สวัสดีครับพี่หนึ่ง
ช่วงนี้ทนๆ อ่านหน่อยนะครับ มีเรื่องอยากเล่าตลอดเลย
วันก่อน หลังจากไปดูไพ่ทาโรต์และกินของหายาก(บะหมี่) กับหมอดู
วันรุ่งขึ้นลูกพี่เค้าก็ชวนไปดื่มกาแฟรอบเที่ยงในร้านกาแฟกลางสวนปาล์ม
ร้านเปิดสายๆ แต่ปิดตามอารมณ์เจ้าของ ประมาณว่าถ้าลูกค้านิสัยดี เจ้าของร้านก็อารมณ์ดี ก็เปิดยาวๆ ไป
แต่วันไหนเจอลูกค้านิสัยแย่ ทำเจ้าของร้านหงุดหงิด ก็ปิดร้านไล่แม่งเลย
สั่งกาแฟได้สักพักก็ได้มีโอกาสนั่งคุยกับลูกค้าคนอื่นๆ ในร้าน นั่งฟังด้วยความสงบเสงี่ยมซะมากกว่าพูดน่ะครับ (กลัวเจ้าของร้านปิดร้านไล่)
ฟังหมอดูคุยกับเรมี่ ซอฟท์แวร์ดีเวลลอปเปอร์ชาวฝรั่งเศส เรื่องโยคะ ว่าด้วยที่มาและรากเหง้าของมัน
จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องทางจิตมากกว่าเรื่องทางกาย ประมาณว่าการออกท่าโยคะแบบต่างๆ นั้น เป็นแค่ภาคปฏิบัติของมัน แท้จริงยังมีเรื่องความเชื่อและการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าหรือธรรมชาติ
ที่เป็นแก่นแท้ของ โยค่า (ออกเสียงแบบเวลาพูดภาษาอังกฤษ)
นอกจากหนุ่มฝรั่งเศสแล้วยังมีสองสาวชาวไทยมานั่งปรับทุกข์กันเรื่องรัฐบาล
นางหนึ่งทำร้านอาหารอีสาน และบ่นกระปอดกระแปดเรื่องมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลเล็กและรัฐบาลใหญ่
ที่ดูจะเป็นปฏิปักษ์ต่อการทำมาหากินเหลือเกิน
นั่งๆ อยู่ก็มีไรเดอร์มาส่งส้มตำป่าให้เธอ
ดูสิโลกมันเป็นอย่างนี้ ในวันที่มีโควิด เจ้าของร้านส้มตำต้องมานั่งปรับทุกข์และสั่งส้มตำจากร้านอื่นมากิน
อีกนางทำร้านอาหารอยู่ริมหาด แล้วก็เริ่มคิดว่าจะแปลงมันเป็นที่พัก
อย่างน้อยถ้ามีคนมาเช่าอยู่ ก็ดีกว่าทิ้งร้านอาหารไว้เฉยๆ โดยไม่มีคนมานั่งกิน
สักพักหนุ่มเจ้าของร้านกาแฟก็บ่นกับสาวเจ้าของร้านส้มตำว่า–ผมว่าจะเลิกกินเบียร์วันธรรมดาแล้ว ประมาณว่าวันก่อน สาวเจ้าเอาเบียร์มาถวาย และคงจะเสวยน้ำจันฑ์มากไปหน่อย วันนี้เลยทรงพระแฮ้งค์ และไม่สบายวรกาย
ผมไม่ได้ใช้คำผิดนะครับ ร้านกาแฟเจ้านี้ ถ้าจะพูดกับเจ้าของร้าน ต้องใช้ราชาศัพท์เท่านั้น หรือไม่ก็ใช้ภาษาอังกฤษไปเลย ฮา
สำหรับคนที่ทั้งว่างและเครียดนั้น การสร้างเสียงหัวเราะเล็กน้อยๆ ก็ดูจะเป็นเรื่องจำเป็น
สองสาวด่ารัฐบาล นายกฯ ตำรวจ ทหาร และศาลไป
ก็เถียงกันไปว่าถ้าจะพูดราชาศัพท์กับเจ้าของร้านกาแฟในเรื่องต่างๆ นี่ ควรจะต้องพูดอย่างไร
เถียงไปเถียงมาก็สรุปว่าพูดภาษาอังกฤษนี่ง่ายกว่าเยอะเลย
ไม่กี่วันก่อน หมอดูส่งแมสเสจมาตอนหัวค่ำว่า คืนนี้มีปาร์ตี้ที่ร้านกาแฟ และมีดนตรี
หมอจะลงท้ายคำเชื้อชวนอย่างนี้เสมอ “มีดนตรี”
ผมคิดว่าดนตรีน่าจะทำให้สมาชิกใหม่ คอมฟอร์ตเทเบิ่ล กับการเข้าร่วมวงในครั้งแรกมากกว่า
