Interviews nandialogue
interview

รักษาความสงบ สยบด้วยสันติวิธี การทำงานสไตล์ออฟการ์ด

“อายุยังไม่ถึง 20 ผมเริ่มคุมงาน” ออฟ-ภูเมศร์ ทองตีฆา วัย 30 ปี ทำงานเป็นการ์ดรักษาความสงบมาจนปัจจุบัน จุดเริ่มต้นมาจากการได้เข้าไปอยู่ในแวดวงของกลุ่มคนรักรถคลาสิกในจังหวัดน่าน 

“เวลามีงานอีเวนต์ รุ่นพี่ในกลุ่มชวนไปช่วยงาน สอนให้คุมหน้างาน ตรวจบัตร ตรวจอาวุธ ตรวจเครื่องดื่มเข้างาน ตรวจทุกอย่างที่ผิดกฏหมาย เดินดูตามงานชี้ทางที่จอดรถ จัดระเบียบงาน มาร์กจุด ตั้งกรวย ดูหน้างาน ศิลปินมาเล่น ผมก็ดูความเรียบร้อยข้างเวที ติดสอยตามไปงานอีเวนต์ต่างๆ ได้เที่ยว ได้รู้จักคนมากขึ้นก็ถูกวานให้ไปเป็นการ์ดคุมงานเรื่อยมา เรียนรู้ด้วยตัวเอง มีพรรคพวก มีเพื่อนเยอะหลายรูปแบบทำงานด้วยกัน”

ออฟเป็นลูกครึ่ง แหลงใต้และอู้กำเมืองได้ พ่อเป็นคนน่าน ทำงานวิชาการสาธารณสุข แม่เป็นครูภาษาไทยคนนครศรีฯ ทั้งคู่ไปทำงานและเจอกันที่จังหวัดสงขลา ออฟมีชีวิตอยู่ทางใต้ได้สามขวบ ครอบครัวก็ย้ายขึ้นมาลงหลักอยู่ที่บ้านหาดเค็ด อำเภอภูเพียง

เขาเรียนประถมฯ ที่โรงเรียนอยู่วิทยาและจบ ม. 3 ที่โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารรุ่น 100 ปี ต่อช่างไฟที่สารพัดช่าง เข้าไปอยู่กรุงเทพฯ เกือบปี ทำงานเครื่องหนังผลิตรองเท้าแตะแฮนด์เมดส่งออกต่างประเทศกับน้องชายของแม่แถวรามอินทรา จากนั้นกลับมาน่านว่างงานอีกครึ่งปี เขาไปช่วยรุ่นพี่ขายของที่หาดริมน้ำในเมืองน่าน บางเวลาที่มีอีเวนต์ก็ตามรุ่นพี่ไปเที่ยวและได้เรียนรู้การคุมงาน ก่อนจะจับได้ใบแดงเป็นทหารเกณฑ์ 2 ปี ปลดออกมาทำร้านเครื่องหนังของตัวเองและแบ่งเวลาให้กับการทำงานอาชีพการ์ดที่เขาบอกว่า “สายงานแบบนี้ใช่เลย” 

ปัจจุบันออฟเป็นการ์ดประจำอยู่ร้านปั๊มคาเฟ่ และรับงานเป็นการ์ดอิสระในงานอีเวนต์ต่างๆ  

 

Interviews nandialogue

 

อาชีพการ์ดทำอะไรบ้าง 

รักษาความสงบ ทำยังไงก็ได้ให้สงบ ไม่ใช่ไปตีคนอื่นเอง มีสิทธิ์ห้าม มีสิทธิ์ต่อย แต่ต้องเป็นกรณีที่ป้องกันตัว ถ้าเขายืนยันจะต่อยกัน หาพื้นที่ที่ไม่มารบกวนลูกค้าในร้าน ตีเดี๋ยวก็เลิก ถ้าไม่เลิก สักพักตำรวจก็มา คนจะตีกัน ห้ามได้ยังไง ห้ามก็โดน ผมก็กลัวตายเหมือนกัน 

