่ถึงกับหนาว ไม่สมกับปลายพฤศจิกาฯ เท่าไร แต่ก็พอไหวอยู่ ถ้าเทียบกับสัปดาห์ก่อนที่แดดเปรี้ยง ปีนี้มันวิปริตกันไปหมดเลยว่ะ เอาว่าเราๆ ท่านๆ ก็อย่าเผลอวิปริตไปกับมัน พยายามรักษารูปรอยการงานไปให้รอด แม้ว่ามันไม่ง่ายเลย
2 ฟังเรื่องเรียนออนไลน์แล้วก็เหนื่อยใจ และเห็นด้วยกับคุณว่าการส่งเด็กๆ ไปโรงเรียนนั้นเป้าหมายหลักมันไม่ใช่แค่เรื่องวิชาการ คือโควิดก็เข้าใจแหละ มันคือพายุลูกใหญ่ คือมหันตภัยสึนามิที่โดนกันทั้งโลก กระทบกระเทือนถึงกันหมด ประเด็นก็คือในวิกฤติยักษ์ใหญ่นี้ แต่ละประเทศมีวิธีบริหารจัดการแก้ไขมันยังไง แสงไฟแห่งข่าวสารสาดส่องไปทั่ว ตามดูเราก็คงพอเห็นว่าบ้านเมืองอื่นๆ เขาคิด เขาแก้โอเคมั้ย ผู้นำคนไหนเวิร์ก ไม่เวิร์ก สองปีเต็มๆ แล้วนะที่เราอยู่กับโควิด เป็นสองปีมหาโหด สองปีแห่งการพลิกผันเปลี่ยนแปลง คนใกล้ตัวบางคนนี่เรียกว่าป่วยไปเลย ไม่ได้ติดเชื้อ แต่ร่างกายและจิตใจคล้ายไม่มีภูมิป้องกันการเปลี่ยนแปลงระดับนี้ ไม่เคยได้วัคซีนว่างั้นเถอะ พอเจอจังๆ ต่อเนื่องนานเป็นเดือน เป็นปี ก็เลยล้ม โควิดมันเปลี่ยนชีวิตประจำวันน่ะ จากเคยไปไหนมาไหนได้ จากเคยไปพบเจอผู้คน พอไปไม่ได้ พอไม่มีใคร มันก็เลยเครียดซึ่งบางคนมีรูระบาย หาประตูผ่อนคลายความเครียดได้ ก็รอดไป แต่บางคนเขาไม่มีจริงๆ ทางเลือกไม่หลากหลาย ก็ช็อกน่ะ คาดไม่ถึง ไปไม่เป็น เห็นกับตามาแล้วว่า เออ โควิดมันเล่นเอาคนที่เคยแข็งๆ ล้มทั้งยืนได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่ยังไม่พูดเรื่องเศรษฐกิจหรือปากท้องนะ ซึ่งเราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าวิกฤติรอบนี้เงินหายไปจากตลาดขนาดไหน แล้วคุณดูดิ สองปีโควิดยังขนาดนี้ เจ็ดปีประยุทธ์แม่ง..
ชั่วๆ ดีๆ ชาวโลกเขาเผชิญปัญหาเดียว แต่เมืองไทยเจอสองเด้ง ความเห็นเรา โควิดกับรัฐบาลประยุทธ์คือหลุมลึกที่ยังไม่หมดฤทธิ์ เด็กรุ่นนี้ไม่มีโอกาสวิ่งเล่นกับเพื่อนเป็นปีๆ คนไทยวันนี้ขาดโอกาสพัฒนา ต้องทนอยู่กับความโง่เขลาและป่าเถื่อนมาแทบจะครบทศวรรษแล้ว ช่วงใหญ่ๆ ของชีวิตคนไทยถูกโจรปล้นชิงไปต่อหน้า ลองดูเฉพาะเคสเราคนเดียว เราทำงานมาจะสามสิบปี อายุเข้าหลักห้าสิบ มันควรเป็นช่วงเวลาเบิกบาน เก็บเกี่ยวผลผลิต ชื่นชมชีวิตที่ลงทุนลงแรงมา ความจริงน่ะเหรอ ต้องยืนกลางแดด ดูพวกเหี้ยห่ารวมหัวกันขยี้ทำลายคนหนุ่มสาวคนแล้วคนเล่า
วันเวลาที่ควรเก็บเกี่ยว วันเวลาที่ควรเบิกบาน ถูกใช้ไปกับคำถามซ้ำๆ วนๆ ว่าเราพอจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อทวงสังคมปกติกลับคืนมา.
เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อกเป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน