the letter

โรงพิมพ์ ลิงเก็บมะพร้าว และร้านกาแฟ

สวัสดีจากรถทัวร์สายใต้จากชุมพรมุ่งหน้าสู่บางกอกครับ

เกือบปีที่ได้มาอยู่พะงัน เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้บริการขนส่งมวลชนสักทีครับ

ครั้งนี้ผมเลือก (จริงๆ เมียเลือกให้แหละ) ใช้บริการบริษัทลมพระยาครับ ทุกทีตอนขับรถส่วนตัว เราไม่มีทางเลือกกันนักสำหรับเรือที่มีบริการให้เอารถลงไปด้วยได้ ก็เลยต้องใช้แต่ของราชา เฟอร์รี่ วันนี้ไม่ได้ขับรถ จึงใช้บริการแค่ระดับพระยาก็พอ ไม่ต้องถึงขั้นพึ่งพาอาศัยราชาเพราะเจ้านั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเกาะว่าแสนจะราช้าราชา

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกขณะเดินทางว่าตัวเองเริ่มมีการงานที่คั่งค้างที่พะงันซะมากกว่าที่กรุงเทพฯ มีทั้งงานหลวง (แม่ๆ ในโรงเรียนชวนไปช่วยปรับปรุงห้องสมุดในโรงเรียน) และงานราษฎร์ที่เริ่มต้นไปบ้างแล้วในการตระเวนดูที่ดินและหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน สาเหตุที่ต้องไปกรุงเทพฯ ครั้งนี้มีแค่สองเรื่อง หนึ่งคือเข้าไปดูงานที่โรงพิมพ์และนัดหมายกับลูกค้ารายหนึ่ง สองคือไปเที่ยวประจำปีร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่โรงพิมพ์

เขินๆ อยู่เหมือนกันที่จะไปครับ ชั่ง ตวง วัดในใจอยู่หลายรอบก่อนตัดสินใจ เหตุที่ไม่อยากไปทั้งที่ปกติไม่เคยปฏิเสธก็เพราะว่าในเวลาเกือบปีที่ผ่านมานั้น ผมใช้เวลาที่โรงพิมพ์น้อยเอาเสียมากๆ แม้จะใช้เวลาไม่น้อยในการประเมินราคาออนไลน์ รวมทั้งคุยโทรศัพท์กับลูกค้าและสต๊าฟจำนวนหนึ่ง แต่เวลาที่คนเราไม่ได้ร่วมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่เหมือนกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกกระดากใจที่จะไปร่วมดื่มกินลิ้มรสรางวัลจากการทำงานของพวกเขา

เหตุผลเดียวที่คิดได้ว่าควรจะไปก็คือ ในห้วงเวลาที่มนุษย์ภาพพิมพ์ไม่ต้องทำงาน ไม่อยู่ในโหมดเคร่งเครียดกับการงาน พวกเขาอาจผ่อนคลาย และพร้อมพูดคุยเปิดเผยเบื้องลึกในใจได้มากกว่า ธุรกิจขนาดกลางๆ กับมนุษย์ร้อยกว่าชีวิตในห้วงเวลาที่คลื่นเศรษฐกิจไม่เป็นใจการผลัดเปลี่ยนผู้นำโดยกะทันหันก็อาจทำให้องค์กรเรรวนหรือซวนเซได้ง่ายๆ ช่องว่างและช่องโหว่ที่เกิดขึ้นในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาทำให้ใครหลายคนในองค์กรขยับตัวและเคลื่อนย้ายตำแหน่งบ้างเพื่อทำให้เกมการพิมพ์ยังสมดุล ในระหว่างการปรับตัวเหล่านี้แหละ ที่ผมคิดว่ามันอาจสร้างทั้งความเชื่อมั่นและความกังวลให้เกิดขึ้นในใจของชาวภาพพิมพ์

ผมหวังว่าการไปเที่ยวในครั้งนี้ผมอาจมีเวลาจับเข่า รับฟัง สบตา และโอบกอดเพื่อขอบคุณและให้กำลังใจพวกเขาก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง

การทำงานเป็นคณะใหญ่นี่ยากนะครับ ส่วนหนึ่งของเวลาที่ใช้เยอะมากในการทำงานที่โรงพิมพ์ก็การสร้างความเข้าใจ และความเห็นอกเห็นใจให้เกิดขึ้นทั้งในแผนก ระหว่างแผนก และระหว่างองค์กร มากคนย่อมมากความ แต่ไอ้ความที่มากและยากนี้แหละที่ทำให้เรายังพอมีงานให้ทำ ถ้าคนน้อยกว่านี้ก็อาจรับงานพิมพ์ด่วนๆในปริมาณมากๆ ไม่ได้ หรือถ้าเครื่องจักรและทีมงานพร้อมน้อยกว่านี้ก็อาจรับงานพิมพ์ยากๆ และซับซ้อนไม่ได้

