interview

สมาชิกสภาเทศบาล นักร้อง เจ้าของร้านหมาล่า –ยุคนี้ทำอย่างเดียวมันไม่พอกิน

พลบค่ำ, ลูกค้าในผับยังเบาบาง นักดนตรีหนุ่มสองคน กับอีกหนึ่งหญิงสาว ประจำตำแหน่งหน้าเวที แสงสีพร้อม

ประสามืออาชีพ คนจะน้อยจะมาก ถึงเวลาโชว์ the show must go on

‘หมิว’ ปาริชาติ ยาน้อย ขับรถจากบ้านในอำเภอเวียงสา มาร้องเพลงประจำอยู่ที่ร้าน We’ LoFT ตั้งแต่ช่วงทุ่มถึงสองทุ่มครึ่ง ทุกวัน (บางวันเข้าเวรแทนเพื่อน ลากยาวไปถึงห้าทุ่ม) อีกบางวัน มีอีเวนต์งานแต่ง งานบวช งานเปิดตัวสินค้า ฯลฯ โดยรวมน่าจะถือว่าเป็นนักร้องที่งานชุกคิวทองคนหนึ่งของจังหวัดน่าน ก่อนหน้านั้นเธอร้องอยู่ตามผับที่กรุงเทพฯ เป็นงานเสริม หารายได้พิเศษ เพราะสถานะจริงๆ คือไปเรียนหนังสือ (ปริญญาโท, คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ, นิด้า)

‘หมิว ปาริชาติ’ เป็นลูกสาวแม่ค้ากล้วยฉาบ ผ่านการประกวดร้องเพลงมาเกินร้อยเวที เป็นนักล่ารางวัลที่คู่แข่งขันบางคนอยากถอนตัว เรียนมัธยมฯ ที่น่าน แล้วไปต่อมหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก เคยเป็นตัวแทนจังหวัดไปแข่งในรายการ ‘กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน’ เข้ารอบ 6 สุดท้าย เคยเซ็นสัญญากับค่ายเพลง กำลังเริ่มต้นการทำงาน แต่ความโหดร้ายของโควิดก็ทำให้เธอต้องตัดสินใจกลับบ้าน

เริ่มงานครั้งแรกในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานที่อำเภอเวียงสา หมดสัญญาแล้วลาออก ต่อมา, เมื่อมีเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล เธอลงสมัคร และได้รับเลือกตั้ง (ได้คะแนนเป็นอันดับสอง) ทำงานมาแล้วหนึ่งปี และยังสนุกบนเส้นทางการเมือง ทำชมรมท่องเที่ยวน่านใต้ (เวียงสา, นาน้อย, นาหมื่น) หุ้นกับญาติเปิดร้านหมาล่า และยังมองหาโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิตวัยยี่สิบแปด

เราคุยกันหลังวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ​ กรุงเทพฯ เล็กน้อย ในฐานะนักร้อง นักการเมืองท้องถิ่น คำถามแรกจึงทักทาย ถามไถ่ สำรวจกระแส..


คุณคิดเห็นยังไงที่สามสี่วันมานี้มีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ขณะที่จังหวัดน่านและที่อื่นไม่มี ?
ก็ไม่แฟร์ ทำไมกรุงเทพฯ มีได้ ทุกอย่างอยู่ที่นั่นหมดเลย ความเจริญ ศูนย์รวมอำนาจ แต่จังหวัดอื่นๆ ต้องทำตามที่เขาสั่งลงมา เราไม่มีอิสระในการปกครองตนเอง ถึงจะมีการปกครองส่วนท้องถิ่น แต่สิ่งต้องทำ เราต้องทำตามคำสั่งจากส่วนกลางอีกทีอยู่ดี ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะถูกจำกัดด้วยงบประมาณ ถ้าต่างจังหวัดเลือกตั้งผู้ว่าฯ ได้ มันก็กระจายอำนาจได้ดีกว่าผู้ว่าฯ แต่งตั้ง เพราะการแต่งตั้งมาจากส่วนกลาง ศูนย์รวมอำนาจจากกรุงเทพฯ ผู้ว่าฯ ของเราไม่ได้เป็นคนในพื้นที่ ถ้าเลือกเองน่าจะดี เพราะเป็นคนที่นี่ ย่อมรู้ว่ามีทรัพยากรอะไร การพัฒนาต้องไปยังไง ผู้ว่าฯ แต่งตั้ง กว่าจะเข้าใจพื้นที่ เขาต้องสำรวจ หาข้อมูล ทำความคุ้นเคย มันเสียเวลา

คนกรุงเทพฯ เลือกได้ คนต่างจังหวัดเลือกไม่ได้ คุณรู้สึกน้อยใจมั้ย รู้สึกไม่เท่าเทียม ?
อยากเป็นคนกรุงเทพฯ บ้าง (หัวเราะ) อยากให้ทุกจังหวัดมีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ ของตัวเอง มันน่าจะสนุก

