กันต์ศักดิ์ วงศ์ค่ายคำ เรียกสั้นๆ ว่า ป้อม อายุ 27 ปี ระบุเพศของตัวเองว่าเป็น transgender จบปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์ที่วิทยาลัยสงฆ์นครน่าน จบออกมาทำงานฟรีแลนซ์เป็น ‘ช่างฟ้อน’ ที่ฝึกฝนตัวเองจากการเรียนรู้ผ่านยูทูป
ก่อนโควิดเดินทางมา ป้อมนุ่งผ้าถุงของน่าน ใส่เสื้อชายกระบอก ห่มผ้าสไบเฉียง ซ้อนมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านมาฟ้อนต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำรายได้จาก ‘ทิป’ เฉลี่ยเดือนละหมื่น
ผ่านไปสองปีโควิดยังไม่จาง ลานกว้างหน้าวัดภูมินทร์ยังอยู่ แต่วันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยว ช่างฟ้อนในยุคสมัยรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปสร้างอาชีพใหม่ด้วยการเพาะเห็ด
ปกติฟ้อนอยู่ตรงไหนบ้าง
ตรงนี้เลยค่ะ (ลานข่วงเมือง) ทุกวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ ส่วนจันทร์ถึงพฤหัสฯ จะอยู่แถวถนนคนเดินมิ่งเมือง (ด้านหน้าดีเบสต์)
ไปขอโอกาสจากผู้ใหญ่ที่ดูแลสถานที่ แต่งชุดมาเอง พวกเครื่องเสียงมีบริการให้ เราก็เอาเพลงมาให้เขาเปิด คล้ายๆ นักดนตรีเปิดหมวก จะรำแค่ช่วงเดียวคือ สองทุ่มเป็นต้นไป ประมาณ 10 นาที ไม่เกิน 15 นาที
เฉลี่ยรายได้
ตกวันละ 400-500 บาท เยอะสุดก็ประมาณ 1,000 บาท
ฟ้อนคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม
ได้ทั้งสองอย่าง แล้วก็ แบบมีค่าจ้างกับไม่มีค่าจ้าง ที่ผ่านมาเน้นฟ้อนเดี่ยว เราไม่มีเวลาไปซ้อมกับกลุ่ม หลักๆ ก็ได้เงินจากนักท่องเที่ยวที่มอบให้เป็นกำลังใจ
ช่างฟ้อนในจังหวัดน่านมีเยอะไหม
แบบมีค่าจ้างก็ประมาณ 40-50 คน อย่างของป้อมจะมาฟรี มาด้วยจิตอาสา มีไม่เยอะ ไม่ถึงสิบคน
เมื่อก่อนจะมีจ้างเป็นคณะไปออกตามงานต่างๆ คิดราคาเป็นรอบ ดูจากจำนวนคน ดูจากการแสดงว่าจะมีกี่ชุด ถ้ารับงานจ้างคนเดียวป้อมจะคิดอยู่ที่ 1,000 บาท แต่งหน้า แต่งตัว ทำผมเอง
ทำไมถึงเลือกมาเป็นช่างฟ้อน