ได้ทำประกันชีวิตมั้ย

ทำอยู่ ไม่ได้กลัวเรื่องเหตุการณ์อะไร ทำไว้เพราะเดินทางบ่อย ถ้าเรื่องความปลอดภัยในงาน ผมจะไม่เข้าตรงๆ ปล่อยเขาตีกันไป ยิ่งเข้าไปยิ่งเสีย ผมจะคุมอยู่รอบนอก รูปแบบงานดนตรีโฟล์กไม่ค่อยวุ่นวาย แทบไม่มีอะไรเลย แต่งานคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ที่มีการกระแทกกัน พวกนี้จะมีปัญหา ผมจะมีทีมการ์ดที่เลือกมาร่วมงาน พอมีการทะเลาะวิวาทอีรุงตุงนัง ผมพาทีมยืนอยู่รอบๆ ไม่ชาร์จตรงๆ ใครกระเด็นออกมาจับออกนอกงาน จนเหลือสองคนตุ้บตั้บกันค่อยเข้าชาร์จ ผมจะไม่ให้ทีมการ์ดไปต่อยกับลูกค้าเพราะว่าไม่ใช่แนวของผม มันจะเสียลูกค้า 

แนวของคุณเป็นยังไง

มีอยู่งานหนึ่ง เจ้าของงานบอกผมว่าให้เป็นมือขวา ดูแลรอบงานทุกๆ อย่าง ตรงไหนขาด ตรงไหนต้องประสานงานอะไร ผมยืนดูแถวๆ ที่เกิดเหตุเห็นทีมการ์ดยืนเคลียร์ปัญหากันอยู่นาน  ครึ่งชั่วโมงเคลียร์กันไม่รู้เรื่องเพราะเบียร์ยี่ห้ออื่นหลุดมาขวดเดียว นานจนรู้สึกว่าต้องเข้าไปจัดการ ผมไม่อยากให้วุ่นวายมาก ก็เข้าไปเตือนว่ารีบๆ จัดการให้หมด ถ้าเอาเข้ามาอีกผมขออนุญาตเชิญออกนอกงาน ค่าบัตรห้าร้อยน้องคนที่มีเบียร์ก็ไม่ยอม ผมจัดการให้ยกให้หมดส่งขวดเบียร์ให้ทีมการ์ดแล้วก็จบเรื่อง ผมบอกพวกน้องที่มาเป็นการ์ดว่าไม่ต้องซีเรียสอะไรให้มาก มัวแต่ไปยืนรุมกันอยู่ตรงนั้น ตรงอื่นมีงานอีกเยอะแยะ การ์ดชื่อออฟเป็นแบบนี้ เรียบง่ายและไม่ต้องกังวล รู้สึกปลอดภัย 

เจอคนเมาจัดการยังไง

ปล่อย เดินหนี ไม่ต้องให้ความสำคัญกับคนเมา จนกว่าจะมาต่อยเราก่อน ถ้าต่อยก็ต่อยกลับ 

ไม่กลัวใคร

ไม่ใช่ว่าไม่กลัว ให้เกียรติซึ่งกันและกันมากกว่า คนเมาไม่ค่อยรู้ตัวหรอก บางทีผมเมาก็หลุดเหมือนกัน ทุกคนมีโมเมนต์แบบนั้น อยู่ที่ว่าไม่เบียดเบียนคนอื่นพอ ความเมาเป็นดาบสองคมทั้งดีและเสีย ถ้ากินแล้วสนุกเฮฮาไม่มีปัญหาก็ดี แต่ถ้ากินแล้วทะเลาะวิวาทก็เป็นข้อเสีย ข้อเสียในจุดนี้ผมก็ต้องเข้าไปตำหนิ ขาดสติในร้านในงานที่ผมดูแลก็ต้องเข้าไปหยุด กินด้วยกันก็ยังทะเลาะกันแบบนี้เจอบ่อยมาก

