the letter
the letter

เลขประจำตัวมนุษย์

พี่หนึ่งสวัสดีครับ

 

ผมเขียนหาพี่บนรถไฟ มันเป็นเวลาเหมาะสมที่สุดในการเขียนจดหมาย เพราะสองชั่วโมงกว่าๆ แบบลุกไปไหนไม่ได้นี่เป็นสถานการณ์บังคับที่ยอดเยี่ยมเลยครับพี่

เรื่องที่พี่ถามมา–โควิดในสวีเดน ตัวเลขทรงๆ ครับ แต่คนปฏิบัติตัวกันราวกับว่าทุกอย่างกลับมาปกติแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะเขาฉีดวัคซีนครบสองเข็มกันเป็นส่วนใหญ่ อีกส่วนหนึ่งก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มไม่สนใจกันแล้วมั้ง

มีคำแซวว่าคนสวีเดนนี่เขา social distancing กันมานานก่อนหน้าจะมีโรคระบาดอีกครับ (ฮา) ด้วยอากาศที่หนาว และการเป็นสังคมที่เข้ายาก ทำให้คนไม่ค่อยสุงสิงกันแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอมีโควิดก็เลยยิ่งทำให้คนห่างกันเข้าไปใหญ่

อยู่ไปสักพัก สิ่งที่ผมรู้สึกว่าใกล้ตัวผมที่สุดไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นรัฐและระบบราชการของประเทศครับ (ฮา) การเป็นมนุษย์ที่สวีเดนนี่จะมีเลขประจำตัว และต้องใช้ไอ้เลขประจำตัวนี้ในกิจกรรมเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นมายันเข้านอน ต้องไปเกี่ยวข้องกับอะไรสักอย่างของรัฐเสมอ เช่น ถ้ามีลูกและเป็นม่ายอย่างผม ก็ต้องไปส่งลูกที่โรงเรียนอนุบาลด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นของรัฐ โรงเรียนมีระบบรายงานและการสื่อสารกับเขาผ่านระบบที่ต้องใช้เลขเหล่านี้ เช่น ลูกป่วยและจะลาก็ต้องเข้าไปแจ้ง จะไปส่งไปรับกี่โมงก็ต้องแจ้ง การแจ้งต่างๆ นานาต้องผ่านตัวเลขเหล่านี้

นอกจากกับรัฐ ผมต้องใช้เลขประจำตัวในการซื้อข้าวของด้วย อย่างพอส่งลูกเสร็จ ผมจะไปเข้ายิม วิ่งบนเครื่องสักสี่ซ้าห้ากิโลฯ (ตามสไตล์คนเมือง) ก็ต้องสมัครสมาชิกของยิมด้วยเลขประจำตัวนี้ แล้วเขาจะออกบัตรเข้ายิมมาให้ใบหนึ่ง แถมต้องลงทะเบียนลายนิ้วมือด้วย จะได้ไม่มีใครมาใช้บัตรของผมได้

จากนั้นผมก็เดินทางไปทำงานโดยรถไฟ ซึ่งจะต้องซื้อตั๋วบนแอปฯ ของเขา ที่สวีเดนนี่เขาไม่ค่อยได้ใช้เงินสดกันแล้วพี่ ผมไม่ได้แตะเงินสดมาจะสองปีแล้ว (จะว่าไปแล้วเงินดิจิตัลก็ไม่ได้แตะ) ตอนซื้อต้องลงทะเบียนกับแอปฯ ด้วยเลขนี้อีกแหละ ซึ่งมันก็จะเชื่อมกับเบอร์โทรศัพท์เราไปโดยปริยาย

พอจะเข้าร้านสะดวกซื้อ ผมก็ใช้บัตรที่ต้องลงทะเบียนเอาไว้ก่อนว่าเป็นของผม (คนอื่นจะได้ใช้ไม่ได้) ซึ่งแน่ละ ก็ต้องใช้เลขประจำตัวนี่เหมือนเดิม สรุปคือไม่ว่าผมจะซื้ออะไร เบียร์หรือพิซซ่า โรลล์ออนหรือกระหล่ำดอก มันก็เข้าระบบทั้งหมด ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกพี่ ว่าข้อมูลพวกนี้มันไปอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าถ้าไม่ใช้ก็ซื้อไม่ได้ ต้องอดกันเท่านั้น

ไอ้ระบบที่เข้มงวดแบบนี้จึงทำให้เขาติดตามทำข้อมูลเรื่องฉีดวัคซีน หรือตัวเลขของคนติดเชื้อ หรือตัวเลขคนตายจากโควิดได้อย่างแม่นยำครับ เพราะมันเชื่อมถึงกันหมด ถ้าจะไปโรงพยาบาลก็ต้องใช้เลขประจำตัวเหล่านี้ หรือกู้เงินจากธนาคารเขาก็เอาไปเชื่อมได้เลยว่าที่ผ่านมาจ่ายภาษีครบหรือเปล่า มีชื่อในฐานข้อมูลของตำรวจหรือเปล่า ฯลฯ แน่นอนว่าระบบแบบนี้จำเป็นต่อการมีรัฐสวัสดิการด้วย ทั้งหมดทั้งมวล ผมถึงบอกพี่ว่า อยู่ไปๆ สิ่งที่ใกล้ชิดกับผมที่สุดก็คือระบบราชการของเขานั่นแหละ

 

the letter

 

บางทีผมก็รู้สึกว่ามันเป็นเหมือนผี คือติดตามผมไปทุกที่ รู้หมดว่าผมทำอะไร กินอะไร ซื้ออะไร มีเงินจากอะไร และจะมาหลอกหลอนได้เสมอด้วยการมีจดหมายมาบอกว่า เฮ้ย มึงอย่าลืมจ่ายภาษีนะโว้ย ลูกมึงเข้าโรงเรียนใหม่แล้ว มึงต้องเตรียมเอกสารให้ครบนะโว้ย มึงหย่าแล้วมึงไปอยู่ที่ไหน หรือมึงทำงานอยู่ไหน รายได้มึงเท่าไหร่ ฯลฯ

สนุกครับพี่ คนที่นี่เขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องผี (หรือเชื่อก็ไม่แสดงออกในที่สาธารณะ) เขาคงไม่รู้สึกอย่างผม แต่ผมกลัวผี พอมาถึงสวีเดนเขาว่าเป็นประเทศที่ไม่ค่อยมีคนนับถือศาสนาแล้ว ผมนึกว่าไม่มีผี ที่แท้มันมีผีตัวเบ้อเริ่มติดตามผมไปทุกที่

ตอนอากาศหนาวๆ ผมเริ่มฟังเพลงของ Hildur Guðnadóttir เป็นศิลปินไอซ์แลนด์ และผมมาได้ยินเพลงของเขาแรกๆ ตอนที่ดูซีรีส์เรื่อง Chernobyl ของ HBO (ผมจำได้ว่าดูครั้งแรกบนเครื่องบิน จำอะไรไม่ได้มาก นอกจากเพลงเนี่ยแหละ) เพลงของเขาทำให้ผมเข้าใจขึ้นได้บ้างว่า เวลาหน้าหนาวมาถึงมันเป็นบรรยากาศประมาณไหน

จริงๆ เขามาดังช่วงหลังนะครับ ก่อนนี้เคยแต่งเพลงประกอบหนังฮอลลีวูดหลายเรื่อง ที่มีคนรู้จักเยอะหน่อยก็คือเขาแต่งเพลงประกอบหนังเรื่อง Joker

เสาร์อาทิตย์นี้ผมพอมีเวลาได้พักขึ้นบ้างครับ ใช้เวลาช่วงนี้ในการปะติดปะต่อสิ่งที่แตกกระจาย ทำความเข้าใจความสูญเสียและความผิดหวัง แล้วไอ้ท้องฟ้านี่ก็ดันมามัวหม่นช่วงนี้พอดีเข้าไปอีก เดี๋ยวก็กลายเป็นมิวสิควิดีโอกันพอดี เมื่อวานพายุเข้าซ้ำอีกดอก มันจะอะไรกันนักหนา

แต่วันเสาร์นี่ดีอย่างพี่ มีบอลให้ดูหลายคู่ มีเบียร์ให้กินหลายกระป๋อง มีรูปลูกๆ ให้ดูเผื่อหายคิดถึงบ้าง ระหว่างที่พักความคิดเพื่อพร้อมจะกลับมาทำงานได้ต่อ

แจ่ว ปรีดี
บนรถไฟเออเรซุนด์ไปเมืองมัลเม่อ 24 กันยายน 2564

 

nandialogue

 

ตอบ ปรีดี

ดีใจที่ได้รับจดหมายจากคุณ มันคือส่วนประกอบสำคัญกับสิ่งที่เราทำอยู่ เนื้อหาหลักของ nan dialogue ว่าด้วยผู้คนในเมืองเล็กๆ ทางภาคเหนือของประเทศไทย นั่นเป็นความจริง แต่เกิดมาเป็นชาวนาไม่ได้แปลว่าเราต้องกินข้าวอย่างเดียวใช่ไหม เป็นคนไทยก็ไม่ได้แปลว่าต้องฟังหรือเรียนรู้เฉพาะประวัติศาสตร์ชาติไทย โลกทุกวันนี้เราว่าจำเป็นมากที่ต้องเปิดตัวเปิดใจออกไปศึกษาแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และศิลปะ วัฒนธรรมอันหลากหลาย การกักขังตัวเองอยู่ในพื้นที่คับแคบไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพื้นที่ทางความคิด ยิ่งกับประเทศที่จงใจปิดหลายสิ่งหลายอย่าง ประเทศที่เพดานสิทธิเสรีภาพต่ำเตี้ย เราว่ายิ่งจำเป็นที่ต้องช่วยกันเปิดน่านฟ้า

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าของคุณ หวังว่ามันจะเป็นช่องทางปลดระบายที่งดงามลงตัว ในสถานการณ์ยากลำบากของชีวิต ส่วนประเด็นโควิด เราไม่มีอะไรจะแลกเปลี่ยน ชาวโลกเขาไปถึงไหนต่อไหนกันหมดแล้ว เหลือแต่บ้านเรานี่แหละปรีดีเอ๋ย

อย่าถามอีกละว่ายังไง
คุณลองมองหน้าผู้นำประเทศสิ

 


เกี่ยวกับผู้เขียน : ปรีดี หงษ์สต้น นักเขียน นักแปลนักวิชาการ ย้ายไปอยู่ประเทศสวีเดน เลี้ยงลูกไปพร้อมๆ กับสังเกตสังกาชีวิตที่เคลื่อนย้ายผ่านเวลาสถานที่ ภายใต้ระเบียบเสรีนิยมประชาธิปไตย

You may also like...