สวัสดีครับพี่หนึ่ง
มีจดหมายฉบับหนึ่งที่พี่เล่าให้ฟังว่า มีคนเดาว่าพี่เป็นคนขับรถตู้ ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าทุกวันนี้พี่เองก็ขับรถยนต์แล้ว (แม้อาจไม่ใช่รถตู้ก็ตาม)
น้องคนนั้นคงเดาจากรูปลักษณ์ท่าทางบางอย่างของพี่เลยได้คำตอบแบบนั้น ถ้าสวมแว่นตาดำตลอดเวลา เงียบๆ ไม่ค่อยพูด อาจอยู่ในข่ายเป็นผู้ชอบขับขี่ มากกว่าโดยสาร
พูดถึงเรื่องท่าทาง วันก่อนอ่าน First Steps ของ Jeremy Desilva
หนังสือว่าด้วยเรื่องการเดินสองขาของมนุษย์ว่ามีที่มาอย่างไร มีความสำคัญต่อวิวัฒนาการมนุษย์ขนาดไหนนอกจากนั้น ผู้เขียนยังเล่าว่ามนุษย์เรามีทักษะดีมากในการจดจำหรือประเมินผู้คนได้จากลักษณะการเดิน มันเป็นวิวัฒนาการที่มีมาก่อนกล้องส่องทางไกลน่ะครับ เวลาเราเห็นคนเดินมาแต่ไกล บางทีดูท่าทางการเดิน ของที่ถือ เสื้อผ้าที่ใส่ ก็อาจจะเดาได้ว่าเป็นใครโดยไม่ต้องดูหน้าใกล้ๆ นี่รวมไปถึงว่าน่าจะรู้ด้วยว่า คนที่เดินนั้นอยู่ในอารมณ์ใด โกรธ เหงา เศร้า หรือดีใจ
ที่พูดเรื่องการเดินกับการเดานี่ก็เพื่อจะเล่าให้ฟังว่า ไม่กี่วันก่อน โมอี้ สาวเพื่อนบ้านชาวอิสราเอลโดนหมากัด
เจ้าหมากัดน่องเธอเป็นแผลลึกอยู่ เธอจำต้องนอนโรงพยาบาลสามสี่วัน ปล่อยให้สามีเลี้ยงลูกสองคนตามลำพัง
สามีเธอบ่นกับผมว่า ถ้าเป็นที่อิสราเอล หมาตัวนั้นไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้ว ตามกฏหรือธรรมเนียมของประเทศเค้า สัตว์ตัวใดที่ทำอันตรายกับมนุษย์จะต้องถูกกำจัด หรือไม่ก็จำกัดพื้นที่
ผมได้แต่บอกกับลูกพี่ไปว่า คุณอยู่ในเมืองพู่ทธธธ เราไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้ายสัตว์
นอกจากจะปล่อยให้มีอิสระเสรีไม่ต้องติดคุกติดตะรางแล้ว วันดีคืนดีก็มักจะมีคนเอาอาหารไปให้มันกินอีก
และไม่ใช่แค่หมาหรอกที่คุณต้องระวัง ถ้าคุณมีโอกาสไปเที่ยวในที่อื่นๆ ในประเทศไทย ลิงก็เป็นสัตว์อีกชนิดที่ต้องระวัง
วันที่โมอี้กลับมารีสอร์ท เราถามไถ่เธอและได้ความว่า
เธอเดินอยู่ริมชายหาดถึงจุดที่น้ำทะเลขึ้นสูงท่วมหาดจนเดินต่อไปไม่ได้ ก็เลยเดินตัดที่ส่วนบุคคลเข้ามายังถนนเพื่อเดินต่อไปยังจุดหมาย
การเดินตัดที่คนอื่นนี่เป็นเรื่องปกติของที่นี่ครับ
ชายหาดกับถนนน่ะเป็นที่สาธารณะ แต่ก็มักจะมีรีสอร์ท บ้านคน ร้านอาหาร ขวางอยู่ตลอดแนว บางครั้งจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเดินตัด
เธอเล่าว่าตอนที่โดนกัด เธอสวมหูฟังอยู่ ก็เลยไม่ได้ยินคำขู่ คำเตือนของเจ้าหมาตัวนั้น
