เขามีพ่อเป็นคนจีน เกิดโซนตลาดน้อย และเติบโตขึ้นเป็นเด็กฝั่งธนฯ เรียนมัธยมฯ ในโรงเรียนชายล้วน เป็นนักฟุตบอล ดื่มเหล้าหนัก สังสรรค์ถี่ สูบบุหรี่จัด (วันละสองซอง) เป็นเด็กหลังห้อง จบ ม.6 สายศิลป์-เยอรมัน
จากนั้น หมู-ณัฐชัย เติมวานิช ตัดสินใจแบกเป้ออกจากบ้าน เลือกสอบเข้ามหาลัยฯ ที่เชียงใหม่
“ผมไปเรียนที่มหาลัยฯ พายัพ สาขาจิตวิทยา ไม่ได้ตั้งใจจะไปเรียนสาขานี้ แต่เลือกอะไรได้เราก็สอบตามนั้น คืออยากไปเรียน ไม่ได้ตามใคร ไม่รู้เลยว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียนไปทำไม แต่รู้ว่าต้องเรียน จะไปดูโลกภายนอกของผมให้ได้ เพราะกรุงเทพฯ สมัยที่อยู่ เที่ยวจนรู้สึกเบื่อหน่าย ผับ เธค มันไปจนไม่รู้จะไปยังไงไหวแล้ว เก็บเสื้อผ้า วันนั้นจำได้ว่าก้มกราบเท้าพ่อ แล้วไปขึ้นรถชื่อสหชาญทัวร์”
เรียนได้ปีเดียวโดนรีไทร์ วิถีวัยรุ่นวัยมันส์ นั่นแหละเหตุผล
ออกจากที่เรียน สู่การทำงานควบสองกะ กลางคืนเป็นบาร์บอยผสมค็อกเทลชงเหล้าที่โรงแรมดิเอ็มเพรสยุคบุกเบิก เช้าถึงเย็นเป็นผู้จัดการสนามไดร์ฟกอล์ฟที่ดีที่สุดในเชียงใหม่เวลานั้น ชื่อสนามกอล์ฟลานนา อดหลับอดนอนกับการทำงานทั้งสองที่ จนไม่ผ่านโปร ออกมาเป็นผู้จัดการห้องอาหารที่เชียงใหม่ภูคำ ทำงานได้ไม่นานก็ลาออกอีกครั้ง ช่วงว่างงานอาจารย์ที่เป็นนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทยมาเชียร์ให้ไปเรียนต่อ เขากลับไปต่อวิทยาลัยพลศึกษา สองปีได้วุฒิ ป.กศ.สูง เอกสุขศึกษา
ระหว่างเรียนวิทยาลัยพละฯ เขาเป็นหัวหน้าวงดนตรีสตริงชื่อ นกเก๊า ประจำตำแหน่งเปียโน รวมทีมเครื่องเล่นห้าหกชิ้นกับเพื่อน รับงานเล่นร้าน เล่นตามงานประจำปี เป็นแบ็กอัพอยู่ที่เชียงใหม่ และระหว่างเรียนเขาได้เจอสาวน่านที่ไปเรียนวิทยาลัยครูเชียงใหม่ เรียนจบครบปีเบญจเพส เขาและเพื่อนร่วมวงย้ายไปรับงานอยู่ที่ฮอลิเดย์อินน์ แม่ฮ่องสอน เล่นอยู่เกือบปี
“เล่นเพลงยุค RS เล่นเพื่อชีวิต ผสมสากลเก่าๆ ตอนนั้นได้เงินดี เป็นหมื่น ทางคนจ้างเขามีบ้านให้ มีสวัสดิการนักดนตรี สามารถกินอะไรในโรงแรมก็ได้ มีรถตู้รับส่งจากบ้านพักมาโรงแรม สัญญาต่อกันปีต่อปี เล่นทุกวัน”
หญิงสาวที่ยังคงต้องเรียนปีสุดท้ายขับรถจากเชียงใหม่ไปหาหนุ่มนักดนตรีที่แม่ฮ่องสอน เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่วงดนตรีของเขากำลังจะต่อสัญญาฉบับใหม่
“พี่ หนูท้องสี่เดือน”
