คนต่างถิ่นดูจะเยอะกว่าคนเมืองน่านที่เดินอยู่ในค่ำคืนนี้ อากาศเย็นพอสบาย ยังไม่หนาว น่านนครเป็นจุดหมาย ไม่ใช่ทางผ่านของใครหลายคน เสียงพูดคุย เสียงแม่ค้าร้านอาหาร เสียงบรรเลงดนตรีสลับกับเสียงกีตาร์โฟล์กซองคำเมือง ทำให้ลานหน้าวัดภูมินทร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของถนนคนเดิน คึกคักครึกครื้นด้วยเสียงเพลงปนๆ กับเสียงเชิญชวนทำกิจกรรมที่ตั้งฐานอยู่มุมเล็กๆ รายรอบพื้นที่ตั้งวงขันโตก
กลางวงนี้มีงานศิลปะสาธารณะที่น่าสนใจทำให้คิด
Public Art ศิลปะสาธารณะ ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการศิลปะร่วมสมัย แนวคิดนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ในยุคแรกเริ่มผลงานเกือบทั้งหมดเป็นศิลปะสาธารณะประเภทประติมากรรมที่มีวัตถุประสงค์เดียวชัดเจน คือเชิดชูคนเก่งคนกล้าที่ทำประโยชน์ให้ส่วนรวม นึกภาพใกล้ตัวเราก็คงเป็นประติมากรรมวีรชนชาวบ้านค่ายบางระจันที่ต่อสู้เพื่อรักษาพื้นที่ของตน หรือรูปปั้น จิตร ภูมิศักดิ์ นักคิด นักเขียน นักประวัติศาสตร์ที่ทำให้สังคมไทยตื่นตัวในหลายๆ เรื่อง และรูปปั้นนักอนุรักษ์ สืบ นาคะเสถียร ที่ปกป้องดูแลเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ห้วยขาแข้ง ฯลฯ
ศิลปะสาธารณะประเภทจิตรกรรมก็เช่นกัน ภาพวาดฝาผนังทั้งที่อยู่ด้านนอกและด้านในของสิมหรือโบสถ์ของวัดในแถบอิสานหรือตามวัดทั่วไป ภาพวาดชีวิตการทำงานของชาวบ้านทั่วไปในยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ของอเมริกาที่อาคาร Coit Tower ซานฟรานซิสโก ภาพพ่นสีข้างถนน ภาพวาดตามผนังตึกสูง ภาพเขียนบนพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวอะไร บนปูนบนดินล้วนแต่เป็นศิลปะที่ทำขึ้นเพื่อสื่อสารในวงกว้าง
ศิลปะสาธารณะคืองานที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ส่วนรวม มักเป็นจุดเด่นของเมืองใหญ่ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 เรื่อยมาจนถึงวันนี้ ผลงานเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนั้น เข้าถึงได้ง่าย ไม่มีใครเป็นเจ้าของคนเดียว ทำขึ้นเพื่อแสดงหรือสะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชน ทำเพื่อสื่อสารความคิดเห็นของผู้สร้างศิลปะ และความคิดเห็นของชุมชนในสังคมนั้น แนวคิดของตัวงานอาจทำให้เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมหรือธุรกิจก็ได้ เช่น รูปปั้นทุเรียนยักษ์ ประติมากรรมแคนยักษ์ทางเข้าปากช่อง ศิลปินนำเสนอความคิดให้เป็นไปตามบริบทของพื้นที่นั้นๆ ตามเจตนาของชุมชนหรือผู้ว่าจ้างก็ได้ แต่ภาพรวมลักษณะเฉพาะของศิลปะสาธารณะน่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ คนในสังคมนั้นมีส่วนร่วมทั้งแบบลงแรง และระดมทุน
ในบ้านเมืองที่พัฒนาแล้วอย่างตะวันตก หลายประเทศที่เขาให้ความสำคัญกับศิลปะประเภทนี้ไม่น้อย อย่างอเมริกา ทุกโครงการที่ก่อสร้างโดยรัฐบาล เขาจะมีงบสนับสนุนให้สร้างงานศิลปะสาธารณะด้วยวิธีตัดงบประมาณการก่อสร้างมา 1 เปอร์เซ็นต์ ให้ศิลปินทำงาน หรืออาจจัดซื้อผลงานสำเร็จรูปจากศิลปิน ประเทศในแถบเอเชียอย่างไต้หวันก็ทำแบบอเมริกา ทำให้เห็นชัดเจนและก้าวกระโดดมาก
วิธีเดียวกันนี้ทำให้ไต้หวันมีงานศิลปะสาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การสนับสนุนโดยภาครัฐมีประโยชน์สำหรับคนที่สนใจงานบริหารจัดการด้านวัฒนธรรม วิธีให้ทุนโดยรัฐบาลยังสามารถเพิ่มจำนวนศิลปะสาธารณะให้ชุมชนได้อย่างสม่ำเสมอด้วย
เมื่อนั่งอยู่กลางวงขันโตก สายตาที่มองเห็นประติมากรรมลอยตัวที่ประกอบขึ้นด้วยกระต่ายโครงลวดกับกระดาษสา ลำไม้ไผ่และดอกไม้ยักษ์ที่ทำจากกระดาษ เรามองว่ารัฐไม่ใช้โอกาสนี้สะท้อนอัตลักษณ์เมือง สะท้อนอุดมคติทางการเมือง หน้าหนาวมีทุกปี กิจกรรมนี้มีทุกปี ปีนี้ทำไม่ทัน ปีต่อไปก็ทำได้ ถ้าเราตั้งใจทำงานนี้ให้น่าสนใจ
การให้ความสำคัญต่อเอกลักษณ์วัฒนธรรม โดยเฉพาะต่อด้านทัศนศิลป์ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนยกระดับมาตรฐานวิชาชีพศิลปะผ่านศิลปินและอาชีพอื่นๆ ร่วมสมัยที่เกี่ยวข้องด้วย อย่างเช่นคิวเรเตอร์ นักบริหารจัดการวัฒนธรรม ศิลปะและวัฒนธรรมอีกหลายด้านที่เกิดขึ้นตามความก้าวหน้าของบ้านเมือง ที่เติบโตและซับซ้อนขึ้นเกินกว่าจะสื่อสารเพียงวิธี ดีด สี ตี เป่า ฟ้อนเล็บฟ้อนเทียน.. เบื่อยัง
ถ้าชุมชนเข้มแข็ง หลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างศิลปะสาธารณะด้วยวิธีระดมทุน จัดตั้งกลุ่มนักออกแบบศิลปินหรือสถาปนิกนักออกแบบผังเมืองวิศวกรได้หมด ทุกอาชีพร่วมมือกันทำโครงการ อาจเป็นงานถาวรหรือชั่วคราวแล้วปล่อยให้เสื่อมไปตามธรรมชาติก็ได้
ศิลปะสาธารณะ เราทำให้เป็นสัญลักษณ์ประจำถิ่นประจำชาติได้ อย่างหอไอเฟล ทำแบบมีเป้าหมายชัดเจนก็ได้ ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำมาก ประเทศทางฝั่งตะวันตก งานศิลปะสาธารณะที่จัดทำโดยรัฐบาลหลายที่ทำขึ้นเพื่อช่วยโฆษณา หรือปลุกเร้าคนท้องถิ่นให้ฮึกเหิมภาคภูมิใจในชาติตัวเอง
เป้าหมายของศิลปะสาธารณะมีหลายรูปแบบ การเกิดขึ้นในยุคแรกเกิดจากแนวคิดของศิลปินที่ไม่สนใจพื้นที่ศิลปะแบบเดิม เช่น หอศิลป์ แกลลอรี ไม่สนใจระบบธุรกิจที่ครอบงำศิลปะ ไม่ให้ค่าศิลปะที่ผลิตเพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมจักรกล ศิลปะที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มนายทุนใหม่ เพราะพวกเขามองว่าเป็นการสนับสนุนการทำสงคราม
แนวคิดนี้น่าจะขยายตัวพร้อมๆ กับศิลปะแบบ Site-specific เช่น ห้องขังที่ตั้งอยู่กลางสี่แยกถนนใหญ่ มีหญิงเปลือยทำกิจกรรมต่างๆ ชาวบ้านที่เดินผ่านมีปฏิกิริยาโต้ตอบด้วยการหยุด ยืนดู สักพักก็เดินจากไป ด้วยความเข้าใจหรือไม่เข้าใจแตกต่างกันไป แต่ศิลปินประกาศว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดภายในกรงขังนี้คือเนื้อหาที่เขาต้องการนำเสนอ
ภายหลังนักวิชาการศิลปะเรียกสิ่งนี้ว่างาน Site-specific บางผลงานอาจจะเรียกว่าเป็น Land Art ก็ได้ ผลงานที่เล่นกับภูมิทัศน์ เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิประเทศ งานมักจะมีขนาดใหญ่มาก กินพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร แนวคิดอันนี้เปลี่ยนแปลงพัฒนามาจาก Minimal Art และ Conceptual Art ในช่วงที่กระแสของสังคมกำลังใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ก็เป็นช่วงเติบโตอย่างก้าวกระโดดของงานศิลปะ เพราะอุตสาหกรรมก้าวหน้า พ่อค้าเจริญรุ่งเรืองค้าขายงานศิลปะด้วยมูลค่าที่เกินจริงจนถึงการฟอกเงินด้วยงานศิลปะ ศิลปินกลุ่มที่เบื่อการค้าขายงานศิลปะ เบื่ออะไรที่ฟุ้งเฟ้อเกินจริงก็หันมาทำงานแบบมินิมอล หันมาใช้วัสดุเรียบง่าย เปิดทางทำงานแบบใหม่ ทิ้งขนบการทำแบบเดิมที่มีมาก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม
ศิลปินกลุ่มนี้หันมาสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม พวกเขาสร้างงานที่กระตุ้นให้คนดูตั้งคำถามว่า คุณค่าของศิลปะควรอยู่ตรงไหนกันแน่ ความเที่ยงแท้และความเสื่อมของวัตถุทางศิลปะ จะเอายังไง กระตุ้นให้ศิลปินรุ่นหลังตั้งคำถามใหม่เกี่ยวกับบทบาทของงานศิลปะในพื้นที่สาธารณะ ตอนหลังก็ขยายตัวปรับเปลี่ยนเพิ่มมากขึ้น ตามธรรมชาติของมนุษย์ที่คิดไม่รู้จบรู้สิ้น
วันนี้ ศิลปะก็ยังพัฒนาแตกตัวไปอีกมากมายหลายอย่างเป็น Interactive Art ก็มี ศิลปะประเภทนี้เป็นผลผลิตของความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิตอล คือตัวงานสามารถโต้ตอบคนได้ด้วย หรือจะเรียกว่ามีส่วนร่วมก็ได้ ที่ปรากฏออกมาในรูปของอุณภูมิในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ส่งเสียงตอบรับได้ หรือมีแรงเหวี่ยงสะท้อนกลับอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วแต่ศิลปินคิดและสร้างขึ้นซึ่งส่วนใหญ่ก็อาศัยคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิตอลนี่แหละ ส่วนผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะตีความต่างกันไป
การอยู่อาศัยในพื้นที่รัศมีของงานศิลปะสาธารณะ เช่น อยู่ใกล้หอไอเฟล อยู่กลาง Central Park ปอดใหญ่ใจกลางนิวยอร์คที่มีรูปปั้นน้ำพุ Bethesda อยู่ใกล้พื้นที่ชายหาดนาโอชิมะที่มีฟักทองยักษ์สีเหลืองทอง ก็ลองนึกภาพดูว่าภาพลักษณ์ของพื้นที่เหล่านี้จะดูดีอย่างไร จะสร้างภาพจำของการหายใจอยู่ตรงนั้นหรือการไปเยือนอย่างไร การเคลื่อนย้ายถ่ายเทหลากหลายชีวิต ในรูปการท่องเที่ยวก็เท่ากับส่งเสริมการลงทุน หลายชีวิตที่สัมผัสได้ว่าจินตนาการของมนุษย์และทักษะในการสร้างสรรค์เป็นพลังทางอารมณ์อย่างหนึ่ง
นักเดินทางจะให้ค่าสิ่งเหล่านี้และบรรจุเวลาเพื่อดูงานศิลปะไว้ในแผน ประสบการณ์ทั้งเศร้า ทั้งเหงา หรือรัก จะทำให้แต่ละพื้นที่กลายเป็นทางผ่านหรือเป็นจุดหมาย ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์แต่ละคน ผลงานศิลปะสาธารณะที่ควรค่าแก่การเป็นสัญลักษณ์อย่างยิ่ง จะสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำหรือกลายเป็นเพียงทางผ่าน ..ไม่มีใครรู้
วันนี้ที่น่าน ภาพในใจของเราเห็นประติมากรรมเรืองแสงติดตั้งในพื้นที่สาธารณะ บนลานกลางแจ้ง รูปทรงอิสระเรืองแสงที่มีความสูงราว 10 เมตร กว้าง 2 เมตร รูปทรงนี้ทำขึ้นจากการดัดโครงลวดขึ้นรูปทรงก่อน ส่วนประกอบคือภาพเขียนและข้อความที่เป็นผลงานของคนในชุมชน ภาพเขียนหรือข้อความบนกระดาษทั้งหมดจะนำมาติดประกอบกันบนโครงลวดที่สร้างไว้แล้ว การประกอบกันของผลงานทั้งหมดบนโครงลวดนี้จะสอดคล้องกับแนวคิด ‘เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง’ หมายถึงภาพที่เขียนมาจากการเสนอความคิดความเห็น หรือของที่มีในตัวตนซึ่งทั้งหมดได้สะท้อนหรือแสดงอัตลักษณ์ของสมาชิกในชุมชน
ศิลปะสาธารณะที่ปรากฏขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบอะไรก็ตาม สีพ่นข้างถนนจิตรกรรมประติมากรรมข้างถนน หรือบนตึกสูงที่ใดก็ตาม อาจเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกคนเดินทาง อาจเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงหยดน้ำตา อาจเป็นหมุดหมายของการจากพรากหรือพบพานกันอีกครั้ง ใครจะไปรู้
ก็รูปแบบนี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้ศิลปะใกล้ชิดกับชีวิตคนธรรมดามากขึ้น รูปแบบที่ทำให้ศิลปะเป็นของสวยงามของคนธรรมดา
ถ้าเปรียบน่านเป็นสาวน้อย สาวน่านก็คงไม่ปรารถนาให้ที่นี่เป็นเพียงทางผ่าน.. ใช่มั้ย ?
เรื่องและภาพ สุมาลี เอกชนนิยม
เกี่ยวกับผู้เขียน : สุมาลี เอกชนนิยม จิตรกรชาวร้อยเอ็ด จบช่างศิลปแล้วไปต่อจุฬาฯ ก่อนบินลัดฟ้าสู่มหาวิทยาลัย Sorbonne กรุงปารีส แสดงเดี่ยวครั้งแรกในปี 1996 และทำงานสืบเนื่องเสมอมา มีโชว์ทั้งในและต่างประเทศ เคยเป็นอาจารย์สอนศิลปะที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์อยู่ 19 ปี ปัจจุบันเป็นศิลปินอิสระ ใช้เวลาหลักๆ อยู่กับการเขียนรูป เธอเคยพูดกับมิตรสหายว่า ‘การเขียนรูปคือรางวัลสูงสุดที่มอบให้ตัวเอง’