สวัสดีครับพี่หนึ่ง
อ่านคำตอบพี่ในฉบับที่แล้วเรื่องถนนหนทางกับความต้องการพื้นฐานของผู้คน แล้วก็ทำให้นึกถึงความไร้เดียงสาของตัวเอง บางครั้งสมองก็ทำงานแปลกๆ คิดอะไรไม่เข้าท่า จับแพะชนแกะไปเรื่อย มีมิตรสหายคอยเตือนสติกันบ้าง ก็อาจจะทำให้เราไม่เดินเข้ารกเข้าพงจนกู่ไม่กลับ ขอบคุณสำหรับข้อโต้แย้งนั้นครับ
ผมมาอยู่ที่นี่ได้สองเดือนแล้ว ปลายปีมีแผนจะกลับกรุงเทพฯ ช่วงที่ลูกชายปิดเทอม
แล้วตอนกลับมาเกาะอีกครั้ง เราคิดกันว่าจะย้ายบ้านเช่าครับ ทุกวันนี้เราเช่าในรีสอร์ทติดทะเลแถบตำบลบ้านใต้ เราเลือกเพราะเคยพักมาก่อน และเท่าที่อยู่อาศัยมา เจ้าของ ทีมงาน และเพื่อนบ้านในรีสอร์ทค่อนข้างอัธยาศัยดี คนรอบตัวดีก็พาให้อะไรที่ธรรมดาดูวิเศษขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนี้บ้านที่เราพักอาศัยมีครัวขนาดใหญ่ ที่พอจะทำอาหารกันเองหรือทำกับเพื่อนๆ ได้อย่างไม่อึดอัด แต่อย่างว่าครับ ราคาในการอยู่ติดทะเลมันสูงกว่าการอยู่ในป่าในสวน และเวลาเราอยู่กับทะเลนานๆ เข้า บางครั้งก็ทำตัวไม่เห็นคุณค่าของมัน
ผมแทบไม่ได้ลงเล่นน้ำทะเลเลย บางวันพระอาทิตย์ตกสวยๆ ก็ยังจะขี้เกียจเดินลงชายหาดไปดื่มด่ำ ผมคิดว่าไหนๆ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงชีวิตแล้ว การย้ายไปอาศัยในส่วนอื่นๆ ของเกาะ น่าจะทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นอีก ทะเลและหาดทรายอยู่ไม่ไกล วันไหนคิดถึงก็ขับรถมาหาได้ง่ายๆ
เวลาหาบ้านพักเราก็พยายามหาอยู่สองสิ่งครับ หนึ่งคือครัวที่ทำอาหารกินเองได้สะดวก กับสอง เพื่อนบ้านนิสัยดี อย่างแรกยังพอมองหาในอินเทอร์เน็ตได้อยู่ แต่อย่างที่สองนี่ต้องลองเสี่ยงและประเมินที่หน้างาน อาจคาดเดาได้บ้าง อาจถูกตอนแรกและผิดได้ในเวลาต่อมา
ความสัมพันธ์ของมนุษย์มันแปรเปลี่ยนเสมอนี่ครับ เราได้ยินคนเล่าให้ฟังมาเยอะเรื่องที่ทั้งคนไทยหรือฝรั่งทุ่มเทลงทุนสร้างบ้านในฝันของตัวเอง แล้วมาตระหนักได้ภายหลังว่ามีเพื่อนบ้านนิสัยกักขฬะ บ้านจะสวยวิวจะสวยแค่ไหนก็คงเหมือนนรก เช่าอาจดูเปลือง แต่ก็ทำให้เรามีทางออกที่ง่ายกว่าซื้อ
โค้ชเจมส์ ครูสอนพละของศิลป์ลูกชายผมบอกกับเราว่า เวลาจะหาบ้านพักที่พะงันให้ขับรถตระเวนดู ชอบหลังไหนก็เดินเข้าไปถามเลย เขาเคยหาบ้านในอินเทอร์เน็ตอยู่นานหลายวัน แต่ก็ไร้ผล จนกระทั่งวันหนึ่งเขาขี่รถเข้าไปในซอยที่ไม่เคยเข้าไปมาก่อน จึงเจอบ้านที่ถูกใจ
ตอนนี้เรามีบ้านเช่าสำหรับปีหน้าอยู่ในใจแล้วละครับ แต่ยังสร้างไม่เสร็จสักที เป็นบ้านที่ทำผนังและหลังคาจากขวดน้ำพลาสติกสองหมื่นขวด
เจ้าของบ้านเป็นอดีตนักดนตรีชาวอังกฤษชื่อ ดีน แกได้แนวคิดนี้จากปานามา ที่นอกจากจะประหยัดวัตถุดิบและลดน้ำหนักอาคารแล้ว ยังรักษาอุณหภูมิในบ้านได้ดี ทั้งป้องกันสัญญาณในอากาศที่จะรบกวนการนอนของเราอีกด้วย
ดีนสร้างบ้านด้วยตัวเองเสร็จไปแล้วหนึ่งหลัง ใช้เวลาร่วมสองเดือน ผมเจอแกริมสนามบอลที่ลูกชายของเราฝึกซ้อมและเล่นด้วยกัน เท่าที่คุย ดูเหมือนว่าแกจะหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดด้วยการหลบลี้มาอยู่ที่เกาะพะงัน