ร่วมฟังหรือร่วมร้องเพลงนั้นมันสร้างสัมพันธ์ง่ายกว่าการเริ่มต้นด้วยการนั่งคุยกันเป็นไหนๆ
คิดแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า สังคมไทยนั้น take music for granted แค่ไหน (เห็นค่ามันน้อยเกินไป เหมือนกับพวก ศคบ. และคนในรัฐบาลที่บอกว่าดนตรี ไม่จำเป็นในร้านอาหาร)
จริงๆ เค้าชวนปาร์ตี้มาครั้งสองครั้งแล้วแหละครับ เพียงแต่ผมเกรงใจลูก กลัวพาไปแล้วไม่จะสนุก เพราะไม่ค่อยมีเด็กๆ อยู่ แต่ครั้งนี้สบโอกาส ผมเปิดอ่านข้อความตอนที่ลูกและเมียหลับไปแล้ว
ลูกหลับตามเวลา ส่วนภรรยาหลับด้วยฤทธิ์สุรา ฮา ฮ่า
อยู่กรุงเทพฯ ไม่เคยหนีภรรยาไปเที่ยวกลางคืน แต่พอมาอยู่พะงันนี่มีโอกาสได้ทำเป็นครั้งแรก
คือมันเป็นแหล่งปาร์ตี้น่ะ คิดกับตัวเองว่าถ้ามีโอกาสก็ไม่ควรปฏิเสธ
ไปถึงก็ยกมือไหว้คนในวง พร้อมแนะนำตัวและบอกว่าหมอดูชวนมา
หากแต่หมอดูกลับไปแล้ว ที่ยังอยู่คือแม่ค้าขายส้มตำ (ที่สั่งส้มตำดิลิเวอรี่มากิน) และแม่ค้าบะหมี่ (ของหายาก)
รวมๆ แล้วนั่งกันอยู่ไม่เกินสิบคน แต่เครื่องดนตรีก็มีจำนวนพอๆ กับจำนวนคน
จะเล่นเพลงกันแต่ละที ต้องกีตาร์อย่างน้อยสอง (โปร่งหนึ่ง ไฟฟ้าหนึ่ง) กลองหนึ่ง เครื่องเขย่าเข้าจังหวะอีกหนึ่ง
คำถามแรกที่ถูกถามหลังแนะนำตัวคือ “พี่เป็นนักดนตรีเหรอครับ”
ช่วงนี้คนทำงานสายบันเทิงบนเกาะลำบาก
การเอาเครื่องมือหากินตัวเองออกมาสร้างความบันเทิงให้มิตรสหาย ได้ซ้อมฝีมือ และเยียวยาจิตใจ ย่อมดีกว่าวางมันทิ้งไว้เฉยๆ
นั่งฟังดนตรีได้สักชั่วโมงให้พอได้ชื่นใจ ก็กลับบ้าน
ใช้เวลาขับรถกลับไม่เกินห้านาที (เกาะมันเล็กน่ะครับ อะไรๆ ก็อยู่ใกล้กันหมด)
เข้านอนและตื่นเช้ามาพร้อมกับลูกและภรรยา โดยไม่มีใครระแคะระคาย
หวังว่าพี่หนึ่งจะสบายดี และยุ่งอย่างมีความสุขกับออฟฟิศใหม่นะครับ
จ๊อก
ตอบ พระเจ้าจ๊อก
1 ออฟฟิศใหม่ nan dialogue ของกระหม่อมนั้นประกอบด้วยโต๊ะหนึ่งตัว กับเก้าอี้อีกจำนวนหนึ่ง (ไม่แน่นอน, ลากไปลากมา ด้วยว่ามันเป็นพื้นที่มุมหนึ่งของห้องสมุดซึ่งโดยปกติจะมีป้าย staff only แปะไว้–ซึ่งก็ดูเหมือนไม่ได้ผลนัก) โต๊ะตัวที่ว่าได้มาจากการเอาประตูบานใหญ่ (ซื้อมาจาก อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา) ไปให้ช่างร้านเหล็กต่อขาให้ (แนบเงินไป 800 บาทถ้วน) ก็สวยงามเจริญตาเจริญใจ ใช้งานได้ดีอยู่พะย่ะค่ะ (มันควรจะ พะย่ะครับ หรือเปล่าวะ)
ไผ่-ไม้หนึ่ง ก.กุนที ผู้มีอดีตเป็นนักเรียนนอก (กัมพูชา) เคยปรารภกับกระหม่อมว่า กาลสมัยที่ใช้ชีวิตอยู่พนมเปญและมีเรื่องต้องเสวนากับคนท้องถิ่น หากเขานึกคำขะแมร์ไม่ออก เคล็ดลับที่ได้ผลเสมอคือใช้ราชาศัพท์ (เขาอยู่นานพอจะสื่อสารได้ แต่บางกรณีฉุกเฉินก็คิดคำไม่ทัน) ฟังแล้วทรงพระฮาดีมั้ยขอรับ บางสิ่งที่สูงส่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองหนึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของอีกบ้านเมืองหนึ่ง บ้านเมืองเพื่อนบ้านที่คนไทยสันดานเสียจำนวนไม่น้อยชอบเหยียดเขานั่นแหละ