ทำไมคุณถึงมาเป็น สท.
ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบโท เจอโควิด กลับมาอยู่บ้าน ทางอำเภอเปิดรับสมัครคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดมาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เราก็ไปทำ เป็นลูกจ้างเหมาจ่าย อยู่ในห้องสำนักงาน ทำเอกสาร ลงพื้นที่ จัดงาน ทำทุกอย่าง แล้วแต่เขาจะสั่ง พวกงานบริการสังคมที่ไม่เคยทำ ก่อนนั้นเรียนหนังสือ แล้วก็เป็นนักร้อง แค่นั้น พอมาทำ เราก็ค่อยๆ เข้าใจหน่วยงานภาครัฐ รับคำสั่งมาจากจังหวัด ทำตามๆ ไม่มีอิสระที่จะพัฒนาพื้นที่ท้องถิ่นของเรา ทั้งที่มองเห็นว่าทรัพยากรอะไร แต่ทำไม่ได้ เพราะติดระบบราชการ มันซ้ำๆ วนๆ อยู่แบบนี้ ทำได้สี่เดือนเลยลาออก ไม่ต่อสัญญา กลับไปกรุงเทพฯ อีก ไปร้องเพลง ช่วยอาจารย์ทำงานวิจัย แต่อยู่ได้แค่สองสามเดือน โควิดมาอีก เลยตัดสินใจว่าอยู่ไม่ได้แล้ว มันไม่มีความแน่นอนอะไรเลยในชีวิต เราไม่ใช่คนกรุงเทพฯ ต้องเช่าห้องพัก ทุกอย่างต้องใช้ตังค์ แล้วพอโควิดมา งานร้องเพลงไม่มี ก็ไม่มีรายได้ เลยคิดว่ากลับมาอยู่ที่น่านดีกว่า ใจหายเหมือนกัน เพราะเราอุตส่าห์กลับไป กะว่าเริ่มต้น ทำงาน เก็บเงิน ใช้ชีวิต พอไปจริงแล้วอยู่ไม่ได้ กลับบ้านมาช่วงแรกก็ว่างงาน ไม่มีอะไรให้ทำ ไม่มีที่ไหนเปิดรับ งานร้องเพลงก็ไม่หวังอยู่แล้วเพราะร้านอาหารไม่มีดนตรี เขาไม่ให้เล่น งานอีเวนต์ไม่มี ทุกคนโดนผลกระทบหมด พอดีเป็นช่วงมีเลือกตั้งสภาเทศบาลในเขตเรา แม่บอก–เอาเลยๆ ไปเลย เพราะเราเคยทำงานที่อำเภอ รู้จักผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นนักร้องประจำอำเภอ ประจำจังหวัด คนรู้จักอยู่แล้ว ไปไหนคนก็ อ๋อ น้องหมิวคนนี้ที่เป็นนักร้อง

แม่บอกว่าไปเลย แล้วเราเอาไง ?
หาข้อมูลก่อน ว่าเป็น สท. แล้วต้องทำอะไรบ้าง

ทำอะไร ?
หน้าที่หลักคือเป็นผู้ตรวจสอบฝ่ายบริหารในเทศบาล ประชุมเพื่ออนุมัติงบรายจ่ายในการทำโครงการต่างๆ ทำเทศบัญญัติงบประมาณ 

มีงบกี่บาท อำเภอเวียงสา ?
ปีละเกือบๆ แปดสิบล้าน ดูแลทั้งหมด 19 หมู่บ้าน แต่เงินส่วนใหญ่ใช้ไปกับบุคลากรในเทศบาล คนเยอะ เกินความจำเป็น ที่เหลือก็เป็นงบเกี่ยวกับกองต่างๆ การศึกษา สาธารณสุข ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 

มีสิทธิ์คิดนโยบายอะไรมั้ย หรือทำตามเท่านั้น ?
ไม่มีสิทธิ์ เพียงแต่เราสามารถนำเสนอความต้องการ นำเสนอปัญหา คอมเมนต์ว่าโครงการนี้เป็นแบบนี้ ประชาชนว่ายังไง เราหาข้อมูลมาพูดในที่ประชุม

สท. เวียงสา มีกี่คน ?
12 คน มี 2 เขต เขตละ 6 คน

ตอนแรกที่บอกแม่ยุให้สมัคร แล้วขอศึกษาบทบาทหน้าที่ก่อน พบว่าน่าสนใจยังไง คุณถึงสมัคร ?
ได้ช่วยงานชาวบ้าน และมันตรงกับสิ่งที่เราเคยอยากทำ ตอนทำงานอยู่อำเภอ เราทำไม่ได้ เพราะอยู่ฝ่ายเอกสารซึ่งแปดสิบเปอร์เซ็นต์เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เป็นแบบนี้มานาน ไม่มีโครงการใหม่ๆ อย่างพวกส่งเสริมอาชีพหรือแผนเศรษฐกิจ พอดีหมิวเรียนมาทางนี้ด้วย สนใจงานส่งเสริมการตลาด 

ช่วงก่อนเลือกตั้ง หาเสียงยังไง ?
มีผู้ช่วยหาเสียงดี คือแม่ (หัวเราะ) แบรนด์เราโอเค เป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่ เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก

มีผู้สมัครกี่คน ?
14 คน เอา 6 คน หมิวเดินไปทุกบ้าน ในเขตเราทั้ง 9 หมู่บ้าน ไปกับแม่บ้าง กับป้าบ้าง สองคนนี้รู้จักคนเยอะ คนท้องถิ่น ก็แนะนำกันไปว่าลูกสาวเพิ่งเรียนจบ เป็นผู้สมัครที่อายุน้อยสุด วันเลือกตั้งนี่ลุ้นมาก วิ่งไปดูทุกหมู่บ้าน คะแนนจะอยู่กลางๆ ติดหนึ่งในหกของแต่ละหมู่บ้าน พอรวมหมด ผลออกมาได้อันดับ 2 ห่างจากคนที่หนึ่ง 13 คะแนน

เข้าไปทำงานมาแล้วปีหนึ่ง มีอะไรสำเร็จ ก้าวหน้า อะไรที่เป็นปัญหา ?
ด้วยหน้าที่ สท. เราทำได้แค่เข้าประชุม พูด จี้ๆ ก็ยังไม่เกิดผลอะไร เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น บุคลากรเยอะ เปลืองงบ ถามว่าเราลดคนได้มั้ย มันก็ไม่ได้ ทำได้แค่พูด หรือถ้าฝ่ายบริหารทำอะไร ชาวบ้านเดือดร้อนอะไร เราเอามาพูดในสภา ให้เขาได้คิด ได้เห็นว่ามันเป็นแบบนี้

แล้วพูดไป เขาฟังมั้ย ?
ก็รับนะ แต่ไม่ทำ บอกว่างานเยอะ และมีแผนของเขาอยู่แล้ว 

เท่าที่ไปคุยกับชาวบ้านมา ปัญหาใหญ่สุดเรื่องอะไร ?
จริงๆ คนบ้านเราอยู่ไปตามมีตามเกิด ไม่ค่อยเรียกร้อง ถ้าถามเขาว่ามีปัญหาอะไร ส่วนมากจะนึกถึงถนนหนทางที่มันยังไม่ดี ยังไม่มีอะไรดีสักอย่าง ปัญหารายได้น้อย อาชีพหลักทำเกษตร ปลูกข้าว ข้าวโพด ทำสวน และตอนนี้เป็นสังคมผู้สูงอายุ ต้องมีคนดูแล มีค่าใช้จ่าย คนรุ่นใหม่มีน้อยเพราะออกไปเรียนที่อื่นกันหมด ชาวบ้านมีปัญหาเยอะ แต่เขาไม่ค่อยรู้ว่าความต้องการจริงๆ คืออะไร เขาอยากได้เงิน ตอนไปหาเสียง บางคนถามเลยว่าให้กี่บาท หมิวต้องอธิบายให้คนเข้าใจว่าหน้าที่ สท. คืออะไร ถ้าเลือกเรา เราอยากเข้าไปเปลี่ยนแปลง แต่มันไม่ง่าย เราเข้าไปคนเดียว มันโดดเดี่ยวว้าเหว่ แต่ไม่เป็นไร เพราะเป็นจุดเริ่มต้น ก็ทำต่อไป มีความหวัง ตั้งแต่การเมืองใหญ่แล้ว ใกล้จะถึงช่วงที่ต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว คาบเกี่ยวเก่าใหม่

แพสชั่นการเมืองอยู่ระดับไหน หลังจากอยู่กับมันมาปีหนึ่ง ?
ค่อยๆ เพิ่ม และบางครั้งก็ท้อบ้าง แต่สุดท้ายก็คิดว่าไม่ได้ว่ะ เราอยากลุกขึ้นมาหาพรรคพวก ต้องแบบนี้ๆ ต้องแข็งแรงขึ้น ยอมไม่ได้ ผ่านมาหนึ่งปี เริ่มมีเพื่อนที่เห็นด้วยกันบ้าง และค่อยๆ เพิ่ม ยอมรับว่ายังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมีเรื่องอื่นต้องคิด อาชีพ สถานะเรายังไม่มั่นคง ต้องดิ้นรนทำมาหากิน เงินเดือน สท. แค่หมื่นเดียว

แปลว่าต้องทำอาชีพอื่นเสริม ?
ใช่, ช่วยแม่ขายกล้วยฉาบ ร้องเพลง หุ้นกับญาติๆ เปิดร้านขายหมาล่าเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็พอไปได้ แต่ยังไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้นมากมาย ยังดี หลังๆ เริ่มมีงานร้องเพลงเยอะ ร้านก็ปล่อยให้น้องๆ ทำไป หมิวรับงานอีเวนต์ งานแต่ง มีวงที่ร้องอยู่ประจำ ดีลงานได้