วันที่รู้ว่าแฟนท้องความรู้สึกเป็นยังไง
เหมือนฟ้าผ่าพิโรธลงมา นี่ชีวิตฉันหมดสิ้นแล้วเหรอ มีคนที่ดีใจที่สุดกับการตั้งท้องคือพ่อ แกดีใจมาก เพราะว่าถ้าแฟนไม่ท้อง ผมยังใช้ชีวิตแบบที่มีต่อไปคงเป็นเอดส์ตาย ไม่มีหลักแหล่งอะไรสักอย่างแน่ๆ
ตอนที่แฟนมาบอกมีลังเลมั้ย
เรื่องลูก ใช่ของผมแน่ๆ เพราะมั่นใจว่าแฟนเป็นคนดี แต่พอสี่เดือน ความรับผิดชอบมันต้องมีแล้ว ถึงเวลาต้องดูแลคนอีกคนที่จะเกิดขึ้นมา เป็นเรื่องใหญ่นะ ก็ทิ้งทุกอย่าง มาอยู่บ้านแฟนที่จังหวัดน่านเลย
คุยกับเพื่อนยังไง ตอนที่ต้องทิ้งวงดนตรี
มันรุ่นน้องหมด ผมอายุมากสุด คิดว่าคงถึงเวลา ดนตรีมีเริ่มแล้วก็มีจบ แต่ละคนก็ต้องไปตามทิศทางของใครของมัน ผมกำลังจะกลายเป็นพ่อคนแล้วต้องทำอะไรสักอย่าง
มาทำอะไรที่น่าน
ขายวัสดุก่อสร้างกับแฟน ขอพ่อมาลงทุน
เห็นโอกาสอะไรในอาชีพขายวัสดุก่อสร้าง
พ่อผมมีพื้นฐานในอาชีพนี้ เมื่อก่อนพ่อทำงานเป็นเซลล์ขายเหล็ก ผมพอมีความรู้จากพ่อมาบ้างเลยลองมาทำดู สองปีแรกบูมยอดขายดีมาก สมัยปี 2537-2539 คู่แข่งมันยังไม่มี ร้านมีแค่สองสามร้านเอง เริ่มแรกเช่าหน้าร้านเปิดขายที่ปัว ขายได้มากขึ้นเริ่มมีงานเพิ่ม อยากซื้อที่ของเราเอง มีเงินพอแล้วไปซื้อตึกที่เชียงกลาง เพราะบ้านแฟนอยู่เชียงกลาง
ลูกคนแรกเป็นลูกสาว ความรู้สึกของคนเป็นพ่อที่บอกว่าเป็นคนเกเรมาตลอดชีวิตเป็นยังไง
ใจผมอยากได้ลูกชาย เพราะมีความคิดคล้ายคนจีนโบราณ ทายาทคนแรกต้องเป็นผู้ชาย แต่ออกมากลายเป็นลูกผู้หญิง พอรู้ผลแบบนี้ผมเป็นคนที่ปล่อยวางง่าย ไม่กลับไปคิด ก็เลี้ยงเขาให้ดี
ผมมีปัญหาเรื่องครอบครัวตัวเองสมัยเด็กๆ คือพ่อแม่แยกทางกัน ตั้งแต่อายุผม 7 ขวบ พ่อมาจากเมืองจีน แม่เป็นลาวพวนคนลพบุรี จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่คุณแม่มาหาหอมแก้มผมแล้วเดินออกไป หลังจากแม่ไป ผมมีอาแปะพี่ชายพ่อเป็นคนเลี้ยงดู เขามาจากเมืองจีนเหมือนกัน ทำอาชีพหาบปลาเร่ขาย เดินตั้งแต่วงเวียนใหญ่-คลองสาน มั่นใจว่าสิ่งที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ เพราะอยู่กับผู้ชายเยอะ ผมเรียนโรงเรียนชายล้วนด้วย ทุกส่วนล้วนทำให้ผมแข็งกระด้าง เพราะว่าชีวิตไม่เคยได้อยู่กับผู้หญิงเลย ลูกออกมา ผมก็เลี้ยงลูกแบบห้าวๆ หน่อย ให้เด็กผู้หญิงเตะบอลหรือทำกิจกรรมแบบผู้ชาย
มองว่าเพศหญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ อยากเลี้ยงลูกให้แข็งแรงดูแลตัวเองได้ ?