เจ้าหมาตัวนั้นอาจตีความท่าทางการเดินอย่างไม่ใส่ใจของมนุษย์ผู้ล่วงล้ำดินแดน ว่าเป็นการไม่ให้เกียรติเจ้าของสถานที่เข้า ก็เลยสั่งสอนซะหนึ่งงับ
ถ้าหมามันรู้ว่าหูฟังสมัยนี้คุณภาพดีขนาดไหน มันอาจเห็นใจและเปลี่ยนจากงับแรงๆ เป็นขบเบาๆ ก็ได้
เทคโนโลยีทำให้สิ่งมีชีวิตบางคนและบางตัวเข้าใจอะไรผิดไป
หลายปีก่อนผมเองยังเคยมองคนที่ยืนคุยโทรศัพท์ผ่านหูฟังและไมโครโฟนบลูทูธตัวเล็กๆ ว่าเป็นคนบ้าที่ยืนพูดอะไรคนเดียวอยู่เลย
ไม่กี่วันก่อน ผมกับภรรยาไปดื่มกาแฟร้าน Sound Cafe เป็นร้านของนักดนตรีสัญชาติไทย บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์
แกทำมาหลายอย่างบนเกาะ ทั้งเปิดอู่ซ่อมรถ เปิดร้านอาหารมังสวิรัติ และเล่นดนตรี เพื่อเลี้ยงชีวิต
หลายปีก่อนช่วงที่มีปัญหาแน่นในอก แกบำบัดตัวเองด้วยเอากีตาร์ไปนั่งเล่นคนเดียวริมหาดเซน (Zen Beach) เล่นๆ ไปก็กลายเป็นว่ามีคนมาฟัง และมาแจมเยอะขึ้น
จนตอนหลังหาดนี้กลายเป็นที่ที่นักดนตรี และผู้คนผู้ชื่นชอบในดนตรี มายืนนั่งร้องรำทำเพลง ชมพระอาทิตย์ตกดินกันทุกเย็น
ปัจจุบันแกแปลงที่พักอาศัยเป็นร้านกาแฟ และเปิดหรือเล่นดนตรีแถมเป็นกำไรให้กับลูกค้า
แกเล่าว่า เมื่อก่อนแกก็กลัวหมา แต่มีพี่คนหนึ่งสอนว่า ถ้าเจอหมาเห่า ไม่ต้องไล่หรือขู่มันกลับ แต่ให้คุย ครับ คุยกับหมานี่แหละ ที่เป็นวิธีที่แกรอดจากการโดนหมากัดมาได้ยี่สิบกว่าปีบนเกาะ
เวลาเจอหมาเห่า ก็ให้ฟัง มอง แล้วคุยกับหมาว่าเป็นยังไง มีอะไรหรือ แล้วมันจะรู้ว่าเรามาดี ไม่ทำร้าย
น่าจะเป็นไปได้นะครับ หมาคือสัตว์ชนิดแรกที่มนุษย์เอามาเลี้ยง น่าจะร่วมสามสี่หมื่นปีมาแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าพูดและฟังกันดีๆ คนกับหมาก็น่าจะเข้าใจกันได้
วันก่อนผมเดินเล่นชายหาดกับลูก เจอหมาวิ่งเล่นอยู่สามสี่ตัว เจ้าลูกชายเลยก้มลงไปหยิบไม้ขึ้นมาถือไว้ตามความเคยชิน
ผมเล่าเรื่องนี้ให้เค้าฟัง ก่อนจะลองทำตามพี่นักดนตรีดู ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ พวกเราปลอดภัยด้วยมือเปล่า
อยู่บนเกาะที่มีพื้นที่สาธารณะเยอะอย่างนี้ การฟังและคุยอาจให้ผลดีกว่าการถือไม้ป้องกันตัว
จ๊อก
ปล. คิดเบาๆ ว่า กลับขึ้นฝั่งคราวนี้ นอกจากจะได้ทักษะการพูดคุยภาษาอังกฤษแล้ว ยังอาจได้ภาษาหมาแถมไปด้วย ฮาฮ่า
ตอบ จ๊อก