ที่ว่าเยอะคือมีร้องประจำที่ร้านไหนหรือเปล่า ?
ร้านวีลอฟต์ ทุกวัน ตั้งแต่ทุ่มถึงสองทุ่มครึ่ง อีเวนต์เดือนที่ผ่านมาก็ 5-6 งาน ก็โอเค รวมแล้วได้พอๆ กับเงินเดือนสท. (หัวเราะ) ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง จบ รับเงิน ตอนนี้หมิวทำชมรมท่องเที่ยวน่านใต้ด้วย เวียงสา นาน้อย นาหมื่น รวมกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทำชมรมไม่ได้ตังค์ แต่เป็นแผนระยะยาว ถ้าไปได้ดี มันเปลี่ยนวิถีชีวิตได้  แล้วต่อไปจะมีเงินเข้ามาเอง น่านใต้มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะ อุทยาน ป่า เขา ดอย แม่น้ำ เวียงสาคือเมืองแห่งสายน้ำ มี 7 สาย มีกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนเยอะ แต่ยังไม่ชัด ต่างคนต่างทำ เลยยังสู้ทางน่านเหนือไม่ได้ ทางโน้น ผู้ประกอบการเขาช่วยกัน บ่อเกลือ สปัน ภาพชัดแล้ว ไปได้ดี

ตอนอยู่กรุงเทพฯ ร้องเพลงในผับด้วยมั้ย ?
เกือบทุกวัน เริ่มจากประกวด ตั้งแต่ประถมฯ มัธยมฯ ประกวดมาเกินร้อยเวที ออกงานบวชงานแต่ง ขึ้นบ้านใหม่ บางทีเราไปร่วมงานเฉยๆ แต่พอคนเห็น อ้าว น้องหมิวมา เขาขอให้ร้องเพลง ปีหนึ่งมีเป็นสิบๆ งาน

ผลการประกวด ?
ตอนเด็กได้ชมเชยบ้าง ที่สองบ้าง พอสักประถมฯ ปลาย หรือขึ้นมัธยมฯ ก็เรียกว่าได้ที่หนึ่งตลอด 

ชนะเลิศมาสักกี่ครั้ง ?
ไม่ได้นับ มันเยอะ (หัวเราะ)

เกินยี่สิบครั้งมั้ย ?
เกิน มันมีงานทุกปี ปีละหลายครั้ง หลายเวที เราไปแข่งทุกปีก็ได้ทุกปี จนมีคนมาสมัครบางคนถามว่า งานนี้น้องหมิว ปาริชาติ มามั้ย ถ้ามา เค้าไม่มาแข่งแล้ว (หัวเราะ)

พูดได้มั้ยว่าในจังหวัดนี่คือหมิวประกวดมาเยอะสุด ?
ใช่, พูดได้เลย เป็นที่รู้กันว่าที่สุดในรุ่น ..ไม่ได้โม้ค่ะ ถามคนสายประกวด สายร้องเพลง ต้องรู้จัก

รางวัลใหญ่สุดที่ได้คือ ?
งานใหญ่ก็ตกหลักหมื่น หลายครั้งอยู่ รองๆ มาก็ห้าพัน สามพัน จำรางวัลทั้งหมดไม่ได้ มันเยอะ เยอะเกิ๊น (หัวเราะ) เคยไปแข่งในรายการ ‘กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน’ เข้ารอบ 6 คนสุดท้าย เป็นตัวแทนจังหวัดน่านไปแข่ง  กำลังเรียน ป. โท ช่วงว่างจากเก็บข้อมูลวิจัย เขามาคัดนักร้องที่เทศบาลเมืองน่าน คนแข่งประมาณสามสิบ เอาคนเดียว 

ชอบร้องเพลงอะไร ?
ได้หมด ทุกแนว ลูกทุ่ง สตริง เก่าใหม่ บางที่เขาจะถามว่าร้องเพลงนี้ได้มั้ย ทดสอบไหวพริบ มีเวลาซ้อมน้อย หรือถ้าต้องร้องเพลงที่ไม่รู้จัก คิดว่าใช้เวลาฝึกกี่วัน หมิวบอก วันเดียวก็ได้แล้ว เพราะเราอยู่กับเพลง ฟังเพลงทุกวัน ฟังและฝึกร้องตาม

ที่ชนะมาบ่อยๆ และเป็นนักล่ารางวัล มีวิธีฝึกฝนตัวเองยังไงให้ก้าวหน้า พัฒนา ?
ฟังเพลงเยอะ พยายามเก็บเทคนิค ช่วงจะแข่งก็ซ้อมหนักกว่าตอนฟังปกติ ซ้อมร้อง วอร์มเสียง เก็บรายละเอียด ฟังเจาะว่ามีเพลงนี้มีเทคนิคอะไร อยู่กับเพลงมานาน มีประสบการณ์เยอะ ทั้งการฟัง การประกวด

เคยเรียนร้องเพลงมั้ย ?
เข้าคอร์สจริงจัง ไม่เคย แต่ตอนเรียนมหา’ลัย มีเข้าค่าย มีอบรมเรื่องเพลง ก็จะเข้าร่วมตลอด เพื่อช่วยปรับเทคนิค ช่วง ป.โท ไปเรียนเทคนิคเพิ่มกับครูก้อย ลูกศิษย์อาจารย์โรจน์ อาจารย์โรจน์คือครูสอนร้องเพลงของพี่เบิร์ด ธงไชย อันนั้นก็ถือว่าได้อะไรมาเยอะ เมื่อก่อนร้องตามฟีลเรา และคิดว่าถูก จริงๆ มันผิด ครูก้อยสอนเรื่องอะนาโตมี สรีระต้องแบบนี้ๆ ร้องแบบนี้ถึงจะถูก เรียนแล้วร้องสบายขึ้น พูดง่ายๆ ว่ามาเลย เทคนิคขั้นไหน ฉันร้องได้หมด (หัวเราะ)

แนวทางที่ชอบ หรือถนัดเป็นพิเศษ ?
ตอบยากมาก เพราะชอบไปหมด ได้ทุกแนว ไม่มีตายตัว การที่เราบอกว่าชอบสิ่งนี้ พอสิ่งอื่นมา เราไม่ชอบ มันไม่ใช่ หมิวเป็นคนที่เวลามีอะไรใหม่ๆ เราไปดู ไปฟัง ชอบทดลองเรียนรู้ ถามว่าอะไรร้องง่าย ก็คงเพลงป๊อป สบายๆ ผ่อนคลาย แต่เพลงลูกทุ่ง แพรวพราว ก็ทำได้ ลูกทุ่งจ๋าๆ เลย ได้หมด พุ่มพวง เมื่อก่อนเป็นเพลงบังคับงานประกวดก็ว่าได้ ฝน ธนสุนทร, คัฑลียา มารศรี ลูกทุ่งทรมาน

ลูกทุ่งสายทรมาน มันคือยังไง ?
เสียงสูง ใช้ลมเยอะ คัฑลียาใช้เทคนิคขั้นสูง มีน้อยคนที่ทำได้ เราทำได้ คนเลยชอบฟัง มันก็ท้าทาย ถามว่าชอบมั้ย ไม่ชอบเท่าไร เพราะการร้องมันทรมาน ให้ร้องทุกวัน ก็หนัก ร้องป๊อปสบายๆ ดีกว่า ‘น้ำตาจระเข้’ ใช้เทคนิคหลายอย่าง ‘สุสานคนช้ำ’ เสียงสูง ใช้ลมเยอะ แต่คนชอบฟัง ไม่รู้เพราะอะไร เวลาไปงานบวช งานแต่ง คนชอบขอเพลงลูกทุ่ง ตอนนี้เอ็นจอยร้องในร้านเหล้า ชิลๆ สตริงสากล เก่าใหม่ปะปน

ร้องของใครเยอะ ?
อิงค์ วลันธร, แหวน ฐิติมา, ดา เอนโดฟิน, ใหม่ เจริญปุระ, นันทิดา พวกเพลงเก่าๆ บางเพลงก็เก่าเกิ๊น (หัวเราะ) ร้องในงานแต่ง

เพลงบังคับงานแต่งคือเพลงอะไร ?
‘แพ้ใจ’ ใหม่ เจริญปุระ, เพียงแค่ใจเรารัก, จงรัก, วิมานดิน, ใจรัก, บุพเพสันนิวาส, เสน่หา..

อยู่ในโลกแสงสลัวยามค่ำคืน ร้องเพลงให้คนกินเหล้าฟัง คุณดูแลตัวเองยังไง มีอะไรอันตรายหรือเปล่า ?
ไม่นะคะ เรารู้และต้องรับมือ พูดจาลวนลาม มีบ้าง เพราะเขาเมา เหมือนมาแซว มาจีบ มีอันตรายมั้ย.. มีครั้งนึง อันนั้นคือเมา หมิวอยู่ร้านหมาล่า เขาโทรฯ สั่งให้ไปส่ง ตำรวจกินเลี้ยงกันหลังโรงพัก แล้วมีตำรวจคนหนึ่งเมา ไม่รู้เรื่อง มาโอบเรา หมิวสะบัด –อย่าทำแบบนี้ได้มั้ยคะ บอกเสียงแข็ง คนเมา มันไม่รู้เรื่อง เขาก็นิ่งไป และคนที่ได้ยินเสียงหมิว เขามาดึงตำรวจคนนี้ออกไป ส่งกลับไปเลย นายสั่ง เอามันไปเก็บ กลับบ้าน

เคสที่มาโดนตัวมีครั้งเดียว ?
ใช่, ตอนอยู่กรุงเทพฯ ร้องในผับส่วนใหญ่เขาเกรงใจ อาจจะแบบ.. ขอจับมือได้มั้ย ก็ได้ จับมือ แต่ไม่มีมาโอบ ถ้าโอบ เราไม่โอเค ต้องจัดการ แต่ขอจับมือ ไม่มีปัญหา ขอถ่ายรูปหน่อย ถ่าย หมิวว่าอยู่ที่การแต่งตัวด้วยมั้ง เราเป็นคนแต่งตัวไม่โป๊ ค่อนไปทางเรียบร้อย ตอนจะไปร้องเพลงที่วีลอฟต์ เขาก็ถาม ว่าโอเคมั้ยเนี่ย มาร้องตอนดึก ดึกกับหัวค่ำ ชอบแบบไหนมากกว่า หมิวบอกได้หมด ช่วงไหนก็ได้ เขาบอก พี่ดูจากการแต่งตัวของเราแล้ว มันเหมาะกับไปนั่งร้องชิลๆ ช่วงหัวค่ำมากกว่า นักร้องรอบดึกอาจจะต้องเซ็กซี่หน่อย โชว์หน่อย เอนเตอร์เทน เออ ยังงั้นเลย แต่ look เราดูเรียบร้อย

