interview

ทัศนวิสัย ‘ผู้ใหญ่บ้านหมู่สอง’ บัณฑิตคืนถิ่น ศิลปินเซรามิกผู้สร้างจิบแฟแช่น้ำ ‘บ้านภาคิน’ หัวหอกคาเฟ่ลำธารหลังบ้าน

ช่วงชีวิตลังเล น้อยเนื้อต่ำใจ มีเสียงหนึ่งอึกทึกอยู่ในหัว แม่เขาบอกว่าเงินทองล่องลอยอยู่ในอากาศรอบบ้านเรา

เหมือนๆ กับเด็กน่านชนบททั่วไป ‘เอก’ ภาคิน ขุนนิรงค์ ถูกส่งเข้าเรียนในเมือง ด้วยหวังความเป็นเลิศทางการศึกษา จบแล้วจะได้เป็นข้าราชการ เขาทำตามแผนแม่บด (ขยี้) ไปต่อปริญญาตรีที่เชียงราย ทางสายเซรามิก สำเร็จสมใจ แต่งานที่ได้ไม่ตอบโจทย์เรื่องเงิน ประจวบกับบุพการีทั้งสองล้มป่วย ความลังเลมลายโดยพลัน เมื่อสำนึกตัญญูสว่างปรากฎ เขาตัดสินใจกลับบ้าน กลับมาพร้อมๆ กับเสียงของแม่ที่บอกว่าไม่ต้องกลัว เงินทองมันล่องลอยอยู่ในอากาศ

จิบแฟ แช่น้ำ บ้านภาคิน เกิดขึ้นในปี 2013 ด้วยไอเดียขายทุกต้นทุนที่มี คือลำธารหลังบ้าน ความรู้ศิลปะจากรั้วมหาวิทยาลัย และสวนไผ่ซึ่งเขามองเห็นอำนาจ วาดฝันให้มันเป็นพระเอก

9 ปีผ่านไป ที่นี่ยังยืนยัน ‘ศิลปะ/ธรรมชาติ’ หลักการเดิม เพิ่มเติมคือบทบาทใหม่ จากบัณฑิตจิตอาสา ภาคินเป็นผู้ใหญ่บ้านใหม่หมาดได้ 5 เดือน

ณ วัย 44 ปี มีลูกชายสองคน ส่งมอบธุรกิจให้ครอบครัวบริหาร ตัวเขาปลีกเวลามาเสิร์ฟมาคุยกับลูกค้าบ้าง ถ้าว่างจากราชการ (ค่าจ้างแปดพันบาทต่อเดือน) เงินที่แม่ว่ามีจริงมั้ย ผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ของหมู่บ้านห้วยยื่น ตำบลบ่อ อำเภอเมืองน่าน มีวิสัยทัศน์อย่างไร เชิญสดับรับฟัง

ทำไมคนหนุ่มคนหนึ่งที่เรียนจบมาทางเซรามิกถึงอยากเป็นผู้ใหญ่บ้าน

ผมเป็นบัณฑิตคืนถิ่น เริ่มจากต้นทุนธรรมชาติที่เรามี ผมขายแม่น้ำลำธารหลังร้าน เล็งเรื่องการแปรรูป ชอบทำงานหลายอย่าง ทำชีวิตให้เป็นผลงานศิลปะ ค่อยต่อยอด เติมแต่งไป ไม่เพ้อเจ้อ มองแล้ว ถ้าไปเป็นศิลปินจ๋าคงไม่ถึงฝัน ผมแค่พอทำได้ แต่ไม่ขนาดคนเก่งๆ ที่เขาสำเร็จในสายอาร์ตเพียว ผมรักศิลปะ แต่ชอบหลายอย่าง ชอบสอน สนใจงานพัฒนา ชอบเห็นผู้คนเติบโต ก้าวหน้า

ตกลงคำว่า ‘ผู้ใหญ่บ้าน’ มายังไง

ผมชอบไปอบรม เข้าเครือข่ายเรียนรู้ มีกำนันเป็นแกนนำในหมู่บ้าน เขาเห็นผมเป็นรุ่นใหม่ไฟแรง คิดต่างจากคนอื่นที่ต้องไปทำงานในเมือง กลับบ้านไม่มีอะไรดี แต่ผมกลับบ้าน กำนันส่งผมไปอบรมตามเวทีต่างๆ ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน จิตอาสา ตั้งแต่ทำร้านใหม่ๆ เริ่มซึมซับจากอาจารย์และวิทยากรต่างๆ เริ่มตั้งคำถาม คนเราเกิดมาเพื่ออะไร หาเงิน ขยายเผ่าพันธุ์เท่านั้นหรือเปล่า ผมไม่คิดแบบนั้น ผมทำ อสม. กู้ชีพกู้ภัย ทำหมด เราได้ช่วยเหลือคน พอทำมากเข้า พวกผู้ใหญ่ ผู้นำรุ่นก่อนๆ เขาก็ชอบ อยากเอาไปสานต่อ ถึงเวลาต้องมีผู้นำรุ่นใหม่ที่กล้าคิดกล้าเปลี่ยน เพิ่มอาชีพให้ชาวบ้าน แค่เกษตรกรอย่างเดียว มันไม่พอกิน ต้องสร้างแหล่งเรียนรู้ ที่ท่องเที่ยว เหมือนร้านผมทำจิบแฟ แช่น้ำ สร้างให้คนมาเที่ยว เรามีต้นทุนธรรมชาติที่ดีอยู่แล้ว และมาขายบริการ อาหาร เครื่องดื่มเพิ่ม สร้างวิสาหกิจชุมชน จากผู้นำแฝง ไม่มีค่าตอบแทน ไม่มีเงินเดือน นานไปมันไม่ได้ครับ เมื่อชอบด้านนี้และมีผู้ใหญ่สนับสนุน เลยต้องเป็นผู้ใหญ่บ้านด้วย เพราะถ้าเป็นผู้นำแฝงอย่างเดียว เราไม่มีอำนาจในการอนุมัติ ลงมติ เวลาเซ็นสัญญา โครงการต่างๆ

ผู้ใหญ่บ้านคนก่อนเกษียณหรือหมดวาระแล้วเลือกตั้งใหม่ ?

เขามีวาระสี่ปี ถ้าผลงานดี ก็ต่อไปได้เรื่อยๆ คนก่อนก็อยู่จนเกษียณ ถึงรุ่นผม ทางหมู่บ้านคุยกันว่าเหมาะแล้ว ไม่อยากให้ใครมาแข่ง มันจะแตกเป็นก๊กเป็นเหล่าไปเปล่าๆ เลยให้ผมลงคนเดียว ไม่ต้องมีหย่อนบัตรเลือกตั้ง ลงสมัครไปเสร็จ ทางฝ่ายปกครองก็มาตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งผมก็ผ่านหมด ใช้เวลาแต่งตั้งประมาณเดือนหนึ่ง ผมรับตำแหน่งเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็เป็นมาได้ห้าเดือน

