1 สิงหาคม 2021 คือวันที่เว็บไซต์ https://www.nandialogue.com/ เกิดขึ้น
หนึ่ง-วรพจน์ พันธ์ุพงศ์ คือผู้ก่อตั้งและเป็นบรรณาธิการสำนัก nan dialogue
เสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2021 คือ กำหนดวันจัดงาน ‘น่านไดอะล็อกรายงานตัว’ หลังจากที่เว็บไซต์ nandialogue.com ทำงานมาได้ 4 เดือน ใช้ห้องสมุดบ้านๆ น่านๆ ของ ชโลมใจ ชยพันธณาการ เป็นสถานที่จัดงานเปิดเวทีพบปะพูดคุยถึงคำว่า nan dialogue
ช่วงปลายปีหลังคลายล็อกดาวน์ ผู้คนเริ่มทยอยเดินทางมาเที่ยวจังหวัดเล็กๆ ทางภาคเหนือมากขึ้น แขกเหรื่อในงานนี้มีไม่มาก แต่ก็ไม่ได้น้อย ทำให้ลมหนาวอ่อนๆ อบอุ่นกำลังดี
โปรดักชั่นบ้านๆ เป็นการลงแรงร่วมกันของพี่น้องที่แวะเวียนมาหา มีสนามหญ้าเป็นเวที บรรยากาศอาร์ตเวิร์กถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ต้นไม้นานาพรรณที่เติบโตท่ามกลางห้องสมุดเล็กๆ แห่งนี้ งานออกแบบฉากประกอบเวทีและของที่ระลึกในงานโดยฝีมือของศิลปินหญิงนามว่า สุมาลี เอกชนนิยม
ห้าโมงแลงเป็นเวลาเริ่ม เสียงเพลงบรรเลงโดยนักดนตรีคู่ดูโอ้เมืองน่าน หมิว ปาริชาติ และ เอก มือกีตาร์ ต้อนรับผู้มาร่วมงาน เช่นเดิมไม่เคยขาด อาหาร ผลไม้ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม วางเรียงให้เลือกสรร เก้าอี้ว่างๆ วางเว้นระยะห่าง พลบค่ำได้เวลาแสงนีออน งานเริ่มคึกคัก นักดนตรีดูโอ้จบลง หลิว-เสาวลักษณ์ เชื้อคำ พิธีกรผู้ดำเนินรายการส่งไมค์ต่อให้ วินเนอร์ – นักเรียนดนตรีปีสองคณะดุริยางค์ศาสตร์ ศิลปากร ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ขึ้นบรรเลง
กิจกรรมถัดไป พิธีกรหลักของงาน ครูออม–ภูริชญา สุทธิไส จากแม่จริม ชวนผู้ก่อตั้งสำนักขึ้นมาพูดคุยสั้นๆ ก่อนจะเชิญทุกคนมานั่งหน้าจอหนังกลางแปลง แสงนีออนหายไป โปรเจ็กเตอร์สาดแสงสว่างไปบนฉากผ้าสีขาวไหวตามลม เนื้อหาของหนังสั้นประจำสำนักน่านไดอะล็อกเริ่มต้นฉาย…
nan dialogue คือสำนักข่าวที่ตั้งใจเปิดพื้นที่ให้สามัญชนคนธรรมดาได้มาพูดคุยกัน บอกเล่าเรื่องราว ความเป็นอยู่ ความสุข ความทุกข์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ปากและเสียงเรียกร้องของพวกเขาดังขึ้นมา
nan dialogue คือสื่อท้องถิ่นเมืองน่าน ไม่ใช่สื่อท้องถิ่นเจ้าแรกที่ทำ แต่กวาดสายตาดูเราก็เห็นว่ายังมีน้อยกว่าจำนวนนิ้วมือ เพราะกว่า 90% สำนักสื่อสารของเมืองไทยล้วนกระจุกอยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ใครๆ ก็รู้ว่า ‘ประเทศไทยไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ’
nan dialogue คือความพยายาม ‘เปิดน่านฟ้าบทสนทนาเสรี’ สร้างเวทีใหม่ขึ้นมาคุยกับชาวบ้านกับคนน่านเป็นโจทย์หลัก ลบคำว่าเซเล็บฯ ลบคำว่าคนเก่งคนดังออกไปได้เลย ไม่ใช่ว่าสิ่งนั้นผิด ไม่ใช่ว่าสิ่งนั้นไม่ดี แต่ว่าให้เป็นเรื่องรอง เป็นเรื่องท้ายๆ ณ พื้นที่ใหม่แห่งนี้ เราเอาชีวิตชาวบ้านธรรมดาเป็นแกนหลัก เป็นกระดูกสันหลัง
“เรามีอาชีพนักสื่อสารมวลชน บ้านของเราอยู่ที่จังหวัดน่าน โปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นมาด้วยผลพวงของภาวะโรคระบาด ที่สำคัญคือความคับแค้นใจกับการถูกกดเอาไว้ให้จมอยู่กับความเงียบ คับแค้นใจที่เหมือนโดนปืนปิดปากเอาไว้ ไม่ให้คิด พูด สงสัย ไม่ให้โต้เถียง nandialogue เกิดมาจากสิ่งนี้
“ก่อนหน้านี้เราเคยทำ nanpoésie มาก่อน ทำด้วยเหตุผลการมองเห็นว่ามันไม่มีพื้นที่ ถ้าเปรียบเทียบ เรามีนักฟุตบอล มีคนชอบเล่นฟุตบอลเยอะ แต่ไม่มีสนามให้เล่น นอกจากไม่มีสนามให้เล่นแล้วมันยังมีคนวิ่งไล่เอาโซ่มาล่ามขานักฟุตบอลอีก การส่งเสริมไม่มี ที่พบเห็นอยู่มีแต่การปิดกั้น เรารู้สึกแย่ รู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องพวกนี้ เทศกาลบทกวีน่านโปเอซีจึงเกิดขึ้นมา ได้เจอเพื่อนพี่น้องกวี ได้คุยกับนักอ่านผู้ฟัง มันเห็นแววตาสว่างไสว ทุกคนดีใจที่มีสนามฟุตบอลให้ได้เล่นแล้ว จากตรงนั้นก็เป็นแรงผลักต่อไปอีก จากการทำงานบทกวีมาเป็นสำนักข่าวสารในวงกว้าง”
“มีแต่บทสนทนาเสรีเท่านั้นแหละ ที่จะส่งเสริมการเติบโตของมนุษย์ ไม่ใช่การปิดปาก ไม่ใช่การทำให้เงียบ มันฝืนกระแสโลกและฝืนธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ถึงที่สุดไม่มีใครฝืนได้อยู่แล้ว เมื่อเราถูกทำให้เงียบแบบนี้ โดนกฏหมายที่อยุติธรรมปิดไว้แบบนี้ มันทำให้สังคมไทยเดินทางต่อไปข้างหน้าช้า
“ตอนนี้มันถูกผลักให้ถอยหลัง มนุษย์ต้องเดินไปข้างหน้า ยังไงก็หยุดไม่ได้ ซึ่งมาจนถึงตอนนี้ เราเสียโอกาสมากมายมหาศาลกับการถูกผลัก ถูกถีบ ถูกฉุดกระฉากไว้ให้หยุดอยู่กับที่ น่านไดอะล็อกอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาปลดล็อกความโง่เขลา ความดักดาน ความป่าเถื่อนตรงนี้ไปสู่ความปกติ เราไม่ได้เรียกร้องสิ่งที่พิเศษ เราไม่ได้เรียกร้องอะไรที่เหนือไปกว่านั้นเลย เราอยากทำสิ่งที่เป็นความสามัญธรรมดา คือ มนุษย์มีสิทธิ์ มีเสียง มีปาก มีความคิด มนุษย์ต้องพูด คิด อ่าน เขียน ได้เป็นปกติ เราแค่ต้องการความเป็นปกติ มนุษย์ต้องมีบ้าน ข่าวสารต้องมีที่อยู่อาศัย nandialogue คือสิ่งนี้”
บันทึกเนื้อหาบางส่วนจากหนังสั้นของสำนักน่านไดอะล็อก สามารถรับชมกันเต็มๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/nandialogue/videos/334691587994280
หลังหนังกลางแปลงฉายหมดม้วน สิ้นสุดเสียงปรบมือ แสงไฟฟ้าสว่างขึ้นอีกครั้ง…
26 พฤศจิกายน 2021 เป็นวาระครบรอบ 52 ปีชาตกาล ของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที กวีราษฎร กฤษณา หรนจันทร์ กวีวัยรุ่นจากแดนใต้ เขียนงานชื่อ ‘ไม่มีใครเคยบอกเรา’ ส่งมา ยี่สิบ หญิงสาวผู้เดินทางมาพักค้างแรมที่เมืองน่าน อาสารับหน้าที่อ่าน ความบางตอนว่าไว้แบบนี้
…ไม่มีใครเคยบอกข้าพเจ้า
ว่าเราเคยมีผู้ชายที่ชื่อว่า ไม้หนึ่ง ก.กุนที
น่าเศร้าที่หญิงสาวและชายหนุ่มไม่เคยได้รู้จักเขา
เราเลยไม่ได้จดจำเขาไว้
ข้าพเจ้าเหมือนกับเขา
เรารักในบทกวี และพยายามเปล่งเสียงด้วยตัวอักษร
เรารักในการเขียน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง
น่าเศร้าที่เขาถูกริบชีวิต
เพียงเพราะเขียนบทกวี
น่าเศร้าที่ประเทศนี้
ไม่มีที่สำหรับผู้พูดความจริง
ข้าพเจ้าจะจดจำเขาไว้
เพียงแต่ว่าในครั้งนี้มันจะต่างออกไป
เพราะเราได้มี ไม้หนึ่ง ก.กุนที
เพิ่มขึ้นอีกนับล้านแล้ว.