ผมมองโรงพิมพ์ภาพพิมพ์อย่างมีความหวังอยู่เสมอ เคยพูดกับใครบางคนไว้ว่าถ้าโรงพิมพ์จะสูญพันธุ์ ผมอยากให้โรงพิมพ์นี้ยืนอยู่เป็นโรงสุดท้าย สถานการณ์ ณ ขณะนี้ ดูเหมือนว่าผมอาจจะไม่ได้ยืนอยู่ในวันสุดท้ายของมัน แต่ก็ไม่แน่ ตะลอนๆ ไปอีกสักสิบยี่สิบปี จนลูกโต ในวันอวสานของธุรกิจสิ่งพิมพ์ ผมอาจกลับมาประจำการยืนช่วยทำคลอดหนังสือเล่มสุดท้ายออกจากโรงพิมพ์ภาพพิมพ์ก็เป็นได้

พูดถึงงานที่ต้องใช้คนเยอะแล้วอดนึกถึงเหตุการณ์สองวันก่อนไม่ได้ เพื่อนบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ตรงข้ามกับบ้านของดีนเดินจูงลิงมาเก็บมะพร้าวในสวน พี่เขาชื่อลม เป็นคนหาดใหญ่ แต่ย้ายมาอยู่เกาะพะงันได้สี่ห้าปีแล้ว แกว่ามาถึงก็หาซื้อลิงเพื่อประกอบอาชีพเก็บมะพร้าวเลย สาเหตุหนึ่งที่ไม่ได้ทำอาชีพอื่นๆก็เพราะว่าภาษาไม่ได้ ต่างกับเมียแกที่คล่องและคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษจนสามารถหางานทำได้หลากหลายกว่า

พี่ลมเล่าว่าก่อนที่กะทิชาวเกาะจะถูกแบนจากต่างชาติ (เนื่องจากการใช้ลิงเก็บมะพร้าว) ราคามะพร้าวเคยสูงถึงลูกละสิบกว่าบาท ทุกวันนี้ราคาเหลือแค่ลูกละสามบาทสี่บาท ระหว่างผมยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยความสนอกสนใจว่าลิงกับคนทำงานร่วมกันอย่างไร ก็พอได้ถามหาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้กับแก ลิงที่แกเลี้ยงและทำงานด้วยกันทุกวันนี้ กินอาหารวันละสองมื้อ เช้ากับเย็น หลักๆ คือข้าวบดผสมกับทุเรียน หรือกล้วย ระหว่างวันมีนมให้ดื่มอีกสี่กล่อง น้ำเปล่าอีกหนึ่งขวด ลิงที่แกได้มานี้มีฝีมือและฝีปากปานกลาง (ลิงบางตัวใช้ปากกัดขั้วมะพร้าว ทำให้ทำเวลาได้ดีกว่า) ราคาจึงไม่สูงมาก พี่ลมบอกว่าลิงบางตัวที่ถูกฝึกมาอย่างดีอาจมีราคาสูงถึงหลักแสนบาท

ทุกครั้งที่ลูกมะพร้าวหล่นจากต้นด้วยฝีมือของลิงคู่ใจที่ชื่อเจ้าเล็ก พี่ลมก็จะคอยกดเครื่องนับอันเล็กๆ ที่ห้อยคออยู่ เพื่อบันทึกว่าวันนี้ได้มะพร้าวกี่ลูกแล้ว แกว่าพอได้สักห้าร้อยลูกก็เป็นอันสบายใจได้ว่าวันนี้ทำรายได้พอค่ากินค่าอยู่ของทั้งคนกับลิงแล้ว ถ้าทำต่อก็ได้มากขึ้น แต่ถ้าเหนื่อย (ไม่ว่าจะคนหรือลิง) แล้วอยากจะหยุดพักก็ไม่เสียหายอะไร พี่ลมเล่าว่าทำงานกับลิงก็ต้องเข้าอกเข้าใจและรู้ทันมัน เหนื่อยต้องให้พักดื้อหรือเกเรก็ต้องตีเพื่อให้มันรู้ว่าใครเป็นจ่าฝูง