ชอบมาตั้งแต่เด็ก ตามพ่อแม่ไปเที่ยว งานปอย งานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ งานต่างๆ ก็ซึมซับมาเรื่อยๆ พอเริ่มมียูทูปเข้ามาก็เริ่มศึกษา ค้นดูว่าเขารำกันยังไง เราอาจจะไม่รู้หลักการ แต่พอได้มาปฏิบัติจริงๆ แล้วจะเริ่มรู้ว่าควรเอนยังไง มือ ขา หรือ กระดูกส่วนนี้ควรจะทำไปในทิศทางไหน ก็พัฒนามาเรื่อยๆ
ยากไหม เรียนเองจากยูทูป
ยากสุดจะเป็นท่าสะพานโค้งลงไปคาบธนบัตร เราฝึกทำท่าสะพานโค้งไปกับที่นอน พอหลังหรือกล้ามเนื้อขาแข็งแรงขึ้นก็เริ่มทำให้ร่างกายมันจำได้ ถ้าคนอายุเยอะจะฝึกลำบากหน่อย เพราะกระดูกช่วงหลังเริ่มดัดยาก ป้อมเริ่มฝึกประมาณ ม.3 ก็จะยากนิดนึง คือถือว่าเริ่มช้า
หัดไปก็จะมีล้มบ้าง พอแง้นลงไปแล้ว อาจจะพลิกตัวกลับขึ้นมาไม่ได้ หรือพอแง้นลงไปแล้วเส้นประสาทพลิกบ้าง ต้องขยันฝึก แล้วต้องให้เวลา การฝึกมากหรือน้อยอยู่ที่ตัวบุคคล เรื่องทรวดทรงไม่เกี่ยว บางคนอ้วนก็ทำได้ บางคนผอมทำไม่ได้ก็มี น่าจะอยู่ที่ใจรักมากกว่า ป้อมใช้เวลาอยู่เกือบหนึ่งปีถึงจะทำได้ ฝึกวันละชั่วโมง
ฟ้อนเป็นศิลปะพื้นบ้านของจังหวัดน่าน มีเอกลักษณ์อย่างการฟ้อนแง้น หรือ ซอล่องน่าน ก็จะมีแต่ที่น่าน ที่อื่นก็จะแตกแขนงไปเป็นนาฏศิลป์สร้างสรรค์ต่างกันไป สื่อสารให้คนที่มาเที่ยวได้เห็นถึงวัฒนธรรม เพื่อสืบสานให้เด็กรุ่นใหม่ได้เห็นประเพณี
มีเพลงประจำเวลาฟ้อนไหม
มีเพลงซอล่องน่าน แต่ก็จะมีหลายทำนองแบ่งแยกย่อยออกไป อยู่ที่ว่าเราจะเลือก เพลงซอล่องน่านมีเยอะอยู่เหมือนกัน ประมาณ 10 กว่าเพลงขึ้นไป เป็นหลากหลายรุ่น ทั้ง เก่า ใหม่ บางเพลงก็มีเนื้อร้อง บางเพลงก็ไม่มี ทุกวันนี้ยังมีคนแต่งเพลงบรรเลงหรือขับซอในแนวนี้อยู่ วัยรุ่นที่เล่นเพลงแนวนี้ก็มี
ประเพณีวัฒนธรรมของน่านต่างจาก เชียงใหม่ เชียงราย หรือ ภาคเหนือโซนอื่นๆ ความแตกต่างจะเป็นเรื่องของความอ่อนช้อย ในการโน้มหรือแอ่นตัวไปด้านหลังเพื่อไปหยิบธนบัตรที่ผู้ชมมอบให้ สามารถฟ้อนได้ทุกงาน ไม่จำกัดว่าต้องเฉพาะงานมงคล ไม่มงคล ไม่จำกัดเพศ แต่ผู้ชายอาจมีน้อยหน่อย ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง กับ LGBT อย่างหลังนี่มีประมาณ 20 กว่าคน
มีปัญหาไหม การเป็น LGBT ที่เป็นช่างฟ้อน
ไม่มีปัญหาค่ะ แฮปปี้ทุกงาน
รู้สึกเท่าเทียมเป็นปกติ?