ทำอะไรไปบ้างแล้ว

บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ช่วยงานอำเภอ ดูกลุ่มเปราะบางที่มีปัญหา ผู้สูงอายุช่วยตัวเองไม่ได้ บ้านเรือนผุพัง ผมก็ประสานกระทรวงพัฒนาฯ ช่วยซ่อมหลังคา ฝาบ้าน ห้องน้ำ หาจิตอาสามอบของใช้ของกิน และเร่งสำรวจลงทะเบียนบัตรประชารัฐ คนที่ยังไม่มีโอกาสเข้าถึง กลุ่มผู้ป่วยติดเตียง เฟสแรกบางคนไม่ได้ลงทะเบียน ขาดโอกาส และเรื่องใหญ่ๆ ตอนนี้คือแก้ระบบประปา ของเดิมเขาวางท่อมา 20 กว่าปี เริ่มเสื่อม ก็เขียนโครงการไป อบต. กำลังรอผันงบ หาแหล่งน้ำดิบมาป้อนประปาหมู่บ้าน ห้วยยื่นมี 169 หลังคาเรือน ประชากร 500 กว่าคน

มีหน้าที่หรืองานประจำชัดๆ มั้ย เช่นว่าวันจันทร์ทำอะไร อังคารทำอะไร

ต้นเดือน ไปประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ แจ้งข่าวดีข่าวร้าย เอามากระจายข่าวในหมู่บ้าน ส่วนหน้าที่ก็ดูหมด ไม่ว่าเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ไกล่เกลี่ย ไม่ว่าต้นไม้ล้มทับสายไฟ วัวบุกรุกพื้นที่ หมาหาย ไก่หาย คนเมาส่งเสียงดังกลางคืน งานศพ งานแต่ง

ลองจัดลำดับได้มั้ยว่าหมู่บ้านนี้มีปัญหาอะไรที่เร่งแก้ไขอยู่ ?

บ้านห้วยยื่นของเรามีสามคุ้ม คือตรงจุดบ้านไร่ไพรวัลย์ที่ผมอยู่ คุ้มสองคือปากงาว และคุ้มสามคือห้วยยื่น ปัญหาหลักๆ ตอนนี้เป็นเรื่องระบบน้ำประปาภูเขาเพราะอยู่ห่างไกลจากอ่างเก็บน้ำห้วยเวียนเป็นสิบกิโลฯ เรามีป่าอนุรักษ์ชุมชนเป็นพันไร่ สร้างอ่างเก็บน้ำไว้ที่นั่นซึ่งมันต้องต่อท่อไหลมาเกินสิบกิโลฯ เพื่อหล่อเลี้ยงครัวเรือนสามกระจุกที่ว่า ท่อฝังในดินนานก็เกิดสนิม น้ำไม่สะอาด ไหนจะเกิดการขยายตัวของครัวเรือนเรื่อยๆ เมื่อก่อนคนน้อยกว่านี้ หลังๆ คนเพิ่ม การใช้น้ำก็มากขึ้น รอจะเปลี่ยนท่อใหม่ งบไม่มี เสนอไป อบต. เราต้องหาแหล่งน้ำดิบเพิ่ม คือเราเจาะบาดาล เอาน้ำใต้ดินมาใช้ในหน้าแล้ง อ่างเก็บน้ำแห้งขอด เรามีร้านอาหาร โรงแรมใหม่ๆ การใช้น้ำมากขึ้น จึงไม่เพียงพอ กำลังประสานงาน แก้ไข ขุดเจาะน้ำบาดาลอยู่ บ้านห้วยยื่นอยู่หุบเขา บางบ้านอยู่บนเนินเขา ทำให้แรงดันน้ำไปไม่ถึง เมื่อก่อนเคยถึงเพราะครัวเรือนน้อย ตอนนี้ที่ลุ่มเปิดน้ำเต็มที่ บ้านบนเนินเปิดไม่ได้ น้ำไหลไปไม่ถึง ประมาณสิบหลัง ต้องรอน้ำตอนดึก รอเวลาที่คนบ้านอื่นไม่ใช้ เขาถึงใช้ได้

มันไม่ใช่ที่ราบและบ้านเรือนอยู่เป็นกลุ่มใกล้ชิดกัน ?

ใช่ครับ ทางถนน ห้วยยื่นยาวตั้งแต่ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ ไปจนถึงหอศิลป์ริมน่าน ระยะทางบกเจ็ดกิโลฯ เรามีป่าชุมชนกว่าพันไร่ ป่าต้นน้ำ ทำอ่างเก็บน้ำห้วยเวียน มีป่าผาตีนเสือ มีโรงแรมภูเสี้ยวขาว กับน่านโอบเขารีสอร์ต มีศูนย์พัฒนาอาชีพเกษตร ศูนย์หม่อนไหม เรามีศูนย์ราชการเยอะ ทุกที่ก็ต้องใช้น้ำเยอะ

ต่อมา ข้อสองที่ต้องแก้ไข ?

ที่ทำกินของชาวบ้านไม่มีเอกสารสิทธิ์ ส่วนมากเป็นที่จับจอง คนมีโฉนดน้อยครับ แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นที่จับจอง เกี่ยวกับที่ป่าด้วย จะทำอะไรก็ลำบาก บางทีระบบราชการช่วยไม่ได้ เพราะที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์

แล้วต้องแก้ยังไง

ก็ต้องปรับนโยบายรัฐ เสนอเรื่องทบทวนแนวเขต กันออกจากที่ป่า กันออกจากเขตอุทยาน กันที่ทำกินออกจากเขตป่าสงวน มันมีหลายอย่างที่ต้องทำควบคู่กัน ผมกำลังคิดเรื่องอาชีพ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือเกษตรกร ขายแต่ผลผลิตอย่างเดียว ซึ่งราคาถูก ผมพยายามใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวบ้าน ดึงนักท่องเที่ยวเข้าชุมชน ต้องทำควบคู่ตั้งวิสาหกิจชุมชน คู่กับการแปรรูปผลผลิตการเกษตร เพื่อยกระดับราคาสินค้า จะได้เข้าโอท็อป ทำน้ำหม่อนเบอร์รี่ เมื่อก่อนขายผลหม่อนอย่างเดียว เสียก็ทิ้งขว้างไป ตอนนี้แปรรูปเป็นน้ำหม่อน ขึ้นโอท็อปเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ในช่วงการพัฒนาคุณภาพ รอขอ อย. กับอีกอันคือสบู่สปารังไหม เอารังไหมที่ตกเกรด ขายไม่ได้ราคาแล้ว แทนที่จะทิ้ง เอามากลั่น ต้ม กรอง เอาโปรตีนมาผสมหัวเชื้อ ทำสบู่ เพิ่มมูลค่าได้ จากไม่มีค่า เผลอๆ จะขายได้แพงกว่าขายรังไหมเปล่าๆ

ที่บอกว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านเกษตร เกษตรอะไร

สมัยก่อนข้าวโพด ตอนหลังยางพาราขึ้นอันดับหนึ่ง เริ่มมีผลไม้ ลิ้นจี่ อโวคาโด้ ส้ม ส่วนไผ่ก็ยังน้อยอยู่ เวลานี้กรมส่งเสริมพัฒนาเกษตรกรอยากแก้ปัญหาเขาหัวโล้น ไผ่ตอบโจทย์ครับ เพราะเป็นหญ้ายักษ์ ผู้พิทักษ์ดินและน้ำ ช่วยลดการพังทลายของหน้าดิน เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่กำลังสนับสนุน ปลูกครั้งเดียวได้ประโยชน์หลายมิติ เพิ่มออกซิเจน ยึดเกาะการพังทลายหน้าดิน ซับน้ำฝนได้ดี ไผ่หนึ่งกอดูดซับน้ำได้เกินห้าร้อยลิตร

