the letter

ความตายของลูกเจี๊ยบและแมวเด็ก

สวัสดีครับพี่หนึ่ง

สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะได้รับคำชี้แนะให้ไปหาดนตรีสดบนเกาะพะงันฟังแล้วเก็บเรื่องมาเล่าบ้าง ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำครับ เดี๋ยวนี้แทบไม่ได้ออกไปไหนยามค่ำคืนเลย ผมติดนิสัยว่าหัวค่ำต้องเข้านอนไปพร้อมๆ กับลูกชาย พ่อคนนี้กำลังเห่อซีนที่เรานอนอ่านหนังสือกันคนละเล่ม แล้วพอลูกหลับไปแล้วพ่อก็พลอยอยากจะนอนไปด้วยเลยซะมากกว่าออกตะลอนไปไหน

กลับมาขึ้นเกาะรอบนี้เราพาเอาสัตว์เลี้ยงติดมาด้วยอีก 17 ชีวิต ลูกเป็ดหกตัวและลูกไก่สิบเอ็ด ซื้อจากร้านขายอาหารสัตว์บนฝั่งแล้วพาพวกเขาลงเรือเฟอร์รี่ อีกสองสามเดือนลูกเป็ดไก่เหล่านี้จะโตพอที่จะออกไข่ให้เรากินได้ ราคาลูกสัตว์บนเกาะนั้นแสนแพง เดือนก่อนตอนที่ดีนซื้อมาจากร้านบนเกาะนั้นลูกไก่ตัวละ 200 บาท ในขณะที่บนแผ่นดินใหญ่ที่สุราษฎ์นั้นตกตัวละแค่ 50 บาท ผมตั้งใจว่าจะลองหาไก่ตัวผู้บนฝั่งมาเลี้ยงรวมกับบรรดาตัวเมียที่เรามีอีกสักตัวสองตัว เผื่อพระเจ้าและธรรมชาติจะปรานีให้ไข่บางฟองฟักเป็นลูกเจี๊ยบ เพื่อรักษาระดับจำนวนประชากรสัตว์ปีกที่เราเลี้ยงให้สมดุล ให้ในเล้ามีทั้งตัวผู้และตัวเมีย มีทั้งไก่เด็ก ไก่หนุ่มสาว และไก่แก่

เรากลับมาถึงบ้านก็พบว่าดีนเตรียมสร้างเล้าอนุบาลไก่ไว้เกือบเสร็จแล้ว ผมกับหลินช่วยประกอบตาข่าย และขุดดินอีกเพียงเล็กน้อย บ้านใหม่ของบรรดาสัตว์ตัวจิ๋วก็เสร็จสมบูรณ์ บ้านอนุบาลฯ มีขนาดค่อนข้างเล็ก เราจึงต้องอาศัยมนุษย์ลูกอย่างเซเฟอร์และศิลป์คอยขนเอาฟางไปปูที่นอน และย้ายถาดอาหารและน้ำเข้าไปด้านใน หลินเองเห่อบรรดาลูกๆ ตัวใหม่ค่อนข้างมาก วันๆ ก็คอยไปเติมน้ำและอาหารให้พวกมัน 

สัตว์ตัวน้อยนี่น่ารักจริงๆ นะครับ เห็นแล้วก็อดรู้สึกรักและเอ็นดูพวกมันไม่ได้ แต่ความเอ็นดูของเราที่มีต่อสัตว์บางสายพันธุ์ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตต่อสัตว์อีกบางสายพันธุ์ได้ หลังจากเห็นพวกมันอยู่กันอย่างมีความสุขได้ไม่กี่วัน หลินอยากให้ลูกเป็ดได้ลอยตัวอาบน้ำตามประสาเป็ดบ้าง เธอจึงเอากล่องรองเท้าพลาสติกใส่น้ำไว้ซะค่อนนึงให้ลูกเป็ดได้ว่ายเล่นอย่างสนุกสนาน เช้าวันรุ่งขึ้นหลินเดินไปชื่นชมผลงานแห่งความหวังดีด้วยความเศร้า มีลูกเจี๊ยบตัวหนึ่งจมน้ำตายอยู่ในกล่องใบนั้น 

เธอได้บทเรียนการอนุบาลสัตว์ปีกสองชนิดไว้ด้วยกัน ไม่มีบ่อน้ำ ลูกเป็ดก็ไม่ตาย มีบ่อน้ำ ลูกไก่อาจตายได้ การอยู่ด้วยกัน (จริงๆ เราบังคับให้พวกมันอยู่ด้วยกัน) ทำให้เราไม่สามารถมีทุกอย่างที่ควรหรือสมควรจะมีได้ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาหนึ่งที่เพื่อนของเรายังไม่โตพอที่จะมองเห็นความเสี่ยงในความสนุกจากสิ่งนั้น

ยุ่งกับเรื่องเป็ดไก่ได้อยู่ไม่กี่วันก็มีเรื่องบนภูเขาให้ผมต้องช่วยเจรจาแก้ไข ที่บนเขาที่ดีนตั้งใจจะทำเป็นสเก๊าต์แค้มป์นั่นแหละครับ ดีนเล่าว่าหลังๆ มานี้เขาขึ้นไปบนเขาแทบทุกวันเพื่อสร้างเพิงและปรับพื้นที่ให้พร้อมสำหรับค่ายลูกเสือฤดูหนาวที่จะใกล้จะเปิดเต็มที สองสามวันก่อนตอนใกล้ค่ำ ดีนซึ่งกำลังง่วนอยู่กับงานบนเขาโทรฯ มาหาผมด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เพื่อบอกให้ช่วยคุยกับคนไทยสามคนที่มาเยี่ยมเยียนแค้มป์โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าให้หน่อย ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้คุยกับแขกซึ่งจริงๆ แล้วก็คือเจ้าของที่ดิน 

ดีนย้ำให้ผมอธิบายเจตนาในการรุกล้ำและใช้ประโยชน์ในที่ดินให้ชัดเจน ผมเริ่มจากขอโทษพี่ๆ เขาก่อนอธิบาย ในตอนนั้นสถานการณ์ยังดูไม่น่าไว้ใจ หนึ่งในคนที่มาด้วยคือชายวัยกลางคนที่ถือพร้าอยู่ในมือ และป้าเจ้าของที่ยืนกรานให้ดีนออกจากที่ดินและรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปให้หมดอยู่ท่าเดียว ผมจึงขอคุยกับดีนและบอกให้เขาขนอุปกรณ์เครื่องใช้ออกมาให้หมด ระหว่างที่ดีนทยอยขนของ (ซึ่งมีจำนวนมากและใช้เวลาอยู่) เขาคงฉายรัศมีความเป็นมนุษย์ที่ดีให้กับบรรดาคนไทยที่ยืนดูอยู่ หลังเหตุการณ์พิพาทเรื่องการรุกล้ำที่ดินไม่กี่ชั่วโมง พี่ผู้หญิงคนหนึ่งในทีมโทรฯ มาผมแล้วบอกถึงความเห็นใจ และเสนอทางออกให้ย้ายไปทำกิจกรรมนี้ในพื้นที่ข้างๆ 

ผมเล่าให้ดีนฟังตอนเขากลับมาถึงบ้าน ดีนบอกว่าเขารอเวลานี้มาสามปีแล้ว (ตั้งแต่วันที่เขาเคยพาลูกชายขึ้นไปที่แห่งนั้นเพื่อซ้อมยิงหน้าไม้ 555)  “พรุ่งนี้เราหาทางไปคุยกับเจ้าของที่กัน ไอมีความรู้สึกว่าเจ้าของที่น่าจะเห็นใจและให้เราทำโครงการสำหรับเด็กต่อ เราจะไปแสดงให้พวกเขาเห็นถึงความเป็นมนุษย์ในตัวพวกเรา และเราจะคุยกันอย่างมนุษย์กับมนุษย์” 

ในฐานะเพื่อนที่ดีและสื่อสารภาษาไทยได้ ผมรับอาสาโทรฯ ติดต่อและขอเข้าพบป้าราผู้เป็นเจ้าของที่ในวันรุ่งขึ้น ไปถึงบ้านก็ขอโทษขอโพยแทนฝรั่งบ้าที่เข้าไปบุกรุกที่ของป้าอย่างตาใส ก่อนอธิบายความตามที่ดีนกำกับและกำชับอีกครั้ง ป้าราเองก็ดูเย็นลงและใจดีกว่าเมื่อเย็นวันก่อนที่ผมจับได้จากน้ำเสียงทางโทรศัทพ์ถึงความโกรธและโมโหในสิ่งที่ฝรั่งที่นั่งอยู่ข้างๆ เข้าไปกระทำการบนที่ดินผู้อื่นโดยมิได้บอกกล่าว 

ป้าราฟังพวกเราจบแล้วก็ยื่นข้อเสนอที่ดีนไม่อาจปฏิเสธลงให้ว่า ทำหนังสือสัญญาเช่ามาให้เรียบร้อยโดยระบุว่าจะจ่ายค่าเช่าเดือนละ 1,000 บาท และพร้อมจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ทันทีหากได้รับการร้องขอจากเจ้าของที่ ส่วนงานที่ทำอยู่ก็ทำต่อไปได้ เศษวัสดุอะไรในที่ดินก็อนุญาตให้เอามาใช้ได้ แล้วจะไปค้างแรมตั้งแค้มป์กันเมื่อไรก็เชิญตามสะดวก และถ้าเป็นไปได้ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลที่ให้ป้าด้วย (ป้าแกมีอายุแล้ว ดูท่าจะไม่ค่อยชอบเดินป่าฝ่าดงเข้าไปในที่ที่ตัวเองเป็นเจ้าของสักเท่าไร) ดีนหันมาขยิบตาและยิ้มอย่างผู้ชนะ

ในหลายๆ สิ่งที่ดีนทำยังคงสร้างความประหลาดใจให้ผมเสมอ สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหายนะที่นำไปสู่จุดจบกลับแปรเปลี่ยนเป็นรุ่งอรุณที่เปี่ยมไปด้วยความหวังจากคาแรกเตอร์ของเขาที่มีต่อผู้คน ทางหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือตัวตนของเขาทำให้ผู้คนเชื่อใจและเห็นใจ สิ่งพวกนี้มันผสมอยู่ในรูปลักษณ์ สีผม แววตา น้ำเสียง วิธีการพูด และลักษณะท่าทาง เบ้าหลอมแห่งชีวิตของมนุษย์วัยห้าสิบกว่าๆ คนนี้ ทำให้เขากล้าเดินทางในทางเปลี่ยว (หรือแปลก) ได้อย่างมีพลังกว่าใครหลายๆ คน 

เป็นอันว่าสุดสัปดาห์นี้ผมอาจต้องไปนอนตากน้ำค้างบนเขากับดีนและสมุนตัวน้อยๆ อีกสี่ห้าชีวิต เพื่อฉลองการเปิดค่าย Survival Camp อย่างไม่เป็นทางการ

ขอให้สวัสดิภาพจงมีแด่พี่

จ๊อก

 

 

nandialogue

 

 

ตอบ จ๊อก

นานมาแล้ว เราเคยเลี้ยงเป็ด (ไก่ยังไม่เคย) ตั้งชื่อให้บางตัวด้วย (ugly duck) มันก็น่ารักน่าชังอย่างที่คุณว่านั่นแหละ (หมายถึงตอนเด็กๆ นะ ตอนโตบางตัวก็กวนตีน) ว่ากันว่า ธรรมชาติสร้างสิ่งมีชีวิตวัยเยาว์ให้น่ารักเสมอ เพื่อมันจะได้ถูกโอบอุ้มทะนุถนอมจากผู้ปกครองเลี้ยงดู จนกว่าจะยืนบนลำแข้ง หาอยู่หากินเองได้ คราวนี้อาจไม่ต้องน่ารักนักก็คงไม่เป็นไร เพราะไม่ได้ขอใครกิน

เป็ดที่เราเลี้ยงบินได้ด้วย คือที่เขาชอบเปรียบกันว่า ‘เหมือนเป็ด’ ทำอะไรได้หลายอย่าง แต่ไม่ดีสักอย่าง เป็ดเราบินได้ดีระดับหนึ่งเลยเว้ย (ข้ามกำแพงรั้วสบายๆ บางทีมีโชว์เพดานบินระนาบเดียวกับหลังคาบ้านสองชั้น) มันคือเป็ดอะไร สายพันธุ์ไหน เราก็ไม่ได้จำแล้ว เอาว่าเคยเห็นกับตาว่ามันบินเก่ง แน่นอนว่าสู้นกไม่ได้ สู้ไก่ป่าก็คงแพ้ แต่มันมีดีพอตัวในระดับที่ใครจะปรามาสไม่ได้ อยากจะรื้อรูปมาอวดคุณก็จนปัญญา เหตุการณ์มันเกิดขึ้นมานานเต็มที พอบวกชีวิตระเหเร่ร่อนก็เป็นอันว่าจบข่าว

ความตายของลูกเจี๊ยบ สมาชิกใหม่ในบ้านคุณทำให้เราคิดถึงลูกแมวตัวหนึ่ง ยังไม่ทันตั้งชื่อ (พักหลังหมดมุขเหมือนกัน) หางมันสั้นๆ กุดๆ เลยเรียก ‘กุด’ ไปก่อน เป็นลูกของแมวจรที่ชอบมาห้องสมุด มาแล้วก็อยู่ยาว ไม่ค่อยกลับบ้าน และเลยเถิดถึงขั้นตั้งท้องและออกลูกที่นี่ เราเห็นมันน่ารักดี ก็เลียบๆ เคียงๆ รอจนหย่านมแม่ แล้วอุ้มไปเลี้ยงที่บ้านป่า เพราะนังอ้อนตายไปหลายเดือนแล้ว (คาดว่าโดนยาเบื่อ อีนี่มันตะกละ บ่อยครั้งที่ไปบุกรุกครัวเพื่อนบ้าน) สงสารอายที่อยู่ตัวเดียว จะบอกว่าสงสารก็ไม่เชิง เพราะอายเป็นสายแข็ง อยู่ตัวเดียวได้ ที่อยากมีแมวใหม่ก็ด้วยเห็นแก่ตัวมากกว่า เพราะหนูมันดุเหลือเกิน อายตัวเดียวเอาไม่อยู่ว่างั้นเถอะ ก็เลยอยากมีอีกสักตัวมาช่วยกันทำงาน 

เออ ก็เลี้ยงรอที่ห้องสมุดจนอายุสี่ห้าเดือน คือโต แข็งแรง ปราดเปรียวดีอยู่น่ะ เอาไปเผื่อเพื่อนบ้านสองตัว บ้านนั้นแต่เดิมเขาเลี้ยงเฉพาะหมา ปัญหาว่าด้วยเรื่องหนูๆ ทำให้จำต้องเข้าสู่วงการแมว ปรากฏว่าผ่านไปไม่กี่วัน โดนหมากัดตายไปหนึ่ง พูดแล้วก็เซ็ง แมวมันเกิดในเมืองไง ไม่มีประสบการณ์เอาตัวรอดเพียงพอ ให้คิดแฟร์ๆ จะโทษว่าอ่อนทักษะไหวพริบก็ไม่ถูก หมาเป็นฝูงขนาดนั้น วันๆ จ้องตาเป็นมัน สุดท้ายก็มีนาทีพลาด และพลาดแปลว่าไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก พลาดแปลว่าจบ

มองชะตากรรมแมวที่ส่งมอบให้เพื่อนบ้านได้ไม่กี่วัน เจ้ากุดของเราก็ถูกสังเวยเป็นศพที่สอง เดานะ ก็ด้วยคมเขี้ยวหมาฝูงเดียวกันนั่นแหละ มันตระเวนไปทั่วทั้งดอย เรียกว่ามาบ้านเราทุกวัน (บางวันมันก้มๆ เงยๆ หาอะไรกินอยู่ เห็นเราเดินเข้ามา แม่งเห่าเราด้วย –สัส นี่บ้านกู คิดจะเห่าจะหอน มึงแหกตาดูนิดนึง) สรุปว่าโครงการหาเพื่อนให้อายก็ล้ม โปรเจ็กต์แก้แค้นเอาคืนที่โดนหนูบุกมากัดหนังสือในบ้านก็ยังค้างคา ไหนจะหดหู่กับความตาย รับมาเลี้ยง อยู่ด้วยกันแล้วเราดูแลมันไม่ได้ โดยเฉพาะแมวเด็ก ไม่ใช่ความผิดของมันเลยที่หนีหมาไม่ทัน เราเองต่างหากที่ประมาทเกินไป คิดอยากจะมี แต่ไม่มีวิธีดูแลดีเพียงพอ ความรักที่ละเลย ไม่รู้จักการเพาะเลี้ยงถนอมรัก เวลาจากมันเจ็บจริงๆ

อายสายแข็ง มีชีวิตรอดมาจนทุกวันนี้เพราะมันมาอยู่ป่าตั้งแต่เด็ก (จับสัตว์กินเองได้ ไม่ต้องให้อาหารเป็นสิบๆ วันก็ไม่มีปัญหา หนีไปเที่ยวบ้าง แต่ยังไงก็กลับมาเฝ้าบ้านตลอด สมัยที่อ้อนยังอยู่ คู่นี้เขามักผลัดกันเลียขน ทำความสะอาด หนาวๆ ก็นอนซุกซบเบียด เป็นพี่น้องที่พึ่งพิง วิ่งเล่น ไม่เคยทะเลาะกันเลย) และตอนนั้นฝูงหมาปากซอยยังไม่รู้จักบ้านเรา ไม่เคยรุกล้ำเข้ามา จนกระทั่งปีหลังๆ คุ้นเคย มาบ่อย แต่อายก็โตแล้วไง และหูตามันดี ปีนป่ายคล่อง หมาจะมาเป็นสิบก็ไม่ได้แอ้มมันหรอก ตรงกันข้ามกับแมวเด็กที่เกิดในเมือง ชีวิตมันคนละอย่างจริงๆ ที่พูดอยู่นี่ก็รู้สึกแย่นะที่มีส่วนฆ่าสัตว์โดยตรง แย่ แต่ก็ยังไม่หยุดคิดว่าแล้วจะเอาไงกับบรรดาหนูๆ อยู่บ้านป่า ไม่มีแมวนี่คือนรกเลย หนูมันเอาเราตาย 

แมวคือเพื่อนชั้นเลิศ คือ รปภ. คือหน่วยรบพิเศษ คือนักฟังที่ไม่เคยพลั้งเผลอออกความเห็นใดทั้งสิ้น นอกจากเหมียวๆ แต่เดี๋ยว–กว่าจะเป็นแมวโต มันต้องเป็นแมวเด็กมาก่อนไง แล้วพอเป็นเด็ก หมาแม่งก็คาบไปแดก เรื่องมันเลยเศร้าวนเวียน คุณเคยได้ยินคำว่าปิ้งปลาประชดแมวใช่มั้ย เพี้ยนๆ บางวันเราเคยคิดอยากขายบ้านประชดหนู แต่ฟังดูไม่เข้าท่า สรุปก็คือต้องหาวิธีอยู่วิธีสู้กันต่อไป

การเผาบ้านเพื่อไล่หนูตัวเดียวมันโคตรปัญญาอ่อน ใครๆ ก็รู้ แต่อย่าคิดว่าไม่มีคนทำ นี่แทบจะเป็นท่าไม้ตายของผู้มีอำนาจในประเทศนี้เลยด้วยซ้ำ คุณดูสิ ไอ้ที่เราๆ ท่านๆ เดือดร้อนกันอยู่ทุกวันนี้เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ผลพวงจากแผนการกำจัดหนูแบบผิดๆ.


เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก (ชัยพร อินทุวิศาลกุล) เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน ทุกสัปดาห์เขาเขียนจดหมายมาคุยกับ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ บรรณาธิการ nan dialogue

You may also like...