ดีนคิดว่าการฉีดวัคซีนมันคือแผนของคณะอิลลูมินาติ ที่ต้องการควบคุมและบงการประชากรโลก แกเล่าว่า เคยโดนคณะอิลลูมินาติขู่ฆ่ามาตั้งแต่สมัยเป็นนักดนตรีดังตั้งแต่หนุ่มๆ ฟังดูแปลกๆ เพี้ยนๆ นะครับ แต่ด้วยความสนใจในบ้านจากขวดพลาสติก ผมกับภรรยาจึงขอไปเยี่ยมแกที่ไซต์ก่อสร้าง เพื่อดูให้เห็นกับตา เนื่องจากมีบ้านบางหลังสร้างไม่เสร็จ เราจึงเห็นว่าในผนังบ้านและหลังคาทั้งหมดเต็มไปด้วยขวดพลาสติกในตาข่ายเหล็ก บางส่วนถูกฉาบปูนปิดไปแล้ว แต่ก็ยังมีหลายส่วนที่ยังเปลือยเปล่ารอการฉาบอยู่
นอกจากจะถูกใจกับแนวคิดแล้ว เรายังชอบสไตล์การออกแบบบ้านที่เรียบง่าย แต่ดูดีตามแบบชาวตะวันตก ครัวอยู่หน้าบ้าน และมีขนาดใหญ่กว่าครัวของบ้านเช่าหลังอื่นๆ บนเกาะ แกว่าคนไทยมักทำอาหารอร่อยได้ในครัวแคบๆ เล็กๆ แต่คนยูโรเปียนทำแบบนั้นไม่ได้
แกพาเราเดินดูผืนดินรอบๆ ที่ได้ออกแบบและทำเสร็จไปบ้างแล้ว ระหว่างทางเดินที่โรยขอบด้วยกะลามะพร้าว เราเห็น มุมก่อกองไฟ บ้านต้นไม้ สนามเด็กเล่น เล้าไก่ มินิเธียเตอร์ (จอโปรเจ็กเตอร์แขวนในบ้านไม้หลังเก่าๆ) แกพาเดินชมพลาง พูดถึงจินตนาการของแกต่อพื้นที่ไปพลาง
“พวกเราทำอาหาร แล้วมองลูกของพวกเราเล่นกันอยู่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง บางคืนพวกเราอาจนั่งคุยกันรอบกองไฟ และปล่อยให้ลูกๆ เราเล่นกันบนบ้านต้นไม้ใกล้ๆ” อาจด้วยว่าเรามีลูกชายวัยใกล้กัน ความต้องการบางอย่างในชีวิตของผมกับดีนจึงคล้ายกัน
อะไรที่ดีนทำกับผืนดินที่เขากับลูกชายอาศัยอยู่ ช่างดูอบอุ่นเหลือเกินในสายตาของผม แกพูดถึงการมีเพื่อนบ้านที่ดี การมีพื้นที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ให้เด็กๆ แค่นี้ก็ได้ใจคนเป็นพ่ออย่างผมแล้ว ก่อนกลับเราบอกกับดีนว่า ถ้าเป็นไปได้เราอยากมาเป็นผู้อยู่อาศัย แกตอบว่าก็คิดจะชวนเราอยู่เหมือนกัน ตอนนี้คงทำสัญญาใจกันไปก่อน ใกล้ๆ กลับกรุงเทพฯ คงจะได้รู้แน่ชัดว่าจะได้ย้ายไปจริงไหม
แกว่าตอนแกเริ่มสร้างบ้านหลังแรก ชาวบ้านเดินมาหาแล้วบอกว่า ฝรั่งบ้า จะสร้างบ้านจากขวดพลาสติกได้อย่างไร
จวบจนสร้างเสร็จและได้เข้าไปอยู่อาศัยจริงๆ ผู้คนจึงเริ่มเข้าใจและนับถือ ไม่แค่นั้น ครั้นที่แกสร้างบ้านหลังต่อๆ มา แกก็กระจายรายได้ด้วยการแจกจ่ายงานเรียงขวดลงตาข่ายเหล็กและงานฉาบปูนให้กับชาวบ้านรอบข้างด้วย
ผมเองไม่คิดว่าดีนเป็นฝรั่งบ้าที่สร้างบ้านจากเศษขยะ แต่ก็ยังอดสงสัยเรื่องการปฏิเสธวัคซีน กับคณะอิลลูมินาติไม่ได้ แต่ไม่เป็นปัญหาครับ
บ้านหรือชุมชนที่ดีนั้น ไม่จำเป็นที่สมาชิกต้องคิดเหมือนกันไปหมดทุกเรื่อง เหมือนกันแค่เรื่องหลักๆ พอ เรื่องปลีกย่อยที่แตกต่างเผลอๆ อาจเป็นสีสันของชีวิตให้เราตื่นตะลึง หัวร่อ หรือชื่นชมด้วยซ้ำ
จ๊อก
ตอบ จ๊อก
