the letter
the letter

นอกหน้าต่าง ระหว่างนั่งรถไฟ (สวีเดน)

พี่หนึ่งครับ

 

พอล่วงถึงฤดูใบไม้ผลิก็หมายความว่าทุกอย่างกลับเข้าสู่ช่วงเวลาทำงานแล้วครับ รถราบนท้องถนนหนาแน่นในเวลาเช้าและเย็น รถเมล์วิ่งขวักไขว่ขนผู้คนจากปริมณฑลเข้าไปในเมืองและออกจากเมือง ส่วนรถไฟก็เข้าเทียบชานชาลาเต็มแน่น ผ้คนหอบหิ้วกระเป๋า เข็นรถจักรยาน ขยี้บุหรี่ทิ้ง ก้าวลงและก้าวขึ้นรถไฟพร้อมมองมือถือ เปลี่ยนระดับความดังของหูฟัง ในบางมือ ถือแก้วกาแฟกระดาษ

จังหวะของฤดูคงจะเป็นไปเช่นนี้จนกระทั่งปลายปีโน่นละครับ เป็นไปในขณะที่อากาศเย็นลงเรื่อยๆ แสงแดดน้อยลง และความมืดยาวนานขึ้นเรื่อยๆ

ผมเองก็ต้องเดินทางโดยสารเหมือนกับเขานั่นละครับ และยิ่งหนักเลยเพราะต้องเดินทางไกลด้วย นั่งรถไฟไปทำงานสองชั่วโมงครึ่ง ถ้าจะว่าไปก็คือเท่ากับเดินทางจากกรุงเทพฯ ไประยอง และต้องเดินทางไปกลับเกือบทุกวัน แถมค่าเดินทางนี่ก็เอากันแทบล่มจมทีเดียว

สาหัส แต่รถไฟเขาสะดวก และค่อนข้างตรงเวลาดีอยู่ พร้อมมีอินเทอร์เน็ตไวไฟไปตลอดทาง ผมจึงออกจากบ้านเร็วหน่อย ไปเริ่มทำงานบนรถไฟ กว่าจะถึงที่หมาย งานก็เสร็จลุล่วงไปบ้าง

และผมก็ไม่ได้เป็นคนเดียวในโลกที่ต้องเดินทางไปทำงานเมื่อไหร่ คนอีกมากมายเดินทางข้ามจังหวัด ข้ามภูมิภาคทุกวัน เขาก็ทำกันได้ เขาทำกันได้เพราะเขาต้องทำ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องต้องมาพิไรรำพันอะไร

 

the book nandialogue

 

จะว่าไป รัฐเขาก็พยายามรณรงค์ให้คนเดินทางด้วยรถไฟกันนะพี่ ที่ผ่านมาผู้คนเดินทางในประเทศด้วยเครื่องบินกันมาก เขาบอกว่ามันไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม รณรงค์เข้าไปถึงระดับในโรงเรียนอนุบาล ประมาณว่าต้องขัดเกลากันตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าอย่างนั้นเถอะ

สำหรับผม เหตุที่นิยมเดินทางด้วยรถไฟจะต่างออกไปอยู่บ้าง เพราะผมเป็นประเภทเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน มีเพียงรถไฟอย่างเดียวที่ผมรอด ยิ่งหากต้องอ่านหนังสือหรือทำงานเวลาเดินทางแล้ว เป็นพาหนะอย่างอื่นนี่ไม่ไหวเลย บนรถไฟไปทำงานนี่จึงเป็นสถานการณ์ที่เมตตากรุณาผมที่สุดหากเปรียบเทียบกับทางอื่น

ผมเป็นนักเดินทางประเภทเลวร้ายที่สุดครับพี่ คือไปไหนมาไหนไกลๆ แต่ละครั้งนี่ต้องเตรียมตัวอุปกรณ์ป้องกันเมารถเมาเรือ ที่จริงมันมีสายรัดข้อมือป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็พอช่วยได้บ้างเท่านั้น แต่บนรถไฟนี่ไม่ต้องใช้อะไรเลย อ้อ ยกเว้นยาหม่องสักนิดหน่อยเท่านั้น