จะหาเงินจากไผ่ได้ยังไง

ถ้าเน้นเอาแบบเชิงเดี่ยวเลยคือปลูกขายหน่อ ที่ดอยก็ขายลำ และต่อยอดแปรรูป ทำแก้ว ทำถ่าน เอาใบไผ่คั่วทำชา เลี้ยงรถด่วน ทางอำเภอสันติสุขมีคนทำแล้ว ปลูกไผ่เลี้ยงรถด่วน ทำเห็ดเยื่อไผ่ ผมว่าเราต้องหาวิธีแปรรูป ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ใส่งานศิลปะลงไปในกระบอกไผ่ ทำเป็นบรรจุภัณฑ์ แก้ว ถ้วยจาน

ใช้เวลาปลูกนานเท่าไร

ถ้าที่ลุ่ม น้ำดี สองปีขายหน่อได้ แต่ถ้าจะขายลำไผ่ ต้องรอหกปี ไผ่จะมีเนื้อแกร่ง ป้อนโรงงานเฟอร์นิเจอร์ได้ ทำตะเกียบ เสียบลูกชิ้น ไม้จิ้มฟัน อาจไปถึงอัดเป็นไม้แผ่น แปรรูปต่างๆ หน้าสาม หน้าสี่ ได้หมด ทำเป็นไม้อัด เพราะเคลือบน้ำยากันปลวก มอด

มีที่ไหนเริ่มทำบ้างหรือยัง

เวียงสา มีคนทำเรื่องตะเกียบ เพิ่งเริ่มๆ ยังไม่ใช่โรงงานใหญ่โต ไผ่เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนจังหวัดน่าน มาแก้ปัญหาภูเขาหัวโล้น มาแทนการปลูกพืชไร่เลื่อนลอยอย่างข้าวโพด เพิ่งเริ่มมาแปดเก้าปี ไผ่น่านคุณภาพดี แข็งแรง ไผ่ซางหม่นก็เป็นที่ต้องการของตลาดมาก ตราบใดที่มนุษย์ใช้ตะเกียบ ไม้เสียบลูกชิ้น ไม้จิ้มฟัน ของพวกนี้ใช้แล้วทิ้ง หมดไป ก็ต้องหาใหม่ตลอด ข้อดีคือไผ่ย่อยสลายได้ ไม่เกิดมลพิษ ขยะเป็นศูนย์

สรุปคือมีเรื่องน้ำ ที่ดินทำกิน แล้วก็เรื่องอาชีพ ?

ครับ บ้านเราเป็นเกษตรเชิงเดี่ยว ผู้ผลิตขายป้อนๆ อย่างเดียว ไม่มีองค์ความรู้ ขาดโอกาสการพัฒนาเรื่องแปรรูป เราไม่มีคอนเน็กชั่น ไม่มีเครือข่าย ไม่มีร้านวางขาย เกษตรกรยุคใหม่ต้องเปลี่ยนแนวคิด ต้องไม่เป็นต้นน้ำอย่างเดียว ต้องผันตัวเองให้ทันสมัย รู้จักค้าขาย ไม่งั้นลืมตาอ้าปากไม่ได้ จะเป็นหนี้อยู่ร่ำไป ถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง คุณต้องเป็นผู้ประกอบการทางเกษตรไปด้วย ต้องเป็นนักค้นคว้าวิจัยด้วย

ชาวบ้านเขาเอาด้วยแค่ไหนกับแนวคิดพวกนี้

เขายอมรับในตัวผม มองเห็นผมเริ่มจากโนเนม คนมองไม่เห็นว่าแม่น้ำดียังไง คือใกล้เกลือกินด่างน่ะครับ บ้านเราไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ เราเกิดที่นี่ เห็นแม่น้ำลำคลอง เห็นทะเลหมอกทุกวัน จึงไม่เห็นความวิเศษวิโส แต่คนเมือง อยู่ตึก คอนโดฯ เขาเห็นแม่น้ำ เห็นทะเลหมอกบ้านเราแล้วคิดว่านี่คือสวรรค์ อากาศบริสุทธิ์ มาแล้วได้ชาร์จแบตฯ เต็มที่ ที่ผมทำมา ชาวบ้านเริ่มเข้าใจแล้ว เขายอมรับว่าเรามีความคิด วางแผน คิดให้เป็น ต่อให้เป็น เราจะเป็นต่อ เขาเห็นว่าผมทำได้จริง ทุกเทศกาลคนมาร้านผมล้นทะลัก มาพักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวายในเมือง มาหาธรรมชาติ ข้อเสียคือเราไม่มีผลิตภัณฑ์ในชุมชนมาขาย มีแต่สถานที่ มีธรรมชาติ มีของกิน เราขาดของที่ระลึกหรือผลิตภัณฑ์ชุมชน ตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว เขารอเวลาแปรรูป จัดหน้าร้าน จะมีวิสาหกิจชุมชน มีจุดกระจายสินค้า

มีบ้างหรือยัง

มีกลุ่มน้ำหม่อนเบอร์รี่ กลุ่มการท่องเที่ยวชุมชนบ้านห้วยยื่น กลุ่มสปารังไหม กำลังเร่งเพิ่มเครือข่าย กลุ่มที่จะทำต่อไปคือแปรรูปไผ่ครบวงจร เพราะไผ่เป็นพระเอก ตัวขับเคลื่อนจังหวัดและประเทศไทยด้วย เดี๋ยวจะมีงานไผ่โลกที่ จ.น่าน มกราฯ กุมภาฯ นี้ เป็นงานนวัตกรรมไผ่มารวมตัวกัน ไผ่มีประโยชน์มาก ถ้าอายุปีมันถึง ไผ่แกร่งเป็นไม้เนื้อแข็งได้เลย 

โดยเฉลี่ยชาวบ้านที่นี่เรียนจบชั้นไหน จบปริญญาตรีกี่คน

แบ่งเป็นสามเจนฯ คือรุ่นพ่อแม่ผม น่าจะไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์ ยุคสอง รุ่นผม ตอนนี้อยู่ในวัยกลางคน ตีเป็นเปอร์เซ็นต์น่าจะอยู่สักสามสิบ ส่วนรุ่นใหม่ มีคนเรียนปริญญาตรีเยอะขึ้นแน่ๆ สายสามัญบังคับต้องจบ ม.3 มีเงินกู้การศึกษา แค่ใจรักการเกษตร คุณมีทุนเรียนจนจบปริญญาได้ ถ้ารุ่นใหม่ๆ เลย ผมว่าเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์แน่นอนที่เรียนหนังสือสูงๆ

หมู่บ้านนี้ถือว่าอยู่ระดับไหนของจังหวัดน่าน มีปัญหามากน้อย ?

ปานกลาง กลุ่มเปราะบางมีหลังสองหลัง พ่อแม่ติดยา ติดคุก ทิ้งลูกอยู่กับตายาย กลุ่มพิการ อยู่ได้ด้วยเบี้ยพิการ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มสูงอายุ

กี่เปอร์เซ็นต์ กลุ่มนี้ ?