เราคิดคล้ายๆ กันเรื่องที่ตั้งตำแหน่งบ้าน คือถ้าเลือกได้ จ่ายได้ การมีบ้านในที่ทำเลวิวสวยๆ มันก็สุดยอดแน่ๆ แต่ใครกี่คนล่ะที่ทำได้ ฝ่ายเรานี่ไม่ต้องพูดเลย สิ่งที่เลือกคือเอาจ่ายน้อยไว้ก่อน สวยน้อยหน่อยหรืออยู่ไกลจุดชมวิวก็ไม่เป็นไร คิดเข้าข้างตัวเองว่าจะได้เคลื่อนไหว เดินเหินไปไหนมาไหนบ้าง ถือเป็นอุบายออกกำลังกายไปในตัว การมีบ้านที่สมบูรณ์แบบเกินไปมันอาจทำให้เราพิการ นี่ก็ว่ากันไปแบบคนไม่มีน่ะนะ องุ่นเปรี้ยวนิดหน่อยก็อร่อยดี หวานไปมันเลี่ยนว่ะ
อยู่น่านมาจะครบห้าปี เราพ้นภาระวังวนเรื่องการหาที่อยู่อาศัยแล้ว สบาย ไม่สบายอะไรตรงไหนก็แก้ไขไปตามเนื้อผ้า (ซึ่งมันก็มีมาตลอด ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงา) คิดอยู่คนเดียวว่าจบสิ้นหมดเวรกรรมกันเสียทีในเรื่องบ้าน
จู่ๆ ช่วงนี้ก็มีเพื่อนพี่น้องสนใจอยากย้ายชีวิตมาอยู่ที่น่านแบบเราบ้าง บางวันว่างๆ ก็เลยมีเรื่องเกี่ยวข้องช่วยหาช่วยดู ว่าทำเลไหนน่าสนใจ (หมายถึงทั้งที่ตั้ง สิ่งแวดล้อม และราคา) ใช้วิธีคล้ายโค้ชเจมส์คือชอบตรงไหน ก็แวะเข้าไปถาม เพราะข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมันไม่เพียงพอ และยังไงสุดท้ายดูเน็ตแล้วก็ต้องไปดูสถานที่จริงอยู่ดี ช่วงนี้มีเพื่อนใหม่เขามีโดรน เลยถือโอกาสบินดูที่นั่นที่นี่ สำรวจบริเวณโดยรอบของพื้นที่ที่เราชอบ เทคโนโลยีนี้เปิดมิติใหม่ทางสายตาจริงๆ แต่ก็อย่างที่คุณว่า เพื่อนบ้านคือองค์ประกอบสำคัญมาก สิ่งอื่นเรากำหนดได้พอสมควร แต่เพื่อนบ้านนี่คล้ายดังบัญชาสวรรค์ ว่าไปเพื่อนบ้านก็เปรียบเหมือนพ่อแม่พี่น้อง คือเราเลือกไม่ได้ แต่กับเพื่อนนี่จะผิด ถูก ดี เลว เราเป็นคนเลือกเอง
ตลกดี เราเคยได้ยินแม่คนหนึ่งบ่นเบื่อว่าลูกชายของตนเสียคนเพราะเพื่อน คบเพื่อนเลวอะไรทำนองนั้น คือมันอาจมีความจริงอยู่บ้างนะ แต่ตรรกะแบบนี้เราว่าใช้ไม่ได้ การชี้นิ้วหรือโยนความผิดบาปทั้งหมดไปให้ผู้อื่นแม่งโคตรหยาบคาย คนเช่นนี้ไม่เคยก้มมองตัวเอง เอะอะก็โทษฟ้าดิน โทษคนอื่น ทุกปัญหาในโลกเกิดจากผู้อื่นทั้งสิ้น ถ้าเลี่ยงได้ บุคคลเช่นนี้เป็นกลุ่มแรกๆ ที่เราจะเลี่ยง เฮ้ย มันต้องมองตัวเองด้วยสิ ยอมรับว่าหลายครั้งเราก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาและถ้าพอจะแก้ไขปรับปรุงได้ ก็พยายามเปลี่ยนแปลงพัฒนา ที่ถูกมันควรเป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ พอย้อนกลับมาเรื่องเพื่อนบ้าน แน่ละ เราเลือกได้ประมาณหนึ่ง และสุดท้ายก็แล้วแต่โชคชะตา เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ทำได้สำหรับเราคือพยายามทำตัวเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ความคิดนะ ความพยายามนะ ชีวิตจริงทำได้หรือไม่อย่างไร ไม่ทราบ เท่าที่ทราบ ความอยากอยู่ห่างไกลชุมชนออกมาหน่อย ไม่ใช่กลัวเสียงดังจากเพื่อนบ้าน แต่กังวลว่าเรานี่แหละที่จะไปสร้างความรำคาญให้ชาวบ้านชาวช่องเขา –มันมักจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ ถึงได้เลือกจุดที่สงบวิเวกมากที่สุด
เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน