the letter

หยุดดื่มสองสัปดาห์

อรุณสวัสดิ์ครับพี่หนึ่ง

ช่วงนี้ผมนอนได้เยอะขึ้น เวลาตอนตื่นจึงน้อยลงไปอย่างมีนัยยะ แทนที่จะได้ใช้เวลาช่วงย่ำรุ่งประมาณตีสามถึงเจ็ดโมงเช้าอยู่เงียบๆ คนเดียว อ่านหนังสือ ดูหนังที่สนใจ หรือเขียนจดหมายหาพี่ ช่วงเวลานั้นแปรเปลี่ยนเป็นความสงบยามหลับซึ่งผมไม่อาจรู้ได้ว่าในฝันนั้นผมทำอะไร แต่คงไม่ได้เขียนจดหมายหาพี่เป็นแน่

ด้วยเหตุบางประการ ผมหยุดดื่มมาสองสัปดาห์กว่าๆ แล้ว ในความหมายว่าไม่ซื้อมาดื่มเอง แต่ถ้าใครยัดเยียดหรือคะยั้นคะยอเสิร์ฟให้ก็อาจรับมาจิบพอเป็นพิธี เข้าร้านอาหารไหนก็สั่งน้ำเปล่าหรือโซดา (ซึ่งความซ่าๆ ฟองๆ ของมันอาจทดแทนคุณสมบัติของเบียร์ได้บ้าง) ตกดึกคืนไหนนอนไม่ค่อยหลับก็มวนกัญชาดูดสักตัวสองตัวเป็นอันหลับสนิทไปพร้อมกับลูกชาย ผมยังแปลกใจและชื่มชมกับตัวเองอยู่เลยว่าทำไมหยุดดื่มได้เรียบง่ายและราบรื่นขนาดนี้ 

หลายวันก่อน เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับโครงการบ้านเช่ามีปัญหากัน คนที่หูไม่หนวก ตาไม่บอด และพอมีหัวใจคนไหนก็คงรับรู้ได้ถึงความทุกข์ความโกรธของมนุษย์เพื่อนบ้าน เพื่อนต่างวัยชาวฝรั่งเศสคนนี้ชื่อ ซิลวี้ อดีตแซ็กโซโฟนนิสต์ เป็นหม้ายมาหลายสิบปี อพยพมาพะงันไม่กี่ปีก่อน เธอซื้อบ้านติดกับโครงการบ้านเช่าของเราอยู่กับหมาและแมวจำนวนหนึ่ง เจ้าบั๊คที่ผมเคยพูดถึงในจดหมายฉบับก่อนๆ ก็เป็นหมาของเธอ ชื่อจริงของเจ้าบั๊คคือทูแพ็ค (Tupac) เจ้าตูบตัวนี้แหละที่เป็นต้นเรื่อง หลายวันก่อนมีเพื่อนบ้านย้ายมาเพิ่มอีกหลัง ลูกพี่เค้าคงกำลังเห่อสนามหญ้าใหม่ที่เพิ่งปลูก เช้าวันหนึ่งที่เห็นหญ้าบางส่วนเหลืองและหลุดออกมาจากดินเป็นแผ่นๆ แกคงเห็นเต็มตาว่าหมาตัวไหนเป็นจำเลย และคงโกรธจัด บทสนทนาหลังจากซิลวี้เกริ่นทักทายแกในยามเช้าคือคำด่าทอเสียๆ หายๆ และคำขู่ว่าจะจับทูแพ็คไปปล่อยที่อื่น เรื่องนี้ซิลวี้มาเล่าให้ผมฟังสองสามวันให้หลัง 