ใช่ๆ
พ่อกับแม่ใครเลี้ยงลูกมากกว่ากัน
ผมขายของ ฝั่งแม่จะเป็นคนเลี้ยง แม่เขาเป็นคนที่ดูแลลูกดีมาก ผมก็ดูแลหน้าร้านไป ช่วยเหลือกัน ลูกค่อนข้างสุขภาพดี แข็งแรง เรื่องทะเลาะกันในครอบครัวไม่มีเลย เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างอบอุ่น
ได้ลูกคนที่สองเป็นผู้ชาย ความรู้สึกเป็นยังไง ดีใจมั้ย
คนแรกคลอดตอนปี 2541 คนที่สองห่างประมาณ 4 ปี ความรู้สึกเฉยๆ แล้วนะ คือดีใจตรงไหนรู้มั้ย ก็ได้หญิงหนึ่ง ชายหนึ่งไง หายากนะความสมบูรณ์แบบแบบนี้ แต่ว่าลูกสองคนจะสลับร่างกันเราไม่รู้
คุณคิดว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร
ตอนที่ลูกผู้ชายคลอดออกมา จะมีแม่บ้านเป็นกะเทยชื่อ ปุรัน เธอเป็นคนดีมาก ตอนนี้อายุ 70-80 แล้ว ผมจ้างมาดูแลบ้านและเลี้ยงลูกคนผู้ชายด้วย ผมไม่เคยเหยียดเรื่องใครเป็นอะไรนะ คิดว่าก็เป็นคนเหมือนกัน มองเรื่องความดีมากกว่า เวลาเมาเหล้าไปรำวง ไปสนุกสนาน แกไม่เคยสร้างพิษภัยให้ใครเลย แวดล้อมที่ลูกอยู่จะได้เห็นเหล็ก ปูน คนงานผู้ชายที่บ้านเป็นสิบๆ ในความแข็งกระด้างก็ไม่น่าคิดว่าลูกจะเป็นอื่นไปได้
ทำไมถึงต้องรับพี่เลี้ยงมาดูแลลูก
ขายของแล้วธุรกิจดีขึ้นมากๆ ต้องมีคนใช้มาดูแลบ้านทำความสะอาด เลยฝากดูแลลูกไปด้วย พอปุรันออกไป ก็มีแม่นาเป็นผู้หญิงมารับช่วงต่อ
คุณรู้ได้ยังไง เรื่องเพศสภาพของลูก
ดูได้จากเล็กๆ แสดงออกมาตั้งแต่หกเจ็ดขวบเลย ผมเห็นลูกผู้ชายหิ้วตุ๊กตา นอนกอดตุ๊กตา เริ่มสังเกต และลองฝืนลูก เอาไปเตะฟุตบอล ได้สักพักก็วกกลับมาเป็นแบบเดิมอีก ส่วนคนโตที่เป็นผู้หญิงก็เริ่มบู๊ ไปลงเรียนเทควันโด เรียนคาราเต้ เริ่มแสดงออกให้เห็น บวกกับที่ผมส่งไปเรียนประถมฯ ที่เชียงใหม่ให้ดูแลชีวิตตัวเองได้ อยู่หอโรงเรียนหญิงล้วน
พอได้รู้แล้วคุณจัดการตัวเองยังไง
ในวันที่รู้ว่าเขาคงไม่ใช่แล้วก็ต้องยอมรับ แล้วคิดว่าจะทำยังไงต่อ ผมดูจากคนที่มาเลี้ยงลูก เขาเป็นกะเทยจริงๆ กะเทยตัวแม่เลยนะ แต่เขาไม่ใช่คนไม่ดี ผมมองว่าถ้าลูกจะต้องเป็นแบบนั้น ก็ไม่ใช่คนไม่ดี ผมเชื่อสิ่งหนึ่งนะว่า สวรรค์ให้อะไรบางอย่างกับคนหลากหลายทางเพศมาในเรื่องความคิด อาจเรียกว่าพรสรรค์ เพราะมีทั้งความเป็นผู้หญิงก็ได้ เป็นผู้ชายก็ได้ เวลามีเรื่องเคยเห็นมั้ย กะเทยต่อยผู้ชายสลบก็มี ถ้าให้ไปแต่งแจกันดอกไม้ วาดภาพ ตัดเสื้อผ้า เขาก็ทำได้ ซึ่งผู้ชายอย่างผมทำไม่ได้ ผมมองเห็นสิ่งปาฏิหาริย์ตรงนี้ มองจากปุรันนี่แหละ ผมเลยเข้าใจว่าลูกเป็นลักษณะแบบนี้ พอหลังจากตรงนั้นผมไม่คิดอะไรเลย ส่วนลูกผู้หญิงที่เป็นทอม ห่วงอยู่เรื่องเดียว คือยังมีมดลูก แต่สิ่งที่เราคิดมันก็ไม่ใช่ เขาไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไร ก็ตัดปัญหานี้ไป
สังคมรอบตัวคุณมีผลต่อความรู้สึกมั้ยเกี่ยวกับเรื่องลูก
มีคนมาพูดใส่ผม บอกว่ามึงเลี้ยงยังไงให้ลูกเป็นแบบนี้วะ มึงไม่สนใจลูกเหรอ แม่งเจ็บมากเลย ทำไมมึงถามกูแบบนี้วะ วันนั้นผมสะอึกมากๆ ผมปกป้องลูกผม ด้วยการย้อนถามคนที่พูดไปว่า ลูกผมก็ไม่ได้ไปติดยา ไม่ได้เดือดร้อนใคร ลูกๆ มึงที่ว่าดีๆ ก็มีให้เห็นเยอะ เรียนจบมาตกงาน แต่งงานเลิก หย่า ผัวทิ้ง ผมไม่ได้สติหลุดหรือคิดทำร้ายร่างกายใครนะที่ตอบไปแบบนั้น
คุณไม่ได้รู้สึกโกรธ ?
ตั้งแต่เด็กผมอยู่กับผู้ชายล้วน นิสัยค่อนข้างกระด้าง เป็นจุดดีของผม ผมไม่ค่อยแคร์หรอก ไม่สนใจคำคนเท่าไหร่ เวลาไปร่วมงาน ผมเอาลูกไปด้วย มีแต่คนหัวเราะเยาะ ผมอยากให้ LGBT หลายๆ คนที่บอกว่าโดนกดดันจากสังคมรอบข้างมีกำลังใจ คนที่เป็นพ่อ LGBT ก็หนักเหมือนกันในสิ่งที่เจอ แล้วถามว่าผมผ่านมาได้ยังไง ชนะสิ่งนี้มาได้ไง ไปพูดที่ไหนผมไม่อาย กล้าพูดหมดทุกที่ วันนี้ลูกผมมีความสุข ทุกคนยอมรับ พวกเขาอยู่ในสังคมได้ เขาก็บอกว่าหาพ่อที่จะเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ผมสังเกตหลายๆ ที่ เห็นครูบาอาจารย์ที่มีลูกเป็นเกย์ เป็นกะเทย พวกเขาจะอาย ผมอยากให้ผู้ใหญ่หลายๆ คนที่มีลูกแล้วเป็นลักษณะแบบนี้ ถ้าไม่เข้าใจ มาถามผมได้เลย อาจจะได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน ย้อนกลับไปถึงคำถามของสังคมในวันนั้น ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม LGBT ส่วนมากในจังหวัดน่านถึงเรียกผมว่าพ่อ ก็เพราะมึงคิดกันอย่างนี้ไง นี่ไงลูกมึงถึงไม่มีความสุข เมื่อลูกมึงเป็นแบบนี้แล้ว จะให้ทำยังไง
แล้วลูกคุณเป็นยังไง
ลูกผม คนเป็นผู้หญิงมีแฟนเป็นผู้หญิง อีกคนเป็นเกย์มีแฟนเพศเดียวกัน ทั้งสองไม่มีลูก ภาระก็ไม่มี ผมมองว่านี่เป็นอีกข้อดีของ LGBT คือไม่มีลูกหลานมาให้ผมเลี้ยง ผมไม่ปวดหัว
ไม่อยากอุ้มหลานเหรอ
ผมผ่านจุดที่ยอมรับมาแล้ว ก็มันมีไม่ได้ ผ่านจุดนั้นมาแล้ว คนผู้ชายทุกวันนี้ก็ซื้อแมวมาเลี้ยง ได้แฟนอยู่กรุงเทพฯ เขาก็บอกว่าแมวเป็นลูก
เจอปัญหาอะไรบ้างมั้ย
ถ้ามานั่งคุยกันสามคน เราค่อนข้างจะสามัคคีกันมาก ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร แต่มีเหตุการณ์ๆ หนึ่ง ตื่นไปใส่บาตรกับลูก กลับเข้าบ้านไม่ถึงชั่วโมง แฟนผมเสีย เส้นเลือดในสมองแตก ไม่มีเรื่องเครียด คล้ายระเบิดเวลา แม่เขาเป็นสายฮา ไม่มีใครรู้เลยว่าคุณแม่เป็นโรคนี้ ไม่มีอาการอะไรทั้งนั้น มึนหัวแล้วก็หลับไปแบบนึกจะไปก็ไปเลย เขาเสียวันที่ 2 สิงหาฯ ตัวผมเกิดวันที่ 3 สิงหาฯ เขาให้ของขวัญวันเกิดผมแบบนี้ คิดดูว่าลูกสองคนเอาเค้กมาให้ผมเป่าในงานศพ เป็นเหตุการณ์ที่ช็อกที่สุด ลูกๆ อายุได้ 10 ขวบกว่า ผมกลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวจากวันนั้น
เป่าเค้กในงานศพ อารมณ์ความรู้สึกเป็นยังไง
มันหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีคู่คิด ธุรกิจผมพัง เลิกขาย ไม่รู้จะไปยังไงต่อ ทำอะไรไม่ถูก เป็นโรคซึมเศร้าเลย แฟนเสียตอนผมอายุประมาณ 40 เป็นวัยสร้างเนื้อสร้างตัว แต่ชีวิตผมหมด ไม่เหลืออะไรสักอย่าง เหมือนหนังชีวิตเลย
จมไปเกือบปี ผมขี่มอเตอร์ไซค์จากเชียงกลางไปเชียงใหม่ แล้วไปวิ่งอยู่ในสนามรักบี้ใหญ่ๆ ของ มช. 14 รอบ ผมวิ่งอย่างนั้นคนเดียว วิ่งให้เหนื่อยเพื่อให้ไม่คิดอะไร ผอมแบบไม่มีอะไรเหลือ อยากวิ่งให้มันตายไปเลย
บางคนถ้าเศร้ามักจมอยู่กับที่ ทำไมคุณถึงลุกไปวิ่ง
ผมมันสายนักกีฬา การทำให้ตัวเองเหนื่อยก็เหมือนได้เป็นการระบายออก
อยู่ในช่วงเวลาที่แย่ หาเงินเลี้ยงลูกยังไง
ใช้ทรัพย์สมบัติ เงินเก็บเก่า
อะไรทำให้มีแรงลุกขึ้นมาอีกครั้ง
ต้องเลี้ยงลูก ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
พ่อที่มีลูกเป็น LGBT สอนลูกยังไง
สูบบุหรี่ กินเหล้า ผมไม่ห้าม แต่เรื่องยาเสพติด ผมขอเลยว่าอย่าไปยุ่ง ทั้งสองคนไม่มีใครติดเหล้า ติดบุหรี่ คนเป็นเกย์อาจมีสูบบ้างในเวลาดื่ม ไม่ซื้อด้วย ยืมคนอื่นเอา
มีความคาดหวังอะไรกับลูก ?