6-7 เปอร์เซ็นต์ ผมมองว่าปัญหามีไว้ให้แก้ไข ท้าทายจิตใจผู้นำ ยิ่งตอนนี้การตรวจสอบละเอียดยิบ กระทรวง ทบวง กรม มีอะไร วิ่งมาหาผู้ใหญ่บ้านหมดเลย งานเยอะ พูดง่ายๆ ว่าไม่เหงาครับ มีงาน มีเรื่องตลอด ขอความร่วมมือ สำรวจ วิจัย ภัยพิบัติ มาหมด

ถือเป็นหมู่บ้านผู้สูงอายุมั้ย

เกือบๆ เพราะคนรุ่นผมหรือรุ่นใหม่ๆ น่าจะเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ออกไปทำงานต่างจังหวัด เพราะเบื่ออาชีพเกษตรจากรุ่นพ่อแม่ บางคนเขาอยากไปแสวงหาประสบการณ์ก่อน ที่นี่เลยมีคนสูงวัยเยอะ เป็นปัญหาบ้าง กำลังแรงงานคน แรงงานสมอง เริ่มขาดช่วง น่าห่วงอยู่ แต่การท่องเที่ยวชุมชน ขับเคลื่อนสินค้าใหม่ๆ จากการแปรรูป ผมคิดว่าเป็นแรงดึงดูดให้คนรุ่นใหม่กลับบ้านเกิดได้บ้าง บางคนเห็นผมเป็นไอดอล จากที่คิดเคยว่าตัวเองไม่มีอะไรเลย เขาเปลี่ยนวิธีคิด มองเห็นต้นทุน บางคนพอมีทรัพย์สินมรดกพ่อแม่ ผมไม่มี แต่มีต้นทุนธรรมชาติ วัฒนธรรม เพียงแต่เราต้องคิดให้เป็น สร้างธุรกิจที่เป็นตัวตนของเราได้

ถัดจากรุ่นคุณ มีวัยรุ่นเริ่มกลับบ้านบ้างหรือยัง ที่จบแล้วไม่ไปกรุงเทพฯ ?

เริ่มมี มาทำรีสอร์ตต่อจากรุ่นพ่อแม่ ทำคาเฟ่ ร้านก๋วยเตี๋ยว เพาะต้นดอกเอื้อง ทำธุรกิจเล็กๆ บางคนเคยเป็นแรงงานในนิคมอุตสาหกรรม พอเจอโควิด เขากลับบ้านมาทำสวนยาง ปลูกผักปลอดสารพิษ ..มีครับ มี แต่ยังไม่เยอะ

ปัญหายาเสพติดมีมั้ย

สุรา บุหรี่ กัญชา มีอยู่ ในระดับไม่ร้ายแรง 

ยาบ้า ?

เมื่อก่อนคงมีบ้าง ตอนนี้ไม่เห็น มีสายตรวจมาหา ก็ยังไม่พบ ผมเพิ่งมาห้าเดือนยังไม่รู้เยอะ ฝ่ายปกครองก็กำชับมา บอกให้กวดขัน จับตาดู ไม่ว่าคดีลักเล็กขโมยน้อย ดูอยู่ เฝ้าระวัง

ทะเลาะวิวาท ขโมย ?

เล็กๆ น้อยๆ เก็บผลไม้กิน ขุดหน่อไม้ แอบตกปลาในบ่อเพื่อนบ้าน

ฆาตกรรม ?

ไม่มี เคยมีคนฆ่าตัวตายเมื่อสองปีก่อน

วัยรุ่นตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ?

มีรายหนึ่ง ครอบครัวยอมรับ ทำรับจ้างทั่วไป ยังไม่ได้เรียนต่อ รอเรียน ไม่เป็นปัญหาเยอะ

สิ่งที่อยากทำ มุ่งมั่น ในวาระแรก ?

อยากมีหน้าร้านชุมชน ตั้งศูนย์วิสาหกิจชุมชน ศูนย์กระจายสินค้า ตลาดริมทางบ้านห้วยยื่น เราจะรวมทุกอย่าง น้ำเงี้ยว ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ กาแฟโบราณ ผลไม้ พืชผักสวนครัว ที่ศูนย์วัฒนธรรมโรงเรียนเก่าบ้านห้วยยื่น ผมอยากจะปรับภูมิทัศน์ตรงนั้นเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้ชาวบ้าน แล้วอื่นๆ จะตามมา การท่องเที่ยวชุมชน ฟาร์ม หรือแก่งผาตีนเสือ นั่งแพไม้ไผ่ ไปหอศิลป์ริมน่าน เรามีศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์พืชสวน เราเชื่อมโยงร่วม เรียนรู้วิชาการได้ มีป่าไผ่ สวนหม่อน ป่าอนุรักษ์ ผาตีนเสือปิดอยู่ ตั้งแต่เจอโควิดยังไม่ได้ทำแพ ผมอยากทำตลาดริมทางให้ได้ก่อน จอดรถง่ายเพราะถนนสี่เลนตัดผ่านแล้ว จากเมืองมาแค่ 17 กิโลฯ ถ้าทำได้ ชาวบ้านก็ไม่ต้องไปตลาดในเมือง ไม่ต้องขับมอไซค์ไปวังหมอ ไปหาดปลาแห้ง ถ้าเรามีตลาดริมทางของเราเอง จะเป็นศูนย์รวม แหล่งเช็กอิน มีช่องทางส่งเสริมการขาย

สินค้าเด่นสุดคืออะไร

ถ้าแปรรูปคือน้ำหม่อน กับสบู่ แต่ที่วางแผนไว้ระยะยาวคือไผ่ ในอนาคตจะแปรรูปเรื่องไผ่ พอไม่มีตลาด ทุกวันนี้บ้านใครบ้านมัน วางขายตั้งหน้าบ้าน ไม่มีการรวมกันเป็นเอกภาพ ถ้าผมทำได้ มันจะเวิร์ก และจะว้าวมาก ถ้าทุกคนไม่ใช้ถุงพลาสติก มั่นใจว่าทำได้ที่ห้วยยื่น

ติดขั้นตอนไหน คิดว่าเมื่อไรจะทำได้จริง

เขียนโครงการ ติดต่อเจ้าของพื้นที่ ราชพัสดุ เชื่อมโยงเครือข่าย แปรรูป วัฒนธรรมจังหวัด โคกหนองนาโมเดล เชื่อมหมด จะเที่ยวทางไหน มารวมกัน ค่อยทำไปครับ ยังไม่คล่องเท่าไรเพราะเพิ่งรับตำแหน่งใหม่ ผ่านหกเดือนไปคงเริ่มเห็นภาพ มันหลายเรื่องครับ ปรึกษากฎหมาย ร่างหนังสือ หางบมาปรับปรุงพื้นที่ เรื่องกฎหมาย ผมไม่ถนัดเท่าไร แต่เนินเขาจุดนั้นโค้ง สวย เป็นลานวัฒนธรรมหมู่บ้านอยู่แล้ว หลักการและเหตุผลน่าจะผ่าน การใช้พื้นที่ให้มีประโยชน์ดีกว่ารกร้าง ..คิดว่าอาจจะอีกสักปี รอปรึกษาหลายคนและยังไม่ได้คุยเรื่องงบ เอารถมาไถ ส่วนการสร้างเล็กๆ น้อยๆ ไม่ยาก ทำแคร่ไม้ไผ่ ยากตรงเรื่องหนังสือยินยอม กับพวกเครื่องจักรหนัก

ชาวบ้านทุกคนเป็นเกษตรกร เขาไม่ใช่พ่อค้า ไม่เคยทำธุรกิจ อยู่ดีๆ ให้ไปขายของ เขาไม่ถนัด ทำยังไงจะเปลี่ยนคนไม่เคยขายของให้มาขายได้จริง