คนกับลิงคู่นี้ทำงานคู่กันตั้งแต่สายๆ จนถึงบ่ายแก่ๆ ทำงานสัปดาห์ละหกวัน ลิงเก็บมะพร้าวทำงานกับเจ้าของเท่านั้น คนอื่นจะจับหรือเข้าใกล้ไม่ได้ ฟันของลิงกังนั้นคมราวกับมีดโกน ถ้าโดนกัดทีนี่ต้องเย็บไม่ต่ำกว่าสิบเข็ม พี่ลมคอยเตือนผู้ชมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้คอยอยู่ห่างๆเพื่อให้ปลอดภัยทั้งจากลิงและลูกมะพร้าวที่หล่นจากต้นอยู่เป็นระยะๆ ทั้งคู่ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงเพื่อเก็บมะพร้าวจากสวนของดีนได้ร่วมเจ็ดสิบลูก เสร็จงานแนวดิ่งพี่ลมก็พาเจ้าเล็กไปพัก ก่อนที่ตัวเองจะกลับมาทำงานในแนวราบ ทยอยย้ายมะพร้าวจากสวนไปขึ้นรถกระบะ ผมชวนให้เด็กๆ ช่วยขนมะพร้าวเพื่อส่งเพื่อนบ้าน และเรียนรู้อาชีพที่เก่าแก่ที่สุดอาชีพหนึ่งบนเกาะพะงัน

ชื่อของลิงน้อยตัวนี้พ้องกับชื่อของคนชงกาแฟชาวบางกอกอีกคนที่อพยพมาอยู่เกาะก่อนผมสักปีสองปี แกชื่อเล็กเหมือนกัน เปิดร้านกาแฟชื่อ Young Son อยู่กลางสวนมะพร้าวใกล้ๆ โรงพยาบาลพะงัน ร้านของแกมีลูกค้าฝรั่งแน่นตลอดทั้งวัน มีเรื่องเล่าจากรอส เพื่อนชาวอิสราเอลอีกคนของผมว่า ครั้งหนึ่งเขาไปนั่งจิบกาแฟที่ร้านพี่เล็กแล้วพบกับเรื่องที่แปลกประหลาดมากสำหรับคนที่เติบโตมาในสังคมชาวยิวอย่างเขาวันนั้นแกพบว่าพี่เล็กปิดร้านก่อนกำหนดการปกติของร้าน โดยให้เหตุผลว่าวันนี้ขายกาแฟได้เยอะแล้ว หยุดพักไปซ้อมวิ่งและพบปะกับมิตรสหายดีกว่า

รอสบอกว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนยิว พวกเขาจะทำให้สิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่พี่เล็กทำ วันที่ขายดีอยู่แล้วจะรีบปิดร้านหนีลูกค้าทำไม ทำเงินสร้างรายได้ให้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ดีกว่า รอสบอกว่านี่น่าจะเป็นความแตกต่างอย่างสุดขั้วระหว่างคนสองเชื้อชาติ ในสถานการณ์หนึ่งที่เหมือนกัน คนชาติหนึ่งบอกว่าพอ ส่วนคนอีกชาติบอกว่าควรไปต่อให้สุด

โรงพิมพ์ ลิงเก็บมะพร้าว และร้านกาแฟ นี่คือสามเรื่องที่ผุดขึ้นในใจในรอบสัปดาห์นี้ ผมขอยุติการเล่าผ่านตัวอักษร ณ ที่นี้ อีกไม่กี่นาทีต้องไปตากผ้า และเตรียมตัวตอกบัตรวัดอุณหภูมิเพื่อเข้างานที่โรงพิมพ์แล้วครั

ขอให้พี่มีสัปดาห์ที่ดี

จ๊อก

 

 

nandialogue

 

 

ไม่ตอบ จ๊อก

เต้ ธวัชชัย, ธีร์ อันมัย, เสนาะ, เจี๊ยบ ฟิลาเดลเฟีย, ป่าน กุ๊กไก่ ฟาธอม, คำหอม, ก้อย จันทร์เคียว, ทรายและครอบครัว, พรเทพ น่าน, ป่าน ธิติไดรเวอร์, ใหม่, คุณแอล เวลา มาถึงบ้านท่ามะกา บินหลานั่งอยู่ตรงนี้ เราพิจารณาด้วยจิตใจอันเป็นธรรมแล้วเห็นว่า กินเบียร์ละกันว่ะ ฉบับหน้าว่ากันใหม่เด้อ ถ้าไม่เมา แล้วจะเล่าให้ฟังว่าพลพรรค ‘นกก้อนหิน’ เขาดื่มกิน และมีเรื่องเล่าอันใด.


เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก (ชัยพร อินทุวิศาลกุล) เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน

You may also like...