หมายเหตุบรรณาธิการ : ไม้หนึ่ง ก.กุนที กวีผู้จากไปด้วยกระสุนปืนเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2014 เขามีลูกชายสองคน (นาวาและนาวินทร์) วาระครบรอบ 53 ปี ชาตกาล ลูกชายทั้งสองเขียนจดหมายหาพ่อ ผ่านเวที nan dialogue
8 ปีแล้วนะครับ ที่พ่อได้จากเราไป
ถ้าหากในตอนนี้พ่อกำลังอ่านข้อความต่อไปนี้อยู่ ผมก็อยากจะขอเล่าชีวิตของผมและครอบครัวให้พ่อได้ฟังนะครับ
ผมเรียนชั้น ม. 6 แล้วแหละครับ ใกล้จะได้ขึ้นมหาลัยแล้วนะพ่อ
ตอนแรกที่ผมเรียนอยู่ก็ไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิตอะไรหรอกครับ เพียงแต่อยากจะลองเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ให้กับตัวเอง เผื่อจะได้ใช้ในอนาคต ผมก็เลยเรียนทักษะต่างๆ จากในอินเทอร์เน็ตดูตั้งแต่ขึ้นมัธยมฯ ปลายมา จนตอนนี้ผมพอจะรู้แนวทางของผมบ้างแล้ว
การเรียนราบรื่นดีครับ แต่มีปัญหาในทุกๆ เช้าที่จะต้องพยายามลุกออกจากเตียงเพื่อที่จะไปโรงเรียนให้ทัน แฮะๆ ผมค่อนข้างจะนอนดึก บางทีก็ดูหนังหรือฟังเพลงไปเรื่อยด้วยครับ
อาจารย์ก็สั่งงานโหดเกิ๊นน แถมยังเยอะอีกด้วย บางวันแทบจะโต้รุ่ง ปั่นงานจนจะเรียกได้เต็มปากว่า One Night Miracle แล้วละครับ
ชีวิตวัยรุ่นของผมก็แทบไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ เพราะผมและพี่มีแม่คอยสนับสนุนตลอดเวลา มีเรื่องบางอย่างที่ยังติดค้างอยู่ในใจก็จะเล่าให้แม่ฟังประจำ แม่เค้าพร้อมที่จะให้คำแนะนำเสมอ ส่วนพี่ก็ได้เข้ามหาลัยอย่างที่หวังแล้ว เราสองคนสนิทกันมากกว่าเมื่อก่อนด้วยครับ หากมีปัญหาอะไร บางเรื่องผมก็จะเล่าให้พี่ฟัง อยากกินอะไรก็สั่งมากินด้วยกันประจำ ถึงแม้จะมีบางเรื่องที่พวกเราเห็นต่างกัน แต่สุดท้ายทั้งผมและพี่ก็จะปรับความเข้าใจกันได้ในท้ายที่สุด
จริงๆ ข้อความนี้พ่ออ่านแล้วอาจจะงงบ้างนะครับ เพราะที่ผมจะบอกก็คือทะเลาะกันบ่อยมากกกกก แล้วส่วนใหญ่เป็นเรื่องของกินด้วยนะครับพ่อ ฮาฮา
แต่ถ้าพ่อถามถึงเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ละก็..
เอาเป็นว่าแค่เปิดโลกโซเชียลไม่กี่นาทีก็แทบจะซึมไปหลายวัน อย่างข่าวการทำร้ายกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง ข่าวการขัดแย้งกันระหว่างประเทศจนทำให้เกิดสงคราม จนไปถึงปัญหาเศรษฐกิจที่ตอนนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ เพราะผู้นำ ป. เขาไปยืมเงินจากประเทศอื่นเรื่อยๆ จนหนี้สาธารณะทะลุไปจนจะเกือบ 10 ล้านล้าน แถมภาษีที่ได้มาจากประชาชนก็ไม่ค่อยเอาไปใช้เรื่องที่เป็น ‘ประโยชน์’ เท่าไรนัก
พูดเรื่องนี้แล้วอาจจะปวดหัวนะครับ ฮาฮา
อย่างถนนที่ผุพังส่วนใหญ่ก็จะไม่ซ่อมแซมหรือทาสีใหม่ หากว่ามันไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น (หรือเกิดเป็นข่าวดังซะก่อน) ปัญหาการสัญจรที่เหมือนเดิมเป๊ะ แทบไม่ได้ปรับปรุงอะไรใหม่เลย ปัญหาการเรียกร้องสิทธิต่างๆ ที่ภาครัฐตั้งกฎหมายความไม่เป็นธรรม เพียงแต่เอื้อผลประโยชน์จากช่องว่างที่หละหลวมของกฎหมายเหล่านั้น จนแทบจะไม่เห็นหัวของประชาชนที่มาเรียกร้อง
บางครั้งผมก็คิดนะว่าทำไมชีวิตของประชาชนแทบทุกคนกลับถูกตัดสินโดยผู้มีอำนาจไม่กี่คนที่ยึดแต่ผลประโยชน์ของพวกตน โดยไม่คำนึงถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น ที่ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ๆ ที่เกิดมา ต้องทนอยู่ในแผ่นดินที่พร้อมจะพังทลายได้ทุกเมื่อด้วย
พ่อครับ ยิ่งโตขึ้นผมก็ยิ่งเข้าใจแล้วครับ ว่าสิ่งที่พ่อได้ทำนั้นเป็นความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศที่เต็มไปด้วยความอยุติธรรมนี่ เพื่อที่จะให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้ยึดแนวทางที่ถูกต้อง และพัฒนาบ้านเมืองให้ยั่งยืนเหมือนที่หลายๆ คนในประเทศนี้ต้องการ
แต่ฟ้าดินกลับเล่นตลก ในเมื่ออำนาจอยู่ในมือของกลุ่มคนที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ ถึงแม้จะพยายามแค่ไหน ก็อาจไม่มีวันที่จะคว้าถึงความฝันและความต้องการนั้น
แต่โชคยังเข้าข้างอยู่นะครับ ตอนนี้ประชาชนจำนวนมากต่างก็ได้แสดงความคิดเห็นต่างๆ ออกมา และไม่ได้เกรงกลัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว (เพราะบางส่วนก็ทนไม่ได้จริงๆ ครับ) เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจต่ออำนาจอันล้นฟ้าขึ้นมากกว่าแต่ก่อน จนบางที ก็คาดว่าอีกไม่นาน ประชาชนทั้งหลายก็อาจจะได้เห็นประเทศที่ไม่มีความอยุติธรรมนี้พลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงไปสู่แสงสว่างเสียที
บางทีผมก็คิดนะว่า ถ้าหากเราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันจนถึงทุกวันนี้ พ่อคงจะสอนหลายๆ สิ่งให้ผม เพื่อให้ผมเติบโตขึ้นมาอย่างเข้มแข็ง พ่อคงจะพาเราไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมน่าสนุกๆ ด้วยกัน หากวันเหล่านั้นมีจริง ทั้งผม ทั้งพี่ และแม่ พวกเราทั้งสี่คนก็คงจะมีความสุขที่สุด
ถึงตรงนี้ก็อาจจะดูเครียดไปบ้างนะพ่อ ฮาฮา แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงสถานการณ์บ้านเมืองจะไม่ค่อยดีนัก ชีวิตของพวกเรานั้นก็ต้องก้าวเดินต่อไป ถึงผมจะไม่ได้มีความมุ่งมั่นที่ชัดเจนเหมือนพ่อ แต่ผมก็จะพยายามใช้ชีวิตและยึดหลักความถูกต้องที่พ่อเคยทำ ในการเป็นแบบอย่างการเดินทางของชีวิต
รักพ่อนะครับ
นาวินทร์
ภาพจิตรกรรมโดย : ตะวัน วัตุยา