เคยมีกรณีต้องสู้กลับบ้างมั้ย

ผมเคยต้องลงมืออยู่สองรอบ รอบแรกเป็นทหารเกณฑ์เมาแล้วกร่างนั่งอยู่หน้าเวที สองคนนี้เป็นเพื่อนกันไม่รู้เมายังไงแต่ยกเก้าอี้ฟาดกัน นักดนตรีกระเจิงไปหมด ผมปล่อยให้ตีไป สักพักเข้าไปใช้เสียงเล็กน้อย พอเห็นว่าไม่ยอมลง ผมหิ้วปีกทหารคู่นี้ไปฝั่งตรงข้ามร้านก็ยังไม่จบ ยังจะต่อยกันอีก ผมต้องใช้กำลังบ้าง จนสุดท้ายยอมกลับ ได้ข้อสรุป ต่อยแย่งสาว 

รอบที่สองทะเลาะวิวาทกันหน้าร้าน แฟนของน้องที่กำลังโดนต่อยเรียกให้ผมไปช่วย เพราะว่าน้องพนักงานกำลังโดนรุม นัวกันตกล่องน้ำหน้าร้านหัวเข้าไปอยู่ในท่อ ไอ้หนุ่มนั่นกำลังเสียเปรียบ ผมกระโดดลงไปช่วย แยกออกมา ซักถามก็ถึงรู้ว่าเป็นทหารเกณฑ์กำลังปลด เคยอยู่ค่ายเดียวกับผม แต่เป็นรุ่นน้องอยู่หลายผลัด ไม่เคยเจอกัน 

เคยมีใครตามมากระทืบคุณบ้างหรือเปล่า

ครั้งหนึ่งร้านปิดแล้ว มีคนมาดักหัวท้าย พวกน้องๆ ในร้านก็ไม่มีใครกล้ากลับกลัวผมโดนดักตี ผมก็โทรฯ ถามพรรคพวกว่าเป็นพวกไหนที่มาดัก ปรากฏว่าไม่ใช่คู่อริอะไร เป็น ปปส. เขาจะมาตามจับการ์ดในเมืองน่าน เป็นพ่อค้ายา แต่ไม่รู้ร้านไหน ผมไม่ได้เล่นยาอยู่แล้ว โทรฯ ไปหาเพื่อนสนิทข้างบ้านเป็น ปปส. อยู่ที่เชียงใหม่ ถามไถ่ดู สักพักเจ้าหน้าที่ที่มาดักรอก็ออกกันไป แบบที่มาดักกระทืบไม่เคยมี 

เพราะดูแลตัวเองดี ?

ผมจัดการด้วยวิธีที่สันติที่สุด มีกระทบกระทั่งกันเล็กๆ น้อยๆ ลูกค้าส่วนมาก ประมาณ 90% จะรู้จักผมหมดเลย พอผมลุกเกือบทั้งร้านจะลุก บางครั้งแค่ฮึดฮัด ไม่ถึงกับต่อยกันจริงๆ ถ้าใครจะต่อยกัน ผมพาไปหลบมุม สร้างเวทีให้ต่อยปล่อยให้ซัดกันอยู่สองคน คนอื่นไม่เกี่ยว ถ้าใครเข้ามาร่วมผมต่อย ปล่อยให้ต่อยกันไป ใครอย่ามารุม บอกไปแบบนี้ บางคนต่อยกันเสร็จนั่งดื่มกินเป็นเพื่อนกันต่อก็มี (หัวเราะ)

ที่น่านตีกันบ่อย ?