ผมเป็นห่วงอยู่เรื่องเดียว จากที่ดูจากลูกคือ ชีวิตคู่ กลุ่ม LGBT จะมีปัญหาเรื่องอารมณ์รุนแรง แล้วอารมณ์นี่แหละเป็นตัวการทำลายชีวิตของพวกเขา กลุ่ม LGBT จะมีปัญหาความสัมพันธ์บ่อยครั้ง เพราะเรื่องหนึ่งที่ควบคุมไม่ค่อยอยู่คืออารมณ์ ผมต้องเลี้ยงลูกที่เป็น LGBT มาเป็นสิบๆ ปี ผมเลยมั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นปัญหามากสำหรับชีวิตคู่ของกลุ่ม LGBT ถ้าวันนี้กลุ่ม LGBT อยู่ในโลกได้แบบไม่มีคำว่าแตกต่างเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ผมว่าเรื่องอารมณ์พวกนี้อาจจะเบาลง ถ้ามีกฏหมายที่มาดูแลเรื่องเหล่านี้ให้กลายเป็นเรื่องปกติ เหมือนการกินก๋วยเตี๋ยว ใครอยากกิน เย็นตาโฟ มาม่า ข้าวมันไก่ ก็เลือกกินได้ ทำให้ชัดเจนไปเลย ไม่ใช่ทำแอบๆ มาปิดกั้น
เรื่องกฏหมาย เรื่องใช้นางสาว แต่งงานมีทายาทมีครอบครัว เรื่องมรดก ทำให้เสมอภาค บางทีเขาไปชอบผู้ชายคนหนึ่ง หลงรักมาก แต่กลัวจะผิดศีลธรรม กลัวเรื่องวัฒนธรรม กลัวชาวบ้านจะว่า ทั้งที่อีกคนก็ชอบเหมือนกัน แต่ไม่กล้า กลัวสังคมรับไม่ได้ ผมว่ากลุ่ม LGBT เป็นอะไรที่น่าสงสาร
อย่างที่บอกเรื่องอารมณ์รุนแรง เวลามีปัญหาถ้าไปลงกับยาเสพติด ผมว่ามันจะหนักกว่าเดิมเพราะส่วนตัวเชื่อว่า LGBT เป็นการรวมกันของหลากหลายเพศ เรื่องอารมณ์จะทวีคูณ
ลูกมาปรึกษาปัญหาชีวิตบ้างมั้ย
ส่วนมากก็เรื่องหัวใจ ทะเลาะกันก็มาปรึกษา เรื่องอื่นไม่มี ผมเป็นครอบครัว LGBT ที่ไม่ค่อยมีปัญหา ที่เห็นๆ เป็นเรื่องความรักอย่างเดียว เรื่องอื่นๆ เอาตัวรอดกันได้
ลูกคนแรกทำอาชีพอะไร
เป็นดีไซเนอร์ตัดเสื้อผ้า มีหน้าร้านแถววัดไผ่เหลือง ชื่อร้านสกายดาว ทำอยู่กับแฟน ตอนนี้อายุ 27 ปี
คนเล็กล่ะทำอะไร
คนเล็กจะใช้คำว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ เขาได้แฟนรวย แต่แฟนไม่ยอมให้ทำอะไรเลย ตกถังข้าวสารหรือตกกรรมเวรอะไรไม่รู้แหละ (หัวเราะ) เห็นเลี้ยงแต่แมว แฟนเขามีธุรกิจเป็นร้อยๆ ล้าน ทำคลินิกปลูกผม ลูกผมจบ กศน. วุฒิ ม.6 ทั้งสองคน
ทำไมถึงไม่เลือกเรียนต่อ
ผมเคยบอกลูกว่า เอ็งไม่มีวุฒิจะไปทำงานยังไง ลูกย้อนกลับมาว่าวุฒิการศึกษาไม่เห็นมีความจำเป็นเลย ยิ่งคนโตค่อนข้างจะนักเลงยิ่งไม่สนใจเลย มีเพื่อนฝูงเยอะ และผมก็มองเห็นว่าเขาอยู่ได้เพราะมีเพื่อนอยู่กันเป็นกลุ่ม คบกันด้วยใจไม่ใช่เรื่องเงิน เวลาเดือดร้อนก็ช่วยเหลือกัน
ส่วนตัวคุณคิดยังไงกับการบอกว่า “ไม่เห็นต้องมีวุฒิการศึกษา”