รู้สึกว่าจะเป็นผู้หญิงผู้ชายก็เท่าเทียม น่าจะวัดกันที่ความสามารถมากกว่า
ทุกครั้งที่มาแสดง นักท่องเที่ยวจะคุยกันว่า นี่ผู้ชายหรือผู้หญิง ทำไมตัวอ่อนผิดปกติ หรือแบบ อันนี้เขาเป็นหรือป่าว ใช่สาวประเภทสองไหม มีทุกครั้ง ได้ยินกับหูตัวเอง
รู้สึกไม่มั่นใจไหม เวลาคนพูดแบบนี้
เฉยๆ เราอยากทำการแสดงของเราให้ดีที่สุด เพราะมันยังมีคนอีกมากที่สนใจเรา
กับครอบครัว การเลือกเป็นช่างฟ้อนมีปัญหาไหม
ที่บ้านสนับสนุน
แสดงตัวให้ที่บ้านรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ตั้งแต่ ป.6 แล้วค่ะ อาจจะมีปัญหาบ้างในช่วงแรก แต่หลังๆ ไม่มี พ่อแม่ไม่เคยว่าอะไร
ตอนที่ตามพ่อแม่ไปดูงานฟ้อน งานรำ รู้หรือยังว่าตัวเองเป็น LGBT
ยังไม่รู้เท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าชอบการแสดงออกแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่อยากแต่งตัวแบบนี้ เหมือนได้แรงบันดาลใจ เริ่มรู้ตัวเพราะ ไม่ค่อยชอบเล่นกับผู้ชาย ไม่เตะบอลเหมือนผู้ชายทั่วไป เราชอบทำกิจกรรมแบบผู้หญิง และอยู่กับผู้หญิงมากกว่า นิสัยตุ้งติ้ง เรียบร้อย
ชอบอะไรในการเป็นช่างฟ้อน
บางคนอาจจะมองว่า จบปริญญาตรีมาแล้ว ทำไมไม่ไปหางานที่เป็นหลักเป็นแหล่งทำ จะมาเต้นกินรำกินทำไม ป้อมมองว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงามและเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่น่าภูมิใจ ทำให้คนชื่นชม อย่างตอนรำเสร็จ บางวันไปเดินตามถนนคนเดิน แม่ค้าที่เขามีกับข้าว เขาก็ยื่นของให้ฟรีๆ ประมาณว่าประทับใจ เพราะการรำก็เป็นส่วนหนึ่งที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยว มาเดิน มาซื้อของกินของใช้ ทุกคนก็ได้ขายของไปด้วย
ช่วงแรกๆ ที่แสดงตัวตน ปัญหากับทางบ้านที่ว่า เป็นแบบไหน
เกิดเป็นผู้ชาย ทำไมไม่เป็นผู้ชาย ทำไมต้องอยากเป็นผู้หญิง พูดด้วยน้ำเสียงที่อาจจะมีผิดหวังเล็กๆ ที่ลูกไม่เป็นอย่างที่เขาคาดหวัง ตอนนั้นคิดว่าต้องทำให้พ่อแม่ยอมรับให้ได้ เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว ก็ต้องแสดงออกให้ชัดเจน วันนึงท่านก็คงจะรับได้
อารมณ์แบบโทษตัวเองไม่มีนะคะ แต่รู้สึกน้อยใจว่า ทำไมพ่อแม่ไม่เข้าใจมากกว่า ซึ่งเราเลือกเกิดไม่ได้ สุดท้ายพ่อแม่ก็เข้าใจ แล้วก็คอยบอกเสมอว่า อย่างน้อยขอให้เป็นคนดี ไม่ทำให้พ่อแม่หรือคนรอบข้างเดือดร้อน ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ
มีเรื่องที่เคยทำให้พ่อแม่เสียใจอีกไหม