ไม่ค่อยมี เพราะตำรวจไล่เก็บหมด สักสี่ทุ่มสายตรวจก็เริ่มออกตรวจแล้ว เมืองน่านนอนกันเร็ว ยิ่งโควิดไม่มีร้านเหล้าเปิด สามทุ่มก็เงียบแล้ว ยกเว้นโซนโต้รุ่งขายกับข้าว

 

Interviews nandialogue

 

อาชีพนี้มีสวัสดิการมั้ย

ไม่มี เข้าประกันสังคมอย่างเดียว ครอบคลุมอุบัติเหตุ เรื่องทะเลาะวิวาทผิดกฏหมายอยู่แล้ว แต่เจ็บป่วยไข้นอนโรงพยาบาลเบิกได้ ถ้าหากว่าจะมีสวัสดิการจริงๆ เวลาไปแยกคนที่ตีกันแล้วโดนลูกหลง ผมอยากให้มีซัพพอร์ตตรงนี้ เพราะผมไม่ได้เตะต่อยกับเขา ไปแยกด้วยหน้าที่ 

คุณพกอาวุธติดตัวมั้ย

เคยจะพก แต่ก็ไม่พกดีกว่า ไม่คุ้ม ถ้าอาวุธอยู่กับคนใจร้อน อาวุธจะร้อนไปด้วย เราไปทำร้ายคนอื่นก็โดนคดีพยายามฆ่า โทษหนัก

เครื่องรางของขลังล่ะมีมั้ย

เป็นความเชื่อส่วนบุคคล พวกพระเหรียญหรือพระเครื่องเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเตือนให้ไม่ไปทำอะไรไม่ดีกับคนอื่น ตัวผมนับถือครุฑเป็นตราแผ่นดินกันสิ่งไม่ดีเข้ามาหาเรา แม่ผมจะมีเซนส์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เยอะ เมื่อวานก็แชตมาว่าเจ้าที่มาเข้าฝัน แกก็ซื้อไก่มาต้มเลี้ยงเจ้าที่ ช่วงหนึ่งแกนอนไม่หลับ ผมก็ไปถามคนอื่นว่าหาอะไรมากันดี เขาก็แนะนำให้หาท้าวเวสสุวรรณ พอเอาไปให้แม่ก็หลับสนิททุกคืน

คุณมีศิลปะการป้องกันตัวยังไง ?

ตั้งแต่ตอนเข้าไปอยู่ในสังคมแบบทหาร โดนกดดัน โดนซ้อม กัดกรามแน่นๆ ตบหน้า เตะท้อง มีหมด เรียนรู้จากตรงนั้นเพราะว่าต้องอดทนทำอะไรไม่ได้ สองปีเต็มๆ ไปใช้ชีวิตที่นั่นแทนการเรียนมหาลัย หัวหน้าจะให้อยู่ต่อ แต่ผมไม่ชอบอยู่ในกฏเท่าไหร่ ชอบแหกกฏมากกว่า ปลดออกมาเสร็จเวลาทำอะไรต้องหยุดคิดหลายๆ อย่าง ผมไม่ค่อยมีเชิงในการชกต่อย แต่จะเป็นคนที่หลบหลีกหาจังหวะในการสวนกลับมากกว่าเพราะว่าไม่ทำใครก่อน ที่ผ่านมาเตะต่อยเป็นเรื่องธรรมดา ผมก็เคยเกเรตามประสาเด็กช่าง ตีรันฟันแทง โดดเรียน เรื่องผู้หญิง แต่ไม่ได้หนักหนาจนเข้าโรงพยาบาล ขึ้นโรงพัก ทุกวันนี้ผมไม่ใช้กำลัง จะใช้จิตวิทยา

เป็นยังไงจิตวิทยาของคุณ

เป็นประสบการณ์ที่สะสมมาเรื่อยๆ ซึมซับมาจากหลายๆ งานที่ผมทำ เวลาที่ประจำอยู่ตำแหน่งผมนั่งทำหน้านิ่งๆ ถ้าพูดจะใช้น้ำเสียงเรียบๆ ต่ำๆ ส่วนใหญ่เด็กเข้ามาก็หงอ เวลางานผมทำงาน ตอนพักจากงานเข้าไปในร้านผมเดินชนแก้ว บางคนมองตาก็รู้ บางคนมองตาจะหลบ บางคนเดินผ่านแลกยิ้ม เจออีกรอบก็ชนแก้วกันพูดคุยแลกเปลี่ยน พอมีคนรู้จักก็แนะนำให้รู้จักคนอื่นๆ ต่อไปอีก

ตัวตนของคุณวันนี้มาจากการทำงานการ์ด ?

