essay

เขาไม่ใช่พี่ และเขายังไม่ใช่เพื่อน

ลูกเอ๋ย 

เขาไม่ใช่พี่ เขาเป็นเพียงคนที่เข้าเรียนที่นั่นก่อนเจ้า 

ถ้าไม่รู้สึกนับถือเขา อย่าเรียกเขาว่าพี่ 

ลูกเอ๋ย 

เขาแค่เดินเข้าไปที่นั่นก่อน 

ถ้าเจ้าไม่รู้สึกว่าเขาน่าคบหา ไม่ต้องเป็นเพื่อนกับเขาก็ได้ 

 

ลูกเอ๋ย 

ถ้าลูกรู้สึกว่าเขาน่าคบ 

แม้ว่าเขาจะเดินเข้าไปที่นั่นก่อนเจ้า หรือว่าเกิดก่อนเจ้า

คบเขาในฐานะเพื่อนก็พอ 

ดูนิสัยสันดานกันก่อนนานๆ 

ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าควรนับถือ ให้เขาเป็นเพียงเพื่อนรุ่นพี่ก็พอ 

 

ลูกเอ๋ย 

ถ้าแม้เพียงเป็นเพื่อน 

เจ้าก็ยังไม่ทันได้มีโอกาสพิจารณาด้วยความเป็นอิสระของตัวเอง 

แล้วเจ้าต้องรีบยอมรับให้เขาเป็นพี่ 

นั่นคือเผด็จการ 

นั่นคือการไม่ยอมให้เจ้าเป็นอิสรชน เป็นเสรีชน 

ถ้าแม้ตรรกะเช่นนี้เจ้าก็ยังคิดไม่เป็น 

เจ้าคงต้องตกอยู่ในสภาวะของทาสให้เขาควบคุมอีกนาน 

 

ลูกเอ๋ย 

เขาไม่ใช่พี่ และเขายังไม่ใช่เพื่อน 

เขาเป็นเพียงคนคนหนึ่ง 

มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่าๆ กับเจ้า 

เขาไม่มีสิทธิสั่งเจ้า 

ไม่มีสิทธิบังคับให้เจ้าเป็นน้อง 

เขาไม่มีสิทธิตั้งตัวเป็นพี่ของเจ้า 

และเขาไม่มีสิทธิบังคับขืนใจให้เจ้าคบเขาเป็นเพื่อน

 

ลูกเอ๋ย 

มิตรภาพ และความผูกพัน ที่คนหนึ่งบังคับข่มเหงอีกคนหนึ่งนั้นไม่มี 

อย่างนั้นไม่ใช่มิตรภาพ ไม่ใช่ความผูกพัน 

 

ลูกเอ๋ย 

เขาไม่คู่ควรกับการเป็นพี่ 

และเขาไม่ดีพอสำหรับการเป็นเพื่อนที่ดีของเจ้า 

และในความเป็นจริงของชีวิต 

เราไม่ได้ต้องการคบกับคนนับร้อยนับพัน 

เราคบกับคนได้เพียงจำนวนหนึ่ง 

เราไม่สามารถคบกับคนทุกคนได้ 

ในความเป็นจริงของชีวิต เราไม่ได้รู้สึกนับถือคนมากมายขนาดนั้นว่าเป็นพี่ 

ถ้าเราจริงใจต่อความรู้สึกของเรา 

คนที่เราไม่อยากนับถือ ไม่อยากคบหา 

คนที่เรายังไม่ทันรู้สึกนับถือ ไม่ทันรู้สึกว่าน่าคบหา 

เราอยู่ห่างๆ เขาก็ได้ 

เราไม่ทักทายพวกเขาก็ได้ 

เราทำได้กระทั่งรังเกียจ และไม่ยินดีให้เขาเข้าใกล้ 

 

 

ลูกเอ๋ย 

เราคืออิสรชน 

เราคือเสรีชน 

เรามีสิทธิรังเกียจเขาได้ 

เรามีสิทธิไม่คบกับเขาได้ 

และเรามีสิทธิอันชอบธรรมอย่างเต็มที่ ในฐานะของอิสรชน และเสรีชน 

ที่จะไม่คบกับคนที่เราไม่อยากคบ ไม่นับถือคนที่เราไม่นับถือ 

 

ลูกเอ๋ย 

ถ้าเพียงคบเราอย่างเพื่อนที่มีศักดิ์ศรีเท่ากันยังไม่ได้ 

เขาจะเป็นพี่ที่เลวทรามขนาดไหน 

 

ลูกเอ๋ย 

ถ้าเจ้าไม่รู้สึกสนุกที่จะไปดูกีฬาในเวลานั้น 

เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไปดู 

กีฬาแข่งขันกันเพื่อฝึกจิตใจและร่างกาย 

ฝึกให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจดีงาม 

รู้จักแพ้ 

และเป็นวิญญูชน ยามเมื่อชนะ 

 

ลูกเอ๋ย 

การดูกีฬานั้นมิใช่การรบทัพจับศึก 

เราให้กำลังใจคนที่ทุ่มเทด้วยกายและใจอย่างนักกีฬา 

มิใช่อย่างอันธพาลหรือสัตว์ป่า 

 

ลูกเอ๋ย 

กีฬานั้นไม่ใช่การทุ่มเทเพื่อเอาชนะเพียงอย่างเดียว 

แต่คือการแพ้เป็น การยอมรับความจริงด้วย 

การดูกีฬาไม่ใช่เพื่อหวังเห็นเพียงชัยชนะ 

แต่คือการมองดูคนที่มีวุฒิภาวะ 

 

ลูกเอ๋ย 

เจ้าไม่ได้เดินไปสู่ป่าดงดิบ 

หรืออยู่ในป่าดง

ที่ต้องปลุกขวัญเพื่อเข้าห้ำหั่น เข่นฆ่าคนอีกเผ่าหนึ่งไม่ใช่หรือ 

 

ลูกเอ๋ย 

เจ้าไปเพื่อพัฒนาสมอง ร่างกาย จิตใจ และวุฒิภาวะของเจ้ามิใช่หรือ 

 

ลูกเอ๋ย 

เขาไม่ใช่พี่ และเขายังไม่ใช่เพื่อน 

ลูกมีสิทธิไม่อนุญาตให้เขาเป็นพี่ และลูกมีสิทธิไม่คบเขาเป็นเพื่อนด้วย 

 

ลูกเอ๋ย 

เจ้าไม่ได้เป็นพี่ใคร 

และเจ้าไม่ได้เป็นเพื่อนใคร 

หากว่าอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่รู้สึกอยากคบ หรือนับถือเจ้า.

 

 

nandialogue

 

 

ความเรียงโดย เรืองรอง รุ่งรัศมี

ภาพ : ผีเสื้อแดง

หมายเหตุ : เด็กหนุ่มเด็กสาวในวัยศึกษาไม่ควรต้องตายไปกับความรุนแรงของนักศึกษาที่เข้าเรียนก่อน
‘นักศึกษาที่เข้าเรียนก่อน’ ไม่มีอำนาจใช้ความรุนแรงกับนักศึกษาใหม่ในทุกกรณี (พิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ ‘สายลมบูรพา’ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ) เมื่อราวสิบห้าปีที่แล้ว


เกี่ยวกับผู้เขียน : เรืองรอง รุ่งรัศมี (1953-2020) เป็นนักเขียน นักแปล คุรุเรื่องจีน มีผลงานหนังสือมากมาย อาทิ เดียวดายใต้เงาจันทร์, รวยรินกลิ่นชา, หมาป่าบนทุ่งกระดาษ, ธุลีดาวของยุคสมัย, มือสังหาร, กิ่งไผ่และดวงโคม, ความลับของทะเล, โอบกอดจันทรา ฯลฯ เขียนภาพเป็นงานอดิเรก โปรเจ็กต์แห่งชีวิตคือพจนานุกรมจีน/ไทย ที่มุมานะทำโดยลำพังนานปี เขาจากไปก่อนที่งานจะแล้วเสร็จ

 

You may also like...