ผมคิดว่า จริงๆ ต้องมี แต่ผมสองจิตสองใจอยู่ว่า ทุกวันนี้มันจำเป็นจริงหรือเปล่า เพราะเห็นบางคนที่มีวุฒิกลับบ้านมาก็แห้วกันเต็มเลยนะ ลูกตั้งคำถามกับผมว่า แล้วแบบนี้จะเรียนไปเพื่ออะไรวะ เรียนมาก็กลับมาขายผลไม้อยู่ที่ตลาด ลูกผมก็ไม่ได้อยากเป็นข้าราชการ เพราะคนเป็นข้าราชการได้ส่วนใหญ่ก็มีพ่อแม่ที่เป็นข้าราชการปลูกฝังกันมา ผมเป็นสายพ่อค้า ค่อนข้างมีความอิสระ อะไรที่ขายได้เงิน ไม่ผิดกฏหมายก็ทำไป จะเป็นลักษณะนี้มากกว่า ข้าราชการทำงานจันทร์ถึงศุกร์ หยุดเสาร์อาทิตย์ ชีวิตไปไหนไม่ได้ แต่ว่ามีหลักประกัน ป่วยไข้มีสิทธิ์รักษา มันเป็นความคิดของแต่ละคน บางทีเราไปยุ่งไม่ได้ทั้งหมด
คนเล็กที่เลี้ยงแต่แมว ไม่มีธุรกิจเหมือนพี่ คุณเป็นห่วงความมั่นคงของลูกมั้ย
ลูกคนเล็กเก่งภาษาอังกฤษ ตอน ป.4-ป.6 ผมจ้างครูคนไทยมาปูพื้นฐานภาษาอังกฤษให้เขา พอขึ้น ม.1 ผมโชคดีได้เจอครูสอนภาษาอังกฤษเป็นคนอเมริกันมาสอนหนังสือที่เชียงกลาง ผมจ้างพิเศษให้สอนลูกผม เพราะคิดว่าภาษาเป็นเรื่องสำคัญ มีช่วงหนึ่งผมส่งลูกคนนี้ไปอยู่กรุงเทพฯ ไปอยู่บ้านคนรู้จัก ซึ่งตอนนี้เสียไปแล้ว ผมให้ลูกไปเรียนภาษาจีนกวางตุ้ง ผมส่งเงินให้ไปเรียนเลย ก็พูดได้ คิดว่าไปอยู่ประเทศเขาไม่ตายแล้ว ลูกคนเล็กเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ตอนนี้อายุ 25 ถามว่าเป็นห่วงมั้ย ผมคิดว่าสักวันหนึ่งพี่น้องคู่นี้คงกลับมารวมตัวกัน แล้วทำอะไรสักอย่างในจังหวัดน่าน ทุกวันนี้ผมไม่ต้องส่งเงินเลี้ยงดูลูก ไม่ได้เลี้ยงเขาเลยนะ ปล่อยให้ไปมีชีวิตเหมือนฝรั่ง
แล้วคุณเลี้ยงลูกยังไง ทุกวันนี้มีคำตอบหรือยัง
ในความคิดผม ที่เขาเป็นแบบนี้ เขาเลือกเกิดไม่ได้ เป็นโดยธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมรอบข้างผมว่ามีผลประมาณ 30-40 % สมมุติว่าคนติดยากันหมด แต่คุณไม่ติด คุณจะโทษสิ่งแวดล้อมได้เหรอ เขาเลือกที่จะเป็นของเขาแบบนั้นไง ถามว่าวันนี้ลูกผมเป็นทอม เป็นเกย์ กะเทยเข้าบ้านเป็นร้อยคน ทำไมพ่อถึงไม่เป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่เจอรอบตัว ก็เพราะผมไม่ได้สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ถ้าวันนี้สังคมจะมาตัดสินว่าสิ่งแวดล้อมเป็นแบบนี้แล้วพาให้ทุกอย่างเป็นตามสิ่งแวดล้อมไปทั้งหมด ผมว่ามันไม่ใช่ ผมเฉยๆ ไม่ได้มีรสนิยมอะไรแบบนั้น แค่มองว่าพวกเขาเป็นเพศที่มีพรสวรรค์ มีสิ่งที่พิเศษ ผมเทิดทูนเขาด้วยซ้ำ มีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่บ้าง ก็เรื่องที่พวกเขามีอารมณ์รุนแรงบ่อยๆ มาถึงตอนนี้อยู่ด้วยกันบ่อยขึ้น ได้เรียนรู้ธรรมชาติแบบที่เขาเป็น ก็เริ่มเข้าใจ
คุณเข้าใจว่ายังไงบ้าง