จะมีเวทีบูรณาการร่วมกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพของเกษตรกร แปรรูปยังไง ตั้งราคายังไง คิดต้นทุนยังไง ค่าเสื่อม ค่าแรงงาน คือสอนกันก่อน มีวิทยากรหลากหลาย จากผู้นำที่ทำมาก่อน มีแบรนด์ดังๆ มาแชร์ มีนักสื่อความหมาย การพูด การปรับบุคลิกภาพ

คนจำนวนมากไม่ได้เรียนเหมือนคุณ การจะเปลี่ยนบทบาทจากเกษตรกรมาเป็นพ่อค้า จะทำยังไง

เปิดเวทีค่อยๆ สร้างความรู้ และใช้เวลาทดลอง ลงมือ ยุคพ่อแม่ผมเป็นต้นน้ำ ผลิตอย่างเดียว มีบางคนที่ยอมปรับตัว ทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว เรียนรู้และเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง ส่วนพวกเจนฯ ใหม่ๆ ไม่ต้องห่วง เขาเสิร์ชอ่านได้หมด เรียนเร็ว ผมพยายามปักหมุดเริ่มต้นให้ได้ก่อน ถ้ามีหน้าร้าน มีแหล่งขาย อะไรต่างๆ มันจะต่อไปเอง

พื้นฐานคือต้องเอาการท่องเที่ยว เอาธุรกิจเข้ามา ?

ใช่, ยังไงก็ต้องอิงท่องเที่ยว แปรรูป หนีท่องเที่ยวไม่ได้ จริงๆ หนีได้ ถ้าคนนั้นเขามีต้นทุนดี มีสายป่านยาว แต่ถ้าระดับชาวบ้านธรรมดา ผมว่าต้องทำให้ครบ มีหลายขา ทำอาชีพเดียว ถ้าราคาตกต่ำ ตายครับ ปลูกพืชเชิงเดี่ยว รอดยาก เพราะการแข่งขันสูง มันไม่ใช่มีแต่เราที่ทำ ทุกหมู่บ้านเขาทำ เลียนแบบ เราต้องคิดต่อยอดไปเรื่อยๆ หยุดอยู่กับที่ไม่ได้ เราต้องเดินหน้า หาคอนเน็กชัน และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ 

จากเกษตรกร ยังไงก็ต้องขยับมาเรียนรู้เรื่องธุรกิจ ?

ใช่ครับ การขายทำให้คนแข่งกัน เพิ่มมูลค่า แทนที่จะนั่งตั้งโต๊ะหน้าบ้านอย่างเดียว มันขยายผลได้มากกว่านั้น

ที่ร้านคุณตอนนี้ สินค้าและบริการมีอะไรบ้าง

เราเพิ่มข้าวผัด ผัดกะเพรา ยำ ทอด ส่วนเครื่องดื่มก็มีกาแฟ เบียร์ น้ำหม่อนเบอร์รี่ที่ผมส่งเสริมอยู่ คิดเมนูใหม่ๆ ใส่ในกาแฟ โซดา แล้วก็ขายเป็นขวดด้วย สดๆ เป็นของฝากได้ เชื่อมโยงเครือข่ายการท่องเที่ยวชุมชน เชิงการเกษตร แก้วไผ่รักษ์โลก เทคคอร์สสอนคนต่อคนเลย แกะลายไผ่ คั่วใบไผ่ แต่ต้องจองมาก่อน วอล์กอินอาจไม่เจอ เซรามิก เพ้นต์ผ้าบาติก นัดก่อน เพราะตอนนี้ยุ่งงานผู้ใหญ่บ้าน ที่พักก็ยังไม่สะดวก ลูกยังเล็กครับ

แก้วเซรามิกไม่มีขาย ?

ยังไม่มี เก้าปีก่อนนึกว่าจะเน้นขายตรงนั้นเพราะเรียนมาโดยตรง เมื่อก่อนไม่มีลูกด้วยไง ตอนนี้ผมเลี้ยงลูก ปลูกฝัง เทคคอร์สให้ลูก รอเขาโตพอ ลูกจะเป็นแรงงานของผม ในการผลิตเซรามิก บาติก

ไอเดียการเลี้ยงลูกเป็นยังไง ตอนนี้มีสองคนใช่มั้ย

ครับ คนโตแปดขวบ คนเล็กสี่ขวบ ผมเลี้ยงเขาแบบที่ตัวเองเคยโหยหา พ่อเป็นข้าราชการ แม่อยากให้ผมเป็นแบบพ่อ อยากให้ลูกเรียนเก่ง ส่งไปเรียนในเมือง ผมต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า หกโมง รถมารับ ง่วงนอนมาก ข้าวแทบไม่ได้กิน เย็น เลิกเรียนสามโมงครึ่ง แต่กว่าจะถึงบ้าน มืดค่ำเพราะรอรับส่ง รถเขารับเด็กมัธยมฯ ที่เรียนพิเศษ เราก็รอไป ความสุขที่ควรได้เล่น ได้อยู่กับพ่อแม่ ก็หายหมด ค่านิยมผิดๆ แบบนั้นผมไม่เอา ผมเลือกให้ลูกเรียนใกล้บ้าน อีกสิบนาทีแปดโมง ก็ไปทัน เลิกเรียนสามโมง สามโมงครึ่งถึงบ้านแล้ว มีเวลาเล่น กินข้าวกับครอบครัว

คุณภาพโรงเรียนสู้ในเมืองได้มั้ย

คนส่วนใหญ่จะบอกว่าคุณภาพครูด้อยกว่า โรงเรียนด้อยกว่า ผมว่าไม่จริงทั้งหมดนะ เพราะการวัดแววต่างๆ ก็ผ่านหมด โอเน็ต ผ่านหมด มันอยู่ที่สภาพแวดล้อมมากกว่า อยู่ที่การเอาใจใส่ของผู้ปกครอง โรงเรียนในเมืองทุกวันนี้เป็นธุรกิจมากเกินไป บังคับให้เรียนพิเศษ แล้วหนึ่งห้องมีนักเรียนสี่สิบห้าสิบคน

ที่นี่กี่คน

แทบจะวันบายวัน

ยังไงนะ ?

เรียนสองคนเลยครับ ทั้งชั้น ป.1 โรงเรียนผาสิงห์ ของบ้านห้วยยื่นถูกยุบไปเพราะมีเด็กต่ำกว่าร้อยคน ที่ผาสิงห์ก็ยังไม่แน่ เพราะผู้ปกครองเริ่มเอาเด็กไปเรียนในเมือง ตอนนี้ทั้งโรงมี 50-60 คน ยุบรวมกับผาตูบ ม.3 ก็ไม่มีแล้ว เหลือแค่ ป.6 ถ้าครูเกษียณไปอีกหรือขอย้าย อาจจะยุบแน่ ตอนยังไม่ยุบ เราก็เรียนไป

คิดว่าเลือกผิดหรือถูก ที่เรียนที่นี่ ?