เคยใส่กระโปรงสั้นๆ บ้างมั้ย ?
เคย แล้วแต่โอกาส แต่ไม่อยากใส่ไปร้องเพลง ..ไม่รู้สิ ไม่ชอบมั้ง ไม่ชอบให้ใครมามอง

ตอนเป็นนักศึกษาใส่มั้ย ?
ใส่ แต่ทุกคนก็ใส่กันหมดไง แต่นี่เราเป็นผู้หญิงอยู่บนเวทีคนเดียว ถ้าใส่กระโปรงสั้น ร้องให้คนดู ไม่รู้สิ ไม่ชอบ ฟังแค่เสียงก็พอแล้ว (หัวเราะ) แค่เสียงก็เอาอยู่ พอแล้ว เราไม่ต้องขายรูปร่าง ขายร่างกายอะไรขนาดนั้น คนเขาก็โอเคนะ ลูกค้าโอเค เราเอนเตอร์เทนได้

สรุปว่าสังคมกลางคืนก็ไม่มีอะไรน่ากังวลเท่าไร ?
มีบ้าง ลงจากเวที วงนั้นวงนี้กวักมือเรียก มาหาโต๊ะนี้หน่อย เราก็ไปเนาะ เหมือนเป็นหน้าที่ บางคนเป็นเอฟซี ติดตามมานานแล้ว เขาไนซ์กับเรา ไม่รุ่มร่าม เขารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นยังไง เขาเรียก เราก็ไปสักแป๊บ ทักทาย ถามไถ่ 

ชนแก้ว ?
ชนน้ำเปล่า (หัวเราะ) เขาไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็มี ลูกค้าบางคนสั่งดริงก์มาให้ คอกเทลแก้วนึง เราก็ดื่ม แก้วเดียวแค่นั้น จบ หรือมีลูกค้าผู้ชายที่ไม่เคยรู้จัก เขาอาจจะชอบเรา มาขอไลน์ ขอเบอร์ ขอไอจี ขอเฟซบุ๊ก เราให้อันที่เป็นสาธารณะ พวกเฟซฯ ไอจี ถ้าไลน์หรือเบอร์โทรฯ จะไม่ให้ หรือบางคนอยากติดต่องาน เข้ามาถามว่ารับงานอีเวนต์มั้ย ติดต่อทางไหน เราบอก มีเพจของวงดนตรี โฮะมิวสิค ติดต่อทางเพจได้เลย รวมๆ ไม่มีอะไรน่ากังวล นักดนตรีทุกคนก็ไนซ์กับเรา ทำงานร่วมกันได้สบายใจ

คิดว่าจะเอาจริงเอาจังกับการร้องเพลงแค่ไหน อัลบั้มยังทำอยู่มั้ย ?
กับทางค่ายก็เงียบๆ ไปแล้ว ปีนี้หมิวจะยี่สิบแปด ก็นั่งมองว่าชีวิตเรา ณ ตอนนี้ยังทำได้ ร้องเพลง สนุกสนาน เอนเตอร์เทน ทุกคนยังรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ถ้าอายุสี่สิบ จะให้มาเอนเตอร์เทนบนเวทีคงทำไม่ได้แล้ว กำลังมองภาพอนาคตอยู่ ถึงตอนนั้น วัยนั้น เราจะทำงานอะไร ถ้าตอบตอนนี้ คิดว่าคงทำหน้าที่นักการเมืองท้องถิ่นต่อไป เราสนุกกับมันอยู่ ปูทางมาแล้ว คงค่อยๆ ลงลึกและจริงจังมากขึ้น

อายุงานของการเป็นนักร้องน่าจะถึงสักเท่าไร ?
อีกสักห้าหกปีน่าจะแม็กซ์แล้ว ไม่เกินสามสิบห้า จริงๆ ครูก้อยก็ติดต่อมา ถามว่าหมดสัญญากับค่ายหรือยัง เขาส่งข่าวเรื่องประกวดเดอะสตาร์ ซีซันล่าสุดมาให้ กำลังเปิดรับสมัคร หมิวชั่งใจ จะไปหรือไม่ไป โดยอายุ ต่อให้สามสิบ เราว่ายังไม่แก่หรอก ร้องได้ เป็นศิลปินได้ แต่ถ้าไป แปลว่าต้องไปอยู่กรุงเทพฯ ซึ่งเราตัดสินใจแล้วว่าจะกลับมาอยู่บ้าน ไปแล้วมันไม่ชัวร์น่ะ รายการแข่งขัน สั้น ยาว เกิดถ้าเราชนะขึ้นมา ต้องเซ็นสัญญา ทำงานต่อ มันต้องกลับไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ เหมือนเดิม

ใจตอนนี้เอนมาทางน่าน ?
ใช่, ตัดใจจากกรุงเทพฯ แล้ว อยากอยู่บ้าน ที่ผ่านมาเคยกลับไปแล้วมันมีสถานการณ์ให้เราต้องกลับมา พอกลับไป มันก็มีสถานการณ์ให้กลับมาอีก สองรอบแล้ว มันไม่มั่นคงเลย หมิวอยากสร้างความมั่นคงที่นี่มากกว่า

การแข่งขันสูงมั้ย วงการนักร้องเมืองน่าน ?
ไม่เยอะเลย ยิ่งนักร้องหญิงเมืองน่าน หายากมาก นักร้องชายมีเยอะ นักดนตรีเยอะ ไม่เข้าใจว่าเด็กมัธยมฯ รุ่นใหม่ๆ ร้องเพลงไม่เป็นหรือไง ทั้งที่เป็นอาชีพที่หาเงินง่ายมาก บอกเลย การแข่งขันต่ำ ต้นทุนต่ำ อาจต้องแต่งตัวบ้างนิดหน่อย แต่หมิวไม่แต่งก็อยู่ได้ (หัวเราะ) จริงๆ ไปอีเวนต์ก็แต่ง ตามความเหมาะสมแต่ละงาน นี่ร้านเหล้าไง ร้องทุกวัน ชิลๆ ไม่ซีเรียส อยากบอกรุ่นน้องๆ ว่านักร้องรายได้ดีนะ ได้ทิปง่าย

เคยได้สูงสุดเท่าไร ?
ห้าล้าน (หัวเราะ / เว้นวรรคนาน) ห้าล้านกีบ ไปร้องที่ลาว เป็นอีเวนต์ใหญ่ พ่อเลี้ยงบ่อน้ำมัน เปิดบริษัทใหม่ ฉลองบ้านใหม่ จ้างวงเราไปเล่น ได้ทิปห้าล้านกีบ ตกประมาณสามหมื่นบาทไทย หารกันทั้งวง เหลือประมาณคนละสามพัน ก็เยอะอยู่ ที่กรุงเทพฯ ร้องร้านอาหาร คืนเดียวเคยได้เกือบเจ็ดพัน หารกับเพื่อนก็ได้สองพันกว่า ร้องไม่กี่ชั่วโมง หลักๆ ร้องอยู่แถวนวมินทร์ กับจตุจักร ถ้างานอีเวนต์ก็ไปทั่ว ขับรถไปเอง ตอนนั้นน้ำมันถูก ขนาดขับจากกรุงเทพฯ มาน่าน เติม 700 ยังเหลือ ตอนนี้ขับจากบ้านมาร้องเพลงในเมือง ไปกลับ 50 กม. เติม 500 ใช้ได้สองสามวันเองมั้ง ไม่รู้คุ้มหรือเปล่า ค่าตัวได้ ชม. ละสามร้อย ..อยู่กรุงเทพฯ หาเงินเอง แม่ช่วยค่าที่พักเดือนละห้าพัน ที่เหลือเราหา รับงานร้องเพลงตลอด ตั้งแต่ไปอยู่กรุงเทพฯ เข้าชมรมดนตรีสากล พอเขาเห็นหมิวร้องได้ก็เลยชวนไปร้องตามร้าน เสียดาย ตอนเรียน ป. ตรี ที่พิษณุโลก เริ่มร้องตามร้านตอนปีสี่ เพิ่งมีคนเห็นแวว (หัวเราะ) ชวนไป ช้ามาก ร้องได้ปีเดียว แทนที่จะได้หาเงินตั้งแต่ปีหนึ่ง ปีสอง

เป็น สท. เป็นนักร้อง เป็นเจ้าของร้านหมาล่า ดูเหมือนโลกสมัยใหม่ คนต้องทำงานหลายอย่าง ?
ใช่, ทำอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ไม่พอกิน ด้วยสถานการณ์ด้วยมั้ง เศรษฐกิจบีบให้ทุกคนต้องดิ้นรน ..แม่ชอบถาม ว่าจะไปสมัครงานที่ไหนอีกมั้ย จะสอบอะไรหรือเปล่า จะให้ไปเป็นข้าราชการประจำ มันไม่ใช่ไง (แม่นั่งอยู่ใกล้ๆ ช่วยเสริมว่า–เขาไม่ชอบ ก็ไม่รู้จะว่ายังไง แล้วแต่เขา ทำอะไรก็ได้ ให้หาเงินได้ ตั้งตัวได้ไวๆ) ชีวิตข้าราชการมันน่าเบื่อ ถ้าไม่ได้เป็นใหญ่ ไม่มีเส้นสาย คุณอยู่ไปก็เฉาตาย มันไม่มีอะไรก้าวหน้า 