อ่านบทวีฉบับเต็มได้ที่ https://www.nandialogue.com/nobosytellsus/
อีกบทชื่อว่า ‘เกิดอย่างไพร่’ เขียนโดย รชา พรมภวังค์ มีกวีหนุ่ม กัญชญา เป็นผู้เปล่งเสียง บางตอนว่าไว้
เกิดอย่างไพร่ อยู่อย่างไพร่
ทุกหยดเลือดที่เวียนไหลไม่เป็นอื่น
กับคำถาม บางขณะ ณ จุดยืน
ตีนก็ยังเหยียบพื้น จนวันตาย
เกิดจากดวงวิญญาณราษฎร
กิน ดื่ม หลับนอน อย่างง่ายๆ
ตระหนักรู้ ตระหนักรัก อย่างคลี่คลาย
ไม่จ่อมจมงมงาย พวกเทวดา…
เช่นกัน, สามารถอ่านบทกวีฉบับเต็มได้ที่ https://www.nandialogue.com/ordinary-people/
วรพจน์ พันธ์ุพงศ์ เรียก แดนซ์-อธิวัฒน์ อุต้น เพื่อนร่วมงาน กองบรรณาธิการน่านไดอะล็อกขึ้นมาบนเวที แนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก และส่งมอบเวทีให้กับ เยิงบอย โปรเจ็กต์เดี่ยวในพาร์ตดนตรีของเพื่อนผู้ร่วมงาน
ถัดจากนั้น เชิญแหล่งข่าวที่เคยสัมภาษณ์พูดคุยมาให้ทุกคนได้เห็นหน้าเห็นตา ฟังเสียงพูดกันบนเวที มี เพ็ญศิริ ณรงค์แสง จากบทสัมภาษณ์ชื่อ เสื้อแดงน่าน ‘อ่าน’ 15 ปี รัฐประหาร 19 กันยาฯ “มึงทำลายโอกาสชีวิตของกู”
เกียรติศักดา จงคิด ในเรื่อง ‘ของสวยๆ งามๆ เขาเรียกเตะตา ลาบแซ่บๆ เกียรติศักดาเรียกเตะปาก’ พ่อค้าร้านลาบอุบลที่นำลาบหม้อใหญ่มาให้แขกในงานได้ชิมกัน
ณัฐชัย เติมวานิช จากบทสัมภาษณ์ ‘หมูไม่หมู ชีวิตของพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกสองคนเป็นทอมและเกย์’
และ เรืองผกา วุฒิการณ์ จากบทสัมภาษณ์ ‘เปิดกระเป๋าสาวแกร็บเมืองน่าน จากวันละพันห้า วันนี้เป็นศูนย์’ ทุกคนขึ้นมาพูดคุยกันในประเด็นของชีวิตปีที่ผ่านและความหวังความฝันในปีหน้า
ฉากสุดท้าย ส่งไม้ต่อให้กับนักเพลงจากอุบลฯ ขวัญใจคนน่าน ธีร์ อันมัย บรรเลงบทเพลงตัวเอง เพลงไทย ลูกทุ่ง สากล สตริง ลูกกรุง ฯลฯ ขับกล่อมปิดท้ายปาร์ตี้แรกของสำนักน่านไดอะล็อก
ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานการเปิดน่านฟ้าบทสนทนาเสรี.
เรื่อง: nan dialogue
ภาพ: นงลักษณ์ บุญคำภา และ กTM