ถูกครับ ผมดูความสุขก่อน ไปโรงเรียนในเมืองต้องแก่งแย่งให้เป็นเลิศทางวิชาการ เพราะในเมือง ไม่ได้ว่าทุกคนนะ ผู้ปกครองทำอาชีพข้าราชการ มีเงินเดือน เขาก็ปลูกฝังให้ลูกเจริญไปทางครู ทหาร ตำรวจ หรืออะไรที่ต้องสอบแข่งขัน ต้องเรียนเก่ง แต่กับลูกผม เรามีที่ มีธรรมชาติ อยู่บ้าน มีเวลาได้เล่น อย่าอัดวิชาการเยอะ ผมเน้นวิชาชีพมากกว่า โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ผมจบปริญญาตรี ยังมาขายของ สุดท้ายคือคุณต้องมีอาชีพและขายอะไรก็ได้ ให้ได้เงินมาเลี้ยงชีพ ควบคู่กับการเกษตร มีข้าวกิน อาหารพืชผัก ปลอดภัยด้วย ใครมีสวนมีผลไม้ รอดตาย โลกสมัยใหม่ ยามวิกฤติคนที่อยู่ตึกเดือดร้อน นั่งรอทหาร รอจิตอาสา เอาข้าวกล่องไปให้ น้ำท่วมนานๆ มีวิกฤตินานๆ ใครจะช่วยคุณได้ทุกวัน ขณะที่บ้านนอกอย่างผม มีสวน มีสระ ปลูกพืชผัก มีฟืน ก่อไฟได้ ถ้าไม่มีน้ำมัน ไม่มีแก๊ส ก็อยู่ได้ บางสถานการณ์เงินมันไม่มีความหมาย ต่างจังหวัดเรามีซูเปอร์มาร์เก็ตที่บ้าน หากุ้ง หอย ปู ปลากินได้ ทักษะการใช้ชีวิตสำคัญมากในยุคนี้ ส่วนอาชีพหรือความรู้มันมีรอบตัวเรา และอยู่ในโซเชียล คุณจะเรียนอะไร จะถามอะไร อากู๋ตอบได้หมด ผมว่าวิชาการไม่ใช่ประเด็นหลักที่ต้องเลิศในวัยเรียน ผมว่าต้นทุนอยู่ในธรรมชาติและวิชาชีพซึ่งผมมีเยอะ ตอนนี้ผมป้อนโปรแกรมชีวิตให้เขาก่อน ไม่ว่าจะสายอาร์ตจ๋า บาริสต้า เบเกอรี่ ปั้นดิน เซรามิก ผมมีให้ครบ

ป้อนยังไง

คนโตชอบวาดรูป ปั้นดิน แกะไม้ ผมพาไปออกงานของดีเมืองน่าน แข่งเรือ พาลูกออกไปทำของขาย และขายได้ ลูกก็ชอบ ในอนาคต ลูกอาจเป็นครู พยาบาล ทหารตำรวจ แล้วแต่เขา แต่วิชาชีพตรงนี้ ลูกทำได้ มันอยู่ในสายเลือด อาจจะมีเงินหลายทาง อาจเก่งเกษตร ผสมหลายทาง ช่างไม้ เอาไม้สักในสวนพ่อมาแปรรูปทำเฟอร์นิเจอร์ หรือไม่ไผ่ที่พ่อทำ ขายในเพจ หรือชอบเป็นบาริสต้า สร้างลายกาแฟได้สวย หรือทำเบเกอรี่ อาจเอาไผ่มาแปรรูปทำคัพเค้ก นำมาหลามปลา ..ไม่รู้ ปลูกรั้วกินได้ อาจเป็นภัตตาคารบ้านทุ่ง เชฟชุมชน ผมมีร้านอยู่แล้ว รอรุ่นเขามาต่อยอด

ถ้าเขาจบประถมฯ หรือมัธยมฯ แล้ว จะส่งไปกรุงเทพฯ มั้ย

ผมอยากให้ลูกอยู่น่าน เรามีสถาบันอุดมศึกษา มีวิทยาลัยชุมชน หรือจะเรียน กศน. เรียนรามฯ เรียนสุโขทัย เรียนทางไปรษณีย์ แล้วแต่เขา แต่เราปลูกฝังให้อยู่บ้าน และระหว่างทางที่กำลังเติบโต เขาทำอะไร ช่วยเหลือใครได้บ้าง ผมสนใจเรื่องพวกนี้ สังคมมันขาด คนอื่นมองแต่เรื่องว่าจะทำยังไงให้ฉันรวย ทำให้ฉันเป็นจ้าวธุรกิจ ไลฟ์สด ขายอันดับหนึ่ง โดยไม่สนว่าเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคยังไง สนใจแต่ธุรกิจ ลงทุนน้อยสุด เอากำไรมากสุด คนส่วนมากคิดแบบนั้น แต่ผมคิดว่าเราให้อะไรสังคม หรือสร้างแรงบันดาลใจยังไง สร้างอาชีพให้ใครบ้าง ให้ความหวัง ให้กำลังใจ ช่วยเหลือคนที่ทุกข์กว่าเรา ผมอยากเห็นคนแบบนี้เยอะๆ เลยมาทางผู้นำ ผมสุขใจแบบนี้ ไม่อยากก้มหน้าก้มตาทำธุรกิจ หรือทำอาร์ตโดยไม่สนใจไยดีใคร ไม่สนใจลูก ไม่สนใจครอบครัว ผมไม่อยากเห็นคนคิดว่า ทำไมฉันจน เกิดในบ้านมีปัญหา เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน ถ้าไม่เปลี่ยน ชีวิตก็เหมือนเดิม อยากกินผัก ผลไม้ ทุเรียนแพงนักใช่มั้ย ผมปลูกเลย ลงมือทำ ไม่ใช่อยากมีตังค์ แต่วันๆ กินเหล้าเมามาย ทะเลาะวิวาท กลุ้มใจกินเหล้า ก็จนไปเรื่อยๆ ไม่พัฒนาตัวเอง ผมเดินทางนี้ ส่งเสริมลูกด้านนี้

ที่ตัดสินใจกลับบ้านก็เพราะคิดแบบนี้ ?

ครับ ผมเชื่อด้วยว่าในวิกฤติมีโอกาส อยู่ที่เรามองเป็นหรือเปล่า มันต้องไปเจอความคิด ปิ๊งแวบให้ได้

คุณฟังคนอื่น หรือคิดเอง ที่เลือกเดินสายนี้ ?

ทั้งสองอย่าง ตกตะกอนความคิดจากชีวิตประจำวัน จากญาติ บางคนบ่นจนตายไป กับอีกคน เขาไม่มีเหมือนกัน ยากจน แต่สู้ จนเป็นเจ้าของกิจการ ผมดู ผมศึกษาว่าแต่ละคนทำได้ยังไง ตอนใกล้จบ มีปัจฉิมนิเทศ เชิญศิษย์เก่ามาคุย ผมฟังรุ่นพี่ ค่อยๆ ตกผลึก ผสมกันหลายทาง อ่านในเพจ ในไลน์ คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนมากผ่านความยากจนมาก่อน เขาเกิดทุกข์มาก่อนจึงมีภูมิคุ้มกันความผิดหวัง สร้างเกราะป้องกันของตัวเอง เหมือนผมตอนนี้ที่เข้าวัดด้วย ฝึกพลังจิต ฝึกสมาธิ คนที่มีสติ สมาธิ เวลาคิดจะรอบคอบ มองหลักการเหตุผล รู้ได้เฉพาะตัว ตั้งสมมุติฐาน ทดลอง เป็นนักค้นคว้าวิจัย

มีเพื่อนคุย หรือคิดคนเดียว ?

หลายองค์ประกอบ มีครอบครัว ภรรยา น้อง ยิ่งเป็นผู้นำ ยิ่งต้องเข้าวัดทุกวันพระ

กินเหล้ามั้ย

นานๆ ที ผมเคยหยุดไปเจ็ดแปดปี ตอนพ่อแม่ป่วย เอาเงินเที่ยวเตร่ ละลายทรัพย์มาดูแลพ่อแม่ สร้างเนื้อสร้างตัว ซื้อโต๊ะ เก้าอี้ ครุภัณฑ์ต่างๆ ไม่สังคมกับใคร พอมาเป็นผู้นำ ต้องมีดื่มเล็กน้อย มันจำเป็นอยู่ หรือข้ออ้างก็ไม่รู้ (หัวเราะ)

เห็นคุณพูดบ่อยๆ ว่าอยากเป็นไอดอล ?

เพราะสังคมเราขาดเรื่องนี้

เอาความมั่นใจมาจากไหน ทำไมถึงอยากเป็นแบบอย่างให้คนอื่น

ผมบ้าพลัง บ้าดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ ผมอยากเป็นแบบนั้น อุลตร้าแมน แบตแมน ซูเปอร์แมน ผมชอบดูหนังเจมส์ บอนด์ ชอบแมกไกเวอร์ เขาชาญฉลาด เจอสถานการณ์อะไร แก้ไขได้หมด เพราะมีทักษะรอบตัว ซูเปอร์ฮีโร่พวกนี้คือไอดอลผม แน่นอนว่าผมเก่งแบบนั้นไม่ได้ แต่ด้วยจริตผมชอบเรียนรู้ และทำเป็นทุกอย่าง อยู่กับแม่ ดูแม่ เห็นแม่ลำบากเหลือเกิน แยกทางกับพ่อ บ้านผมไม่มีประปา ต้องหาบน้ำ ใส่ถัง เดินมาใส่ตุ่มบนบ้าน ผมเป็นผู้ชาย ผมฝึกทำช่วยงานแม่ ตักน้ำจากลำธาร ไปหาฟืน แม่แบก ผมต้องทำให้ได้ หาปลา ตกปลา ยิงปลา เก็บผัก ตัดหญ้า นึ่งข้าว แกง แต่ก่อนทำไม่เป็น ผมฝึกจากแม่ เริ่มจากอยากช่วยแม่ เลยทำเป็นโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นความชอบ เหมือนเรื่องเค้ก เบเกอรี่ บ้านผมไม่มีตังค์ พ่อเป็นครู มีลูกสามคน ผมเป็นพวกสมองไหล พ่อส่งเรียนในเมือง เห็นเพื่อนๆ ลูกคนมีตังค์ ถึงวันเกิดเขาเอาเค้กไปเป่า ผมอยากกิน อยากมีแบบนั้น เชื่อมั้ย พอเรียนจบ มีตังค์ ผมไปเรียนทำเบเกอรี่เลยเป็นอันดับแรก ผมทำเป็น ทำขายในร้านที่นี่ 

ชอบขนาดนั้น ?

มันน้อยเนื้อต่ำใจด้วย เราเป็นเด็ก เห็นเพื่อนกินก็อยากกิน ผมไปเรียนที่สยามสแควร์ซอย 1 ก่อนไปก็ไล่ถามเชฟว่าเขาเรียนที่ไหนกัน เขาบอก UFM ผมไปเรียนเลยหนึ่งเดือน เสียเงินเป็นหมื่น เรียนครบทุกอย่าง คุกกี้ พาย เบเกอรี่ เพื่อนรุ่นเดียวกันบางคนเป็นผู้หญิง เป็นเพศที่สอง ที่สาม เขาว่าผมเป็นแบบนั้น ผมไม่สน ตั้งใจเรียนทั้งทฤษฎี ปฏิบัติ ผมได้ที่หนึ่งของรุ่น

ตกลงทำไมถึงอยากเป็นไอดอล

เพราะผมเห็นความทุกข์ยากของคน เห็นคนทำอะไรไม่เป็น มนุษย์ส่วนมากคือขี้เกียจ น้ำเต็มแก้ว ไม่ยอมเป็นน้ำครึ่งแก้ว ผมเลยลองทำ ผมไปเรียน ผมเป็นคนชอบเรียนรู้ ชอบเห็นอะไรใหม่ๆ ดีๆ มีสีสัน ไม่น่าเบื่อ ฝึกมากเลยทำอะไรก็เป็น เข้ากับเครือข่ายไหนก็มีตัวตนในสังคมนั้น คือรู้เรื่องไปหมด อยู่ที่ความชอบด้วย บางคนเก่งวิชาการ ชีวะ เคมี ฟิสิกส์ เขาก็ไปทางหมอ วิศวะ ผมไม่เก่งสายสามัญ แต่ศิลปะ ผมได้สี่หมด ประดิดประดอย ทำอาหาร ผมทำได้ และเป็นคนอธิบายได้

มั่นใจ ?

เพราะผมผ่านวิทยากรมาเยอะ ไม่ว่าเอกชน ราชการ เครือข่าย คนส่วนมากอยากได้ความหวัง อยากได้ความคิด ส่วนวิชาการนั้นน้อยมากเพราะมีบุคลากรเยอะ คนจบโท จบเอก เยอะมาก เป็นสูตรตายตัว ต่างจากประสบการณ์ชีวิต มันไม่ง่าย ต้องเจ็บ ต้องลอง ลงมือทำ ผมถึงอยากใช้ชีวิตเป็นศิลปะ มีสีสัน ไม่น่าเบื่อ

เคยล้มเหลวพังทลายมั้ย หรือก้าวหน้ามาตลอด ?

ล้มสิครับ ผมอยากได้เงินเดือนสูงๆ แต่ไม่ได้ เพราะขาดใบการันตีว่าจบอบรมอะไรมา ผ่านโรงงานอะไรบ้าง ไม่ได้เก็บใบพวกนั้นไว้ เงินเลยหาย รุ่นๆ เดียวกันคนอื่นได้หมื่นห้า ผมได้แปดพัน ทำงานสายสนับสนุนในมหาลัยราชภัฎเชียงราย ผมเป็นช่างเขียนลวดลายเซรามิกโดยตรง จบใหม่ๆ เคยเข้ากรุง และผิดหวังในชีวิตมาก

ช่วงผิดหวังทำยังไง

มองหาอะไรที่เป็นของตัวเอง พอดีพ่อแม่ป่วย เลยเป็นจุดที่ไม่ต้องคิดมาก ในเมื่อน้อยเนื้อต่ำใจ ได้เงินน้อย ไม่มีใบผ่านงานเป็นผู้ชำนาญงาน เงินหายไปแปดพัน มันไม่ยุติธรรม ทำไมเวลาประเมินผลงาน ของผมเป็นงานทักษะ มันประเมินได้ ผมผ่านหมด ทำไมไม่อัพเงินเดือนให้ผม มันเจ็บมากช่วงนั้น ผมเลยลาออก ไปตายเอาดาบหน้า ผมคิดว่าความกตัญญูกตเวทีต้องสร้างสิ่งที่ดีให้ชีวิต สวรรค์ต้องเข้าข้างและจะอำนวยพรให้ผม กลับบ้านปลายๆ ปี ’55 ทำร้านปี ’56 

ที่บอกพ่อแม่ป่วย ตอนนี้คือยังไง ?

พ่อแม่ไปสวรรค์หมดแล้ว เปิดร้านเจ็ดเดือน แม่ป่วยหนัก เข้าไอซียู สลับพ่อเข้า แม่ออก เปิดร้านมาก็ต้องปิดๆ เปิดๆ คนหาว่ารวยจัด อาร์ติสต์ เขาไม่รู้ว่าเราลำบาก ไม่มีเงินเดือน ร้องไห้เลย น้อยใจในโชคชะตา เกือบจะหลุดเหมือนกัน ถ้าผมไม่มีหลักการ ไม่มีครูสมาธิบำบัดหัวใจ คิดหลักการเหตุผลได้ เราต้องทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุดก่อน ตอนนั้นผมยังไม่มีลูก ยังไม่แต่งงานด้วยซ้ำ พอแม่ป่วยหนักเลยแต่งงาน เพื่อให้แม่นอนตายตาหลับ ให้แม่เห็นว่าผมเป็นฝั่งฝา แม่เสีย ผมได้ลูกคนที่หนึ่ง พ่อเสีย ผมได้ลูกคนที่สอง พ่อป่วยหนักอีกสองปีถัดมา พ่อเป็นอัมพฤกษ์ ผมเปิดร้านสิบโมงเพราะต้องทำอาหาร ป้อนข้าว สลับกับน้อง ดูแลพ่อ แปรงฟัน ล้างหน้า ห้าโมงต้องปิดร้านเพราะต้องทำอาหาร ป้อนข้าว ตัดเล็บ สระผม ตอนนี้ผมเลยยึดแนวทางเดิมคือเปิดร้านสิบโมงถึงห้าโมง เท่านี้ ทำให้มีเวลาเก็บล้าง ป้อนข้าวป้อนน้ำดูแลลูก จนถึงวันนี้ยึดแนวทางเดิม ผมทำอาหารเอง ไม่ซื้ออาหารถุง ผมทำเป็นเพราะช่วยแม่ทำตั้งแต่เด็ก ผมอยากเป็นคนมีคุณภาพ ผมอยากให้สังคมเต็มไปด้วยคนที่มีคุณภาพ ผมสังเกตว่าบ้านไหนที่ไม่เจริญ เศรษฐกิจไม่ดี บ้านมีปัญหา อาชญากรรม เกิดจากครอบครัวที่ไม่มีคุณภาพ ฉะนั้น เราจะทำตัวเราให้ไม่มีคุณภาพแบบนั้นอีกเหรอ หรือว่าเราจะสร้างลูกให้เป็นเยาวชน เป็นผู้ใหญ่ที่มาต่อยอดจากคนรุ่นเรา นี่แหละที่ผมอยากเป็นไอดอล ไอดอลของผมไม่ใช่คนหล่อ คนรวย คนที่มีธุรกิจแบบอายุน้อยร้อยล้าน ไม่ใช่ ไม่ใช่หยิบจับอะไรก็เป็นเงินทองไปหมด ผมไม่ใช่ไอดอลสายนั้น ผมจะเป็นทางด้านการใช้ชีวิตให้เป็นศิลปะ ใช้ให้มีประโยชน์ ใช้ของตัวเองไม่พอ ต้องปูฐานสร้างอาชีพให้คนครอบครัวให้ได้ รับผิดชอบสังคม มันถึงจะทำให้ประเทศชาติพัฒนา

วันนี้อายุสี่สิบสี่ ยังอยู่ในวาระแรก ถ้าผ่านสี่ปีนี้ไป เอาไงต่อ

ยังคิดไม่จบ อาจจะเบื่อหรืออิ่ม ผมอาจผันไปอาร์ติสต์ ขอฟังเสียงเรียกในหัวใจก่อน ยังไม่รู้ หรือลูกผมโต ผมว่าง เบาลง อาจจะหาจุดสงบ อยู่ในมุมเกษตรกรและศิลปะ เพราะเรามีธุรกิจแล้ว

สมัยแรกอยู่ครบ สมัยสองยังไม่รู้ ?

ดูตัวแปรไป ฟังเสียงเรียกในตัว เสียงเรียกทางสังคมชุมชน งานศิลปะและเซรามิกอยู่แน่นอน เรื่องไผ่อยู่แน่นอน สองอย่างนี้เป็นตัวตนของผม ผมเรียนเซรามิกมาเน้นๆ อยากต่อยอดต่อไป เรื่องไผ่ ผมเข้าสู่ผู้ปลูกซางหม่นแล้ว พอมีความรู้ มีที่ดิน ตอนนี้ปลูกไว้หกร้อยกอ ปลูกไผ่ข้าวหลาม เยื่อไผ่เยอะ อยากเอามาอบแห้งทำเป็นแก้ว เป็นชาเยื่อไผ่ในตัว ปลูกปีนี้ รอคำตอบอีกห้าหกปี ถึงทำได้ ไผ่จะเป็นจุดเด่นของที่ดินผม น่านตอนนี้ไผ่ธรรมชาติถูกโค่นหมด เหลือน้อย เขาปลูกพืชเศรษฐกิจกันหมดแล้ว ปลูกยางพารา แต่ไผ่ข้าวหลามมีน้อยมาก ทั้งที่ทำจักสานดี ถักเป็นเส้น เย็บหมวก กระเป๋า เนื้อหน่อก็ขาวจั๊วะ หวาน หอม อร่อยที่สุด หน่อไผ่ข้าวหลาม ใครได้กิน รับรองติดใจ

ทำไมถึงอยากใช้ชีวิตเป็นศิลปะ

จำได้ว่า อ.ศิลป์ พีระศรี เคยพูดว่า ใครเรียนศิลปะ ทำได้ทุกอย่าง ผมอยากพิสูจน์คำนี้ ศิลปะมีสองสาย ศิลป์เพียว กับศิลป์ประยุกต์ ผมอยู่อย่างหลัง คือรากมันมาจากความน้อยเนื้อต่ำใจ เกิดจากคำดูถูก สบประมาท เราเลยอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าทุกคนไม่มีใครกระจอก หรือต่ำต้อย เพียงแต่ว่าคุณจะตกตะกอนได้มั้ย ใช้ชีวิตเป็นมั้ย อยู่บนพื้นฐานใจรักกับต้นทุนที่มี 

นาทีนี้นี่คือพิสูจน์ได้หรือยัง

ได้แล้ว จากที่โดนดูถูกว่ากลับบ้านนอกมาทำไม ไม่เห็นมีอะไรดี เราค่อยไต่เต้าจนมาเป็นผู้นำ และทำธุรกิจของตัวเองได้ ทุกวันนี้ผมไม่ค่อยได้ยุ่งนะกับที่ร้าน ปล่อยให้ครอบครัวทำกันไปสามสี่คน ผมทำงานผู้ใหญ่บ้าน

ภูมิใจในตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านมั้ย

แน่นอนครับ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดีใจที่เราลงมือลงแรงให้เห็น จับต้องได้ ชาวบ้านยอมรับในความคิดอ่านและผลงานของเรา 

จากผู้ใหญ่บ้าน ใฝ่ฝันจะเป็นนายอำเภอ สจ. หรือ ส.ส. ต่อไปมั้ย 

ไม่ครับ มันใช้ทุนเยอะ ที่สำคัญ ผมไม่ชอบอาชีพนักการเมือง ผมชอบอยู่ระดับชุมชนหมู่บ้านเท่านี้ และคอยฟังเสียงเรียกในหัวใจว่าเราจะพักเข้าสู่มุมสงบในโลกส่วนตัวหรือยัง.

 

 

nandialogue

 

 

เรื่องและภาพ วรพจน์ พันธุ์พงศ์

ภาพวาด สุมาลี เอกชนนิยม

You may also like...