สนใจทำธุรกิจ ?
สนใจมาก แนวร้านอาหารนี่แหละ ร้านดีๆ นั่งชิล อยากให้มีดนตรีดีๆ ทำที่เวียงสา ก็ท้าทายอยู่ เมืองตอนนี้เงียบมาก เฉื่อยๆ เหงาๆ เราอยากมีร้านอาหารครอบครัว ดนตรีสำหรับคนแก่ น่าสนใจ เพราะเทรนด์ธุรกิจผู้สูงอายุกำลังมา จะให้คนแก่ไปฟังเพลงตื๊ดๆ ก็บ่ได้ (หัวเราะ) คนแก่มีตังค์ มีเวลา เราต้องมองหาธุรกิจสำหรับผู้สูงอายุ ที่สำคัญเลย หมิวอยากมีร้านไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง น่านยังขาดแคลน ยิ่งที่ผ่านมาเจอโควิด พอเปิดมาใหม่ๆ ก็ห้ามขายเหล้า มันอยู่ไม่ได้ หลายที่เขาถึงแอบขาย นักดนตรีห้ามเล่นดนตรี การเล่นดนตรีทำให้คนติดโควิดเหรอคะ มันไม่ใช่ไง คืออย่างเรา นอกจากร้องเพลง หมิวทำอย่างอื่นด้วย แต่บางคนเป็นนักดนตรีอย่างเดียว เขาไม่ได้ทำอย่างอื่น ก็แย่เลย อยู่ไม่ได้ อาชีพนี้หาเงินได้ง่ายก็จริง แต่ได้มาก็ใช้ไป และไม่มั่นคงเลยกับบ้านเมืองนี้

หมิวบริหารเงินยังไง ?
ยังบริหารได้ไม่ดี แต่ไม่ถึงกับมีปัญหา เอาตัวรอดได้ ยืมแม่บ้าง (หัวเราะ) เอาไปลงทุน ยังไม่คืน พยายามดิ้นรนทุกทาง แต่แม่ก็อยากให้ไปหางานนั่นนี่อีก ทำเยอะขนาดนี้ยังจะไล่ให้เราไปสมัครงานอีก โอ๊ย.. คุณจะเอาชีวิตของคุณไปอยู่ในองค์กรหนึ่ง เพื่อวนลูปแบบนั้นทำไม ..คนบ้านเราเป็นแบบนี้กันเยอะ ไม่มีความรู้เรื่องวางแผนการเงิน ไม่มีระบบการจัดการเงินในครอบครัว ได้มา ใช้ไป แต่ละบ้านเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ก่อนหน้านี้คนจบ ป.ตรี ป.โท น้อย มาเริ่มเปลี่ยนตอนรุ่นหมิว มันสัมพันธ์กับการเมืองด้วยนะ ฉะนั้น ถ้าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต้องค่อยๆ ไป ใจเย็น โอกาสที่น่านมีแน่นอน แต่ต้องอาศัยคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาผสมผสาน ตอนนี้พวก Gen Y เริ่มกลับมาอยู่บ้านกันเยอะ เยอะมาก ทำงานที่บ้าน ทำธุรกิจของตัวเอง หลายคนเริ่มเห็นโอกาส

ในฐานะคนน่านที่เคยไปอยู่กรุงเทพฯ ได้เห็นมาทั้งเมืองเล็ก เมืองหลวง อนาคตยาวๆ อยากจะอยู่ยังไง ที่นี่ ที่ไหน หรือเรื่องการย้ายไปต่างประเทศ สนใจมั้ย ?
อยากพัฒนาที่น่านนี่แหละค่ะ เพราะการย้ายไปต่างประเทศมันไม่ง่าย ครอบครัวหมิวอยู่ที่นี่ มีพันธะ อยากก้าวหน้าก็เอาพื้นที่เรานี่แหละ ทรัพยากรมีเยอะ มีศักยภาพ มองแล้วว่าในอนาคตน่าจะพัฒนาได้อีกเยอะ น่านมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่น้อยนะ เรามองว่าในเมื่อเขาทำได้ เราก็ต้องทำให้ได้

ปีนี้กำลังย่างยี่สิบแปด คุณพอมองเห็นตัวเองในวัยสักสี่สิบมั้ย ว่าทำอะไร อยู่ที่ไหน ?
น่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรสักอย่าง แล้วทำงานการเมืองไปด้วย เพราะมันไม่มีใคร เรายิ่งต้องทำ ทุกวันนี้ที่เทศบาลเขาก็พูดกันว่าคนที่ทำงานการเมืองมีแต่คนแก่ทั้งนั้น ถ้าหมดรุ่นไปจะมีใครมาต่อล่ะ ก็ต้องเป็นรุ่นเรา เก่าไป ใหม่มา

เดี๋ยวต้องขึ้นเวทีแล้ว รู้สึกเบื่อบ้างมั้ยกับชีวิตนักร้องในผับ ต้องร้องเพลงซ้ำๆ เจอคนเมาซ้ำๆ วนๆ ?
ไม่เบื่อเลย ทำได้สบายมาก ร้องเพลงก็ได้ตังค์นะคะ เงินเป็นปัจจัยหลัก ..วันนี้แม่มาด้วย นอนรอในรถ จริงๆ แม่ปวดแขน หมิวไม่อยากให้แม่มาลำบาก เราโตแล้ว ดูแลตัวเองได้.

 

nandialogue

 

เรื่องและภาพ: วรพจน์ พันธุ์พงศ์

You may also like...