คล้ายๆ เรื่องเลขไทย พูดขึ้นมาเมื่อไรกระหม่อมก็ปวดตับ ภาคภูมิใจกันเสียเหลือเกิน โอ่อวดคุยเขื่อง คลั่งชาติ หลงว่าใช่ ว่าไทยแท้ ทั้งที่เป็นภูมิปัญญาของผู้อื่น
2 พี่เป็นนักดนตรีเหรอครับ–คำถามทำนองนี้ กู เอ่อ กระหม่อม แหม มันยากเหมือนกันนะการเกิดมาในแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองอะไรเนี่ย ขอพระองค์พระราชทานอภัยโทษให้แล้วกันเพราะไม่ไหวแล้ว (เหนื่อยชิบหาย) เราเคยเจอมาตลอด เช่น เมื่อครั้งวัยรุ่นเคยนั่งอยู่ใกล้ลานจอดมอเตอร์ไซค์ จู่ๆ คนก็เดินมาให้เงิน เออๆ คงไม่ได้นึกเสน่หาอะไรหรอก แม่งนึกว่าเราเป็นคนเฝ้ารถ
อีกทีหลังสุดนี่เลย พาอาร์ติสต์ (สุมาลี เอกชนนิยม) ไปร้านกาแฟริมทุ่งนาแห่งหนึ่ง เจ้าของร้าน (ชื่ออ้อน /ชื่อเหมือนแมวบ้านเราเลย) ทักสุมาลีว่าเป็นครูใช่มั้ย คือเป็นความจริงว่าสุมาลีเป็นอาร์ติสต์ แต่เธอเคยเป็นครูที่บัณฑิตพัฒนศิลป์อยู่ 19 ปี เจ้าตัวก็งงๆ นิดหน่อยว่ารู้ได้ไง ไหนๆ ก็ไหนๆ เลยชี้มาทางเราบ้างว่า ลองทายซิ คนนี้ทำงานอะไร แม่ค้าชื่อน่ารักทำท่าคิดพองาม ก่อนตอบว่า–น่าจะขับรถตู้
3 ฟังเรื่องการเล่นการฟังดนตรีริมทะเลของคุณแล้วก็อิจฉา ภาพแบบนั้นคล้ายมันหายไปเลยจากชีวิต ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ ตอนนี้เอาแค่ภาพคนล้อมวงกินเหล้าก็แทบนึกไม่ออก คืนก่อนขี่มอเตอร์ไซค์ตระเวนดูร้านรวงราตรีที่น่าน เออ มันเงียบเหงาไปหมดเลยว่ะ หลายที่ปิดร้าง บางที่เปิด แต่ไม่ขายเหล้า อีกบางที่ขาย แต่ต้องนั่งหลบมุมในร้าน และกินดื่มในแก้วทึบ (กฎหมายและตำรวจไม่รู้เลยจ้าาา) ดูทางออกของเพื่อนร่วมชาติเรายามนี้ เพียงจะเสพสุขเล็กๆ น้อยๆ เพื่อตื่นมาทำงานเหนื่อยหนักในเช้ารุ่งขึ้น ก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนขโมยเขากิน เหล้ายาเป็นผู้ร้ายเสมอในเมืองพุทธ และเพื่อศีลธรรมอันดีงาม ที่นี่ต้องไม่มี sex creator ที่นี่ไม่มี sex worker
คุณไปดูแล้วหรือยัง ที่พะงันไม่มีใช่มั้ย ที่น่านไม่มีนะจ๊ะ ไม่มี บอกแล้วไงว่าไม่มี
4 ‘ตื่นเช้ามาพร้อมกับลูกและภรรยา โดยไม่มีใครระแคะระคาย’
อันนี้เป็นทัศนะของคุณ ว่าไงมา เราก็ว่างั้น ว่าแต่ก่อนเล่าเรื่องนี้ มองหน้าคุณหมอแม่เจ้าศิลป์ดีหรือยัง เห็นร่องรอยดารายอดนักแสดงหรือเปล่า เค้าหลับลึกจริงๆ หรือแสร้งไม่รู้ไม่ชี้ ถือว่านานๆ ปล่อยผีให้พ่อบ้านหนีเที่ยวสักคืน
ถ้าใจดีแล้วไม่สำนึก คิดว่าคนอื่นนอนหลับใหลไม่รู้เรื่อง ระวังเถอะ รอบหน้าพระราชาอาจจะโดนสับ.
เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน