the letter
the letter

ทางออกคือการใช้แรง

สวัสดีครับพี่หนึ่ง

วันที่ผมรู้ข่าวการจากไปของพี่เป้ วาด รวี นั้นเป็นวันที่ผมตกลงกับดีนไว้ก่อนหน้าแล้ว ว่าจะไปช่วยรื้อถอนห้องเช่าของเค้าที่ถล่มลงมา แทนที่จะได้รับสายและคุยโทรศัพท์กับมิตรสหายที่โทรฯ มาไถ่ถามถึงความรู้สึกและสาเหตุของการจากไป ผมจำต้องสวมถุงมือ เหวี่ยงค้อนทุบผนังและเขวี้ยงโยนเศษอิฐ ปูนและกระเบื้องออกไปจากจุดเกิดเหตุ เศษหินปูนกองพะเนินตรงหน้าและความเสี่ยงต่อการพังครืนของโครงสร้างที่ยืนอยู่อย่างง่อนแง่นทำให้ผมจดจ่ออยู่กับงาน ความปลอดภัยของตัวเองและเพื่อนร่วมงาน (รื้อถอน) ซะมากกว่าความตายของเพื่อนรุ่นพี่ที่เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อน

ผมเลือกไม่รับโทรศัพท์หลายสาย ที่เลือกรับไม่กี่สายก็เพียงอธิบายสั้นๆ แล้วก็กลับไปทำงานต่อ

เราสามคน ผม ดีน และพอล ใช้เวลาตลอดช่วงเช้าในการลงมือทำและหยุดพัก เข้าใจว่าน่าจะใช้เวลาพักไม่น้อยไปกว่าเวลาที่ทำงานอยู่กลางแดด งานก่อสร้างในประเทศเขตร้อนที่ดวงอาทิตย์ทรงพลังนี่โคตรทดสอบความแข็งแกร่งของมนุษย์เลยครับ นอกเหนือจากเนื้องานที่เรียกร้องกำลังกายแล้ว ไอร้อนและเปลวแดดที่ฉายจับเราอยู่ทุกขณะของการทำงานก็พาให้อ่อนล้าเร็วขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

the letter

เราใช้เวลาอยู่ครึ่งวันรื้อหลังคาและผนังออกไปได้ครึ่งห้อง ดื่มน้ำเย็นๆ นั่งดูดยาใต้ร่มเงากันร่วมสามสี่รอบ จังหวะนึงระหว่างรื้อถอน ดีนเพียงใช้มือผลักผนังห้องน้ำอยู่ไม่กี่ครั้ง กำแพงรูปตัวแอลก็ถล่มลงบนพื้นไม้ พื้นไม้โยกสั่นอย่างแรงตามน้ำหนักตกกระทบของผนังคอนกรีต ฝุ่นฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ พอลกระโดดหลบออกมาจากพื้นที่เสี่ยงอันตรายอย่างเฉียดฉิว ในใจผมคิดถึงเพื่อนอีกคนผู้เป็นคนลงมือ ผมเรียกแล้วร้องถามว่าเป็นอะไรไหม ม่านฝุ่นสลายลงปรากฏภาพดีนยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังอีกกองที่ยังคงอยู่

บางครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่าคนอย่างดีนนี่น่าจะติดอะไรมาจากตอนที่เค้าเป็นนักแสดงละครเพลงมาเยอะ อยู่กับดีนแล้วเหมือนได้ดูละครเวทีในระยะประชิดคนอะไรแม่งเล่นใหญ่ตลอด 555

ผมเอ่ยกับดีนว่าดีใจ มึงยังอยู่ และดีใจที่ได้มาช่วยทำ แม้จะเสี่ยง ร้อน เหนื่อย แต่รู้สึกดี เขาบอกว่าใช่ การเคลื่อนไหวออกแรงทำอะไรอย่างนี้บ้างทำให้ตัวเขายังมีสภาพจิตใจและร่างกายที่ดีอยู่ ถึงไม่มีเรื่องรื้อถอน วันๆ ผมมักจะเห็นลูกพี่ดีนทำนู่นทำนี่เสมอๆ กับบ้านจากขวดพลาสติกอีกสองหลังของเขาที่ใกล้จะแล้วเสร็จ ทำๆ ไปสักพักก็มักตะโกนเรียกภรรยาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องการตกแต่งบ้านในส่วนต่างๆ ตัวผมเองแม้จะมีงานของโรงพิมพ์ให้ทำในระยะไกลบ้าง เช่น คิดราคาผ่านอินเทอร์เน็ต โทรฯ คุยสอบถามความคืบหน้าและการปรับปรุงการทำงานในส่วนต่างๆ แต่ดูไกลๆ ก็เหมือนคนที่เอาแต่นั่งเล่นคอมฯกับคุยโทรศัพท์  ทำให้บางครั้งตัวเองก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้ลงมือช่วย หรือไม่มีความสามารถจะช่วยดีนทำงานอะไรเทือกนั้นได้ นี่ทำให้ผมนึกไปถึงอีกเรื่องในชีวิต

ร่วมสิบปีก่อนที่โรงพิมพ์จะย้ายมาทำงานในที่ปัจจุบันแถบบางกรวย ช่วงนั้นเป็นฤดูกาลเร่งผลิตหนังสือเข้างานสัปดาห์หนังสือ หนังสือหลายปกไม่เสร็จตามกำหนด ผมเองเดินไปเดินมาหน้าตาเคร่งเครียดอยู่หน้าโรงงานไสกาวเข้าเล่มหนังสือของญาติ

หยี่เตี๋ย (สามีของน้องสาวพ่อผม) เห็นหลานเดินงุ่นง่านไปมา จึงกวักมือเรียกให้ไปหา แกกำลังผสมปูนเพื่อเทซ่อมพื้นถนนในโรงงานอยู่ พลางถามไถ่ว่าเป็นอะไร พอทราบความทุกข์ใจของหลานก็พูดว่า มาช่วยโบกปูนซ่อมพื้นหน่อย ผมเองยังงงๆ อยู่ว่าทำไม แต่ก็ได้ลงมือกวนผสมปูน และซ่อมพื้นกับแกอยู่สักพัก ความกังวลและความเครียดในใจก็คลายลงชั่วชณะ คิดเอาว่าน่าจะเป็นด้วยว่าการขยับมือเพื่อโบกปูนคงดึงความสนใจของสมองผมไปไม่มากก็น้อย

หยี่เตี๋ยของผมคนนี้เป็นคนคล้ายๆ กับดีนในเรื่องงานช่าง อยู่ว่างๆ ก็มักหาไม้มาตัดเพื่อประกอบเป็นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ นานาไม่ว่าจะในโรงงานหรือในบ้านญาติๆ คนเหล่านี้ (ดีนและหยี่เตี๋ย) ห่างไกลจากเส้นทางการนั่งทำสมาธิสวดมนต์ภาวนาเยอะ  แต่ในแง่เป้าหมายทางจิตใจแล้วผมคิดว่าพวกเขาอยู่ในระดับที่ไม่ต่างจากนักพรตเท่าไร

มือที่ไม่เคยอยู่ว่างของพวกเขาอาจทำให้ใจว่างมากๆ ก็เป็นได้

ไม่กี่เดือนก่อน ผมอ่านหนังสือเล่มนึงชื่อ Head, Hand, Heart โดย David Goodhart แกว่าตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา โลกเราให้ความสำคัญกับอาชีพที่ใช้สมองมากเกินไป ระบบเศรษฐกิจให้ค่ากับคนใช้สมอง (นักบริหาร นักกฏหมาย นักการเงิน) มากกว่าคนที่ใช้มือ (ช่างฝีมือ หนุ่มโรงงาน แม่บ้านทำความสะอาด คนเก็บขยะ) หรือใช้หัวใจ (หมอ พยาบาล ครู) ในการดำรงชีพ ค่าแรงโดยเปรียบเทียบระหว่างคนบริหารกับคนทำงานจึงทวีความถ่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเนื้อความในหนังสือและสิ่งที่ผมได้ประสบ ผมคิดว่าตัวเองเริ่มตระหนักถึงความจริงในเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

the letter

ในวันเดียวกับที่ไปช่วยดีนรื้อซากตึก ตกเย็น ผม ดีน และพอล พาครอบครัวไปงานวันเกิดลูกแฝดของไมล์ส มันเป็นบ้านไทยๆ สไตล์กลางเนินกลางสวนมะพร้าว ไมล์สเอาเก้าอี้พลาสติกสีน้ำเงินธรรมดาที่เราคุ้นตามวัดและร้านอาหารข้างทาง ตกค่ำก็เอาไม้ฟืนมาก่อไฟสร้างบรรยากาศไว้ให้แขกเหรื่อนั่งคุยพลางหาบ่อน้ำพลาสติกขนาดใหญ่มาไว้ให้เด็กๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน

คนหลากเชื้อชาติที่มาร่วมงานมีตั้งแต่นักพัฒนาที่ดิน เจ้าของรีสอร์ท นักดนตรี และบาร์เทนเดอร์ หลายคนอยู่ที่เกาะมาเกินสิบปีกันทั้งนั้น ผมรู้สึกได้ว่าทุกคนอยากมางานเพราะไมล์สและภรรยาของเขาที่ชื่อพี่หนุ่ย มันเป็นความรู้สึกที่มนุษย์รับรู้ได้ถึงความน่าคบหาของนักทำความสะอาดสระว่ายน้ำครอบครัวนี้(ภรรยาเขาเองในบางวันก็ออกตระเวนทำความสะอาดสระว่ายน้ำด้วยเหมือนกัน) ความเคารพต่อเพื่อนมนุษย์ ไมตรีจิตที่หยิบยื่นให้กัน รอยยิ้มในแววตาและอะไรอีกหลายๆ อย่างที่สาธยายได้ไม่หมด ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับมนุษย์คนหนึ่งมากกว่ามนุษย์อีกตนหนึ่ง

วันรุ่งขึ้นผมบอกกับลูกชายและเซเฟอร์ว่า Miles is the man that you should look up to!

ในงานศพของพี่เป้ ผมคิดว่าใครหลายคนก็น่าจะมาร่วมงานด้วยสาเหตุที่ไม่ต่างกันเท่าไร ผมเองก็เป็นคนที่ได้รับความเอื้อเฟื้อโอกาสจากพี่เป้มากที่สุดคนหนึ่ง อะไรๆ ที่มีและเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นผลมาจากการได้พูดคุยและร่วมทำงานกับแก เมียที่มีอยู่ตัวเป็นๆ ทุกวันนี้ก็ยังเกี่ยวพันกับการทำงานกับพี่เป้เลย เป็นเหตุการณ์ร่วมยี่สิบปีก่อนที่ผมขับรถขึ้นเชียงใหม่ไปกับแกเพื่อสัมภาษณ์พี่ภัควดี ระหว่างรอหรือพักจากการสัมภาษณ์นี่แหละที่ทำให้ผมมีเวลาได้ออกเดตกับภรรยาที่ตอนนั้นไปเรียนและทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อเดือนก่อนพี่เป้แกยังขุดรูปเมียผมสมัยนั้นมาโพสต์เฟซบุ๊กแซวอยู่เลย เสียดายที่ไม่ได้ตอบหรือแซวแกกลับ

ดื่มสามจอกแด่ วาด รวี และสปิริตของเขา

จ๊อก

 

nandialogue

 

ตอบ จ๊อก

เรื่องที่คุณเล่าน่ะจริงที่สุด คือเราๆ ท่านๆ ใช้แรงงานกันน้อยไปหน่อย
ความคิด อารมณ์ กับร่างกาย เลยไม่ค่อยอยู่ในภาวะสมดุล ผลลัพธ์ที่พบได้ทั่วไปจนกลายเป็นความปกติใหม่ในตอนนี้คือโรคเครียด

ฝ่ายเรา.. ทั้งที่รู้ และพยายามปรับสมดุลเสมอ แต่ ก็ นะ การออกแรงมันเหนื่อยนี่หว่า มันร้อน มันเปื้อนเปรอะ ถามว่าใครบ้างไม่อยากสบาย สุดท้าย–ทั้งที่รู้ ก็อ้างนั่นนี่ ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ กระทั่งการงานและปรารถนานั้นมอดไหม้ สูญสลาย

ที่พูดนี่คือไม่ได้รังเกียจการใช้แรงงานเลย จะว่าชอบก็ยังได้ อย่างวันไหนได้ถือจอบเสียมไปดายหญ้าพรวนดิน ปลูกต้นไม้ ได้ใช้มีดผ่าฟืน มันฟิน หยาดเหงื่อเป็นสิ่งหอมหวน ปัญหาคือจุดเริ่มต้น แรงดึงดูด ทางเลือก การตัดสินใจ คล้ายๆ ว่าถ้ามีการงานอื่นต้องคิดต้องทำ (ในสายวิชาชีพสัมภาษณ์/ เขียนหนังสือ) การใช้แรงจะถูกตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกๆ เชื่อมไม่ได้ ต่อไม่ติด คนอื่นอาจไม่เป็นแบบนี้หรอก เราแค่เป็นคนทำอะไรได้ทีละอย่างซึ่งในที่สุดก็เป็นพวกใช้แรงกายน้อยเกิน แย่น่ะ ยิ่งสองสามเดือนที่ผ่านมาจมอยู่กับความคิด ลอยไปตามอารมณ์ชนิดกู่ไม่กลับ ถ้าขืนปล่อยไปอีกโดยไม่ปรับนี่เรียกว่าแขนขาจะเปื่อยยุ่ยเอา

ความตายของ วาด รวี ทำให้คุณเห็นอะไรบ้าง นอกจากสาเหตุปัจจัยเรื่องโครงสร้างการรักษาพยาบาลล้มเหลว ประเทศที่มองคนไม่เป็นคน ?
เมื่อวาน เราดู ประวิตร โรจนพฤกษ์ สัมภาษณ์เด็ก ม.6 คนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่ออกมาทำโพล ยืนถือป้ายใกล้สี่แยก กลางเมืองหลวง ข้อความบนแผ่นป้ายนั้นถามว่า ‘คุณคิดว่าการรัฐประหารสำเร็จได้โดยใคร’ มีคำตอบให้เลือกสองข้อคือ ทหาร กับ สถาบัน
ตอนประวิตรไปสัมภาษณ์ เธอเพิ่งมายืน คนยังแสดงความคิดเห็นไม่มาก แต่คำตอบก็เอนไปทางข้อสอง
ถามว่า เด็ก ม.6 คนทำโพลรู้หรือเปล่าว่าชะตากรรมของคนที่เพียงตั้งคำถามเท่านี้ คนที่ถามมาก่อนหน้า ต้องเจออะไร จากบทสนทนาของประวิตร เธอบอกว่ารู้ และยอมรับความเสี่ยง
คำว่ารู้นั้นมีระหว่างบรรทัดแน่ๆ รู้ย่อมหมายถึงคิดถึง ห่วงใย ‘ทานตะวัน’ ผู้หญิงที่ทำในสิ่งคล้ายกันและตอนนี้ถูกจับขัง ทั้งที่คดีความยังไม่สิ้นสุดซึ่งเธออดอาหารประท้วงมาแล้วหนึ่งเดือนเต็ม

ประสาเพื่อนฝูงที่เห็นหน้ากันมานับยี่สิบปี วาด รวี เองก็มา จ.น่าน หลายครั้ง กระทั่งเคยไปกินนอนที่บ้านเรา แน่นอนว่าความตายของเขาทำให้เราเจ็บ เราโกรธ เราเศร้าโศกเสียใจ
คำถามก็คือขณะที่เด็กหนุ่มเด็กสาวออกมาสู้ (ด้วยคำถามที่แสนสามัญเหลือเกินว่าเราต้องพูด ต้องถามกันได้) ขณะที่ วาด รวี อภิปรายเรื่องสถาบันกษัตริย์มานับบรรทัดไม่ถ้วน พวกเรายังออกแรงกันน้อยเกินไปหรือเปล่า.


เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก (ชัยพร อินทุวิศาลกุล) เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน

You may also like...