อายุ 17 ประมาณ ม.5 เป็นช่วงที่มีแฟนครั้งแรก ตอนนั้นแม่เพิ่งซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ ป้อมแอบเอาโน้ตบุ๊กไปขาย เพื่อจะได้เอาเงินมาใช้กินอยู่กับแฟน
แฟนคนแรกเป็นผู้ชาย อาจจะต้องเรียกว่าหลง ไม่ใช่รัก
แล้วแม่ว่าไง
ก็ต่อว่านิดหน่อย แต่ความรู้สึกของเราคือทำให้แม่เสียใจ นึกย้อนไปว่า โน้ตบุ๊กตั้งเครื่องนึง กว่าแม่จะหาเงินซื้อให้เราได้ เมื่อก่อนพ่อแม่ทำงานรับจ้างรับเหมาก่อสร้าง ไม่ได้เรียนสูง ความรู้ที่ทันสมัยพวกเขาก็ไม่ค่อยรู้
แม่บอกว่า ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่และตัวเราเองอีกแล้ว
คำพูดวันนั้นก็จดจำมาตลอด ทำให้คิดได้เยอะขึ้นในการเลือกใช้ชีวิต ประสบการณ์ในการเลือกชีวิตคู่ หรือการคบหาใครสักคน
เป็นครอบครัวที่อบอุ่น เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน เย็นมาก็มากินข้าวด้วยกัน ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหา อาจเป็นความโชคดีของเรา บางครอบครัวอาจจะรับไม่ได้ที่ลูกเป็นแบบนี้ ป้อมมีพี่สาวเป็นที่ปรึกษาที่ดี เป็นกำลังใจให้ เขาบอกว่าขอให้เป็นคนดี ตั้งใจเรียนหนังสือ หางานหาอะไรทำให้เป็นหลักเป็นแหล่งของชีวิต
มีแฟนไหมตอนนี้
ก็มีคุยๆ กันอยู่บ้าง
คุยกันผ่านแอป พอคุยกันไป เราบอกว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงนะ บางคนเขาก็รับไม่ได้ บางคนก็บอกว่าเป็นเพื่อนกันได้ สุดท้ายก็จะเริ่มค่อยๆ หายไป บางทีก็บล็อกกันไปเลย
เราต้องเรียนรู้กันและกันไปก่อน ก่อนจะตัดสินใจมาใช้ชีวิตร่วมกัน บางทีอาจจะไม่นาน อยู่ที่ว่าเขาจะแสดงออกกับเรามากน้อยแค่ไหน หรือว่าเขายอมรับในสิ่งที่เราเป็นได้มากน้อยแค่ไหน เขาอายไหมที่ต้องเดินข้างกันกับเราในสายตาของคนหมู่มาก ต้องดูว่าเขาเอาเปรียบ หรือทำร้ายอะไรเราไหม
ป้อมไม่มีสเป็กที่ตายตัว คือได้หมด ขอให้เราเข้าใจกัน อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ ไม่สร้างปัญหา ช่วยกัน มีอะไรที่ไม่เข้าใจก็มานั่งคุยกัน ไม่หนีปัญหา ไม่เก็บอะไรไว้คนเดียว ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ไปด้วยกัน
รับมืออย่างไรกับคนที่ไม่เข้าใจในความเป็นเรา
เมื่อก่อนอาจจะรู้สึกแบบ… ทำไมเขาต้องพูดกระแทกแดกดันเราด้วย แต่ตอนนี้ ถ้าได้ยินก็เฉยๆ เพราะมันล้าสมัยไปแล้ว เป็นหัวคิดของคนโบราณที่ยังไม่เปิดใจยอมรับในโลกสมัยใหม่
