the letter

ภรรยานิยม

ชาโลมครับพี่หนึ่ง
(อยู่กับชาวยิวบ่อยๆ เข้าก็ต้องฝึกทักทายเป็นภาษาฮิบรูสักหน่อย)

 

ช่วงนี้ผมเริ่มฝืดๆ ครับ เว้นการเขียนไปสักพัก พอจะเริ่มเขียนก็ติดๆ ขัดๆ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

สาเหตุก็มาจากภรรยานี่แหละครับ มาแล้วทุกอย่างลงตัว สามีก็เลยว่างมากขึ้นไปอีก แล้วคนเราพอว่างหรืออยู่เฉยๆ มากเกินไป กล้ามเนื้อต่างๆ ก็มักฟีบลง นี่น่ารวมไปถึงสมองด้วย ช่วงหลังผมอ่านหนังสือหลายเล่มก็พูดไว้คล้ายกันว่า การออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ช่วยแค่ให้เรามีสุขภาพร่างกายดีเท่านั้น มันสำคัญว่าช่วยให้สมองเราดีขึ้นอีกด้วย กับเด็กๆ ก็เหมือนกัน ว่ากันว่าถ้าอยากให้เด็กสมองดีนี่ก็ควรให้พวกเค้าได้ขยับร่างกายบ่อยๆ ใช้มือ เท้า หรือปากเยอะๆ เพราะสมองส่วนที่ใช้ในการคิดก็อยู่ตำแหน่งไม่ไกลจากส่วนที่ใช้ในการสั่งการอวัยวะเหล่านี้เท่าไร

ส่วนกับคนแก่ มีผลการทดลองออกมาแล้วว่า การเดินออกกำลังกายเป็นประจำช่วยยับยั้งการเสื่อมของสมองได้ หนังสือที่ผมขนมาอ่านที่เกาะมีอยู่หลายเล่มและหลายหมวด แต่พอมาอยู่แล้ว ผมมักเลือกอ่านเล่มที่ว่าด้วย วิวัฒนาการมนุษย์ทั้งนั้นเลย เหมือนกับว่า พอมาอยู่ไกลจากจุดศูนย์กลางความเจริญและความขัดแย้งแล้ว เรื่องความไม่ยุติธรรมทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เพื่อนพี่น้องต้องประสบพบเจอ ก็อยู่ไกลจากความสนใจของผมไปด้วย

อยู่กับทะเลและดวงดาวแล้ว ผมอยากรู้เรื่องอดีตและที่มาของมนุษย์ซะมากกว่าความเป็นไปในปัจจุบันและอนาคต

อยู่เกาะมาสองเดือนกว่าก็แทบจะอ่านหนังสือหมวดนี้หมดชั้น เหลือไว้แต่เล่มในหมวดอื่นๆ ที่ตอนอยู่บนฝั่งคิดว่าตัวเองควรจะอ่านหรืออยากจะอ่าน แต่พอมาอยู่เกาะแล้วรู้สึกไม่อยากอ่านหรืออ่านไม่ได้ไปซะอย่างนั้น

 

the letter

 

เช่นเดียวกับหนังสือ เสื้อผ้าและข้าวของอีกหลายชิ้นที่เตรียมมา เริ่มกลายเป็นภาระในการเก็บรักษาซะมากกว่าสิ่งที่จะใช้ประโยชน์ ซักผ้าเองกับมือแล้วตากด้วยแดดลมมาสองเดือน ก็ตระหนักว่าแต่ละคนมีเสื้อผ้าใส่สบายและแห้งเร็วแค่สี่ห้าชุดก็พอแล้ว

เพื่อนบ้านชาวยิวตัวน้อยสองคนวัยสองขวบและสี่ขวบ ชื่อ ออ และ กัล นี่แทบจะแก้ผ้าเดินเล่นชายหาดกันทุกวัน
ผู้ใหญ่อย่างพวกเราอดอิจฉาเด็กๆ ไม่ได้ ที่เดินแก้ผ้าในรีสอร์ทได้โดยไม่ต้องอายใคร

สองเดือนก่อนตอนที่อยู่บนฝั่งก่อนจะข้ามมาเกาะ ด้วยการคาดคะเนว่าเราจะมาอยู่กันในช่วงฤดูฝน และผมต้องขี่มอไซค์ส่งลูกไปโรงเรียน ก็เลยซื้อเสื้อกันฝนไว้ให้ลูกตัวนึง อยู่มาสองเดือน เพิ่งจะใช้ไปแค่ครั้งเดียว และใช้แบบแค่เพื่อจะได้ใช้ด้วยซ้ำ ฝนที่ตกบนเกาะมันไม่เหมือนฝนที่ตกที่กรุงเทพฯ อาจด้วยว่ามีลมพัดตลอด และมีแนวเขาสูงดักฝน ทำให้ฝนที่นี่ตกแค่พักๆ เสื้อกันฝนที่เตรียมไว้ก็กลายเป็นสิ่งล้นเกินและเกะกะ ในบางบริบทของชีวิต ผมคิดว่าการตัดสินใจที่หน้างานจะมีโอกาสถูกมากกว่าการคิดเอาเองล่วงหน้า

ตอนกลับกรุงเทพฯ ช่วงปลายปี คิดว่าพวกเราจะขนของกลับมากกว่าเอามาเพิ่ม

สิ่งที่ภรรยาผมทำตั้งแต่กลับมาเกาะในรอบที่สองคือ ช่วยดูแลลูก และทำกับข้าวให้กิน (ที่สำคัญช่วยล้างจานให้) เรื่องล้างจานที่ผมโคตรชื่นชมเธอเลย ตอนที่เธอไม่อยู่ ผมพาลไม่อยากทำกับข้าวอยู่บ่อยๆ เพราะเบื่อล้างจานนี่แหละ

วันก่อนผมเอ่ยปากขอบคุณ (ที่ล้างจานให้) และถามเธอว่ารู้รึเปล่าว่าเธอใช้เวลาล้างจานและเก็บครัวซะมากกว่าตอนทำกับข้าวเสียอีก เธอบอกว่าก็รู้อยู่แล้ว เหมือนกับว่าการทำกับการล้างมันเป็นสิ่งเดียวกัน ก็เลยไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร ผมเองบางครั้งก็ชอบทำอาหาร แต่ทำทีไรก็มักจะโดนภรรยาบ่นอยู่บ่อยว่าชอบทำครัวแตก จะใช้จาน ชาม หม้อ กระทะ อะไรเยอะแยะและเลอะเทอะขนาดนั้น

อาหารอะไรที่บ่นๆ ว่าหากินไม่ได้ที่เกาะพะงัน ก็เริ่มมีให้กินบ้างจากฝีมือภรรยาผม

สัปดาห์ก่อนเธอทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อ สัปดาห์นี้ทำก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำให้กิน

ทำให้หายคิดถึงกรุงเทพฯ ไปเยอะเลยทีเดียว

แต่เวลาทำอาหารอะไรพวกนี้ที่นี่ พวกเราเริ่มจากใกล้ๆ ศูนย์เลยนะครับ ทุกอย่างเริ่มต้นจากวัตถุดิบทั้งนั้น มากกว่านี้ก็คงต้องไปเลี้ยงหมู ปลูกผัก หมักเส้นเองแล้วล่ะคร้บ

 

the letter

 

ผมมีโอกาสได้ช่วยภรรยาทำอาหารอยู่บ้าง ก็เลยพอได้รู้กระบวนการ อย่างทำก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำนี่ก็ต้องเตรียมหลายอย่าง หมูเด้งก็ต้องทำเอง ส่วนผสมคือเนื้อหมู มันหมู เบกกิ้งโซดา และเครื่องปรุงอีกสองสามอย่าง เครื่องในก็ต้องตุ๋นให้นานพอจะหมดคาวและนุ่มลิ้น กระเทียมเจียวก็ต้องเจียวจากน้ำมันที่ได้จากการทอดกากหมู พริกป่นก็คั่วเอง จะได้มีกลิ่นหอมจากการไหม้ของพริกสักหน่อย ต้นหอมควรซอยให้หยาบ เราจะได้สัมผัสของมันโดยที่กลิ่นต้นหอมไม่รบกวนกวนรสชาติก๋วยเตี๋ยวมากเกินไป สิ่งที่ต้องใช้มากที่สุดก็คือเวลา ทำก๋วยเตี๋ยวกินกันเองสี่ห้าคน อาจใช้เวลาร่วมสองสามชั่วโมง ไม่นับเวลาที่ใช้ในการไปซื้อหา เราประหยัดบางอย่างแต่ต้องฟุ่มเฟือยบางเรื่องเพื่อได้มาซึ่งความสุข คิดเข้าข้างตัวเองว่า ถ้าให้ฟุ่มเฟือยทุกอย่าง หรือประหยัดทุกอย่าง เราอาจไม่มีความสุขเท่านี้

ความรู้สึกดีเวลากินอาหารอร่อยๆ ร่วมกันจากครัวในบ้าน เป็นความวิเศษอย่างหนึ่งที่ผมประสบตั้งแต่ภรรยากลับมา

เป็นความรู้สึกปนๆ กันระหว่างความภูมิใจในฝีมือภรรยา (และตัวผมเองอีกนิดหน่อย) กับความพึงพอใจในรสชาติอาหาร

เวลากินข้าวที่บ้าน อาหารดี ดนตรีไม่ต้องไพเราะ ก็เพียงพอที่จะเป็นชนวนไปสู่ความสุขอีกหลายอย่างในครอบครัวเราแล้วครับ

 

ด้วยรักและคิดถึง

จ๊อก

ปล. ช่วงท้ายของจดหมายอาจดูหวานเลี่ยนไปหน่อยนะครับ ผมชมเธอต่อหน้าไปแล้ว แต่ยังรู้สึกดีกับก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำที่เธอทำ จนอดไม่ได้ที่จะเล่าให้พี่ฟังอีกครั้งครับ

 

 

nandialogue

 

ตอบ จ๊อก

อ่านจดหมายคุณฉบับนี้แล้วรู้สึกซาบซึ้ง จนคิดว่าถ้าตอบอะไรไปน่าจะกลายเป็นสิ่งล้นเกิน ขออนุญาตนั่งมองสายฝนพรำๆ และส่งถ้อยคำนี้แทนความคิดถึงครอบครัวคนพะงัน —vive l’amour

 


เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน

You may also like...