the letter

ณ ที่ที่เราควรมีชีวิต

สวัสดีพี่หนึ่งจากกรุงเทพฯ ครับ

ขออภัยที่ส่งจดหมายมาให้โคตรช้า (นิสัยแย่ๆ นี่แม่งทำโคตรง่าย ลองทำไม่กี่ครั้งก็เริ่มติดใจจนเคยตัว และเริ่มทำบ่อยเกินไปแล้ว 55) ตั้งแต่กลับมากรุงเทพฯ เมื่อกลางสัปดาห์ นอกจากมีงานที่โรงพิมพ์ให้สะสางจัดการแล้ว การนัดหมายมิตรสหายและครอบครัวเพื่อดื่มกิน พบปะ โอบกอดให้หายคิดถึง ก็ดูดกลืนเวลาทั้งหมดของผมในกรุงเทพฯ ไปจนหมดสิ้น การที่ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ท่ามกลางผู้คนก็พลอยทำให้เวลาคิด อ่าน เขียน น้อยลงไปอย่างมีนัยยะ เพิ่งมีเวลาช่วงเช้าวันเสาร์นี่แหละครับ ที่พอได้นั่งนึกถึงสิ่งที่อยากเล่าให้พี่ฟังระหว่างดื่มกาแฟและนั่งดูดยาข้างๆ บ้าน มุมเดิมที่ผม พี่ และน้ากิต ดื่มกินกันต่อในคืนวันงานคุยเรื่องหนังสือ ‘เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง’ ไม่กี่เดือนก่อน 

ย้อนคิดไป ไอ้พื้นที่ตรงนี้ของบ้านนี่แหละคือจุดเกิดเหตุหลายๆ อย่างในชีวิต ดื่มกิน ปรับทุกข์ แบ่งปันสุขกับเพื่อนๆ ดูดกัญชากับเมียและพี่น้อง ทะเลาะกับน้องชายและพ่อ ละเมียดกาแฟยามเช้า ใคร่ครวญกับความเป็นไปในชีวิตยามค่ำคืน มันเป็นชายคาบ้านที่ไม่ลึกลับหรือเป็นส่วนตัวมากนัก แต่ก็ไม่โจ่งแจ้งเปิดโล่งให้ใครเห็นได้ถนัด พื้นที่ธรรมดาจึงกลายเป็นทำเลศักดิ์สิทธิ์ด้วยเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต 

ถ้าให้นักจิตวิญญาณนิยมกล่าว ก็คงจะบอกว่าจุดนี้มีแหล่งพลังงานจนก่อให้เกิดการขับเคลื่อนในจิตใจของผู้คนที่ผ่านไปและผ่านมา

ย้อนไปสักสามสิบปีก่อน เดินจากจุดนี้ไปไม่กี่ก้าวก็จะถึงศาลาปูนที่อากงของผมมักจะเดินมานั่งตลอดทั้งวันเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์จีน ชงโสม คุยโทรศัพท์กับเพื่อน และสูบบุหรี่ 

ว่ากันว่าคนเรามักจะเหมือนกับปู่ย่าตายายมากกว่าพ่อหรือแม่ ผมคิดว่าน่าจะจริง เรื่องนึงที่ผมน่าจะเหมือนกับอากงมากๆ ก็คือการสรรหาของอร่อยๆ กิน ขับรถไปกินอะไรไกลๆ นี่เป็นเรื่องปกติ แต่ก่อนอากงเคยทำงานในเรือสินค้า ล่องจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดทางใต้ซึ่งรวมถึงสุราษฎร์ธานี เพื่อขนสินค้าและมะพร้าวมาขายที่กรุงเทพฯ 

ผมว่าเป็นไปได้มาก ที่แกอาจเคยลงเรือไปเดินเล่นชายหาดบนเกาะพะงันหลายสิบปีก่อนที่หลานชายคนนี้จะลองไปใช้ชีวิตที่นั่น 

ก่อนกลับมากรุงเทพฯ ครานี้ ผมพบชาวกรุงอีกสองคนที่เริ่มอพยพไปเกาะพะงัน หนึ่งเป็นศิลปินสาวที่ผลงานศิลปะแนวเซอร์เรียลขายดิบขายดีในแกลเลอรี่แถบราชประสงค์ เธอย้ายมาอยู่ที่เกาะในเวลาเดียวกับพวกเราคือเดือนสิงหาคมเมื่อปีก่อน เธอว่าเกาะพะงันซึ่งหมายรวมทั้งสถานที่และผู้คนช่วยเยียวยาจิตใจและปมชีวิตในอดีตของเธอ นอกจากจะนั่งทำงานในบ้านพักใกล้ๆ โรงเรียนของลูกผมแล้ว เธอมักออกไปนั่งคาเฟ่เพื่อชมวิว วาดรูป พายเรือแพดเดิ้ลบอร์ด พูดคุยสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนนานาชาติ และชมดนตรีสดที่เซนบีช 