ถ้ารู้ว่าเขาไม่ชอบเรา เราก็หลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องพบจริงๆ ก็ต้องยอมรับปรับตัว หรือพยายามอธิบาย ทำให้เขาเข้าใจว่าเราไม่สามารถจะเลือกเกิดได้ เราเป็นอย่างนี้ เราก็มีคุณค่า ทำงานได้ไม่ด้อยไปกว่าชายจริง หญิงแท้
ตอนนี้ไม่ได้ฟ้อน หารายได้จากอะไร
เพาะเห็ดถั่วเหลือง ทำได้สองปีแล้ว เริ่มๆ มาก่อนจะมีโควิด คิดค้นช่วยกันทำกับที่บ้าน ศึกษาวิธีจากโซเชียลที่เป็นกลุ่มเฉพาะของการเพาะเห็ด
มองเห็นอะไรในธุรกิจการเพาะเห็ดถั่วเหลือง
หลานของแม่ เขาไปดูงาน แล้วก็มาแนะนำว่าการเพาะเห็ดรายได้ดี เลยเอามาลองทำดู ก็ฝึกทำ ช่วยกันคิดค้นมาจนถึงปัจจุบัน เป็นรายได้ทางเดียวที่มีตอนนี้
ถือว่าธุรกิจนี้ไปได้ดีไหม
ระดับนึง อาจจะยังไม่ได้ดีมาก ขายกิโลฯ ละ 120 บาท เพาะประมาณอาทิตย์นึงจึงเก็บผลผลิตได้ แต่เห็ดมันออกไม่แน่ไม่นอน บางทีก็สองกิโลฯ บางทีก็ไม่ถึง ขายออนไลน์ทั้งหมด โพสต์เอง ขายเอง ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งเอง ส่งแค่ในจังหวัดน่านอย่างเดียว เท่าที่รู้ตอนนี้ในจังหวัดยังไม่เห็นมีใครทำ นอกจากเรา เจ้าอื่นเขารับจากที่อื่นมาขาย
เริ่มต้นใช้ทุนเท่าไหร่
ประมาณ 1,500-2,000 บาท ซื้อเชื้อมาเพาะ แล้วก็มีพวกอุปกรณ์ต่างๆ โรงเรือน
ปัญหาของการเพาะเห็ดถั่วเหลืองคืออะไร
มันจะมีตัวไรที่เกิดจากก้อนฟางติดมากับเห็ด เวลาไปเก็บมันจะไต่ขึ้นแขน คือไม่กัด แต่มันน่ารำคาญ
เอาไปทำอะไรกินได้บ้าง
ผัดน้ำมันหอย ไปทำห่อหมก เอาไปแกง หรือต้มกินกับน้ำพริกก็ได้
มีงานอย่างอื่นที่ทำอีกไหม
เมื่อก่อนมีงานแต่งหน้า งานประกอบบายศรีสู่ขวัญ ตอนนี้ไม่มีแล้ว โควิดระบาด จัดงานไม่ได้ ส่วนมากจะเลื่อนกันหมด
ก่อนโควิด ได้เงินเดือนเป็นหมื่นจากการเป็นช่างฟ้อน ป้อมใช้เงินยังไง
ส่วนนึงก็ส่งตัวเองเรียนด้วย เอาไปใช้ในการทำรายงาน ใช้ในชีวิตประจำวัน เก็บไว้ซื้อเครื่องสำอาง หรือชุดใหม่ๆ ไม่ได้ยุ่งกับที่บ้าน มีอย่างเดียวที่พ่อแม่ให้คือค่าเทอม
อยู่ที่น่านส่วนมากจะกินอาหารพื้นบ้าน ส่วนใหญ่ทำกับข้าวกินเอง
ตอนนี้คิดว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะที่ตกต่ำ ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ของป้อมถือว่าอยู่ระดับกลางๆ พอไปได้อยู่ ยังไม่ถึงขั้นต้องไปกู้หนี้ยืมสิน
ดูจากสถานการณ์ คิดว่าจะกลับมาฟ้อนได้อีกเมื่อไหร่
น่าจะอีกประมาณ 2-3 ปี ตอนนี้ดูจากยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตแล้วน่าจะลดยาก
คิดว่ารัฐบาลจัดการเรื่องวัคซีนได้ถูกต้องพอใจไหม
ในส่วนตัวก็ถือว่ายัง