ผมว่า LGBT เป็นสิ่งสวยงามมาก พวกเขาเก่งนะ ดูอย่างขบวนแห่ ไม่ว่าจะแห่อะไรก็ตาม LGBT จะเป็นคนไปแต่งหน้า นางงาม ดารา มี LGBT หมด อะไรที่เกี่ยวกับความสวยงาม เกี่ยวกับศิลปะที่ให้ความสุข ให้รอยยิ้ม ให้เสียงหัวเราะ LGBT ให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความสุขไม่ใช่ความทุกข์ ถ้าเราเข้าใจเขา ลูกก็จะไปสร้างความสุขให้คนอื่นอีกมากมาย เช่น คนที่เป็นเกย์ เขาสอนเชียร์ลีดเดอร์ได้แบบไม่แพ้ใคร เด็กโรงเรียนศรีสวัสดิ์ ศรีน่าน โรงเรียนปัว โรงเรียนเชียงกลาง ทุกโรงเรียนให้เขาไปสอนหมดเลย เด็กทุกคนจะเรียกเขาว่าแม่ ผมมองว่าลูกผมเป็นไอดอลในโรงเรียนแต่ละที่เยอะมาก เพราะงั้นถ้าลูกเราดี เยาวชนของชาติที่คลุกคลีกับเขาก็มีส่วนดีด้วย แต่ถ้าวันนี้พวกไอดอลไม่ดี เยาวชนที่ติดตามก็จะไม่ดี LGBT ที่ดีจะเป็นตัวอย่างที่ดีเพราะเยาวชนมองพวกเขาเป็นไอดอล
ผมอยากบอกว่า คนเป็น LGBT อย่ามองค่าว่าตัวเองต่ำ คุณสามารถเปลี่ยนชีวิตเด็ก เปลี่ยนชีวิตสังคมของเด็กในโรงเรียนได้เลยนะ เพราะคุณคือตัวอย่างที่ดีที่เขาเห็น เขาสัมผัสได้ อยู่ในจุดที่เขารักและชอบ ผมเคยเรียนโรงเรียนชายล้วนมา ผมเลยเข้าใจว่าลักษณะคนบ้าอำนาจเป็นยังไง พอมาเจอกลุ่ม LGBT แตกต่างกันเลย กลุ่มนี้จะหวาน อ่อน นุ่ม ละมุนละไม มีความสุข มีรอยยิ้ม ตลกสนุกสนาน ถ้าเอาความเผด็จการบ้าอำนาจเข้าไปใช้กับกลุ่มนี้ เหมือนน้ำตาลกับน้ำปลาเลย มันคนละอย่างอยู่ด้วยกันยาก กลุ่ม LGBT จะไม่ชอบเรื่องเผด็จการ ลองไปเผด็จการใส่พวกเขาสิ เขาจะเอาหลักการและเหตุผลมาแย้งได้เสมอ
ลูกคนโตรู้ว่าผมไปเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล เขาบอกกับผมว่า ถ้าจะไปอยู่พรรคก้าวไกล ป๊าต้องปรับตัวเข้าหาเขา ไม่ใช่ให้เขามาปรับตัวเขาหาป๊า โลกมันเปลี่ยนไปแล้วนะ เห็นมั้ยว่ารุ่นลูกก็ยังสามารถสอนหรือแนะนำผมได้ คำแนะนำของลูกทำให้พบว่า คนอายุ 52 อย่างผมสามารถเข้าไปสู่สังคมผู้สูงวัยได้ ขณะที่สามารถเชื่อมความเป็นเด็กและเยาวชนได้ด้วย จะให้ผู้สูงอายุ 70-80 มาคุยกับเด็ก ยังไงก็คุยไม่รู้เรื่องหรอก ต้องเป็นรุ่นผม ช่วงวัยระหว่างนี้แหละ เชื่อมได้ทั้งสองโลก
การเชื่อมทั้งคนต่างเพศและต่างวัย เป็นเรื่องยากมั้ยสำหรับคุณ
ยาก ผมปรับตัวด้วยการฟังคำแนะนำของลูก เขารู้ว่าในกลุ่มของเขาต้องการอะไร เขาจะคอยบอกว่าโลกของเขาเป็นแบบไหน
คุณเข้าไปเล่นการเมือง เพราะอะไร
