สำหรับนักอ่าน วัฒน์ วรรลยางกูร คือพ่อแห่งวงการวรรณกรรมไทย พ่อแบบวัฒน์ไม่เคยหงอให้ใคร ไม่เคยหงอเพื่อรางวัลใด ไม่ยืนกุมไข่คำนับผู้มีอำนาจหน้าไหน ไม่เอาคือไม่เอา สำหรับคนเสื้อแดง วัฒน์ ท่าเสา คือหัวหมู่ทะลวงฟัน จากคนท่าเสาไม่เอาเผด็จการ เดินสายขึ้นเวทีเสื้อแดงไม่เอาเผด็จการเกือบทั่วประเทศ สำหรับแม่บ้านที่เพิ่งอพยพกลับมาอยู่เมืองไทย ลูกเล็ก 1 ผัวเหลืองอ๋อย 1 นอกเหนือจากศรัทธานักเขียนระดับตำนาน นับถือหัวใจนักสู้ผู้อหังการ วัฒน์เป็นมากกว่านั้น เป็นมากกว่ากาวใจ มากกว่าคิวปิด เป็นคนที่ทำให้สามีเหลืองอ๋อยฉุกคิด จนกระทั่งเบิกเนตรได้ในเวลาไม่นาน
ปี 52-53 ฉันเพิ่งมีครอบครัวและย้ายอยู่ต่างประเทศ บอกตามตรง ถึงความเป็นอยู่จะไม่ได้ลำบาก แต่ชีวิตไม่ได้ง่าย ความขัดแย้งทางการเมืองปล่อยฝุ่นพิษปล่อยหมอกควันห่มคลุมครอบครัวจนอึมครึมตลอดเวลา ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีรอยยิ้ม ยิ่งหลังเหตุการณ์ล้อมยิงคนเสื้อแดงในปี 53 ทุกอย่างก็ยิ่งเลวร้ายลง ออกตัวก่อนว่าฉันไม่ใช่คนเสื้อแดง ไม่ใช่ไม่อยากเลอะสี แต่เป็นเพราะไม่อาจเอื้อม ไม่ชอบตีกิน การเป็นคนร่วมขบวนการเสื้อแดงต้องเสียสละสูงมาก สละเวลาชีวิตส่วนตัว ค่าน้ำมันรถยังจ่ายเอง เผลอๆ ได้เลี้ยงเบียร์เพื่อนอีก ส่วนฉันยังใช้ชีวิตเป็นอิ๊กนอแร้นซ์อยู่ต่างประเทศ
ฉันอพยพกลับประเทศไทยหลังการล้อมฆ่าคนเสื้อแดงหนึ่งปี ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มีเพื่อนเป็นตัวแม่ในขบวนการคนเสื้อแดง ฉันจึงได้ตามไปสังเกตการณ์ ได้รู้จักกับ วัฒน์ วรรลยางกูร ในอีกบทบาทหนึ่ง ก่อนหน้านี้ ในฐานะคนอ่านหนังสือวัฒน์มาแทบทุกเล่ม ฉันรู้จักเขาอยู่ไกลๆ ในฐานะคนอ่านกับนักเขียน แต่พอได้พบวัฒน์ตัวจริง ได้รู้จักตัวตน เห็นบทบาทการเคลื่อนไหวต่อสู้ นี่คือนักเขียนที่น่ายกย่อง ซื่อสัตย์กับอุดมการณ์ในงานเขียนอย่างไร ตัวจริงก็ใช้ชีวิตแบบนั้น
สำหรับแม่บ้านมีลูกเล็ก 1 ผัวเหลืองอ๋อย 1 นอกเหนือจากศรัทธานักเขียนระดับตำนาน นับถือหัวใจนักสู้ผู้อหังการ วัฒน์ยังเป็นมากกว่ากาวใจ เป็นมากกว่าคิวปิด เพราะถ้าวันนั้นวัฒน์ไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น ฉันยังนึกไม่ออกว่าชีวิตครอบครัวจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ณ บ้านไร่ลุงคำสิงห์ ปลายธันวาคม 2554
แค่เห็นไฟเลี้ยวรถฟอร์ดโฟกัสของสามีเลี้ยวเข้ามาในไร่ เข้ามาทางวงที่เรานั่งดื่มนั่งโสเหล่กันอยู่ ฉันรีบรินไวน์รีบกระดก อีกประเดี๋ยวก็ได้กลับไปอยู่กับความจริงที่ลวง ไม่ได้อยู่ร่วมวงกับมิตรสหายที่เมามายในความจริงอันเหนือจริง
ในวง
เพื่อนตัวแม่คนเสื้อแดง 1
หนึ่ง วรพจน์ พันธุ์พงศ์ 1
วัฒน์ วรรลยางกูร 1
และมิตรสหายอีกหลายท่านที่ขอปิดลับไว้ ด้วยไม่ได้ขอสิทธิพาดพิง
วันนั้น เมื่อสามีเหลืองอ๋อยเจอภรรยานั่งดื่มหน้ากล่ำอยู่กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับแนวคิดทางการเมืองของตัวเอง เขาเล่าให้ฟังตอนหลังว่ารู้สึกฉุนมาก แถมภรรยานั่งต่อขออีกแก้วและอีกแก้วแบบไม่รู้จบ ลูกชายวัย 3 ขวบ อยู่ในความดูแลของพี่ตุ๊กตุ๋ย วนะ วรรลยางกูร ลูกเกาะพี่ตุ๊กตุ๋ยแจ
สามีนั่งลง ปฏิเสธ ไม่ดื่ม แต่ยิงคำถามใส่รัวๆ พี่วัฒน์ก็ตอบคำถามอย่างใจเย็น ตอบด้วยเหตุด้วยผล ด้วยความแน่นปึ้กทางประวัติศาสตร์การเมือง แต่ดูบรรยากาศมาคุจะไปก่อตัวอยู่ที่สามีเหลืองอ๋อยกับหนึ่งวรพจน์ ถาม-ตอบ-เหวี่ยง-ซัด อุตลุด
คำถามหนึ่งที่ทำให้อุณหภูมิในวงเดือดปุด สามีเหลืองอ๋อยโยนคำถามใส่วงว่า “ไม่กลัวทักษิณหลอกใช้รึ”
เท่านั้นเอง หนึ่ง วรพจน์ศอกกลับทันที “(มึง) อย่าตายนะ ถ้าตายหนอนแม่งจะแดก!” คนเราถ้ากลัวคนจะหลอกใช้ขนาดนั้น ชีวิตนี้ไม่ต้องทำห้ะอะไรแล้ว อย่าขยับตัว อย่าตาย เดี๋ยวหนอนจะได้ประโยชน์
ฉันจำไม่ได้ว่าพี่วัฒน์พูดอะไรกับสามีเหลืองอ๋อยบ้าง เพราะมัวแต่ตบเข่าฉาดสะใจกับคำของหนึ่ง แล้วก็รินเอาซดเอาราวกับพรุ่งนี้จะไม่ได้ดื่มอีก ตอนหลังนั้น สามีมาเล่าติดขำว่าถ้าวันนั้นพี่วัฒน์ไม่ได้นั่งอยู่ด้วย เขาอาจได้ต่อยหนึ่ง วรพจน์ไปแล้ว (หลายปีต่อมา บุรุษสองคนในเหตุการณ์ได้เคลียร์กันแล้ว)
หลังจากวันนั้น สามีเริ่มอ่าน The King Never Smiles ดูรายการตอบโจทย์ที่พี่วัฒน์ไปร่วมรายการ ตอนที่ ส.ศิวรักษ์ ดีเบตกับ สมศักดิ์ เจียมฯ ติดตาม อ.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะนิติราษฏร์ เปิดใจรับฟังมากขึ้น หนังสือเล่มที่สะกิดใจเขามากที่สุดคือ ‘เกิดวังปารุสก์’ แล้วเขาก็ได้เห็นว่าโลกใบเดิมที่เคยอยู่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันคืออาการตาสว่าง
พอทิศทางการเมืองหันไปในทิศเดียวกัน สงครามในครอบครัวก็จบลง ฉันเคยเล่าเรื่องนี้ให้พี่วัฒน์ฟัง บอกว่าพี่เป็นพ่อทูนหัวของบ้านเรานะ ถ้าวันนั้นพี่ไม่นั่งอยู่ตรงนั้นและตอบข้อสงสัยอย่างใจดี เราคงได้ทนอยู่กับเหลืองขี้หรือไม่ก็คงหย่าร้างกันไปแล้ว แกได้แต่ยิ้มตาหยี
ในความคิดฉัน พี่วัฒน์เป็นคนโรแมนติก โรแมนติกมาก ให้ความสำคัญกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ ในสัมพันธ์ของมนุษย์หรือแม้แต่กับแมว ที่บ้านท่าเสา ฉันเคยเห็นพี่วัฒน์ค่อยๆ แกะก้างออกจากตัวปลาให้แมวน้อยกิน ละเอียดดึงก้างเล็กก้างน้อยออกหมดจด
ในฉากหนึ่งของหนัง ‘ไกลบ้าน’ วัฒน์ถือกระติกน้ำแข็งใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ในลาว พอนึกถึงน้องเตยเล่าถึงพ่อเคยหิ้วกระติกน้ำแข็งแอบแม่ พาลูกสาวคนเล็กไปเที่ยวน้ำตก ใครบ้างจะไม่น้ำตารื้น คนที่ทะลุทะลวงพาอุดมการณ์ฝ่าพายุท็อปบู๊ตปรสิตมาตั้งแต่สหายร้อยจนถึง วัฒน์ ท่าเสา โดยไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง คนที่ซื่อสัตย์และเคร่งครัดกับตัวเอง ทั้งซื่อสัตย์และอ่อนโยนกับคนอื่น ฉันมองนั่นคือความโรแมนติกอย่างที่สุด
อาลัยยิ่ง
ขอคารวะ วัฒน์ วรรลยางกูร อย่างสุดหัวใจ
เรื่อง : จันทร์เคียว