รอได้ไหม ถ้ามันนานไปกว่านี้ หรือเคยคิดจะเลิกไปทำอย่างอื่นบ้างหรือเปล่า
ถ้าโควิดหายก็ยังอยากกลับมาทำค่ะ ความรู้สึกต่อการเป็นช่างฟ้อนยังเหมือนเดิม ยังไม่ลด ไม่เพิ่ม ยังทำต่อไปได้เรื่อยๆ ถ้ามีโอกาส
รู้สึกดีใจว่าอย่างน้อยได้แสดงให้คนอื่นหรือคนที่ไม่เคยเห็น คนที่ไม่เคยมาจังหวัดน่านได้รู้ว่า อันนี้คือประเพณีวัฒนธรรม คือตัวตนจังหวัดน่านของเรา อยากเห็นคนสืบสานกันต่อไปเรื่อยๆ
เคยมีจุดที่ทำให้อยากเลิกไหม
น่าจะเป็นช่วงฤดูฝน บางทีมาถึงหน้างานแล้วฝนตก พายุเข้า บางทีกำลังจะฟ้อน ฝนก็ตกลงมา มันเป็นอุปสรรค มีบ้างที่อาจจะทำให้อยากเลิก แต่ก็ผ่านจุดนั้นมาได้
เคยฟ้อนอยู่ตรงนี้ มีคนดูเยอะแยะ พอไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักคน รู้สึกอย่างไร
ใจหาย คิดว่าเมื่อไหร่สถานการณ์เดิมจะกลับมา
คิดว่าจะเป็นช่างฟ้อนจนถึงอายุเท่าไหร่
ไม่เกิน 35 ก็คงจะพัก กระดูกน่าจะแง้นไม่ไหวแล้ว
ได้คุยกับเพื่อนที่เป็นช่างฟ้อนคนอื่นๆ บ้างไหม ชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้าง
ไม่ค่อยได้ติดต่อกันค่ะ กระจายกันออกไป ต่างคนต่างไปทำงานอย่างอื่น แยกย้ายกันไปหมด
ผ่านชีวิตมา 27 ปี คิดว่าชีวิตเราดีไหม
ถือว่าดี แต่ยังไม่ถึงระดับดีมากหรือดีพอ ยังต้องพัฒนาขึ้นไปอีก
ในด้านไหนบ้างที่ต้องพัฒนา
คุณภาพชีวิต ด้านการงาน ด้านการเงิน ด้านครอบครัว อะไรต่างๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต
เรื่องที่รู้สึกผิดพลาดในการเลือกใช้ชีวิตมีบ้างไหม
คิดว่าน่าจะเป็นการตัดสินใจผิด ที่สละสิทธิ์โรงเรียนในระบบไปเรียนนอกระบบแทน ตอนนั้นอยากแต่งตัวเป็นผู้หญิง อยากไว้ผมยาว ช่วงนั้นคิดว่าการไว้ผมเป็นเรื่องสำคัญ เริ่มเป็นวัยรุ่น พอเห็นรุ่นพี่มีผมยาว มันก็เริ่มเป็นแรงจูงใจ
ตอนนี้มีความหวัง ความฝันอะไร อยากเห็นตัวเองมีชีวิตแบบไหน
อยากมีธุรกิจตัวเอง ขายของ เพาะเห็ดก็อยากทำให้เป็นฟาร์มขึ้นมา คนในครอบครัวช่วยกันทำ สร้างรายได้ให้ญาติพี่น้องและคนรอบข้าง
มีความฝันว่าอยากแปลงเพศไหม
วางแผน ศึกษาไว้บ้าง อาจจะอีกสัก 10 ปี ต้องรอดูจากเศรษฐกิจที่มันฟื้นตัวขึ้น
แปลงเพศใช้เงินเท่าไหร่
แสนนึงจะได้แค่การแปลงเพศ ถ้าเสริมหน้าอกด้วยก็จะอีกราคานึง มันจะแยกกันหลายอย่าง ป้อมคิดว่าจะทำทั้งตัว
ต้องขยันหาโอกาสต่างๆ มากขึ้น ขยันหางานทำ หลายๆ อย่างที่ทำให้เรามีเงินเก็บ หรือว่ามีงานเพิ่มขึ้น เพราะเป็นความปรารถนาของตัวเอง อยากมีเพศสภาพตรงกับจิตใจ
nandialogue
เรื่องและภาพ อธิวัฒน์ อุต้น