อีกหนึ่งเป็นนักออกแบบสาวที่มาทดลองอยู่ที่เกาะพะงันพร้อมกับแมวของเธอ เธอลองอยู่ได้เดือนสองเดือนก่อนตัดสินใจจะย้ายมาอย่างถาวรอีกหนึ่งปีในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เธอว่าการหาบ้านพักให้เธอและแมวนั้นแสนยากเย็น ส่วนใหญ่แล้วบรรดารีสอร์ทมักไม่อนุญาตให้แมวลงทะเบียนเป็นผู้เข้าพัก เธอเพียรหาและพอหาได้ก็พยายามอยู่อาศัยอย่างเรียบร้อยเพื่อทำให้เจ้าของรีสอร์ทมั่นใจว่าแมวของเธอเป็นแขกที่น่ารัก ไม่สร้างปัญหาใดๆ 

ไม่กี่สัปดาห์ก่อน เธอแวะมาผมที่บ้านแล้วเล่าให้ฟังว่าได้ทำสัญญาเช่าห้องพักกับรีสอร์ทอีกแห่งสำหรับการอพยพมาเกาะครั้งถัดไปแล้ว เจ้าของรีสอร์ทใหม่ถามเธอว่าเคยพักที่ไหนมาก่อนรึเปล่า เพียงเธอเอ่ยว่าเคยพักที่รีสอร์ทไหนมาก่อน เจ้าของรีสอร์ทใหม่ก็แทบจะตกลงให้เธอและแมวเข้าพักในทันที ที่เกาะพะงันบรรดาเจ้าของรีสอร์ทมักจะรู้จักและรู้ทางกันหมด การที่แขกคนใดเคยพักที่ไหนมาก่อนอย่างไม่มีปัญหาก็คล้ายๆ จะเป็นวีซ่าให้พักในรีสอร์ทถัดไปได้โดยอัตโนมัติ 

บ้านพักบนเกาะกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากจากทั้งคนต่างชาติและคนไทยจากเมืองอื่นๆ ราคาค่าเช่าบ้านในพะงันสูงเกินกว่าบ้านลักษณะเดียวกันในเกาะสมุยไปแล้ว ที่จริง บ้านว่างๆ บนเกาะนั้นยังมีอีกเยอะ แต่มักไม่ถูกจริตผู้คนกลุ่มใหม่ที่อพยพเข้ามา ลักษณะอันไม่พึงประสงค์ของบ้านพักเดิมๆ เหล่านี้ก็อาทิเช่น มืดเกินไป ไม่มีครัวหรือครัวเล็กเกินไป ระเบียงแคบ ปลวกเยอะ บันไดชันและสูงเป็นอันตรายต่อเด็ก 

เรื่องเหล่านี้ไม่เป็นปัญหาในอดีตเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นแบ็คแพคเกอร์มองหาที่พักระยะสั้นที่พร้อมจะเผชิญและเอ็นจอยกับทุกความแปลกใหม่ในชีวิต แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ผู้คนเริ่มมองหาสิ่งที่เรียกว่า ‘บ้าน’ ของพวกเขาได้จริงๆ อาคารร้างและว่างหลายหลังที่ตั้งอยู่ในปัจจุบันจึงทำให้เราเห็นถึงอดีต และอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นบนเกาะแห่งนี้

แม้ว่าในทางกฏหมายชาวต่างชาติจะไม่สามารถซื้อที่ดินในประเทศนี้ได้ แต่ก็นั่นแหละครับ อะไรๆ ก็เป็นไปได้ในดินแดนนี้ ฝรั่งบางคนโดยเฉพาะชาวอิสราเอลเริ่มซื้อที่ดินและปลูกบ้านกันเองแล้ว ก็ในเมื่อแลนด์ลอร์ดไม่ปรับตัว ผู้มาเยือนกลุ่มใหม่ๆ จึงเริ่มแสวงหาหนทางทำให้ชีวิตดีขึ้นด้วยตัวเอง ผมเองมองความเคลื่อนไหวนี้ด้วยความสนใจ กำลังวางแผนการสร้างอะไรทำนองนี้เหมือนกัน แต่ใจไม่อยากทำแค่บ้านเดี่ยวแบบไพรเวทพูลวิลล่าให้เช่า 