รถราและการจราจรบ้านเขามีระบบระเบียบแยะครับ ตั้งแต่เรื่องการเรียนขับรถ การสอบใบขับขี่ ไปยันกฏจราจรบนถนนจริง คือทุกคนเข้าใจว่าเขาพยายามจะลดอุบัติเหตุนั่นแล แต่นั่นก็หมายความว่า กว่าจะได้ใบขับขี่ก็เอากันแทบรากเลือดเลย เพราะต้องไปเข้าโรงเรียนให้เขาโขกสับเอาค่าเรียนขับรถ หมดไปเป็นแสนๆ โดยที่ไม่มีอะไรการันตีว่าจะได้หรือไม่ได้ใบขับขี่ ทั้งที่ผมขับรถมานานมากแล้ว (จากเมืองไทย)

เช้านี้บนรถไฟค่อนข้างสงบครับ พอผมไปส่งลูกที่โรงเรียนเสร็จก็แปดโมงกว่า รถไฟไปเมืองที่ทำงานผมนั้นมาชั่วโมงละขบวน และออกเดินทางทุกๆ ต้นชั่วโมง ผมนั่งรถเมล์ไปต่อรถไฟได้อย่างพอดีๆ ไม่ต้องรอนานนัก เวลานี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง การยืนรอที่ชานชาลาก็ยังจะพอไหว พออีกเดือนสองเดือนเมื่อเข้าหน้าหนาว คงจะไม่สนุกนัก หากต้องมานั่ง มายืนรอรถไฟคราวละนานๆ

ป่าสน ป่าสน และป่าสน ทิวทัศน์สองข้างทางตลอดการเดินทางช่วงท้ายๆ ก่อนจะถึงที่ทำงานที่ผมเห็นมักจะเป็นเช่นนั้นครับ หลายครั้งผมละสายตาไปจากหน้าจอแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง พบว่ายังเดินทางไม่ถึงไหน เพราะป่าสนยังไม่หมดเสียที ภูมิภาคแถบนี้เป็นป่า คนก็หากินจากกิจการค้าไม้ แปรรูปไม้ (ไม่แปลกใจที่ภูมิภาคนี้เป็นที่มาของบริษัทยักษ์ใหญ่ IKEA) เรื่องป่าเรื่องเขาจึงเป็นส่วนหนึ่งของโลก ของบ้านเขา ป่าจะเป็นที่แห่งความสงบ การหลีกเร้นออกไปจากความวุ่นวายและความเหน็ดเหนื่อยจากในเมือง

แต่ป่าสำหรับผมไม่ได้เป็นเพียงความสงบเท่านั้นสิพี่ ในป่ามีเจ้าเขา ในป่ามีผี ในป่ามีสัตว์ร้าย การเข้าไปในป่า หรือความสัมพันธ์ของเด็กเมืองอย่างผมกับป่าจึงแปลกแปร่งออกไปจากคนที่นี่ การอยู่ในป่าคือการต้องระวังภัยไปพร้อมๆ กับระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอ แมลงขบกัดพิษอะไรต่างๆ

 

the book nandialogue

 

การใช้เวลาเดินทางแต่ละวันนานๆ จึงมีกิจกรรมใหม่ นั่นคือการฟังพอดแคสต์ ถ้ามองออกไปรอบๆ ผมจะเห็นทุกคน ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ จะหญิงหรือชาย ต่างก็มีหูฟังเสียบกับหู ไม่ว่าจะเป็นตุ้มเล็กๆ ในรูหู หรือจะเป็นหูฟังแบบนวม ที่ดูไกลๆ แล้วทำให้ผมนึกถึงพวกหนังไซไฟ แนวอนาคตอะไรแบบนี้ ที่ทุกคนจะมีเครื่องมือที่ดูราวกับว่าเป็นอวัยวะใหม่ และต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง

คิดแล้วก็แปลกดีนะพี่ ผมจำได้ว่าสมัยยังเด็ก สักสิบขวบสิบสองขวบอะไรแบบนี้ ผมจะได้รับมอบหมายให้เป็นพนักงานเก็บเงินในร้านตัดผมของแม่ เพราะแม่ต้องออกไปทำธุระ หรือไปทำงานอะไรเสริม ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่ทำอยู่ตลอดเวลา ช่วงนั้นผมก็จะเสียบหูฟังวิทยุคลื่นรายการฟุตบอลเอฟเอ็ม 99 ผมเป็นแฟนตัวยงของรายการ ฟังบ่อยจนโทรฯ เข้าไปเล่นเกมและได้รางวัล ผมยังจำได้เลยว่ารางวัลคือหมอนแบบกายภาพผ่อนคลาย ที่พ่อผมใช้หนุนอยู่หลายปี ก่อนแกจะเสียไปเมื่อสิบปีที่แล้ว