อยากผลักดันประเด็น LGBT ล้วนๆ เลย ผมเบื่อระบบผูกมัดเก่าๆ หาเสียงแบบเก่าๆ อะไรๆ ก็เก่าๆ อย่างที่ลูกผมสอน ถ้าจะอยู่กับยุคสมัยต้องปรับตัวเข้าหา เขาไม่ใช่ให้เขาปรับตัวเข้าหาเรา ผมโดนปลูกฝังในเรื่องเก่าๆ มานาน โอเคเรื่องเก่าๆ บางเรื่องก็ยังดี เช่น วัฒนธรรม ประเพณี บางอย่างรักษาไว้ได้ แต่ต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัยให้ได้ สิ่งที่ทำให้ผมอยากเข้าไปเป็น ส.ส. ในพรรคนั้น ผมมองว่ามันถึงเวลาที่บางอย่างต้องเปลี่ยน ผมเป็นคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนสองช่วงวัย ทุกวันนี้มันเป็นคนละทิศ ฝั่งหนึ่งไดโนเสาร์ อีกฝั่งหนึ่งไปดาวอังคารแล้ว แต่ไม่มีใครอยู่ระหว่างกลาง ผมคิดว่าคนที่เชื่อมสองฝั่งก็ต้องเข้าใจคนทั้งสองฝั่งได้ อยากให้คนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าอยู่ด้วยกันได้
อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ช่วงหลังมานี้สิทธิเสรีภาพความเป็นคนไม่มีเลย โดนกดขี่ โดนเอาเปรียบ ไม่มีทางอื่นให้เลือก คนรุ่นผมพยายามดูแลตัวเอง เข้าใจยุคสมัย พูดง่ายๆ คือ ไม่ยอมแก่ จังหวัดน่านเป็นที่ที่ท้าทาย ถ้าผมทำสิ่งที่คิดให้เกิดขึ้นได้ ผมว่ามันน่าภูมิใจ
อะไรที่คิดไว้บ้าง
สิ่งแรกที่จะทำ วางแผนไว้แล้วคือการประกวด LGBT ผมมองชุดที่ลิซ่าใส่ในเอ็มวีเป็นไอเดีย อยากให้พวกเขาลองออกแบบชุดที่ผสมผสานความเป็นเมืองน่าน มาประยุกต์ให้เป็นชุดประกวด แต่เราใช้คำว่า ในปี 2021 นะ หมายถึงความทันยุคสมัย และอยากฟังการตอบคำถามที่มาจากสิติปัญญาของผู้เข้าประกวดที่เป็น LGBT ถ้าเราจัดงานให้เกิดขึ้น อาจจะมีแรงผลักให้เรื่องนี้เป็นที่พูดถึงมากขึ้นก็ได้
ผมไม่ได้ทอดทิ้งวัฒนธรรมแล้วเดินหน้าอย่างเดียว ถึงบอกว่าคนรุ่นผมสามารถมองขึ้นไปข้างบน มองลงมา หรือย้อนกลับไปข้างหลังยังได้อยู่ ต้องยอมรับว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ จะอยู่กับความเป็นดึกดำบรรพ์ตลอดกาล เป็นไปไม่ได้ เพราะนึกไม่ออกว่าจะอยู่กันยังไง ดูง่ายๆ แค่นักการเมืองแต่ละที่ แต่ละหน่วยงาน เอาอายุมารวมกันจะเป็นพันปีอยู่แล้ว
จุดมุ่งหมายของการจัดงานประกวด LGBT คืออะไร
เพราะไม่มีใครทำไง ต้องมีคนเปิดพื้นที่ให้พวกเขา ผมอยากให้ LGBT ในจังหวัดน่านมีค่า ให้รู้ว่าที่น่านมีแบบนี้ อยากให้รู้ว่าความสามารถที่พวกเขามีเหมือนภูเขาไฟลูกหนึ่ง ถึงเวลาที่ปะทุ เอาออกมาให้คนอื่นได้รู้ว่าพวกเขามีทีเด็ดนะโว้ย ไม่ใช่เก็บไว้ในป่าในเขา อยู่กับเมืองที่มีวัฒนธรรมประเพณีที่มันเหนียวแน่นแบบนี้ พวกคุณก็ทำให้ประเพณีวัฒนธรรมที่มีสวยขึ้นมาในแบบ LGBT ที่คุณเป็น ถ้าไม่อยากโดนพวกไดโนเสาร์ว่า ก็ทำให้ไดโนเสาร์ยอมรับให้ได้ อยากให้ภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด ระเบิดออกมาให้คนอื่นได้เห็น นี่แหละ LGBT ในเมืองน่าน เป็นงานเปิดตัวให้รู้ว่าที่น่านมีแบบนี้เหมือนกันนะ
ผมพูดอยู่เสมอว่า LGBT เหมือนดอกไม้ที่รอปุ๋ยมาเติมเต็มให้สวยงามสมบูรณ์.
nandialogue
เรื่องและภาพ: อธิวัฒน์ อุต้น