งานการ์ดกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต ได้รู้จักผู้คน ได้รู้ทัศนคติของผู้อื่น บางคนโดนดักต่อยมาขอความช่วยเหลือ พอช่วยเหลือกันได้แลกเปลี่ยน ฟังแล้วได้แง่คิดก็เอามาปรับเปลี่ยนใช้กับตัวเอง อันไหนไม่โอเคก็ตัดๆ ไป ได้รู้ว่าใครเป็นยังไง ทำให้เราเป็นเรา ดึงเอาประสบการณ์ของคนอื่นมาใช้กับชีวิตตัวเองก็มี อันไหนของเราที่ไม่ดีก็แงะมันทิ้งไป คนเราไม่ตายตัว ผิดพลาดกันได้ทุกวินาที วิถีการใช้ชีวิตปรับไปเรื่อยๆ มีพรรคพวกมาก อาชีพที่ไม่เคยเจอก็มีหลากหลายรูปแบบ เหมือนได้สร้างเกราะป้องกันไปในตัว ได้สร้างภูมิ ได้คัดคน ดูว่าคนไหนเป็นยังไง รักษาระยะห่าง ต้องสนิทประมาณไหน คนรู้จักเป็นขี้ยาก็มี แต่ผมไม่ได้เอาตัวเข้าไปอยู่ในทุกจุดที่ไปรู้จัก 

ทำงานเป็นการ์ดได้เจอเหตุการณ์อะไรบ้าง

มีเยอะ มีทุกรูปแบบ เจอบ่อยๆ คือพวกน้องๆ ที่รู้จักกัน เดินมาหาและบอกว่าผู้หญิงโต๊ะนี้น่ารักดี ไปขอเบอร์ให้ผมหน่อย จีบสาวแต่ไม่กล้าเข้าไป ก็บอกมัน ใครจีบใครได้นะ (หัวเราะ) 

มีเรื่องหนึ่งเห็นกับตัวเอง เด็กๆ พีอาร์โดนลวนลาม น้องก็มานั่งคุยกับผมว่าลูกค้ามาลวนลาม หนักสุดคือมีเลียแขนกลางร้าน มีที่จะออฟน้องไปแต่น้องเขาไม่รับ เพราะมาทำงานส่งตัวเองเรียน ลูกค้าไม่พอใจ เอาเงินฟาดหน้าแล้วก็ไล่ไปจากโต๊ะ น้องมานั่งร้องไห้ เล่าให้ผมฟัง 

ทำไงเวลาเห็นน้องๆ โดนลวนลาม

ทำได้ในระดับหนึ่ง บอกน้องว่าถ้าไม่โอเคก็ออกมาจากจุดนั้นซะ ถ้าถึงขั้นตามราวี ยังไม่เคยเจอ ส่วนมากน้องๆ จะถอยออกมา เรามีสิทธิปกป้อง พยายามบอกให้น้องเซฟตัวเองให้ได้ ไม่อยากให้เกิดการปะทะ เกิดเมื่อไหร่เสียลูกค้า

พบเจอคนหมู่มาก เลือกฟังยังไง 

ผมเป็นผู้ฟังที่ดี รับฟังทุกๆ เรื่อง อันไหนแนะนำได้ก็แนะนำ อันไหนไม่ได้จะนิ่งๆ เออออไปกับเขา บางครั้งมาปรึกษาเรื่องแฟน เรื่องครอบครัว เป็นเรื่องส่วนตัวที่ผมก็ไม่อยากยุ่ง จะตั้งใจฟังอย่างเดียว คนมาคุยด้วยส่วนมากเป็นเรื่องเฮฮามากกว่า ถ้าเป็นเรื่องปรึกษาดราม่าจะไม่ใช่ในเวลางาน 

ชอบอยู่กับคนอื่นหรืออยู่คนเดียวมากกว่า

ผมทำงานร้านเหล้า เสียงดนตรี เสียงผู้คนเข้าหูทุกวัน พอได้หยุด ผมจะปลีกวิเวก แบกของแบกกระติกน้ำแข็ง หลบไปเที่ยวคนเดียว ลำโพงบลูทูธตัว ฟังเพลง นั่งดื่ม นั่งคิดเรื่องราวที่ผ่านมา ทบทวนตัวเอง เมาเสร็จ ต้มมาม่า อาบน้ำนอน ตื่นเช้ามา กาแฟสักถ้วย ขี่รถกลับบ้าน พรุ่งนี้ทำงานต่อ

ทบทวนตัวเองเรื่องอะไร 

เรื่องราวที่ผ่านมาเกี่ยวกับงานที่ทำ เป็นเรื่องของตัวเองอย่างเดียว เรื่องของคนอื่นจะไม่เอาใส่หัว แค่ตัวเองก็ปวดหัวแย่แล้ว คิดแทนคนอื่นไม่ได้ ปวดหัวไปใหญ่

ทุกวันนี้ค้นหาอะไรอยู่บ้าง

ไม่ได้ค้นหา อะไรได้เงินก็ทำไป ไม่เบียดเบียนคนอื่น อันนี้เรื่องหลัก ทำงานในสิ่งที่รักที่ชอบ มีความสุข ค่าตอบแทนมันได้อยู่แล้ว ได้กำไรเพราะทำอาชีพที่ชอบจริงๆ ถามว่าประสบความสำเร็จมั้ย ไม่มีหรอก ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแรง 

เป็นการ์ดที่ร้านทำงานกี่โมง เลิกงานกี่โมง

สักสี่โมงเย็นอาบน้ำ เช็กรถ เตรียมตัวเดินทางไปถึงร้านห้าโมงครึ่ง เลิกงานตีหนึ่งไม่เกินตีสอง ปิดร้านปิดไฟ ปิดเครื่องเสียง ผมเป็นพี่ใหญ่ในร้านกลับทีหลังสุด ดูแลให้พวกน้องๆ ทำงานจนจบ ถ้าไม่มีธุระต้องตื่นเช้า จะรอน้องๆ กลับกันไปก่อน แต่ถ้าน้องดื่มกันต่อ ผมนั่งสักพักก็กลับ วันที่ทำงานผมจะกินข้าวตอนกลางวันมื้อเดียวและตอนเลิกงานอีกหนึ่งมื้อ ถ้าไม่ได้ทำงานตอนเช้า ผมจะไปจ่ายตลาดให้แม่

ทำงานแบบนี้ดูแลตัวเองยังไง

วิ่ง ปั่นจักรยาน สัปดาห์หนึ่งออกสองถึงสามวัน บางวันทำท่ากายบริหารเหมือนตอนฝึกทหาร พุ่งหลัง ดันพื้นแบบที่เคยฝึกมา ออกกำลังกายเพื่อให้ขับเหงื่อ ขับของเสียออกไปบ้าง ดื่มทุกวัน แต่ไม่หนัก ปีหนึ่งมีไข้อยู่รอบเดียว ไม่เกินอาทิตย์ก็หาย 

 

Interviews nandialogue

 

เคยคิดจะเลิกทำงานเป็นการ์ดบ้างหรือยัง

ผมทำงานนี้มาเรื่อยๆ แล้วไม่ได้รู้สึกเบื่อ วันหนึ่งถ้าเบื่อคงจะเลิกไปทำอย่างอื่น แล้วแต่สถานการณ์หน้างาน ตอนนี้ผมยังคงอยากทำงานกลางคืนอยู่ แต่ถ้าถึงจุดที่เริ่มแก่ตัว ไม่ไหว ก็คงต้องเปลี่ยนไปทำงานกลางวัน  ตอนนี้มีโควิดผมก็ไม่กล้าไปสมัครงานที่ไหน แม่ผมอีกสองปีจะเกษียณ แกมีโรคเกี่ยวกับภูมิแพ้ เป็นไข้ง่ายมาก โดนฝนก็เป็นหวัด ไม่อยากให้ติดโรคเข้ามาในบ้าน 

ความเบื่อหน่ายที่เจอมีบ้างมั้ย ?