เธออุปมาว่าเช้าวันนั้นเธอเหมือนกับนกน้อยกำลังโผบินอยู่อย่างมีความสุข แล้วจู่ๆ มีใครไม่รู้มายิงตกลงมา ผมเองเข้าใจผู้หญิงวัยเกษียณที่ต้องการแค่สันติภาพและมิตรสหายในช่วงเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ เธออาจอ่อนไหวง่ายๆ กับคำพูดของคน เช้าวันที่เธอมานั่งดื่มกาแฟและเล่าเรื่องราวยังมีน้ำตาสะอื้นจากความเศร้าที่ถูกพูดจาไม่ดีใส่ แต่ถ้าพูดอย่างใจเป็นกลาง เจ้าทูแพ็คก็เป็นตัวปัญหาจริงๆ บรรดาบ้านใกล้เรือนเคียงก็เริ่มสร้างรั้วกันทีละหลังสองหลังซึ่งสำหรับผมนี่ไม่ใช่พะงันเวย์เอาเสียเลย แต่ทำไงได้ คุยกับหมา (หรือเจ้าของหมา) ไม่รู้เรื่อง ทางออกก็มีแค่ว่าจะปกป้องหรือป้องกันตัวเองจากเรื่องน่าหงุดหงิดใจอย่างไร 

เรื่องหมาๆ ก็เป็นปัญหาที่นี่จริงๆ หลายเดือนก่อนผมได้ยินชาวบ้านคุยกันว่ามีคนเกือบจะปาหินไปโดนพระสงฆ์ที่บิณฑบาต สาเหตุก็มาจากการที่หมาในวัดที่เดินตามพระรูปนั้นไปกัดเอาไก่ของเขา (เข้าใจว่าน่าจะเป็นไก่ชนตัวโปรด) พื้นที่หากินของไก่ในบริเวณรอบๆ บ้านกับเส้นทางตามรอยบิณฑบาตของหมาคงเหลื่อมทับกันทางพื้นที่และเวลาพอดี ความหายนะของเจ้าของไก่และความมัวหมองของพระสงฆ์จึงบังเกิด

ผมไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์นั้นจบลงอย่างไร ฆราวาสผู้นั้นได้นำความไปปรึกษากับเจ้าอาวาสและหารือเพื่อยุติข้อพิพาทได้หรือไม่ 

หรืออย่างบ้านเช่าของเพื่อนชาวต่างชาติผมหลายหลังก็มักจะมีหมาจรจัดเข้าไปจับจองพื้นที่ทำกินกันทั้งนั้น พี่อย่าลืมว่านี่คือสัตว์สายพันธุ์ที่อยู่ร่วมกับมนุษย์มายาวนานที่สุดแล้ว ไม่เพียงแค่จับจองแต่พวกมันคงมีทักษะติดตัวในการทำให้มนุษย์เจ้าของบ้านเกิดความเอ็นดูและรักใคร่ เพื่อนชาวต่างชาติผมทุกรายจึงมักจะลงเอยด้วยการซื้ออาหารมาให้และรับเลี้ยงพวกมันไปโดยปริยาย เคสนี้ง่ายหน่อยเพราะไม่รู้จะหามนุษย์ผู้ใดมาเป็นคู่กรณี (ฮา)

กลับมาที่เรื่องทูแพ็ค เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีรั้วทั้งที่บ้านของเพื่อนบ้านคนใหม่หรือรั้วของบ้านซิลวี้ มันจึงถูกกักบริเวณให้อยู่แค่ระเบียงหลังบ้าน จะออกนอกบ้านก็แค่วันละสามเวลาพร้อมกับสายจูงในมือเจ้าของ ซิลวี้เองเหมือนจะพยายามสอนสั่งทูแพ็คมากขึ้นให้เรียนรู้ที่จะเคารพเพื่อนบ้าน (หวังว่าวิชานี้จะสำเร็จ) แม้จะเอาใจช่วยกับความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ แต่ผมก็อดเศร้าใจไม่ได้อยู่สองเรื่อง 

หนึ่ง ทำไมการเปลี่ยนแปลงที่ดีในครั้งนี้ ต้องมาจากแรงด่าทอบริพาษ และคำขู่จากเพื่อนบ้านคนใหม่ คำปรารภหารือของเพื่อนบ้านคนอื่นๆ ที่อยู่มาก่อนไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้จริงๆ หรือ พูดไปก็คล้ายกับหลายเรื่องในสังคม พูดดีๆ สุภาพๆ แล้วแม่งนิ่งเฉย ต้องให้ด่าแรงๆ ขู่ให้กลัวจึงจะยอมขยับตัวกัน 

สอง บ้านรอบๆ โครงการบ้านเช่านั้นมีรั้วรอบขอบชิดกันขึ้นมาหมดแล้ว ซึ่งนั้นไม่ใช่ทัศนียภาพที่ผมชอบเอาเสียเลย ดูๆ ไปเริ่มคล้ายโครงการบ้านจัดสรรในเมืองที่ผมหลีกหนีมาซะอย่างนั้น ถึงแม้ซิลวี้จะสามารถสอนให้ทูแพ็คไม่ไประรานเพื่อนบ้านคนอื่นได้ แต่กับเรื่องรั้วก็อาจจะสายไปเสียแล้ว ใครกันจะยอมทุบรั้วที่ตัวเองเพิ่งลงทุนทิ้งไป

รั้วรอบขอบชิดของแต่ละท้องที่ก็อาจมีที่มาต่างกัน แต่สำหรับที่นี่ผมจะเป็นคนหนึ่งที่จำได้ว่ารั้วรอบบ้านแต่หลังซึ่งกินความยาวร่วมร้อยเมตรมีต้นทุนการก่อสร้างหลายแสนบาทนั้น มีที่มาจากหมาหนึ่งตัวกับเจ้าของหนึ่งคน และความล้มเหลวของมวลมนุษยชาติในการหาข้อตกลงที่อยู่ร่วมกันให้อย่างมีความสุขโดยปราศจากค่าใช้จ่ายและทัศนียภาพอันเป็นพิษ 

ขออภัยที่เบี้ยวส่งจดหมายไปหนึ่งสัปดาห์ และฉบับนี้ก็ยังมาช้าช้าไปวันสองวัน ไม่ขอแก้ตัวใดๆ แต่ขอแค่เล่าว่าช่วงนี้ผมสนุกกับการเชื่อมเหล็กต่อโต๊ะทำตู้เอามากๆ วันๆ เอาแต่นั่งก้มๆ เงยๆ จนปวดเมื่อยไปหมด ตกเย็นก็เพลียและล้าอยากจะนอนพัก เวลาในการคิดและเขียนจดหมายจึงถูกบดบังไปด้วยการงานแห่งโต๊ะตู้ไปซะอย่างนั้น

ด้วยมิตรภาพ

จ๊อก

 

 

nandialogue

 

 

ตอบ จ๊อก

ด้วยเหตุผลบางประการที่คุณไม่ได้แจ้ง แต่ผลของมันยังไงเราคงต้องนับว่าเป็น ‘ข่าวดี’ ที่หยุดดื่มได้สองสัปดาห์ (ต่อเนื่องมาถึงนาทีนี้หรือเปล่านะ) โดยทั่วไป สายดื่มที่รัก ที่เข้าเลือดเข้าเนื้อแล้วหยุดยาก ถ้าไม่ป่วย เท่าที่ฟังมา ความป่วยไข้คล้ายปืนที่จ่อหัว ทางเลือกมีสองเท่านั้นคือไม่หยุดก็ตาย มันดูเศร้าสมเพชแน่ๆ เมื่อวานยังเฮฮาปาร์ตี้ วันนี้นั่งมือไม้สั่น มองแก้วเปล่า เพื่อนฝูงหายหน้า แต่จะทำไงได้ ดื่มมาเยอะแล้ว ใช้มาหมดแล้ว ถึงวันที่ดันทุรังไม่ไหว จะรักจะหลงยังไงก็ต้องเลิก