ตอนนี้ผมอายุจะเข้าสี่สิบ กลายเป็นว่ากลับมาฟังคลื่นเอฟเอ็ม 99 อีกครั้ง หลังจากไม่ได้ฟังมาหลายสิบปี พร้อมๆ กับที่เวลาฟุตบอลมันเหมาะพอดี โดยรวมผมฟังบอลหูมากกว่าดูฟุตบอล เพราะฟังเวลาเดินทางหรือพาลูกเข้านอนได้สบายเลย กิจวัตรแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมชอบทำหลายสิบปีก่อน แล้วที่สุดผมกลับมาที่เดิม ไม่ว่าจะไปไหนไกลเท่าไหร่ ผมก็ต้องกลับมาที่เดิม ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบมันอย่างไรก็ตาม ผมกลับมาที่เดิม อย่างที่รู้สึกว่ามีอะไรในชีวิตต้องเรียนรู้อีกมากเหลือเกิน เหมือนกับทิวทัศน์ป่าสนมันไม่มีทางจบลงง่ายๆ ไม่ว่าจะมองออกไปนอกหน้าต่างกี่ครั้งก็ตาม

หลายๆ รายการที่ผมเคยฟังวิทยุสมัยแรกหนุ่ม เวลานี้เขาก็ตัดออกมาเป็นพอดแคสต์ให้ฟังนะครับ เมื่อก่อนผมฟังรายการ หนังหน้าไมค์ วิทยุช่องแฟตวันอาทิตย์ดึกๆ ที่นี้เขาเปลี่ยนชื่อรายการตามชื่อคลื่นเขาว่าเป็น หนังหน้าแมว ผมก็ได้ฟังในรูปแบบพอดแคสต์ ได้ฟังถึงหนังหรือซีรีส์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจที่หลายครั้งผมอาจจะไม่สนใจก็ได้ หากไม่ได้ฟังเขาเล่าให้ฟัง ช่วงโควิดนี้ผู้จัดรายการเขาออกไปดูหนังในโรงไม่ได้ เขาจึงแนะนำหนังสือซีรีส์สตรีมมิ่ง ในพวกเน็ตฟลิกซ์ ดิสนีย์ เอชบีโอ ฯลฯ ผมเองไม่ค่อยได้มีโอกาสดูเน็ตฟลิกซ์ และไม่ค่อยชอบแนวทางของมันเท่าไหร่ (แม้ว่าจะทำให้คนเข้าถึงมากขึ้น แต่ผมว่ามันทำให้โลกของหนังหลากหลายน้อยลงมากเลย) แต่พอมาฟังรายการนี้ก็จะรู้ว่าบางเรื่องที่ผมไม่ชอบหน้าหนังเลยนั้น อันที่จริงมีเนื้อเรื่องน่าสนใจ

มันมีพอดแคสต์รายการหนึ่งซึ่งผมมาฟังด้วยความที่ผมชอบหนังสือเสียง นั่นคือรายการห้องสมุดหลังไมค์ ของวิทยุไทยพีบีเอส มีคุณรัศมี มณีนิล เป็นผู้ดำเนินรายการ จะมีการนำหนังสือมาอ่าน และใส่เสียงบรรยากาศเข้าไป เราเข้าไปฟังย้อนหลังได้ หนังสือบางเล่มผมฟังจนติดงอมแงม อย่างเช่นเรื่องสั้นของเทพ มหาเปารยะ เรื่องสั้นของ อ.อุดากร เรื่องผีของ เหม เวชกร ไปจนกระทั่งนิยายผีเรื่อง โรงแรมผี ของ อ.อรรถจินดา ทั้งหมดนี้ผมฟังบนรถเมล์และรถไฟทั้งนั้น

ระหว่างนี้ผมขอไปฟังวิทยุก่อน รายการฟุตบอลมาแล้วพี่ ฤดูกาลนี้พรีเมียร์ลีกแข่งกันดุด้วย แล้วว่ากันฉบับหน้าครับผม

 

ปรีดี

บนรถไฟเออเรซุนด์ไปเมืองมัลเม่อ

 

nandialogue

 

ตอบ ปรีดี

ฟังเรื่องนั่งรถไฟไปทำงานของคุณแล้วก็ได้แต่อิจฉา รถไฟชราบ้านเราตอบสนองประชาชนได้น้อยเหลือเกิน เรียกว่าเดินยังเกือบจะดีกว่า ครั้นพอมีโอกาสจะพัฒนา กำลังตั้งท่าจะได้นั่งรถไฟความเร็วสูงกับเขาบ้าง ก็มีอันสะดุด อย่างที่เราเห็นๆ กันนั่นแหละ บ้างก็เกเรโมเมไปถึงขั้นว่า เอาเรื่องถนนลูกรังให้มันจบก่อนมั้ย แล้วค่อยคิดฝัน แปลกปะล่ะ เราอยู่ในประเทศที่คิดและทำไปพร้อมๆ กันไม่ได้

พูดถึงรถไฟทีไรมันก็เลยมีสองเรื่องเท่านั้น คือหนึ่ง, ห่วยแตก สอง, วัตถุโบราณไว้ให้รำลึก และถ่ายรูป คุณได้ข่าวเรื่องรถไฟฟรีจากญี่ปุ่นมั้ย คือเขายกของเก่าให้ แต่เราต้องจ่ายค่าขนส่งเอง ราวสี่สิบกว่าล้านละมั้ง ประเด็นก็คือมันเอามาใช้ไม่ได้ ขนาดล้อ/ราง ไม่สัมพันธ์กัน ฟังว่าอย่างนั้นนะ คือฟังแล้วก็หดหู่น่ะ ญี่ปุ่นมีรถไฟใช้ก่อนไทยแค่ 25 ปี แต่ถึงวันนี้เขาทิ้งห่างเราไปไกลเกินจะกล่าว ซึ่งโดยสาระสำคัญทั้งหลายทั้งปวงก็คือเราทำตัวเองทั้งสิ้น หลุดหลง ล้าหลัง ไม่เรียนรู้ ไม่สนใจความเปลี่ยนแปลงของโลก

ส่วนเรื่องใบขับขี่ที่ยากเย็นแสนเข็นของคุณ ก็เข้าใจว่าเขาซีเรียสจริงๆ เรื่องความปลอดภัย (แต่มันก็แพงจริงว่ะ) ของเรา ออกจากบ้านแต่ละวันก็คล้ายต้องสวดมนต์ภาวนา ขอให้มีชีวิตรอดกลับถึงบ้าน ถนนแย่นั้นอย่างหนึ่ง และการขับขี่ก็มีเรื่องให้หงุดหงิดทุกวัน ถ้าแค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่มีปัญหาหรอก เราต่างมีข้อบกพร่องด้วยกันทั้งนั้น แต่เวลาเราพูดเรื่องชีวิตบนท้องถนนมันมีความหมายถึงความเป็นความตายด้วยไง ฉะนั้น ไม่ว่าจะอย่างไร ความปลอดภัยก็เป็นเรื่องใหญ่สุด เมืองน่านตอนนี้เริ่มเปิด ที่ไม่ค่อยเห็นรถตู้ ไม่ค่อยเห็นรถทะเบียนกรุงเทพมหานคร ตอนนี้เห็นบ่อย และความที่ช่วงปลายฝนต้นหนาว แลนด์สเคปทั่วทั้งเมืองมันสวยเย้ายวนใจ ภาพที่เราพบบ่อยๆ ตอนนี้คือคนถ่ายรูป ถ่ายธรรมดาก็ไม่มีปัญหาละ แต่ขี่มอเตอร์ไซค์และถ่ายวิดีโอไปด้วยนี่แบบ.. เออนะ ทำไมเขาช่างรักธรรมชาติกันเสียจริง แต่น่าจะรักชีวิตให้มากกว่านี้ หรือต่อให้ไม่รักชีวิตตัวเอง ก็ควรแคร์ต่อความปลอดภัยของผู้อื่น เมื่อใช้รถใช้ถนน มันเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องตระหนักในหลักสัมพันธภาพขั้นสูงสุด เพราะถนนคือพื้นที่ของความสัมพันธ์
สุดท้าย ฟังเรื่องฟังวิทยุที่คุณเล่าแล้ว เราสงสัยมากๆ เลย ตกลงนี่คุณอยู่สวีเดน หรือแถวๆ รังสิต ดอนเมือง

 


เกี่ยวกับผู้เขียน : ปรีดี หงษ์สต้น นักเขียน นักแปล นักวิชาการ ย้ายไปอยู่ประเทศสวีเดน เลี้ยงลูกไปพร้อมๆ กับสังเกตสังกาชีวิตที่เคลื่อนย้ายผ่านเวลาสถานที่ ภายใต้ระเบียบเสรีนิยมประชาธิปไตย

You may also like...