มีบ้าง อย่างพี่คนหนึ่งบอกผมว่าทำไมมึงต้องแยกรถด้วยวะ ตรงนี้รถบิ๊กไบค์ ตรงนี้รถธรรมดา ทำไมมันถึงจอดรวมกันไม่ได้ มึงนี่มันสองมาตรฐาน เอ้า ด่ากูอีก ผมก็บอกว่าไม่ได้สองมาตรฐาน บิ๊กไบค์คันหนึ่งเป็นล้านจะให้ไปจอดปนกับรถเล็ก ถ้ามีคนเมาแล้วทำรถล้มใส่ แล้วไปโดนบิ๊กไบค์เกิดอะไรขึ้นมาผมก็ต้องรับผิดชอบ  ผมก็ถามว่าถ้าเป็นไรขึ้นมาพี่รับผิดชอบมั้ย ก็เงียบ แกบอกเดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะมาทำงานแทนมึง วันต่อมาก็หายไปเลย ที่เบื่อคือทัศนคติของคนแก่กะโหลกกะลา ใช้ความคิดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลก

ทำงานเป็นการ์ดมาร่วมสิบปี สรุปบทเรียนของตัวเองได้มั้ยว่าอาชีพนี้ต้องมีคุณสมบัติยังไง 

อาชีพนี้ไม่ใช่ว่าใครก็จะเป็นได้ สิ่งแรกที่คือต้องใจเย็น สอง แยกแยะสถานการณ์ได้ว่าประเภทของงานเป็นแบบไหน ลูกค้าผู้หญิงเมา ผู้ชายเมาเป็นยังไง ต้องอ่านคนให้ขาด สาม ห้ามเบ่งเด็ดขาด ห้ามเลย คุณต้องวางตัวเองเป็นกลาง ใครจะผิดก็ช่าง แบ่งแยกให้ได้ว่าอะไรเป็นยังไง ผู้ชายจะต่อยผู้หญิง คุณต้องเข้าไปคุย ถึงผู้หญิงจะทำผิดยังไงก็ตาม ก็ต้องค่อยๆ พูด ค่อยๆ คุย ไม่ใช่ไปฉุดกระชาก ดึงเสื้อขาดผู้หญิงโป๊อีก อย่างที่สี่ เรื่องระบบการจัดการอยู่ที่เจ้าของร้าน ต้องดูว่าเป็นแบบไหนคุมเข้มยังไง อย่างที่ห้า ต้องเซฟตัวเองเป็น อย่าเอาตัวเองไปอยู่ในจุดอันตราย คนตีกันมันเกี่ยวกับงานการ์ดโดยตรง แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องแทรกกลางเข้าไประหว่างที่เขากำลังตีกัน อย่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในอันตรายขนาดนั้น เลี่ยงได้เลี่ยง ถ้าจะห้ามก็ห้ามในจุดที่ห้ามได้ เรื่องอื่นอยู่ที่นิสัยของบุคคลแล้วว่าคุณอยากเป็นการ์ดแบบไหน 

เวลาทำงานผมจะบอกว่าผมเป็นการ์ด แต่ถ้าไปนั่งดื่ม ผมไม่ใช่การ์ด ผมจะเป็นเพื่อนดื่ม เพื่อนคุย ผมจะไม่เอาความดาร์กเข้าไปอยู่ในวงเหล้า ไม่อยากทำให้ใครอึดอัด เป็นตัวของเราเอง นั่งคุยกันแบบเพื่อน พี่ น้อง.

 

nandialogue

 

nandialogue

เรื่องและภาพ: อธิวัฒน์ อุต้น

You may also like...