เพื่อนเราคนหนึ่งไม่ได้ป่วย แต่เลิก เพราะเมาแล้วขับรถชนมาหลายครั้ง เขาบอกว่าโชคน่าจะถูกใช้ไปจนหมดโชค ถ้าชนอีกคราวหน้าคงมีแต่โชกเลือดสิ้นลม ฟังแล้วก็อนุโมทนา เออ เห็นพูดมานาน รอบนี้มันเอาจริงโว้ย เหลือเชื่อว่าสายบันเทิงอย่างลูกพี่เค้าจะยอมวางขวดวางแก้วได้ ผ่านไปไม่นาน อ้าว กลับมาดื่มใหม่ คิดเอาเองว่าเขาคงเลือกดื่มแต่น้อย ดื่มแล้วนอน และหัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ ‘ตีนผี’ เช่นที่ผ่านมา

ในนามของคนคอเดียวกัน ถ้าจะเลิก เราไม่อยากเลิกเพราะเมาแล้วขับชน ยิ่งไม่อยากเลิกเพราะป่วย ถ้าจะเลิก มันควรมาจากการเลือกซึ่งก็แหงละ คือถ้าไม่ป่วย ใครบ้างที่ใจแข็งพอกับการบอกเลิก ถ้าไม่ชนจนพิการ สันดานนักดื่มทุกคนก็คิดเหมือนกันว่า ขออีกหน่อยน่า

หน่อยมั้ยไม่รู้ รู้แต่ว่าเราเป็นสมาชิกของกลุ่มนี้แหละคือยังไม่มีความคิดจะเลิก อยากอยู่กับมันไป บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะพอ แต่สังเกตพฤติกรรมการดื่มกินพักหลังมันมีทรงอยู่เหมือนกันว่าไม่มูมมามเหมือนเมื่อก่อน ริมแม่น้ำแบบนี้ เดินทาง หรืออยู่ในที่ที่สบายเนื้อสบายตัวแบบนี้ เป็นสมัยเมื่อยี่สิบปีก่อนนี่โคตรเปรี้ยวปาก เห็นผับบาร์อารมณ์ไม้เก่า แสงสีส้มนวลๆ รู้สึกว่ามันวอนอ้อนใจ คือคนแม่งหาเรื่องอยู่แล้ว พอบรรยากาศเป็นใจก็ยิ่งไหล ยับยั้งใจไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้คล้ายมีอาการเบื่อๆ อยากๆ ไม่ตะกละตะกลาม จ้องมองตัวเองดีๆ ดูเหมือนหลายครั้งจะเอนไปทางเบื่อมากกว่าอยากซะด้วยซ้ำ เออ เป็นไปได้ว่ะ ยืนยันว่าไม่คิดจะเลิกนะ ยังเอนจอยดีกับการดื่ม แต่อาจจะเรื่องมากขึ้น กับใคร ที่ไหน กินอะไร คำถามชักเยอะ ความอยากไม่เดินทางมารัวๆ อีกแล้ว

คุณภาพและรสชาติน่าจะมีส่วนมาก เราว่าวงการเครื่องดื่มมึนเมาไทย (เท่าที่หาได้โดยง่ายในตลาด) แม่งห่วย ดูถูกผู้บริโภค และกี่ปีๆ ผ่านไปก็ไม่มีทางเลือกที่หลากหลายขึ้นเลย ในวัยยี่สิบสามสิบ ณ ความแข็งแรงขนาดนั้น ความปรารถนาขนาดนั้น มันอาจไม่แคร์ไงว่ารสชาติจะดีเลวอย่างไร ขอให้เมาเป็นใช้ได้ แต่ล่วงเข้าวัยห้าสิบเศษชักเริ่มตระหนักสำนึก เหี้ย มึงทำอะไรมาให้กูกิน ความอร่อยพักหลังเป็นเรื่องอารมณ์และบรรยากาศเท่านั้นเลย เพราะเพื่อน เพราะเพลง เพราะว่าวันนั้นอยากกินจริงๆ ถ้าพ้นจากความหมายนี้ จิบแรกผ่านคอก็เหมือนเดิมคือเบียร์แม่งเหี้ยชิบหาย ไม่เสถียร ยี่ห้อเดิม แต่วันก่อนรสนึง อีกวันก็อีกรส และทุกรสไร้มาตรฐาน

เบียร์ห่วย แพง และถ้าดื่มหนัก ตื่นมาก็หมดสภาพไปอีกสองวัน (ปรัชญานักเลงสุราเขาเล่าขานกันว่า–กลางคืน ใครแข็งแรงที่สุด กลางวัน คนนั้นบอบช้ำที่สุด) อายุมากขึ้น เป็นไปได้ควรหาเหล้าดีๆ ดื่มกิน น่าจะเป็นสิริมงคลกับชีวิต

อีกที–เอาให้เคลียร์ ในความเบื่อๆ อยากๆ เบื้องลึกก็ยังรักจะดื่มเสมอ เจอเพื่อนสนิทคอสุราก็ปรารถนายกจอกชนแก้วถึงดึกๆ ดื่นๆ ..ก็มันสนุก เพียงแต่มีแสงสัญญาณมาบ้างว่าเพลาๆ ลงหน่อย เลือกให้ดี เดี๋ยวนี้ถ้าเช้าไหนตื่นมาด้วยการได้ออกไปเดินมันรู้สึกเป็นสุขล้ำลึก ยิ่งถ้าย้อนนึกว่าเมื่อวานไม่ดื่ม หรือดื่มนิดเดียว โมงยามแห่งการเดินนั้นยิ่งงดงาม ดวงตะวันสีส้มกลมโตแทนคำอวยพร ต้นไม้ดอกไม้สองข้างทางโบกมือต้อนรับ นับๆ ดู ของเรายังไม่ถึงสองสัปดาห์แบบคุณ หลายปีมานี้ก็แทบไม่มีเลยมั้งที่ห่างแก้วนานขนาดนั้น อย่างนับถึงวันนี้เลยก็เพิ่งจะราตรีที่สามที่ร่างกายใสกิ๊ก ปราศจากแอลกอฮอล์

มันก็ดีแหละ ข้อนี้เราต่างรู้ดี การลดละเลิก การไม่ยึดติด การไม่เป็นผู้เสพมากเกินไป ทำไมจะไม่ดี ทว่าวิถีโลกียชนมันก็เกิดๆ ดับๆ จับๆ วางๆ กันไปแบบนี้ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เขียนจดหมายคุยกับคุณอยู่นี่มันก็มีอาการวอนๆ อยู่บ้าง แต่อย่าเลย พักอีกวันดีกว่า เคี่ยวบ่มอีกสักระยะ รอให้อยากจริงๆ กินแล้วจะได้ไม่เสียอารมณ์ การเลือกที่จะพักบ้างนี่มันเหมือนชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ (แล้วค่อยไปแพ้ 55) เลือก ไม่ใช่โดนบังคับ ทุกเรื่องถ้าเรารักษาเงื่อนไขนี้ไว้ได้ก็สุดยอด เดาว่าที่คุณหยุดดื่มสองสัปดาห์นั้นก็มาจากต้นทางที่ตั้งใจเลือกเอง ไม่มีเหตุผลอื่นใดร้ายแรงมาบังคับ และคิดเข้าข้างตัวเองแบบเพื่อนชั่วๆ ว่าคุณแค่พักชั่วคราว คงยังไม่สาปส่งวงการน้ำเมา ..เฮ้ย อีกหน่อยน่า อย่าเพิ่งเลย พลีสสสส

ปล. เรารักความปลอดภัยและไม่รังเกียจรั้ว แต่เกลียดที่ที่ไม่ควรมีรั้วแล้วมันมี รั้วคือความเศร้า สำหรับเรา รั้วคือการทำคนให้เป็นนกในกรง.


เกี่ยวกับผู้เขียน : จ๊อก (ชัยพร อินทุวิศาลกุล) เป็นคนทำโรงพิมพ์ที่สนใจศิลปะ วรรณกรรม และสังคมการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลหนังสือเล็กๆ หลายครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มานานปี วันนี้ตัดสินใจย้ายไปเป็นชาวเกาะพะงัน ทุกสัปดาห์เขาเขียนจดหมายมาคุยกับ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ บรรณาธิการ nan dialogue

You may also like...