สำหรับผม ถ้าสร้างแบบนั้นมันดูไม่เป็นพะงันเอาเสียเลย พะงันมันคือผู้คนในชุมชนที่เปิดกว้างและเอื้อเฟื้อ ผมกำลังคิดถึงหมู่บ้านนานาชาติ นานาอายุ และนานาอาชีพ ที่มีพื้นที่ส่วนกลางให้ผู้พักอาศัยได้ใช้ร่วมกัน อาทิ สระว่ายน้ำ ลานปิ้งย่างบาร์บีคิว เล้าไก่ไว้เก็บไข่กิน แปลงผักสวนครัว เครื่องซักผ้า การาจไว้ทำงานไม้หรืองานช่าง สนามเด็กเล่นใต้ร่มไม้ 

ที่สำคัญ ค่าเช่าระยะยาวต้องไม่แพงเกินไปเพื่อดึงดูดคนได้หลากหลายฐานะ เสมือนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ผู้คนหลากหลายได้แลกรอยยิ้มและพึ่งพาอาศัยกัน 

ถ้าสร้างสำเร็จ มันคือทริบิวต์ของผมต่อเกาะพะงัน มันคือความประทับใจและประสบการณ์ชีวิตที่นายชัยพรได้รับจากพะงันและผู้คนบนเกาะแห่งนี้ 

ไว้โครงการเป็นรูปเป็นร่าง ผมจะนำเสนอหมู่บ้านแห่งมิตรภาพนี้กับคุณวรพจน์อีกครั้งครับ

ด้วยรักและมิตรภาพ

จ๊อก

 

 

nandialogue

 

ตอบ จ๊อก

รูปมุมดูดบุหรี่นั่งเสวนาหน้าบ้านคุณทำให้หลายเรื่องไหลมาเป็นสายน้ำ

แม่น้ำสายนี้มักมีจุดเริ่มต้นในยามราตรี และถ้าไม่ล่วงอรุโณทัยก็คล้ายไม่มีวันเหือดแห้ง

หนหนึ่ง กับหมาป่า บุรุษร่างเล็กผู้มีหัวใจหนาราวพจนานุกรม ครูแห่งวิชาชีพและพี่ชายที่ย้ำซ้ำๆ กับเราเป็นสิบรอบร้อยรอบว่าอย่ากลัวเสียเหงื่อ ถ้าทำงานกระทั่งเหงื่อกลายเป็นเลือดได้ก็จงภาคภูมิใจ เพราะการออกแรงย่อมหมายถึงผลผลิต คือโอกาส คือการสร้างสรรค์ มีแต่สัตว์พิการเท่านั้นแหละที่นอนงอมืองอเท้าอยู่ที่บ้าน

หนหนึ่ง กับ วาด รวี (หรืออีกนาม เป้ ปาเกียว) ค่ำนั้นเรานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์พี่เขามาจากศูนย์สิริกิติ์ งานสัปดาห์หนังสือเพิ่งเลิก นัดแนะกันแล้วว่าไปต่อบ้านนาย เป้ขอเอามอเตอร์ไซค์ไปเก็บที่บ้านก่อน เราซ้อนไป และจับแท็กซี่มุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกของบางกอก ขำที่เป้พูดกับจ๊อกว่า–มา และอย่าหนีไปนอนก่อนนะมึง ชอบชวนดีนัก

ที่ชวนก็เพราะพี่แกไม่ค่อยจะยอมออกจากถ้ำ กระนั้น คำดังกล่าวก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ว่ะ เพราะที่สุดคืนนั้นจ๊อกก็นอนก่อนใคร พูดถึงเป้ วันที่เลิกจากงานพี่วัฒน์ (24.04.2022 แยกคอกวัว) เรานั่งซ้อนท้ายเขาไปมูนชายน์บาร์ (ต้องกำกับ บอกทางตลอด เพราะเขามืดบอดเรื่องเมรัยสถาน) กินดื่มกันยาวถึงเที่ยงคืนกว่า ซึ่งนับว่าพิเศษ วัตรปฏิบัติของเป้ ปกติสองสามทุ่มก็ต้องโบกมือขอแยกย้ายแล้ว เป็นคืนที่บทสนทนาสนุก ได้น้ำได้เนื้อ (พรรคพวกเราเยอะ แยกกันนั่งสามโต๊ะ เรากะป่าน กะตุ๋ย นั่งคุยกับเป้) ใครจะนึกว่าสิบกว่าวันถัดมา เป้ก็เข้าโรงพยาบาล และอีกสัปดาห์เศษก็จากเราไป

นานมาแล้ว เราเคยทะเลาะกับนักเขียนคนหนึ่ง ประเด็นอะไร ช่างมันเถอะ แต่มีวรรคหนึ่ง ความรู้สึกหนึ่งที่เราพูดกับเขาคือ นึกว่าคนที่รู้เรื่อง เข้าอกเข้าใจ จะมีชื่อเขาอยู่ด้วย เราเข้าใจผิด ที่จริงมันก็มีแต่ไผ่ (ไม้หนึ่ง) กับ เป้ วันที่พูดนั้นไผ่จากไปแล้ว และวันนี้เป้ก็จากไปอีกคน เออ แม่งฝ่ายเราแทบไม่เหลือใครเลย นี่พูดในความหมายของเพื่อนสนิทและรุ่นราวคราวเดียวกันนะ เพราะ ‘คนที่รู้เรื่อง คนที่เข้าอกเข้าใจ’ ในหมู่คนหนุ่มคนสาวตอนนี้เราว่ามีปริมาณเยอะมาก

 

th

นอกจากบ้านคุณ เป้เคยมานอนบ้านเราหลายคืน (ไม่นับมาน่าน/ อันนั้นหลายครั้ง และทุกครั้งก็ถูกใช้งานหนัก) เราชอบนโยบายช่วงนั้นของเป้ คือแต่ละปีตั้งใจว่าจะเดินทางยาวๆ เดือนสองเดือน ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อคิดและเขียนหนังสือ ก่อนมาน่าน เขาเพิ่งไปทัวร์ทางอีสาน ดูแฮปปี้ทีเดียว เราเองก็อยากใช้ชีวิตแบบนั้น ยังทำได้น้อย ไม่น่าพอใจ เห็นเพื่อนทำได้จึงพลอยยินดี ยิ่งมีเพื่อนแวะมา ระหว่างการเดินทางของเขาก็ยิ่งประทับใจ นึกออกใช่มั้ย การที่เรามีโอกาสได้เป็นเป้าหมายหรือที่พักพิงเล็กๆ น้อยๆ ให้เพื่อน มันเป็นความงดงาม ได้กินดื่มถกเถียงกัน ใช้เวลาร่วมกัน เรื่องตลกก็คือเป้ทะเลาะกับอีอ้อน (ชื่อแมว) ด้วย มันก็สมควรอยู่หรอก ดึกๆ ดื่นๆ เสือกแหกปากร้องไม่หยุด พี่เป้แกคงวิเคราะห์แล้วว่า มึงนิสัยไม่ดี ไม่มีกาลเทศะ จึงลุกขึ้นมาอบรมไปชุดหนึ่ง ทำนอง–หุบปากได้แล้ว คนจะนอน

เอาใจช่วยโปรเจ็กต์ใหม่ในฝันโรมานซ์ของคุณ มันคือการทริบิวต์ที่จ๊าบโดยแท้ รอประยุทธ์และโจรรัฐประหารสร้างไม่ได้หรอกว่ะ งานละเอียดอ่อนแบบนี้ เราต้องลงแรงทำเอง ทางน่านก็คิดๆ ฝันๆ ไว้อยู่ วันก่อน อ.ป๊อกมาเยือน (เขามางานของเขานั่นแหละ พอมีเวลาสั้นๆ ก่อนเดินทางต่อ เลยไปนั่งกินเหล้ากันสองสามแก้ว) เราเสนองานให้เขาช่วยเป็นตัวเชื่อม เรื่องทำโครงการแลกเปลี่ยน ชวนคนฝรั่งเศสมา residency ที่น่าน (หลักการคือ open แต่อยากเริ่มต้นด้วยคนฝรั่งเศสก่อนเพราะเขามีเครือข่ายทางโน้น และเรากำลังเรียนภาษา) สถานที่มีอยู่แล้ว ถ้าเราหาผู้คนที่หลากหลายมาพบเจอกัน ทำงาน ปะทะสังสันทน์ วาระเช่นนี้มันน่าจะนำสู่ความก้าวหน้าใหม่ๆ ได้

ตัวอย่างจากงานเทศกาล ‘น่านโปเอซี’ ทั้งสองครั้ง เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ว่าถ้าคิด ถ้าลงมือ ขอบฟ้ามันเปิด มันขยาย ความเป็นไปได้มันมีจริงๆ

ฝากคุณเดินเกมทางสายใต้ ตีโอบทะเลพะงันไป ของเราทางหน่วยเหนือจะค่อยๆ คิดอ่าน และหาเหลี่ยมเข้าทำ.


เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก (ชัยพร อินทุวิศาลกุล) เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน

You may also like...