1 ไร้วิชาการนะ เอาเท่าที่มีประสบการณ์ ‘วิชาหมา’ ที่คุณว่ามา เราเข้าใจได้และเห็นด้วยว่าค่อนข้างเป็นจริง เพียงแต่มันก็มีข้อยกเว้น เช่น หมาสีขาว มักไม่ค่อยรู้เรื่อง (มันคงรู้ของมัน เผอิญว่าเชื่อมกับคนแล้วไม่คลิก หรือคลิกชั่วครู่ชั่วคราว อย่าถามอีกละว่าทำไมต้องหมาขาว เออ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน) ตำราที่ใช้ได้กับหมาอื่น ไม่เวิร์กกับหมาขาว ฝากคุณทำโพลล์ สำรวจ หรือสังเกตต่อไปดูว่าจริงเท็จอย่างไร
ตอนเด็ก เราเคยโดนหมากัดครั้งหนึ่ง ซวยน่ะ จริงๆ มันจะกัดคนอื่น แต่อีเด็กเวรนั่นวิ่งหนีแซงหน้าเราไป (มันอาจพลาดพลั้งไปเหยียบหางหมา และรีบหนี) เราผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย และไม่ทันระมัดระวังตัวก็เลยโดนขย้ำเข้าที่ก้นหนึ่งที เจ็บจากเขี้ยวหมากัดไม่พอ ธรรมเนียมผู้คนแถวนั้น พ.ศ.นั้น บอกสอนกันมาว่า ถ้าหมากัด ให้เอารองเท้าแตะตีที่แผลสามที (คุณว่าเจ้าของตำรับการแพทย์ป่าเถื่อนเช่นนี้ มันเคยโดนหมากัดสักครั้งมั้ย–ถ้าเคย มันยังจะหน้าด้านยืนยันสูตรวิปริตนี้ไว้หรือเปล่า) จำได้ว่า นาทีที่พื้นผิวหนังอวัยวะส่วนที่นิ่มอ่อนที่สุดจุดหนึ่งรับแรงปะทะจากพื้นผิวรองเท้านี่มันเจ็บเข้าไปถึงหัวใจ
โตมา เรากับหมาดูจะเข้ากันได้ดี นานทีปีหน หมาบ้านปากซอยจะรวมพลไล่กวดกันสักที ที่แย่ก็มักเป็นวันฝนตก ถนนลื่นเละแบบนั้น จังหวะลาดชันลงเนินแบบนั้น จะบิดเร่ง รถก็จะล้ม จะชะลอ ฝูงหมาก็ไล่รุมจู่โจมกำลังจะถึงตัว โคตรทุลักทุเล แม่งเก่งแต่กับคนไม่มีทางสู้ เราด่ามันในใจ อยากจะท้าต่อย ตัวต่อตัว ก็กลัวสู้มันไม่ได้ วันหลังถ้าเจออีก จะลองใช้สูตรนักดนตรีพะงันแบบที่คุณเล่า ได้ผลบวกลบอย่างไร แล้วจะมารายงาน
2 การคุยและฟังกันมันดีแน่ๆ ข้อนี้เราต่างตระหนักรู้ ปัญหาก็คือบ้านเราเลือกรับวัฒนธรรมนี้ในมุมเดียว
หมายความว่าถ้าพูดคุยเพื่อสรรเสริญเยินยอ แบบนั้นได้หมด จะใช้คนใช้เงินเท่าไร ไม่เกี่ยง แต่ถ้าตำหนิวิจารณ์ เพื่อนไม่ยอมรับฟังและปรับตัวเลย พูดเมื่อไรก็จับ ล่าสุดนี่ถึงขั้นไม่ต้องรอไต่สวนพิพากษาอะไรกันแล้ว ไม่พอใจ จับขังเลย แบบนี้มันก็อยู่กันลำบากน่ะ คือกับหมา เรายังพร้อมจะให้อภัยใช่มั้ย เพราะมันพูดให้เข้าใจได้แค่บางอย่าง แต่คนกับคนแท้ๆ กลับไม่คุย ไม่ฟัง จ้องแต่จะไล่ขบกัด วิวัฒนาการเป็นศูนย์ ดูเอาเถิดว่าเกิดมาเป็นคน แต่จิตใจมันเป็นคนหรือเป็นยักษ์เป็นมารกันแน่
วันก่อนเห็นข่าวประยุทธ์คุยกับวัว เราว่าก็เริ่มมีหวัง
หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ?
เปล่า–หวังว่าไม่นานจะโดนเจ้าของส่งเข้าโรงเชือด.
เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน